เสธ.น้ำเงิน แฉ เมกาแพร่เชื้อไวรัสเมอร์ส เข้าเกาหลีใต้

วันที่ 3 มิ.ย.58 แฉ..อเมริกา เตรียมก่อสงครามด้วยอาวุธชีวภาพเชื้อแอนแทรกซ์แล้ว
อาวุธชีวภาพ หมายถึง อาวุธที่มีอานุภาพในการทำลายล้างสูง ทำให้คนจำนวนมากในพื้นที่กว้างได้รับบาดเจ็บ ป่วย และตาย มีการบรรจุสิ่งมีชีวิตไว้ข้างใน จุลินทรีย์ที่สามารถนำมาผลิตเป็นอาวุธชีวภาพได้ ต้องมีคุณสมบัติผลิตง่าย ต้นทุนต่ำมีความคงทนในการผลิต เก็บรักษาไว้ได้นาน โดยไม่เปลี่ยนแปลงคุณสมบัติ และเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง
การทำสงครามด้วยอาวุธชีวะ หรืออาวุธเชื้อโรค มีตั้งแต่ชนชาติเปอร์เซีย กรีก โรมัน ซึ่งเคยใช้ซากศพผู้เสียชีวิตด้วยโรค และสิ่งปฏิกูลใส่ในแหล่งน้ำ หรือดีดเข้าไปในเมืองที่ปิดล้อม โดยใช้เครื่องดีดก้อนหิน เพื่อให้ทหาร และพลเมืองฝ่ายตรงข้ามป่วยและตาย ทั้ง ๆ ที่ขณะนั้น ยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับเชื้อโรค
ค.ศ. 1356 พวกตาด ชนชาติเชื้อสายมองโกล ได้ใช้เครื่องดีดก้อนหินดีดซากศพผู้เสียชีวิตด้วยกาฬโรค ข้ามกำแพงเข้าไปในเมืองคัฟฟา บนฝั่งทะเลดำ ทำให้เกิดกาฬโรคระบาดจนเป็นเหตุให้เสียเมือง
ค.ศ. 1346 – 1351 ชาวเมืองอิตาลี หลบหนีกลับทางเรือนำกาฬโรคไปแพร่ระบาดในอิตาลี และทวีปยุโรป ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 25 ล้านคน หรือ 1 ใน 4 ของพลเมืองของทวีปดังกล่าว
ค.ศ. 1763 ทหารอังกฤษ ผู้บังคับหน่วยในทหารที่ค่ายฟอร์ทพิท ได้รับคำสั่งจากผู้บัญชาการกองทัพอังกฤษ ให้ใช้เชื้อโรคไข้ทรพิษ ทำอันตรายฝ่ายกับชนพื้นเมืองชาวอินเดียนแดง
ค.ศ. 1931 ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพญี่ปุ่นได้จัดตั้งหน่วย 731 หรือหน่วยสงครามชีวะ ที่เมืองฮาบิน ประเทศจีน ซึ่งญี่ปุ่นได้เข้าไปยึดครองได้ ทดลองโดยการทำให้ชาวจีนติดเชื้อ นำร่างกายบางส่วนไปแช่หิมะ แล้วนำไปสัมผัสกับเชื้อโรค
ประมาณการว่าเชลยศึกชาวจีนนับหมื่นคนได้ถูกนำไปทดลอง และมีผู้เสียชีวิตจากการทดลองหลายพันคน กองทัพญี่ปุ่นยังได้เข้าไปตั้งสถานีวิจัยอาวุธชีวะในสิงคโปร์ เพื่อทำการวิจัยเกี่ยวกับกาฬโรค และส่งให้หน่วยทหารญี่ปุ่นในประเทศไทยด้วย
ค.ศ. 1940 – 1944 กองทัพญี่ปุ่นใช้อาวุธชีวะ ในการทำสงครามกับจีนและโซเวียต เชื้อโรคที่ญี่ปุ่นเคยศึกษาวิจัย ได้แก่ โรคแอนแทรกซ์ โรคแท้งติดต่อ อหิวาตกโรค บาดทะยัก ไข้หวัดใหญ่ กาฬโรค ไข้รากสาด ไข้รากสาดน้อย ไข้ทรพิษ และวัณโรค
