คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 19
..เรื่องที่ จขกท. เล่ามา ผมเชื่อ ผมรู้ว่าเป็นเรื่องจริง สมัยก่อนๆ มีคนเก่งๆเรื่องพวกนี้มากพอควร แต่มายุคนี้ลดลงแทบไม่มีเหลือแล้ว หลังจากคนรุ่นนั้นตายไป คนสืบทอดก็แทบไม่มีอีก ... ผมก็เกิดบ้านนอก บ้านป่า ตอนเด็กๆผมเคยเห็นเรื่องแบบนั้น ทั้งอยู่ยงคงกระพันและการทำเสน่ห์ต่างๆ สารพัด....ฯลฯ ปู่ของผมก็พอจะมีตำราเก่าๆเกี่ยวกับพวกนั้น ผมเคยเห็นตำราเสน่ห์ยาแฝด ซึ่งมีวิธีการทำซับซ้อน บันทึกไว้หลายสิบหน้า วิชาอื่นๆก็มี แต่ปู่หวงวิชา ไม่ยอมถ่ายทอดให้ใคร แค่ถ่ายทอดวิชาเอาผู้หญิงแบบที่คุณได้นั่นแหละ ให้ผมบ้าง ผมก็เรียนมาบ้างนิดๆ หน่อยๆ ซึ่งสมัยวัยรุ่นก็ทดลองใช้ ได้ผลดี น่าแปลกใจ เพราะธรรมชาติของผมจีบผู้หญิงไม่เป็น แต่พอเอาวิขาพวกนี้ไปทดลองก็เป็นอีกเรื่องไปเลย( ถ้าเจอคัสซาโนว่า เขาอาจะเรียกผมว่าพ่อ ก็ได้ ฮ่าๆ..แต่ผมเลิกใช้วิชานี้ไปนานแล้ว ลืมรายละเอียดหมดแล้ว) ...เดาว่าวิชาของปู่ผม วิธีการอาจจะต่างกับของคุณ กระมัง ? เพราะของผมมาจากทางปักษ์ใต้ ปู่ผมมีเมียมากมาย จนจำชื่อไม่ไหว และมีวิชาทำยากินให้อายุยืน ปู่ผมตายตอนอายุ ๑๐๕ ปี
..แต่การเอาเรื่องพวกนี้ มาเล่าให้เด็กๆรุ่นใหม่ หรือเด็กๆที่เกิดในเมือง ฟัง พวกมันไม่เชื่อหรกอ มันจะหาว่าคนเล่ามีอาการของโรคประสาท เอามาคุยกันเฉพาะคนในวงการที่รู้ทางกันก็พอ ปกติผมก็ไม่เคยคุยเรื่องนี้กับใคร เห็นคุณเอามาตั้งเป็นกระทู้ ก็เลยร่วมแจมด้วย ..ให้คุณรู้ว่า ไม่ใช่ทุกๆคนมนห้องนี้จะไม่เข้าใจเรื่องที่คุณเล่ามา อย่างน้อยมีผมคนหนึ่งเข้าใจเรื่องพวกนี้
..ว่าไปตามจริง วิชาด้านเดรัจฉานวิชาทั้งหลาย คุณไสยทั้งหลาย อาจจะแบบมืดๆบ้าง หรือไม่มืดมากนักบ้าง ก็เป็นจริง มีจริง ทั้งนั้น ไม่ใช่ของเหลวไหลอะไรหรอก แต่มันก็เป็นวิชาแนวลึกลับ ปิดบังซ่อนเร้น คนทั่วๆไปรู้เห็นยาก คนส่วนมากจึงไม่เชื่อและปฏิเสธ
..แต่ว่าตามจริง มายุคนี้ วิชาทำเสน่ห์ยาแฝด ไม่จำเป็นอะไรแล้ว เพราะสาวๆยุคนี้ ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละ..ไม่เหมือนสมัยก่อน สาวๆหวงตัว เล่นตัวกันมาก พ่อแม่ก็หวงลูกสาว ดูแลไม่คลาดสายตา จึงต้องเอาวิชาลึกลับแบบนั้นมาจัดการ จึงจะได้มา
..คนหนังเหนียว โดนปืนกระหน่ำยิงหลายสิบนัด แต่ไม่ระคายผิวเลย เป็นแค่จุดจ้ำๆ แดงๆ ผมก็เคยเห็นมา วิชาหนังเหนียวพวกนี้ ดูมีประสิทธิภาพกว่าเสื้อเกราะกันกระสุนยุคใหม่นี่ซะอีก
ผมเสนอว่า คุณ จขกท. น่าจะสืบทอดวิชาพวกนี้ ต่อๆๆไปนะ เพราะกำลังจะสูญหายหมดแล้ว ของดีๆ น่าเสียดาย..
