เนื่องจากวันนี้ (10 มิถุนายน 2558) ดิฉันนั่งทำงานที่ office เพลิน ๆ และได้รับ sms แจ้งการใช้จ่ายของธนาคารกสิกรไทยเข้ามาว่ามียอดเงินออก 26,xxx.xx บาท เวลา 11.11 น. ดิฉันตกใจมากกับยอดเงินที่ออกไปทั้งๆ ที่ดิฉันไม่ได้ทำรายการทางการเงินใดๆ จึงเดินไปติดต่อธนาคารที่อยู่ใกล้ที่สุดทันทีถึงจำนวนเงินที่ออกไป (ไม่ลืมที่จะนำ book ไปอัพเดท) ติดต่ออยู่นานค่ะ เจ้าหน้าที่ให้บริการดีมากในการตามเงินที่หายไปให้
ผลสรุปคือ ธนาคารแจ่งว่าเงินโดนหักไปชำระบัตรเครดิต แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ เข้าใจว่าดิฉันติดบูโรมานานแล้ว (หมายถึงบัตรใช้ไม่ได้ ผ่อนชำระขั้นต่ำ) และได้ผ่อนต่อเนื่องมาหลายเดือนไม่มีการค้างติดต่อกัน ทั้งนี้บัญชีออมทรัพย์ที่โดนหักไม่ใช่บัญชีเดียวกับที่สมัคร (ตอนสมัครใช้บัญชีเงินเดือน แต่หักเงินจากบัญชีออมทรัพย์อีกบัญชีที่ไปสมัครไว้เก็บเงินเพื่อจ่ายฉุกเฉินต่าง ๆ) ทั้งนี้ดิฉันไม่ได้รับหมายศาลในการให้ยืดเงินก้อนนี้ และดิฉันยังชำระเงินทุกเดือน
*** พอติดต่อไปที่ธนาคาร ธนาคารให้คุยกับฝ่ายกฎหมาย เค้าแจ้งว่าส่งจดหมายขอสมทบหนี้หรืออะไรประมาณนี้ ตอนนั้นเริ่มเครียดแล้วค่ะ ชัวร์ว่าจะไม่ได้ิเงินคืนแน่ ๆ ต่อค่ะ เค้าส่งจดหมายไปให้ดิฉันที่บ้านต่างจังหวีด เค้าบอกว่าส่งไปวันที่ 7 มิถุนายน 2558 ดิฉันโดนหักเงินในบีญชีวันที่ 10 มิถุนายน 2558 เวลา 11.11 น. ***
เครียดมากค่ะ เงินก้อนที่โดนหักไปดิฉันต้องนำไปจ่ายค่าเทอม (เรียน ป.โท ภาคพิเศษ) ทางธนาคารกระทำการได้อย่างรวดเร็วไม่มีติดต่อมาใด ๆ แม้แต่โทรศัพท์แจ้งก็ไม่มี
หากดิฉันไม่ได้สมัคร SMS แจ้งยอด แล้วจะทราบได้ยังไงค่ะว่าเงินโดนหักไป แล้วพอถึงวันที่ต้องใช้เงินไปจ่ายค่าเทอมจริง ๆ ถ้าถึงวันสุดท้ายที่ผ่อนพันไม่ได้ ชีวิตดิฉันจะเป็นยังไง (คิดแล้วก็เศร้าค่ะ ดีที่ยังทราบก่อน พอมีระยะเวลาในการแก้ปัญหา)
เลยอยากทราบว่ากรณีที่ไม่มีหมายศาล และดิฉันยังชำระเงินไม่ไ่ด้ขาดติดต่อกันเลย ธนาคารทำไมใจร้ายขนาดนี้ค่ะ เพียงเพราะดิฉันมีบัญชีอีกบัญชีกับธนคารกสิกรไทย ดิฉันจึงโดนกระทำอย่างนี้เหรอค่ะ ถ้าเงินก้อนนี้ดิฉันฝากกับธนาคารอื่น ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร รอหมายศาลมาเรียกยึดทรัพย์ทีเดียวจบเลยดีกว่า หรือที่เห็น ๆ กัน คือ ไม่ชำระผ่านไป 3 ปี มีการลดหย่อนหนี้ให้แทบจะ 50% อ้างอิงจากธนาคารอื่นที่ทำอย่างนี้ค่ะ (กรณีไ่ม่มีเงินฝากในธนาคารนั้นนะคะ)
