ย้อนรอยตำนาน Jurassic Park ไตรภาค ตอนที่ 3 "Jurassic Park III ไดโนเสาร์พันธุ์ดุ"

เนื่องด้วยอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ Jurassic World ก็จะเข้าฉายแล้ว จึงขอมาร่วมย้อนรอยตำนาน Jurassic Park ด้วยรีวิวเรื่องราวกับข้อมูลคร่าว ๆ ของแต่ละภาคที่ผ่านมา ณ ที่นี้กันนะครับ

ตอนที่ 1 http://pantip.com/topic/33756068
ตอนที่ 2 http://pantip.com/topic/33759762

ย้อนรอยตำนาน Jurassic Park ไตรภาค ตอนที่ 3



Jurassic Park III ไดโนเสาร์พันธุ์ดุ
2001, Joe Johnston

ที่มาที่ไป

แม้ว่าภาคสองจะทำรายได้น้อยกว่าภาคแรก แต่ก็ยังเป็นรายได้ร่วม 10 เท่าของทุนสร้างอยู่ดี ดังนั้นก็ไม่แปลกนักที่จะมีโอกาสสร้างภาค 3 ของแฟรนไชส์นี้ ซึ่งภาคนี้นั้นผู้กำกับสปีลเบิร์กได้ส่งไม้ต่อกับ โจ จอห์นสตัน หนึ่งในแฟนจูราสสิกปาร์คที่อย่างมีส่วนร่วมกับตำนานนี้มานาน ให้เป็นผู้กำกับภาคต่อในครั้งนี้ และด้วยความเป็นภาคต่อนี้เอง มันจึงมีความพิเศษที่แตกต่างจากสองภาคที่แล้วอยู่บางประการครับ

    เดิมที จูราสสิกปาร์ค 2 ภาคแรก ได้ยึดเค้าโครงเรื่องจากนิยายที่ประพันธ์โดยไมเคิล คริชตัน และดัดแปลงเพิ่มเติมปรับเปลี่ยนหลาย ๆ จุด มีหลายฉากที่เพิ่มเข้ามาใหม่และมีหลาย ๆ ฉากที่ถูกตัดออกไป ซึ่งบางฉากนั้นเอง ก็ถือเป็นจุดเด่นที่ยังไม่เคยปรากฏในภาพยนตร์ภาคก่อน ๆ อีกด้วย และฉากเหล่านั้น ก็จะมีให้ได้ชมกันในภาพยนตร์ภาคที่ 3 นี้ครับ

    อนึ่ง ภาคที่ 3 นี้ เป็นเนื้อเรื่องใหม่ที่ไม่ได้อิงต่อนิยายส่วนใด ๆ ทั้งสิ้น และรวม ๆ สเกลของเรื่องก็ไม่ได้เกี่ยวพันใหญ่โตเท่าใดนัก อาจจะเรียกได้ว่า เป็นการกลับมาอีกครั้งให้แฟน ๆ หายคิดถึงกันมากกว่า ซึ่งผลของมันจะดีหรือไม่ดีนั้น มาลองดูกันครับ

เรื่องย่อ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
อีก 4 ปีให้หลังเหตุการณ์ทีเร็กซ์บุกซานดิเอโกให้ภาคที่แล้ว หรือ 8 ปีให้หลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก ซึ่ง ดร.อลัน แกรนท์ ได้โสดสนิทเพราะอดีตแฟนสาว ดร.เอลลี่ แต่งงานไปมีครอบครัวกับชายอื่นเรียบร้อยแล้ว เขาก็ใช้ชีวิตนักวิทยาศาสตร์บรรพชีวินไปวัน ๆ แต่ก็มีหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงชื่อว่า บิลลี่ เป็นศิษย์เอกที่เขาคิดจะปั้นให้เป็นนักบรรพชีวินที่เก่งกาจในอนาคต