ค.ศ. 1941 – 1942 อังกฤษได้ทำการทดลองปล่อยกระจายสารชีวะ เพื่อเตรียมไว้ใช้โต้ตอบเยอรมัน โดยพ่นละอองเชื้อแอนแทรกซ์ใส่เกาะกรินาร์ด ซึ่งเป็นเกาะเล็ก ๆ ทางฝั่งตะวันตกของแคว้นสก็อตแลนด์ กว่า 40 ปี ต่อมาการสำรวจยังพบว่าเชื้อดังกล่าวยังมีชีวิตอยู่ได้ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลงได้ไม่นาน พบว่า สหรัฐอเมริกา อังกฤษ โซเวียต และแคนาดา ได้ทำการลอง และผลิตอาวุธชีวะ อย่างเปิดเผย
การรบโดยใช้อาวุธชีวภาพปัจจุบัน ทำได้ 3 วิธี คือ การปล่อยกระจายเป็นแอโรซอล โดยการใช้สเปรย์ หรือวัตถุระเบิดให้กระจายอยู่ในอากาศ เช่น ฝุ่นละออง ควันหมอก ส่วนการปล่อยกระจายไปกับสัตว์พาหะ จะใช้วิธีการทำให้สัตว์ที่ดูดเลือดเป็นอาหาร ให้ตัวสัตว์นั้นติดเชื้อ แล้วจึงปล่อยให้สัตว์เหล่านั้นเข้าไปในพื้นที่เป้าหมาย เพื่อให้สัตว์ที่เป็นพาหะนำสารชีวะเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ แต่วิธีการนี้เป็นวิธีรองๆ ลงไป
และสุดท้ายเป็นการใช้วิธีการก่อวินาศกรรม หรือปล่อยกระจายโดยวิธีปกปิด การใช้อาวุธชีวะในสงครามนั้น จุดประสงค์ คือ ผู้ใช้ต้องการทำให้ประชาชน สัตว์เลี้ยง หรือว่า พืชของฝ่ายตรงข้ามป่วยเป็นโรค จนอาจถึงตายได้ โดยการโจมตีมนุษย์โดยตรงเพื่อลดอำนาจกำลังรบ ส่วนการโจมตีสัตว์เลี้ยง และพืชผลเป็นการกระทำทางอ้อมเพื่อต้องการลดขีดความสามารถในการทำสงคราม และยังทำให้เกิดอาการเสียขวัญ การรบและการส่งกำลังบำรุงล้มเหลว
เชื้อแบคทีเรีย เช่น แอนแทรกซ์ มีชื่อว่า Bacillus anthracis เมื่อตกไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม จะบ่มตัวอย่างรวดเร็ว และสามารถสร้างเกราะหุ้มได้ ทำให้ทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้ดี ฟักตัวอยู่ในดินนานนับ 10 ปี หากตกอยู่ในพื้นที่ใดจะทำให้พื้นที่นั้น ๆ ไม่สามารถใช้งานทางปศุสัตว์ได้อย่างน้อย 2 – 3 ปี
เชื้อดังกล่าวจะเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล ทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบเลือด และทางเดินหายใจ เมื่อรับเชื้อผู้ป่วยจะมีอาการเหมือนไข้หวัด มีน้ำมูกไหล หลังจากนั้นจะช็อก หมดสติ และเสียชีวิตในที่สุด การใช้เชื้อแอนแทรกซ์เป็นอาวุธ ทำได้โดยการนำเชื้อแอนแทรกซ์ที่เพาะเลี้ยงไว้และเก็บในรูปสารละลาย มาฉีดพ่นโดยเครื่องบิน หรือใช้ทำเป็นหัวรบ