** ป.ล. ได้ทำการแจ้งความไว้เบื้องต้นแล้วค่ะ **
สุดท้ายนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ค่ะ เข้าใจนะคะว่าเป็นหนี้ต้องจ่าย อันนี้ดิฉันยอมรับค่ะ และพยายามทำการชำระทุกเดือนด้วยค่ะ และอยากสอบถามค่ะ กรณีไม่มีหมายศาล จดหมายขอสมทบหนี้ที่ส่งไปทางไปรษณีย์แต่ไม่มีคนเซ็นต์รับ ฝ่ายกฎหมายของธนาคารทำถูกต้ิองแล้วเหรอค่ะ ตอนที่ติดต่อธนาคารก็นั่งร้องไห้ไปด้วยเลยค่ะ คิดไม่ออกจริง ๆ ว่าจะไปหาเงินสำหรับค่าเทอมจากที่ไหน
** เพิ่มเติมค่ะ ไม่ได้ต้องการจะขอคืนเงินอะไรที่เป็นหนี้นะคะ บางความเห็นเหมือนจะเข้าใจประเด็นผิดไปค่ะ ที่อยากจะบอกคือ การตกใจที่เงินที่จำเป็นต้องใช้กลับหายไปอย่างรวดเร็ว โดยไ่ม่ทราบล่วงหน้า ***
อีกอย่างเจ้าของกระทู้ไม่คิดจะเป็นหนี้ต่อไปแล้วค่ะ เนื่องจากไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินเร่งด่วน คอยเก็บหอมรวบริบกันต่อไปค่ะ
***
ธนาคารหักหนี้ครั้งนี้ไปครบทุกบาททุกสตางค์แล้วค่ะ ไม่เป็นหนี้สินใดๆ ต่อไปแล้ว เบื้องต้น จขกท ได้ขอจดหมายยืนยันการปลดชำระหนี้กับทางธนาคารแล้วค่ะ ****
โดนธนาคารหักเงินจากบัญชีออมทรัพย์เพื่อนำไปชำระหนี้บัตรเครดิต
ผลสรุปคือ ธนาคารแจ่งว่าเงินโดนหักไปชำระบัตรเครดิต แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ เข้าใจว่าดิฉันติดบูโรมานานแล้ว (หมายถึงบัตรใช้ไม่ได้ ผ่อนชำระขั้นต่ำ) และได้ผ่อนต่อเนื่องมาหลายเดือนไม่มีการค้างติดต่อกัน ทั้งนี้บัญชีออมทรัพย์ที่โดนหักไม่ใช่บัญชีเดียวกับที่สมัคร (ตอนสมัครใช้บัญชีเงินเดือน แต่หักเงินจากบัญชีออมทรัพย์อีกบัญชีที่ไปสมัครไว้เก็บเงินเพื่อจ่ายฉุกเฉินต่าง ๆ) ทั้งนี้ดิฉันไม่ได้รับหมายศาลในการให้ยืดเงินก้อนนี้ และดิฉันยังชำระเงินทุกเดือน
