เขียนไม่เก่งนะคะ เรียงคำไม่ค่อยถูก อยากจะมาเตือนภัย หากผิดพลาดต้องอภัยด้วยค่ะ
สวัสดีค่ะ วันนี้มีเรื่องมาเตือนภัยสำหรับบ้านที่มีคนสูงอายุอย่ามลำพังนะคะ
แถวๆบ้านของเจ้าของกระทู้มีมิจฉาชีพกลุ่มนึงคะ ทุกเหตุการณ์ที่จะเล่าต่อไปนี้คาดว่าจะเป็นคนๆเดียวกัน เพราะจากคำบอกเล่าเรื่องลักษณะของมิจฉาชีพคือจะเหมือนๆกันทุกเหตุการณ์ โดยเป็นผญ 2 คน ผิวขาว กับคล้ำ และลักษณะการหลอกลวงคล้ายๆกัน คือหลอกว่าเป็นญาติ เพิ่งย้ายมาอยู่แถวๆนี้ อยุ่บ้านนู้น บ้านนี้ ก็ว่าไป แล้วเข้ามาตีสนิทกับผู้สูงอายุ มาขอข้าว มาขายของ ด้วยความที่คนแก่ใจดี ยิ่งรู้ว่าเป็นญาติพี่น้องหรือคนรู้จักกัน จะยอมช่วยทุกอย่าง เลยเป็นช่องโหว่ให้มิจฉาชีพเข้ามาตีสนิทได้ง่ายค่ะ ซึ่งตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดเป็นแบบนี้ค่ะ
*** นามสมมุตินะคะ
เหตุการณ์ 1 – ยายกิ่งอยู่บ้านคนเดียว วันนั้นมีผญ.สองคนมาหายายกิ่ง ถือปลามาด้วยสองถุงเล็กๆ บอกกับยายว่า ยายกิ่ง หนูเอาปลามาให้ หนูเป็นหลานของตาทุมซึ่งเป็นญาติกับยายนะ (ยายมีญาติชื่อทุมจริงๆค่ะ) หนูเพิ่งจะย้ายมาอยู่บ้านใกล้ๆนี้เอง ลำบากมาก ปลูกข้าวไม่ได้ ไม่มีพันธุ์ข้าวปลูก หนูขอพันธุ์ข้าวปลูกหน่อยนะ พร้อมชวนคุยต่อบลาๆ ยายเลยยอมให้ข้าวไป 1 กระทอ (แถวบ้านเรียกกันอย่างงี้อ่ะค่ะ) แล้วเขาก็เอากระสอบมาใส่เฉยเลย บอกขอตักเอง อีกคนตักข้าว อีกคนชวนยายคุยนู้นนี่นั่น เพื่อนบ้านของยายกิ่งเห็นท่าไม่ดีเลยมาพูดกับคนที่ตักข้าวอยู่ประมาณว่า มันจะเกินไปหน่อยไหม ปลาก็ถุงเล็กๆ เอามาแลกกับข้าว ข้าวก็ได้ไปตั้งกระทอนึงแล้ว ยังจะเอาอะไรอีก... แล้วพวกมิจฉาชีพก็กลับไป.... สรุปเคสนี้ เสียข้าว 1 กระทอ
เหตุการณ์ 2- ยายแก้วอยู่บ้านคนเดียว มีผญ.เอาน้ำผึ้งมาขายให้ ชวนคุยด้วย ประมาณว่า ยายหนูมาจากบ้านนู้นนี่นั่น หนูรู้จักน้ำลูกของยายนะ น้ำเป็นไงสบายดีไหม วันนี้หนูมาขายน้ำผึ้ง ยายช่วยซื้อหน่อย ... ยายแก้ว ก็คิดว่าเป็นคนรู้จักกับลูกจริงๆ และลูกก็เคยทำงานแถวนั้นด้วย ยายเลยช่วยซื้อน้ำผึ้งขวดละ 300 บาท !! ระหว่างที่ขายก็ชวยคุยไปเรื่อยๆ แต่จะมีอีกคนเข้าไปขโมยโทรศัพท์ข้างในบ้าน ... สรุปเคสนี้ เสียตัง 300 บาท และโทรศัพท์ 1 เครื่อง