..แต่การเอาเรื่องพวกนี้ มาเล่าให้เด็กๆรุ่นใหม่ หรือเด็กๆที่เกิดในเมือง ฟัง พวกมันไม่เชื่อหรกอ มันจะหาว่าคนเล่ามีอาการของโรคประสาท เอามาคุยกันเฉพาะคนในวงการที่รู้ทางกันก็พอ ปกติผมก็ไม่เคยคุยเรื่องนี้กับใคร เห็นคุณเอามาตั้งเป็นกระทู้ ก็เลยร่วมแจมด้วย ..ให้คุณรู้ว่า ไม่ใช่ทุกๆคนมนห้องนี้จะไม่เข้าใจเรื่องที่คุณเล่ามา อย่างน้อยมีผมคนหนึ่งเข้าใจเรื่องพวกนี้
..ว่าไปตามจริง วิชาด้านเดรัจฉานวิชาทั้งหลาย คุณไสยทั้งหลาย อาจจะแบบมืดๆบ้าง หรือไม่มืดมากนักบ้าง ก็เป็นจริง มีจริง ทั้งนั้น ไม่ใช่ของเหลวไหลอะไรหรอก แต่มันก็เป็นวิชาแนวลึกลับ ปิดบังซ่อนเร้น คนทั่วๆไปรู้เห็นยาก คนส่วนมากจึงไม่เชื่อและปฏิเสธ
..แต่ว่าตามจริง มายุคนี้ วิชาทำเสน่ห์ยาแฝด ไม่จำเป็นอะไรแล้ว เพราะสาวๆยุคนี้ ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละ..ไม่เหมือนสมัยก่อน สาวๆหวงตัว เล่นตัวกันมาก พ่อแม่ก็หวงลูกสาว ดูแลไม่คลาดสายตา จึงต้องเอาวิชาลึกลับแบบนั้นมาจัดการ จึงจะได้มา
..คนหนังเหนียว โดนปืนกระหน่ำยิงหลายสิบนัด แต่ไม่ระคายผิวเลย เป็นแค่จุดจ้ำๆ แดงๆ ผมก็เคยเห็นมา วิชาหนังเหนียวพวกนี้ ดูมีประสิทธิภาพกว่าเสื้อเกราะกันกระสุนยุคใหม่นี่ซะอีก
ผมเสนอว่า คุณ จขกท. น่าจะสืบทอดวิชาพวกนี้ ต่อๆๆไปนะ เพราะกำลังจะสูญหายหมดแล้ว ของดีๆ น่าเสียดาย..
แสดงความคิดเห็น
ทำอย่างไรดีครับ ต้องสืบต่อ เป็น จอมขมังเวทย์
ขอย้อนประวัติ ตั้งแต่ตระกูลนะครับ ผมมีเชื้อสาย ไทย ลาวพวน แท้ๆ มี ตาเป็นลาวพวน ยายเป็นลาวเวียง แต่มี พ่อเป็นคนไทยแท้ๆ แล้ว ในอดีต เชื้อสายผม แก มีวิชาสืบต่อกันมาเรื่อยๆ แต่ผมไม่ค่อยสนใจ ทางด้านนี้เท่าไหร่ หรือ ไม่สนใจเลย และออกแนวห่ามๆ ด้วยครับ ยิ่งร่างทรงนี่ เจอผม นี่ต้องหยุดทำการแสดงทันที (ในขณะนั้นนะครับ) ผมสามารถ เลียนแบบได้ทุกกระบวนการ และทุกกระบวนท่าและเพื่อนเยอะ ทำให้ เจ้าค่อนข้างเกรงใจผมพอสมควร ในขณะนั้น
ครอบครัวผมเป็นครอบครัวชาวนาจนๆ จนเลยละครับ แต่ก็ยังดี มีบ้าน เป็นที่ซุกหัวนอน ตอนเด็กๆ จะเห็น คนมาหาตาเยอะมากๆ ทั้ง ทหาร ตำรวจ และ ชาวบ้านวัยรุ่น รู้ว่ามาหาตา แต่ก็เฉยๆ เขามาเรียน วิชา ปูนคาดคอ หรือไม่ ก็ให้ตาผมลงปูนคาดคอ ซึ่งเท่าที่ผมรู้ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ นี่ มากันหลายสิบนายมาก ที่บ้านไม่มี หิ้ง หรือ ปะรำพิธี อะไรนะครับ มาถึงก็นั่ง กันใต้ถุนบ้าน โต๊ะปูน เคี้ยวหมาก เอาปูนแดง เป่าๆ แล้วคาดคอ กันให้ เสร็จแล้ว ก็เอามีดเฉือน มีฟัน กันตอนนั้นเลย เฉือนกันเองนะครับ ผมไม่ค่อยเห็นตาเฉือนเท่าไหร่