*** พอติดต่อไปที่ธนาคาร ธนาคารให้คุยกับฝ่ายกฎหมาย เค้าแจ้งว่าส่งจดหมายขอสมทบหนี้หรืออะไรประมาณนี้ ตอนนั้นเริ่มเครียดแล้วค่ะ ชัวร์ว่าจะไม่ได้ิเงินคืนแน่ ๆ ต่อค่ะ เค้าส่งจดหมายไปให้ดิฉันที่บ้านต่างจังหวีด เค้าบอกว่าส่งไปวันที่ 7 มิถุนายน 2558 ดิฉันโดนหักเงินในบีญชีวันที่ 10 มิถุนายน 2558 เวลา 11.11 น. ***
เครียดมากค่ะ เงินก้อนที่โดนหักไปดิฉันต้องนำไปจ่ายค่าเทอม (เรียน ป.โท ภาคพิเศษ) ทางธนาคารกระทำการได้อย่างรวดเร็วไม่มีติดต่อมาใด ๆ แม้แต่โทรศัพท์แจ้งก็ไม่มี หากดิฉันไม่ได้สมัคร SMS แจ้งยอด แล้วจะทราบได้ยังไงค่ะว่าเงินโดนหักไป แล้วพอถึงวันที่ต้องใช้เงินไปจ่ายค่าเทอมจริง ๆ ถ้าถึงวันสุดท้ายที่ผ่อนพันไม่ได้ ชีวิตดิฉันจะเป็นยังไง (คิดแล้วก็เศร้าค่ะ ดีที่ยังทราบก่อน พอมีระยะเวลาในการแก้ปัญหา)
เลยอยากทราบว่ากรณีที่ไม่มีหมายศาล และดิฉันยังชำระเงินไม่ไ่ด้ขาดติดต่อกันเลย ธนาคารทำไมใจร้ายขนาดนี้ค่ะ เพียงเพราะดิฉันมีบัญชีอีกบัญชีกับธนคารกสิกรไทย ดิฉันจึงโดนกระทำอย่างนี้เหรอค่ะ ถ้าเงินก้อนนี้ดิฉันฝากกับธนาคารอื่น ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร รอหมายศาลมาเรียกยึดทรัพย์ทีเดียวจบเลยดีกว่า หรือที่เห็น ๆ กัน คือ ไม่ชำระผ่านไป 3 ปี มีการลดหย่อนหนี้ให้แทบจะ 50% อ้างอิงจากธนาคารอื่นที่ทำอย่างนี้ค่ะ (กรณีไ่ม่มีเงินฝากในธนาคารนั้นนะคะ)
** ป.ล. ได้ทำการแจ้งความไว้เบื้องต้นแล้วค่ะ **
สุดท้ายนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ค่ะ เข้าใจนะคะว่าเป็นหนี้ต้องจ่าย อันนี้ดิฉันยอมรับค่ะ และพยายามทำการชำระทุกเดือนด้วยค่ะ และอยากสอบถามค่ะ กรณีไม่มีหมายศาล จดหมายขอสมทบหนี้ที่ส่งไปทางไปรษณีย์แต่ไม่มีคนเซ็นต์รับ ฝ่ายกฎหมายของธนาคารทำถูกต้ิองแล้วเหรอค่ะ ตอนที่ติดต่อธนาคารก็นั่งร้องไห้ไปด้วยเลยค่ะ คิดไม่ออกจริง ๆ ว่าจะไปหาเงินสำหรับค่าเทอมจากที่ไหน
** เพิ่มเติมค่ะ ไม่ได้ต้องการจะขอคืนเงินอะไรที่เป็นหนี้นะคะ บางความเห็นเหมือนจะเข้าใจประเด็นผิดไปค่ะ ที่อยากจะบอกคือ การตกใจที่เงินที่จำเป็นต้องใช้กลับหายไปอย่างรวดเร็ว โดยไ่ม่ทราบล่วงหน้า ***
อีกอย่างเจ้าของกระทู้ไม่คิดจะเป็นหนี้ต่อไปแล้วค่ะ เนื่องจากไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินเร่งด่วน คอยเก็บหอมรวบริบกันต่อไปค่ะ
*** ธนาคารหักหนี้ครั้งนี้ไปครบทุกบาททุกสตางค์แล้วค่ะ ไม่เป็นหนี้สินใดๆ ต่อไปแล้ว เบื้องต้น จขกท ได้ขอจดหมายยืนยันการปลดชำระหนี้กับทางธนาคารแล้วค่ะ ****