เชื้อแอนแทรกซ์สามารถนำไปบรรจุในหัวรบของขีปนาวุธเพื่อใช้โจมตีเป้าหมายในระยะไกลได้ และในอดีตนายวิลเลียม โคเฮน รัฐมนตรีกลาโหม ของสหรัฐอเมริกาถือห่อน้ำตาลทรายหนักราว 2 กิโลกรัมอยู่ในมือ ชี้ให้เห็นว่าเชื้อโรคแอนแทรกซ์ปริมาณเท่าห่อนี้ก็สามารถคร่าชีวิตผู้คนได้ถึง 3 ล้านคน
ประเมินว่าหากมีการแพร่เชื้อจำนวน 50 กิโลกรับในชุมชนที่มีคน 5 ล้านคน พบว่าจะมีคนเสียชีวิต 250,000 คน โดยที่จะเสียชีวิต 100,000 คนโดยที่ไม่ได้รับการรักษา ขณะนี้มีอย่างน้อย 17 ประเทศมีอาวุธชีวภาพเชื้อแอนแทรกซ์นี้ เชื้อนี้สามารถนำไปใช้เป็นหัวเชื้อในการผลิต “อาวุธชีวภาพ” ถือเป็นหนึ่งในเชื้อแบคทีเรียที่มีอันตรายที่สุดในโลก
มีความเป็นไปได้ที่ผู้ได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย อาจไม่แสดงอาการเจ็บป่วยใดๆเลยในช่วง 5-7 วันนับจากรับเชื้อ และเคยพบผู้ติดเชื้อที่เพิ่งแสดงอาการป่วยหลังรับเชื้อไปแล้วถึง 60 วัน มีรายงานลับออกมาประปรายว่าอเมริกาให้ทุนนักวิจัย สร้างอาวุธจากชีวภาพสำหรับเตรียมการก่อสงครามใหญ่
ล่าสุดเรื่องแดงจนได้เมื่อปี 2551 พบข้อมูลน่าตกใจมาก คือ ห้องทดลองของเพนตากอน ในออสเตรเลีย ต้องสงสัยได้เชื้อแอนแทรกซ์ที่ยังมีชีวิต และนอกเหนือจากออสเตรเลียแล้ว ยังไม่รู้ว่ามีห้องทดลองของเพนตากอนในประเทศใดอีกบ้าง ที่อาจได้รับเชื้อมรณะชนิดนี้
กลางปี 2557 ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (CDC) ออกมาแถลงยืนยัน ระบุว่านักวิทยาศาสตร์ที่ทำงาน "ในห้องทดลองลับของรัฐบาลอเมริกัน " ที่นครแอตแลนตาจำนวนอย่างน้อย 75 คน ได้รับเชื้อแบคทีเรียมรณะประเภท “แอนแทรกซ์” เข้าสู่ร่างกาย
เพราะเกิดเหตุรั่วไหลแพร่กระจายของเชื้อแอนแทรกซ์ในการทดลอง ระหว่างกระบวนการขนย้าย “ตัวอย่างเชื้อ” จากห้องแล็บความมั่นคงสูงแห่งหนึ่ง ไปยังห้องทดลองอีกแห่งหนึ่ง และมีนักวิทยาศาสตร์อย่างน้อย 7 คน ที่สัมผัสถูกเชื้อมรณะโดยตรง และนักวิทยาศาสตร์ทั้งหมด 75 คน ได้ถูกนำตัวเข้ารับการรักษา ณ สถานที่ซึ่งไม่มีการเปิดเผยแห่งหนึ่ง