ทุกวันนี้ผมก็เสียดาย ไม่ได้เรียน วิชานี้ แต่ มันก็มีเหตุบังเอิญ ให้ผมต้องสืบทอดวิชา คือ ตอนผมเรียนจบ แค่ ปวช. เพราะฐานะทางบ้านไม่ดี ก็ทำงาน รับจ้างไปเรื่อยตามประสาครับ อายุ ได้ ยี่สิบ ตาถามว่า ผมเป็นหลานคนโต ของบ้าน ต้องเอา ต้องสืบต่อนะ วิชา อยากเรียนอะไรตาก็สอนให้ เอาปูนคาดคอมั้ย ตาถามผม ผมปฏิเสธเลย บอกว่าไม่เอา ไม่ค่อยมีเรื่องกับใคร ตาถาม ว่า แล้วจะเอาอะไร ด้วยความคึกคะนอง ผมบอกว่า เอาเมียเยอะๆ รวยๆ
ซึ่งผมมารู้ทีหลังว่า การจะเรียนวิชาอะไร ไม่ใช่เราจะได้ครบ ถ้าเอาหนังเหนียว ก็เรียนสายเสน่ห์ สายเศรษฐีไม่ได้ แต่ถ้าเอาสายนี้ ก็จะไม่ได้สายนั้น สรุป ผมต้องเรียน..... การเรียน ตาก็สอน การกำหนดจิต การท่องบท และหลายอย่างๆ ซึ่งไม่สามารถ เปิดเผยในที่นี้ได้
ซึ่งตอนแรก ผมบอกเลย ไม่ค่อยเชื่ออะ ถ้ารวย ทำไมบ้านเราไม่รวยฟะ แต่ มารู้อย่างที่บอกว่า ตาไม่ได้เอาด้านนี้ แต่รู้ หลักด้านนี้ แกก็สอนผม เกือบปี กว่าผมจะ จำ จะทำ ตามที่แกบอกได้
หลังจากนั้น ได้จบ ตาแก ขึ้นขันมือ ให้ รับช่วงต่อ แกก็เลิก ทำปูนคาดคอเลย ตั้งแต่วันนั้น ไม่ค่อยมีใครมาเยอะเหมือนแต่ก่อน เหมือนรู้กัน ยกเว้น ลูกศิษฐ์ลูกหา มาเยี่ยมมาเยียน
ผมก็ร้อนวิชา ลองไปเรื่อย เจอสาวๆ ไม่ว่า จะสวยที่สุดในห้างโลตัส ผมเป็นแค่เด็ก เข็นรถเก็บเข้าห้าง ผมก็ได้ ได้อยู่หกเดือนก็เลิก ต่อจากนั้น ก็หาคนรวยบ้าง ได้ลูกสาวเจ้าของเต็นส์รถ ในอำเภอวชิระบารมี พิจิตร ไม่มีใครไม่รู้จัก เหมือนหนูตกถึงข้าวสาร ได้อยู่ หกเดือน ก็ได้เลิก เสร็จแล้ว ได้ลูกสาวคนเดียว ของ ชาวนาที่มีที่ดินกว่า ร้อยไล่ ผมก็เลิก และ ก็ได้ แต่ละคน อย่างเด็ดทั้งนั้น มีไปเรื่อย แต่อยู่ไม่ยืดสักคน
คราวนี้ เรื่องเงินเรื่องทองบ้าง คนเรา ต้องมีสมบัติ ต่อให้มีหญิง แต่ไม่มีสมบัติ ก็อยู่กันไม่ยืดผมมาคิดได้ ก็ทดลอง คือเรามีของดี ก็ต้องทำงาน ค้าขาย หรือ หาประโยชน์ เมื่อเราทำงาน เราก็ได้ และ ดี เรื่อยๆ ผมเคยเปิดร้านเฟอร์นิเจอร์ อยู่ สนามหลวง สอง ขายดีจน ต้องขยายร้าน เพิ่มภายในหนึ่งเดือน จนร้านแถวนั้นตกใจ ผมก็เล่าให้เขาฟังว่า ผมมีวิชา (ตอนนั้นวัยรุ่น อวดตัว ว่าอยากเก่ง อยากโชว์พาว) ประมาณนี้ ก็เข้าไปร้าน ที่ สนิทๆ กัน แรกๆ เขาก็ไม่เชื่อ เพราะผมก็คนธรรมดา ตลก ตึงตัง แต่ผม ถือศีลมาตั้งแต่ เรียนจบ ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่ผิดศีล (ให้มากที่สุด) แต่พอไปทำได้สักพัก ทุกร้านขายดี กว่าปกติกันหมด คราวนี้ ไปใหน เขาก็แซว เรียก ว่าอาจารย์ แต่ผมก็ไม่ได้ทำให้ ทุกร้าน ยกเว้น ร้านที่ ชอบพอกัน เพราะว่า ตอนนั้น ก็กลัว กลัวว่า ถ้าไปทำแล้วขายไม่ดี ซวยเราอีก