แต่แล้วก็งานเข้าอีกครั้ง เมื่อจู่ ๆ สามีภรรยาพอลและอแมนด้า เคอร์บี้ ได้ว่าจ้างให้ ดร.แกรนท์ เป็นไกด์นำทัวร์ขึ้นเครื่องบินเที่ยวชมเกาะอิสลา ซอร์น่า (เกาะในภาค 2) ที่มีไดโนเสาร์ใช้ชีวิตอย่างอิสระเป็นจำนวนมาก ด้วยค่าจ้างอย่างงาม พร้อมทั้งโอกาสที่ทำให้เขาได้ไปสำรวจชีวิตไดโนเสาร์เป็น ๆ อีกครั้งที่เป็นผลดีต่อการวิจัยอย่างยิ่ง ซึ่งก็ทำให้ ดร.แกรนท์ ตัดสินใจตกลงรับงานนี้

ทว่าแทนที่จะเป็นการบินเที่ยวชมเกาะในระยะปลอดภัย คู่สามีภรรยาเจ้าปัญหากลับให้เครื่องบินลงจอด เพราะแท้จริงแล้ว ดร.แกรนท์ ถูกหลอก เนื่องจากทั้งสองต้องการตามหาลูกชาย เอริค เคอร์บี้ ที่หายสาบสูญไประหว่างมาล่องเรือเที่ยวที่เกาะแห่งนี้ต่างหาก!

และด้วยความอ่อนประสบการณ์ของคู่สามีภรรยาเคอร์บี้ในครั้งนี้ ก็พาทุกคนเข้ามาอยู่กลางดงสัตว์โลกล้านปีสุดอันตรายอีกครั้ง แต่คราวนี้ มีบางสิ่งที่ไม่ธรรมดารอคอยพวกเขาอยู่ นั่นก็คือ ไดโนเสาร์พันธุ์ใหม่ที่ไม่เคยปรากฏอยู่ในโครงการจูราสสิกปาร์คของ InGen มาก่อน มันมาได้อย่างไร และพวกเขาจะพบตัวเอริค และรอดชีวิตออกจากเกาะนี้ได้หรือไม่!?

ตัวละครหลัก



    ตัวละครมนุษย์ในภาคนี้กลับลดจำนวนลงมาเป็นกลุ่มเล็ก ๆ เหมือนภาคแรก นำโดย ดร.แกรนท์ เจ้าเก่า ที่ได้มาเยือนอิสลา ซอร์น่า เป็นครั้งแรก พร้อมกับ บิลลี่ ศิษย์เอกไฟแรง และสองสามีภรรยาพอลและอแมนด้า เคอร์บี้ ร่วมด้วยทีมนักบินผู้โชคร้ายอีกจำนวนหนึ่ง

    และอีกหนึ่งตัวละครที่น่าสนใจก็คือ เอริค เคอร์บี้ เด็กหนุ่มติดเกาะท่ามกลางไดโนเสาร์ที่เฉลียวฉลาดเกินพอที่จะเอาชีวิตรอดมาได้นานนับสัปดาห์จนกระทั่งได้พบกับพ่อแม่อีกครั้ง

ไดโนเสาร์เด่น ๆ



Spinosaurus (สไปโนซอรัส) – ไดโนเสาร์พันธุ์ใหม่ซึ่งเป็นประเภทกินเนื้อที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยรูปร่างแปลกพิสดารจากศีรษะยาวคล้ายจระเข้ และแผงกระโดงหลังระบายความร้อนขนาดใหญ่ ในภาพยนตร์นี้ได้ออกแบบให้มันเป็นสัตว์นักล่าทั้งบนบกและในน้ำที่แข็งแกร่งทรงพลัง แต่หลังจากภาพยนตร์นี้ออกฉายไม่กี่ปี ก็มีการค้นพบฟอสซิลที่สมบูรณ์ขึ้นพร้อมกับผลวิจัยใหม่ที่ยืนยันได้ว่า มันเป็นไดโนเสาร์ที่ขาหลังสั้นเกินกว่าจะยืนสองขาได้ และไม่ได้แข็งแกร่งว่องไว้ขนาดในภาพยนตร์ ซึ่งอาหารหลักของมันคือปลาตามแหล่งแม่น้ำเท่านั้น ในทางกายภาพมันจึงไม่มีอะไรที่สู้ทีเร็กซ์แบบในภาพยนตร์ได้เลย