เหตุการณ์ 3- ขณะที่ยายสออยู่ในบ้าน มีผญ.สองคนเดินมาถามว่าบ้านยายก้อยอยู่ที่ไหน ยายสอเลยบอกว่าอยู่ตรงนั้นไง นั่นไง ยายก้อยก็ยืนอยู่ตรงนั้น ผญ. สองคนเลยเดินเข้าไปทักทาย บอกว่ายาย พวกหนูมาจากที่นู้นนี่นั่น เป็นญาติของตาโป้ง (ตาโป้งเสียแล้วค่ะ) เพิ่งจะย้ายมาอยู่ จะมาขอข้าวไปทำพันธุ์ข้าวปลูก พร้อมกับเอาปลามาให้สองถุงเล็กๆ (มุกนี้อีกล่ะ) ยายก้อยก็เชื่อค่ะ บอกจะตักข้าวให้ คนนึงชวนคุยอีกคนก็ขึ้นไปตักเอง ได้ประมาณ 6-7 กระสอบ ตอนที่ตักข้าวก็ยังบอกให้ลูกหลานที่อยู่บ้านยายก้อยช่วยไล่ไก่ให้ด้วย คือยายก้อยไม่ได้อยู่บ้านคนเดียวนะคะ มีลูกหลานอยู่ด้วย ยังโดนหลอกได้ ยายสอเห็นว่าได้เยอะไปเลยถามว่า มากันสองคนจะกลับยังไง เขาก็ตอบว่าเดี๋ยวมีรถมารับค่ะ แล้วก็ลายายก้อยไป บอกว่าจะไปหายายก่อง ซึ่งเป็นญาติกันอยู่หมูบ้านถัดไป ฝากเฝ้าข้าวให้ด้วยนะยาย อย่าให้ไก่จิกนะคะ ... สรุปเคสนี้ เสียข้าวไป 6-7 กระสอบ
เหตุการณ์ 4 หลังจากออกมาจากบ้านยายก้อย ก็เดินไปบ้านยายเกิด (ทั้งๆที่บอกว่าจะไปบ้านยายก่องแท้ๆ- คือยายก้อยกับยายก่องเป็นญาติกัน พอมิจฉาชีพบอกว่าจะไปบ้านเดินยายก่อง ยายก้อยยิ่งเชื่อหนักเลยว่ารู้จักกันจริงๆ ) พอไปถึงบ้านยายเกิดก็บอกว่า หนูเป็นหลานของเมียอีกคนของปู่จานนะ หนูเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นู้นนี่ หนูมาขอพันธุ์ข้าวปลูก ยายเกิดไม่เชื่อ บอกว่าไม่มีญาติที่ไหน ปู่จานมีเมียคนเดียวนะ ไม่รู้จัก ไม่ให้ข้าวด้วย มิจฉาชีพก็หว่านล้อมไปมา ไม่สำเร็จเพราะฝ่ายยายเกิดบอกว่าไม่รู้จักอย่างเดียวเท่านั้น จะขออะไรก็ไม่ให้ สุดท้ายมิจฉาชีพเลยกลับไป..แต่ขากลับก็ยังแอบขโมยหมวกของยายติดมือไปอีกนะ
... ถึงแม้ว่า ทรัพย์สินที่มิจฉาชีพได้ไปจะไม่มากมายอะไร แต่ก็อยากจะฝากไปเตือนนะคะ...
...และที่งงๆกันก็คือ มิจฉาชีพพเหล่านี้ไปเอาข้อมูลมากจากไหน คือถ้าถามเรื่องญาตินี้รู้หมดเลยนะ บอกได้ด้วยว่ามีชื่ออะไรแต่งงานกับใคร ... บ้างก็บอกว่ามิจฉาชีพพวกนี้ไปดูรายชื่อจากที่เก็บกระดูกในวัด ( เขาเรียกกันว่าอะไรก็ไม่รู้นะคะ) พอรู้ชื่อผู้ตายเเล้วก็ไปหลอกถามกับชาวบ้านว่ารู้จักผู้ตายนะ ญาติของผู้ตายชื่อไรหรอ บ้านอยุ่ไหนหรอ แอบๆ ถามข้อมูลจากหลายๆคนอ่ะค่ะ (แถบบ้านนอกนี่รู้จักกันหมดเเหละค่ะ รู้บ้ายรู้ชื่อพ่อเเม่ ยิ่งมีคนบอกว่าเป็นญาตินะ ชาวบ้านยอมบอกข้อมูลง่ายๆเลย )... นอกจากนี้ยังมีคนในหมู่บ้านสังเกตว่ามีคนแปลกหน้าไม่ใช่คนในหมู่บ้านเดียวกัน มาขับรถวนๆรอบหมู่บ้าน (น่าจะขับรถหาเหยื่อหรือป่าว) ยังไงก็ฝากลูกหลานไปเตือผู้สูงอายุที่อยู่บ้านคนเดียวด้วยนะคะ หรือว่าถ้าอยุ่บ้านกับผู้สูงอายุแล้วเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็อย่าเพิ่งปักใจเชื่อว่าเป็นญาติกันจริงๆดีกว่านะคะ หลอกถ่ายรูปไว้ก็ได้ กันไว้ดีกว่าแก้ค่ะ