หลังจาก เก็บเงินเก็บทอง ได้ ก็ขยายกิจการไปเรื่อยๆ จากวันนั้น จนวันนี้ มีครบทุกอย่าง มีบริษัท มีบ้าน ราคาหลายล้าน (สำหรับตัวเอง ) และ ช่วยคนในครอบครัว ปัจจุบัน น้องชาย จาก เด็กล้างจาน ในร้าน หมูกระทะ ก็ทำตามที่ร่ำเรียนมา เปิดร้านอาหารใหญ่สุดในจังหวัด เพิ่งสร้างบ้านให้ตัวเองเสร็จไป ก็ดีใจ กับน้อง สร้างเนื้อสร้างตัวด้วย ขยัน และ อดทน ส่วนของดี ที่ได้ทำให้ ก็ถือว่าเป็นกำลังใจ
แต่ คราวนี้ คนเล่นของพวกนี้ จะรู้ดีว่า ต้องปล่อยของ เสมอ ทำให้ มีบ้าง ที่มีคนรู้จักมาหา ถ้า ดูแล้วช่วยได้ ก็ช่วยไป จนปัจจุบันนี้ ทั้งงานบริษัทส่วนตัว และ งานช่วยเหลือคน (ไม่มีค่าใช้จ่าย ยกเว้น ค่าครู 12 บาท เหล้าขาวขวด บุหรี่ซอง หมากพลูหนึ่งชุด ) แต่ก็มีคนที่ ได้ดิบได้ดี ก็เอาเงินเอาทองมาให้ ผมก็ยินดีรับไว้ ถือว่าเขาเต็มใจให้
บางที ทำงานๆ สั่งงานลูกน้องที่ออฟฟิศ คนมาหาเต็มบ้าน ก็ต้องลงไป จนเหมือน หมอผี (แต่ไม่ได้เล่นไสย์เวทย์นะครับ) ในอายุ แค่สามสิบต้นๆ จนจะแยกไม่ออกว่า ทุกวันนี้ เราอยู่ ณ จุดใหน แต่คงไม่คิดเปิดสำนัก หรือตำหนัก อย่างแน่นอน เพราะทุกวันนี้ ก็เหนื่อยกับงาน แทบไม่มีเวลาพักผ่อนอยู่แล้ว
มันเหมือน กลายเป็นภาระไปเลย ซึ่งผมเชื่อว่า ในการเล่าครั้งนี้ มีทั้งคนที่เชื่อ และไม่เชื่อ แต่อยากพิมพ์ เพราะอยากพิมพ์มานานละ ไม่ค่อยมีเวลา ว่า วิชาอาคม ในสมัยก่อน นั้นมีจริง แต่ อยู่ที่เราจะเลือกเรียนอะไร เชื่ออะไร คนที่ไม่เคยเจอ ก็ว่าไม่มีจริง คนที่เคยเจอ หรือ คนที่เขา กำลังมีทุกข์
อยากมีครอบครัว อยากมีเงิน ซึ่งปัจจุบัน เงินสำคัญที่สุด พวกหนังเหนียว คงกระพัน (ผมไม่ได้เรียนมานะ) ผมว่ามันไม่จำเป็นแล้ว เพราะเราไม่ต้องไป รบ รา ฆ่าฟัน เหมือนแต่ก่อน
ปัจจุบันใครมีเงิน มีทอง มีทรัพย์สิน .... ยิ่งกว่า เทวดา ที่จะเสกอะไรก็ได้กันเลย
ส่วนใครที่ คิดว่าเหลวไหล ไร้สาระ ก็คิดว่าอ่านเอาสนุก ตัวผมก็เหมือนคนปกติ ไม่ได้ ทรงภูมิ หรือ เหมือนพ่อมดหมอผี เย็นมาก็ไปเล่นฟิตเนต กลางวันก็ทำงานออฟฟิศ บริษัทตัวเอง แต่ถ้ามีคน มาหา มาให้ทำพิธี ก็ทำให้ หรือ ใครเดือดร้อนมาขอให้ช่วย ก็ต้องไปทำให้ เหมือนเป็นภาระหน้าที่ ที่ผมเต็มใจสืบสารทำ ก็แค่นั้น