Velociraptor (เวโลซิแรปเตอร์) – แรปเตอร์ในภาคนี้กลับมาเป็นอีกหนึ่งไดโนเสาร์บทบาทเด่นอีกครั้ง แม้ว่าจะเป็นเกาะเดียวกับภาค 2 แต่พวกมันเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งความฉลาด การวางระบบล่าเหยื่อที่มีแบบแผน รูปโฉม และยังมีการส่งเสียงสื่อสารกันเป็นรูปแบบเฉพาะอีกต่างหาก นับว่าเป็นอันตรายที่น่าทึ่งมากสำหรับ ดร.แกรนท์

Pteranodon (เทอราโนดอน) – สัตว์เลื้อยคลานมีปีกขนาดยักษ์คล้ายนกที่มีชื่อเสียงที่สุดสายพันธุ์หนึ่ง เดิมทีมีบทบาทในนิยายทั้งสองภาคแรก แต่ด้วยแนวทางการนำเสนอของภาพยนตร์มันได้ถูกตัดออกอย่างน่าเสียดาย แต่ในภาคนี้มันจะมาเป็นความน่ากลัวรูปแบบใหม่กลางเวหาที่เข้ารุมโจมตีเหล่าตัวเอกนี้อย่างเหี้ยมโหดและลุ้นระทึก

    Tyrannosaurus Rex (ไทแรนโนซอรัส เร็กซ์) – T-Rex ในภาคนี้ถูกลดทอนความโดดเด่นลงให้แก่น้องใหม่ที่ตัวใหญ่กว่าอย่างสมบูรณ์ ในภาคนี้มีปรากฏตัวเพียงตัวเดียวซึ่งไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนักและไม่มีข้อมูลบ่งบอกว่ามันเป็นตัวใดตัวหนึ่งจากภาคที่แล้วหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ทีเร็กซ์ผู้น่าสงสารตัวเดียวนี้มีบทบาทเพียงไม่กี่นาทีให้เป็นหนูลองยาแสดงกำลังของสไปโนซอรัสเท่านั้น

    นอกนั้นก็ยังมีไดโนเสาร์หลากสายพันธุ์ให้ได้เห็นอยู่บ้าง เช่น แบรคิโอซอรัส หรือเจ้าตัวเล็กคอมพ์ซอกนาธัสจากภาคก่อน ๆ แต่ก็มีปรากฏตัวเพียงช็อตสั้น ๆ เท่านั้น และยังมีพันธุ์ใหม่อย่าง แองคีโลซอรัส ไดโนเสาร์ติดเกราะหางลูกตุ้ม หรือ เซราโตซอรัส ไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดกลาง ซึ่งก็มีบทบาทประกอบฉากเพียงเล็กน้อยเช่นกัน

ฉากเด่นน่าจดจำ

-    ฉากเปิดตัวสไปโนซอรัสทุกระยะตั้งแต่ไล่ล่าคนบนเครื่องบิน ไปจนถึงฉากเด็ดในตำนานอย่างการปะทะกับทีเร็กซ์ ที่แม้จะเป็นฉากสั้น ๆ แต่ก็ดุเดือดไม่ใช่น้อย อีกทั้งมันยังเป็นฉากที่ขุ่นเคืองฝังใจแฟน ๆ ซีรี่ยส์นี้อยู่มากทีเดียวที่ให้วายร้ายในดวงใจตลอดสองภาคถูกน้องใหม่หน้าตาประหลาดโค่นลงได้ในเวลาไม่ถึง 1 นาที!