เตือนภัย!! ผู้สูงอายุที่อยู่บ้านคนเดียวระวังถูกมิจฉาชีพหลอก
สวัสดีค่ะ วันนี้มีเรื่องมาเตือนภัยสำหรับบ้านที่มีคนสูงอายุอย่ามลำพังนะคะ
แถวๆบ้านของเจ้าของกระทู้มีมิจฉาชีพกลุ่มนึงคะ ทุกเหตุการณ์ที่จะเล่าต่อไปนี้คาดว่าจะเป็นคนๆเดียวกัน เพราะจากคำบอกเล่าเรื่องลักษณะของมิจฉาชีพคือจะเหมือนๆกันทุกเหตุการณ์ โดยเป็นผญ 2 คน ผิวขาว กับคล้ำ และลักษณะการหลอกลวงคล้ายๆกัน คือหลอกว่าเป็นญาติ เพิ่งย้ายมาอยู่แถวๆนี้ อยุ่บ้านนู้น บ้านนี้ ก็ว่าไป แล้วเข้ามาตีสนิทกับผู้สูงอายุ มาขอข้าว มาขายของ ด้วยความที่คนแก่ใจดี ยิ่งรู้ว่าเป็นญาติพี่น้องหรือคนรู้จักกัน จะยอมช่วยทุกอย่าง เลยเป็นช่องโหว่ให้มิจฉาชีพเข้ามาตีสนิทได้ง่ายค่ะ ซึ่งตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดเป็นแบบนี้ค่ะ
*** นามสมมุตินะคะ
เหตุการณ์ 1 – ยายกิ่งอยู่บ้านคนเดียว วันนั้นมีผญ.สองคนมาหายายกิ่ง ถือปลามาด้วยสองถุงเล็กๆ บอกกับยายว่า ยายกิ่ง หนูเอาปลามาให้ หนูเป็นหลานของตาทุมซึ่งเป็นญาติกับยายนะ (ยายมีญาติชื่อทุมจริงๆค่ะ) หนูเพิ่งจะย้ายมาอยู่บ้านใกล้ๆนี้เอง ลำบากมาก ปลูกข้าวไม่ได้ ไม่มีพันธุ์ข้าวปลูก หนูขอพันธุ์ข้าวปลูกหน่อยนะ พร้อมชวนคุยต่อบลาๆ ยายเลยยอมให้ข้าวไป 1 กระทอ (แถวบ้านเรียกกันอย่างงี้อ่ะค่ะ) แล้วเขาก็เอากระสอบมาใส่เฉยเลย บอกขอตักเอง อีกคนตักข้าว อีกคนชวนยายคุยนู้นนี่นั่น เพื่อนบ้านของยายกิ่งเห็นท่าไม่ดีเลยมาพูดกับคนที่ตักข้าวอยู่ประมาณว่า มันจะเกินไปหน่อยไหม ปลาก็ถุงเล็กๆ เอามาแลกกับข้าว ข้าวก็ได้ไปตั้งกระทอนึงแล้ว ยังจะเอาอะไรอีก... แล้วพวกมิจฉาชีพก็กลับไป.... สรุปเคสนี้ เสียข้าว 1 กระทอ
เหตุการณ์ 2- ยายแก้วอยู่บ้านคนเดียว มีผญ.เอาน้ำผึ้งมาขายให้ ชวนคุยด้วย ประมาณว่า ยายหนูมาจากบ้านนู้นนี่นั่น หนูรู้จักน้ำลูกของยายนะ น้ำเป็นไงสบายดีไหม วันนี้หนูมาขายน้ำผึ้ง ยายช่วยซื้อหน่อย ... ยายแก้ว ก็คิดว่าเป็นคนรู้จักกับลูกจริงๆ และลูกก็เคยทำงานแถวนั้นด้วย ยายเลยช่วยซื้อน้ำผึ้งขวดละ 300 บาท !! ระหว่างที่ขายก็ชวยคุยไปเรื่อยๆ แต่จะมีอีกคนเข้าไปขโมยโทรศัพท์ข้างในบ้าน ... สรุปเคสนี้ เสียตัง 300 บาท และโทรศัพท์ 1 เครื่อง