CDC ออกมายอมรับว่า ในความเป็นจริงแล้วเหตุระทึกขวัญดังกล่าวเกิดขึ้นได้สักระยะแล้ว แต่รัฐบาลอเมริกาสั่งสื่อมวลชน และเจ้าหน้าที่ปิดปาก แต่ราว 2 สัปดาห์ต่อมา ข่าวการติดเชื้อแอนแทรกซ์ในหมู่นักวิทยาศาสตร์ จึงเพิ่งเล็ดลอดออกสู่สาธารณชน และยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเหตุการแพร่กระจายของเชื้อเป็น “อุบัติเหตุ” หรือเกิดขึ้นจาก “ความจงใจ” ของผู้ไม่ประสงค์ดี

และหมาดๆ ปี 2558 ก็เกิดเหตุอีก เมื่อมีรายงานออกมาว่าห้องทดลอง 51 แห่ง ใน 17 รัฐ (มีการออกข่าวตบตาว่าน้อยกว่านี้) รวมถึงรัฐเทกซัส รัฐแมริแลนด์ รัฐนิวยอร์ก และรัฐเวอร์จิเนีย อีกทั้งห้องทดลองของเพนตากอน อีก 3 ประเทศ (เกาหลีใต้ แคนาดา ออสเตรเลีย) รวมทั้งที่ฐานทัพอากาศโอซานในเกาหลีใต้ ได้รับสปอร์เชื้อแอนแทรกซ์ที่ยังมีชีวิต
จากห้องทดลองดักเวย์ ตั้งอยู่กลางทะเลทรายในรัฐยูทาห์ อเมริกา และเป็นสถานที่ทดลองอาวุธเคมีของรัฐบาลสหรัฐมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2485 โดยกองทัพอเมริกา ได้ส่งตัวอย่าง "เชื้อโรคแอนแทรกซ์ที่ยังมีชีวิต" จำนวนมากถึงราว 400 ชุด จนตอนนี้มีเจ้าหน้าที่ของห้องทดลองในประเทศอเมริกาอย่างน้อย 4 คน ได้รับเชื้ออาวุธชีวภาพนี้ และยังมีเจ้าหน้าที่ของฐานทัพอากาศ ในเกาหลีใต้อย่างน้อย 22 นายอยู่ระหว่างเข้ารับการกักบริเวณ
เหตุระทึกโลกนี้อเมริกา มีเป้าหมายสำคัญคือ ใช้สำหรับการฝึกซ้อมโจมตีในสงครามเชื้อโรค แต่ด้วยต้องการปกปิดความจริงจึงส่งไปโดยไปทางช่องทางโลจิสติกส์พาณิชย์ ที่มีการรักษาความปลอดภัยต่ำมาก และน่าแปลกที่อาวุธร้ายแรงขนาดนี้ กลับมีการรักษาความปลอดภัยหละหลวมผิดปกติเหมือนจงใจ
โอ้โห...รัฐบาลอเมริกาเสียสติไปแล้ว ในการทำสงครามนั้นมีข้อห้ามในเรื่องการใช้อาวุธชีวภาพ อเมริกา เคยกล่าวหาประเทศอื่นตลอดมาว่าใช้อาวุธชนิดนี้ เช่น ซัดดัมแห่งอิรัก ปัจจุบันก็กล่าวหาอัดซาดแห่งซีเรีย แบบแผ่นเสียงตกร่อง ในที่สุดผู้ที่กล่าวหาคนอื่น อเมริกาก็ทำเสียเอง..ไหน NGO ชอบเรียกร้องสิทธิมนุษยชนนักไง ออกมาซิ !!
นี่อเมริกาเล่นจะใช้เชื้อโรคแอนแทรกซ์ที่ยังมีชีวิต ก่อสงครามชีวภาพกันเลยหรือ เพิ่งส่งเชื้ออีโบลา ไปทดลองแล้วหลุดออกมาไปสู่ค้างคาวผลไม้ จนคนแอฟริกาติดเชื้ออีโบล่าตายไปราว 20,000 คนหมาดๆ ยังไม่สำนึกถึงคุณค่าชีวิตคนอีกหรือเนี่ย สิ่งที่ชาวโลก ต้องหันมาร่วมมือกันประนาม คือ อเมริกาจะส่งเชื้อโรคแอนแทรกซ์ที่ยังมีชีวิตไปให้ห้องทดลองทางทหารถึง 51 แห่ง 400 ชุด ทำไม ??