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
-    ฉากการอาละวาดของแรปเตอร์ภาคนี้ที่แม้จะไม่ได้ไล่ล่ากันในพื้นที่ปิดล้วน ๆ เหมือนภาคแรก แต่ผู้ชมจะสามารถสัมผัสได้ว่ามันมีอะไรที่น่ากลัวกว่าเดิม ทั้งการวางกับดักล่อมนุษย์ ส่งสัญญาณสื่อสารกัน หรือการดักซุ่มล้อมโจมตี หรือแม้กระทั่งหน้าตาของมันที่ถูกออกแบบใหม่ให้ฉูดฉาดแต่ดูอันตรายกว่าเดิมด้วย

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
-    ฉากการโจมตีของเทอราโนดอนในกลุ่มหมอกที่ทรงพลังและน่ากลัวในรูปแบบที่ไม่เคยมีในจูราสสิกปาร์คมาก่อน ซึ่งเป็นฉากที่เคยถูกวางไว้ในลักษณะคล้าย ๆ กันในนิยายภาคสอง แต่ก็ถูกตัดออกไป และมันก็กลับมาในภาพยนตร์ได้อีกครั้งในภาคนี้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
-    ฉากการโจมตีของสไปโนซอรัสกลางแม่น้ำ เป็นอีกฉากหนึ่งที่ถูกตัดออกไปในจูราสสิกปาร์คภาคแรก และมันก็กลับมาอีกครั้งในภาพยนตร์ภาคนี้ และเปลี่ยนบทบาทจากทีเร็กซ์เป็นสไปโนซอรัสแทน

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

สรุป

    เป็นภาคที่เรียกได้ว่ากระแสตอบรับนั้นเสียงแตกอีกภาคหนึ่ง ประการแรกคือ ภาคนี้สปีกเบิร์กไม่ได้กำกับด้วยตัวเอง และมือเขียนบทก็ไม่ใช่คนเดิม และอีกประการคือเป็นเนื้อเรื่องใหม่ล้วน ๆ ดังนั้นมาตรฐานความคาดหวังจึงมีความหลากหลายมาก คนที่คาดหวังสูงโดยการเปรียบเทียบกับภาคก่อน ๆ ภาคนี้อาจจะเป็นความผิดหวังอย่างรุนแรงในหลายด้านเลยทีเดียว แต่คนที่ไม่ตั้งความหวังเพราะเปลี่ยนมือผู้กำกับ ก็จะยังรู้สึกสนุกกับภาคนี้ได้อยู่ และบางท่านอาจรู้สึกว่าภาคนี้ครบรสกว่าภาค 2 อีกด้วย

    จุดที่ถูกตำหนิหลัก ๆ ของภาคนี้ก็คือ เนื้อเรื่องที่ถูกวางให้เริ่มและจบอย่างง่าย ๆ เพียงตั้งโจทย์ให้เข้าไปตามหาคนในเกาะ และหนีตายออกมาได้ ซึ่งไม่ได้มีความลุ่มลึกของเนื้อหาอย่างที่ภาคแรกเคยทำไว้ และอีกจุดหนึ่งที่แฟน ๆ ไม่ค่อยปลื้มกันจริงจังก็คือการนำเอาสไปโนซอรัสมาโค่นทีเร็กซ์แล้วชิงตำแหน่งไดโนเสาร์ตัวนำไปอย่างง่าย ๆ นั่นเอง

    แต่อย่างไรก็ตาม ภาคนี้ก็มีจุดที่ดีและอาจจะเรียกได้ว่าดีกว่าภาคที่ผ่าน ๆ มาเลยอีกด้วย โดยเฉพาะในด้านของนวัตกรรมไดโนเสาร์ ที่มีความละเมียดละไมยิ่งกว่าเดิม เทคนิคซีจีต่าง ๆ สมบูรณ์แบบมากขึ้น และไอเดียการนำเสนอตัวไดโนเสาร์มีลูกเล่นที่น่าสนใจกว่าแต่ก่อน ทั้งในตัวสไปโนซอรัสที่คุกคามดุเดือดกว่าทีเร็กซ์ในทุกภาคที่ผ่านมา (แต่หน้าตามันไม่น่ากลัวเท่า ราศีไม่จับ บารมีไม่เกิด) แรปเตอร์ที่ฉลาดยิ่งกว่าเดิมดังที่กล่าวไว้ข้างต้น รวมถึงมีการออกแบบแยกแยะสีสันระหว่างตัวผู้ (ตัวสีเขียวเข้มลายสีขาว มีหงอน) กับตัวเมีย (ตัวสีขาวลายจุดดำ ไม่มีหงอน) ซึ่งสร้างเอกลักษณ์ใหม่ ๆ ได้อย่างดี และตัวเทอราโนดอนที่ใช้เทคนิคงานสร้างอันซับซ้อนซึ่งผลออกมาก็ทำให้ได้ฉากการไล่ล่าที่ตื่นตาตื่นใจเต็มอิ่มเช่นกัน