เหตุการณ์ 3- ขณะที่ยายสออยู่ในบ้าน มีผญ.สองคนเดินมาถามว่าบ้านยายก้อยอยู่ที่ไหน ยายสอเลยบอกว่าอยู่ตรงนั้นไง นั่นไง ยายก้อยก็ยืนอยู่ตรงนั้น ผญ. สองคนเลยเดินเข้าไปทักทาย บอกว่ายาย พวกหนูมาจากที่นู้นนี่นั่น เป็นญาติของตาโป้ง (ตาโป้งเสียแล้วค่ะ) เพิ่งจะย้ายมาอยู่ จะมาขอข้าวไปทำพันธุ์ข้าวปลูก พร้อมกับเอาปลามาให้สองถุงเล็กๆ (มุกนี้อีกล่ะ) ยายก้อยก็เชื่อค่ะ บอกจะตักข้าวให้ คนนึงชวนคุยอีกคนก็ขึ้นไปตักเอง ได้ประมาณ 6-7 กระสอบ ตอนที่ตักข้าวก็ยังบอกให้ลูกหลานที่อยู่บ้านยายก้อยช่วยไล่ไก่ให้ด้วย คือยายก้อยไม่ได้อยู่บ้านคนเดียวนะคะ มีลูกหลานอยู่ด้วย ยังโดนหลอกได้ ยายสอเห็นว่าได้เยอะไปเลยถามว่า มากันสองคนจะกลับยังไง เขาก็ตอบว่าเดี๋ยวมีรถมารับค่ะ แล้วก็ลายายก้อยไป บอกว่าจะไปหายายก่อง ซึ่งเป็นญาติกันอยู่หมูบ้านถัดไป ฝากเฝ้าข้าวให้ด้วยนะยาย อย่าให้ไก่จิกนะคะ ... สรุปเคสนี้ เสียข้าวไป 6-7 กระสอบ
เหตุการณ์ 4 หลังจากออกมาจากบ้านยายก้อย ก็เดินไปบ้านยายเกิด (ทั้งๆที่บอกว่าจะไปบ้านยายก่องแท้ๆ- คือยายก้อยกับยายก่องเป็นญาติกัน พอมิจฉาชีพบอกว่าจะไปบ้านเดินยายก่อง ยายก้อยยิ่งเชื่อหนักเลยว่ารู้จักกันจริงๆ ) พอไปถึงบ้านยายเกิดก็บอกว่า หนูเป็นหลานของเมียอีกคนของปู่จานนะ หนูเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นู้นนี่ หนูมาขอพันธุ์ข้าวปลูก ยายเกิดไม่เชื่อ บอกว่าไม่มีญาติที่ไหน ปู่จานมีเมียคนเดียวนะ ไม่รู้จัก ไม่ให้ข้าวด้วย มิจฉาชีพก็หว่านล้อมไปมา ไม่สำเร็จเพราะฝ่ายยายเกิดบอกว่าไม่รู้จักอย่างเดียวเท่านั้น จะขออะไรก็ไม่ให้ สุดท้ายมิจฉาชีพเลยกลับไป..แต่ขากลับก็ยังแอบขโมยหมวกของยายติดมือไปอีกนะ
... ถึงแม้ว่า ทรัพย์สินที่มิจฉาชีพได้ไปจะไม่มากมายอะไร แต่ก็อยากจะฝากไปเตือนนะคะ...
...และที่งงๆกันก็คือ มิจฉาชีพพเหล่านี้ไปเอาข้อมูลมากจากไหน คือถ้าถามเรื่องญาตินี้รู้หมดเลยนะ บอกได้ด้วยว่ามีชื่ออะไรแต่งงานกับใคร ... บ้างก็บอกว่ามิจฉาชีพพวกนี้ไปดูรายชื่อจากที่เก็บกระดูกในวัด ( เขาเรียกกันว่าอะไรก็ไม่รู้นะคะ) พอรู้ชื่อผู้ตายเเล้วก็ไปหลอกถามกับชาวบ้านว่ารู้จักผู้ตายนะ ญาติของผู้ตายชื่อไรหรอ บ้านอยุ่ไหนหรอ แอบๆ ถามข้อมูลจากหลายๆคนอ่ะค่ะ (แถบบ้านนอกนี่รู้จักกันหมดเเหละค่ะ รู้บ้ายรู้ชื่อพ่อเเม่ ยิ่งมีคนบอกว่าเป็นญาตินะ ชาวบ้านยอมบอกข้อมูลง่ายๆเลย )... นอกจากนี้ยังมีคนในหมู่บ้านสังเกตว่ามีคนแปลกหน้าไม่ใช่คนในหมู่บ้านเดียวกัน มาขับรถวนๆรอบหมู่บ้าน (น่าจะขับรถหาเหยื่อหรือป่าว) ยังไงก็ฝากลูกหลานไปเตือผู้สูงอายุที่อยู่บ้านคนเดียวด้วยนะคะ หรือว่าถ้าอยุ่บ้านกับผู้สูงอายุแล้วเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็อย่าเพิ่งปักใจเชื่อว่าเป็นญาติกันจริงๆดีกว่านะคะ หลอกถ่ายรูปไว้ก็ได้ กันไว้ดีกว่าแก้ค่ะ