ถ้ามันถูกขยายพันธุ์ออกมาจำนวนมากๆ และเอาไปก่อสงครามปล่อยใส่พื้นที่เป้าหมายแหล่งเมืองมหานคร จะไปเอายาที่ไหนไปรักษาผู้คนที่โดนเชื้อพวกนี้เข้าไปหวาดไหว ?? นี่เป็นแผน "ยืมมือฆ่าคน" เพราะหน่วยสืบราชการลับของเกาหลีเหนือ ก็รายงานว่าอเมริกาแอบส่งเชื้อแอนแทรกซ์เข้ามาโดยใช้การขนส่งธรรมดาเพื่อตบตาทางการ
ตอนนี้รัฐบาลเกาหลี เตรียมประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ ในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา กลุ่มโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (เมอร์ส) โรคนี้มันไม่เคยมีในเกาหลีใต้มาก่อน..แล้วมันดันเกิดมาพร้อมๆ กับเชื้อแอนแทรกซ์ ที่อเมริกา ส่งมาให้เกาหลีใต้พอดี จนต้องกักกันไว้..บังเอิญไปไหม??
ล่าสุดชาวเกาหลีใต้ที่ได้รับการตรวจวินิจฉัยว่าติดไวรัสเมอร์ส เพิ่มอย่างรวดเร็วเป็น 35 คนแล้ว โรงเรียน 700 แห่งปิดการเรียนการสอน นักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 7,000 คนยกเลิกแผนการเดินทางไปยังเกาหลีใต้ และตื่นตระหนกกันทั้งโลก สถานทูตเอกอัคราชทูตไทย ณ กรุงโซล ได้ประกาศเตือนคนไทยที่พำนักอยู่ในเกาหลีใต้ ประมาณ 5 หมื่นคน
ให้ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของสาธาราณสุขเกาหลีใต้ และติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางสถานทูอย่างใกล้ชิด และกระทรวงการต่างประเทศไทย แนะนำนักท่องเที่ยวไทยที่จะเดินทางไปยังประเทศเกาหลีใต้ให้ระมัดระวังการแพร่ระบาดไวรัสเมอร์สในเกาหลีใต้ โดยหลีกเลี่ยงการเข้าพื้นที่เมืองแดจอง ซึ่งเป็นพื้นที่การแพร่ระบาดของโรค และบริเวณใกล้เคียง
เคยบอกไว้เสมอว่า “เรื่องบังเอิญไม่มีจริงในโลก แต่เราจะรู้หรือไม่เท่านั้น “ การที่กองทัพอเมริกาส่งเชื้อแอนแทรกซ์ไปห้องทดลองทหาร 51 แห่ง..นี่คือความผิดปกติ เพราะมันคือการเตรียมการขยายพันธ์เชื้อนี้ให้เพิ่มอย่างมหาศาล เพื่อนำไปใช้กระทำการบางอย่าง และหวังผลบางประการในเหตุการณ์นี้
ล่าสุดเกาหลีใต้ ได้ทดลอง "ยิงขีปนาวุธพิสัยไกล" ข่มขู่เกาหลีเหนือ เพราะทำตามใบสั่งข่มขู่ของมือที่มองไม่เห็นในการ "ยืมมือฆ่าคน" รัฐบาลเลือกตั้งประชาธิปไตย ที่กระทำการอย่างไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ กับเครื่องแบบตำรวจโลก และชุดซาตานกระหายเลือด ที่แท้มันก็เป็นชุดยูนิฟอร์มเดียวกัน เพียงอยู่ด้านหน้า กับด้านหลังเท่านั้น
@ เสธ น้ำเงิน4 :
สั่งจองหนังสือแฉ ความลับที่ http://www.facebook.com/topsecretthaibook
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่