(แรปเตอร์จากทั้งสามภาค จากซ้ายไปขวา 1-2-3)

    นอกจากนี้ ตัวละครหลัก ๆ แต่ละคนล้วนทำหน้าที่ได้ดีกว่าภาพรวมในภาคที่ 2 เช่นตัวเด็กหนุ่มเอริคที่แม้จะเป็นตัวละครเด็กแต่ก็มีความเฉลียวฉลาดเป็นประโยชน์ต่อพวกพ้อง และตัวบิลลี่ศิษย์เอกของ ดร.แกรนท์ที่ออกลุยในทุกสถานการณ์จนดูพึ่งพาได้ไม่แพ้ ดร.แกรนท์ ซึ่งดูแก่กว่าเดิมเยอะ และในมุมของความรักของครอบครัวก็สอดแทรกเข้ามาได้ไม่ดูเป็นส่วนเกินของภาพรวมตลอดเรื่อง ฉะนั้นหากไม่นำไปเทียบกับภาคก่อน ๆ แล้ว ก็คือว่าจูราสสิกปาร์ค 3 เป็นภาพยนตร์ผจญภัยหนีตายจากไดโนเสาร์ที่ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวครับ เพราะครบรสทั้งตื่นเต้น ซีเรียส ลุ้นระทึก และยังคงสอดแทรกอารมณ์ขันหรือกิมมิคเล็ก ๆ เป็นพัก ๆ



    และอีกประการหนึ่ง แม้ว่าจะมีหลายความเห็นที่ให้แยกภาค 2 และ 3 ออกจากไทม์ไลน์ที่โยงกับจูราสสิกเวิร์ลด์ที่กำลังจะฉาย แต่จริง ๆ แล้ว ภาค 3 นี้กลับมีส่วนเชื่อมโยงกับภาพยนตร์ภาคล่าสุดอยู่จุดหนึ่งใหญ่ ๆ เลยทีเดียว ก็คือเรื่องของ สไปโนซอรัส ไดโนเสาร์สุดอันตรายที่มีที่มาลึกลับ อันที่จริงแล้วเป็นหนึ่งในปมที่ผู้สร้างพยายามปูไว้สำหรับทำภาคต่อ (ที่ขณะนั้นสุดท้ายก็ไม่มีโอกาสได้ทำ) เพราะภายหลังก็ได้มีการเปิดเผยว่า หลังจากจอห์น แฮมมอนด์เสียชีวิตไปแล้ว บริษัท InGen นั้นก็ประสบปัญหาจากความล้มเหลวที่จะเปิดปาร์คถึง 2 รอบ จึงได้มีการขายกิจการให้บริษัทใหม่เข้ามาบริหารต่อ และบริษัทนี้เอง ก็ได้แอบทดลองการเพาะพันธุ์ไดโนเสาร์ในเกาะอิสลา ซอร์น่าแห่งนี้ โดยสไปโนซอรัส ก็คือผลผลิตหนึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเอง

    จนกระทั่ง 14 ปีต่อมา จึงได้เปิดเผยจุดเชื่อมโยงทั้งหมดว่า บริษัท Masrani คือผู้ซื้อกิจการของ InGen ต่อ และเปิดสวนสัตว์ไดโนเสาร์ขึ้นอีกครั้ง ในนาม จูราสสิกเวิร์ลด์ นั่นเอง

.
.
.
จาก https://www.facebook.com/media/set/?set=a.464680570358174.1073741830.193708284122072&type=1

เดี๋ยวจะมีสรุปเกร็ดต่าง ๆ ที่โยงกับ Jurassic World เพิ่มเติมวันหลังอีกทีครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่