สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
ชอบบอกว่าแค่วันละ 5-6 บาท มีตัวหนังสือเล็กๆบอกทุนประกัน สองสามหมื่นมั้ง แต่เวลาพูดออกอากาศกลับพูดทุนที่มีค่าสูงซึ่งไม่ตรงกับเบี้ยที่โฆษณาออกอากาศ มันคือการโกหก หลอกลวง ให้เข้าใขผิด รัฐไม่น่าให้โฆษณาลักษณะนี้ออกอากาศได้ ถ้าจะโฆษณา เบี้ยต่ำควรบอกทุนประกันตามเบี้ยที่โฆษณา ถ้าอยากโฆษณาทุนสูงสุดก็ควรบอกค่าเบี้ยที่ทุนสูงสุดด้วย อย่ามาบอกว่าเวลาน้อยค่าโฆษณาแพงนะเพราะที่เห็นโฆษณาแต่ละทียาวมาก และพูดช้าๆด้วย ถ้าพูดเร็วขึ้นหน่อยก็ได้ครบถ้วนได้เหมือนกัน แต่พวกนี้ไม่ยอมทำ รัฐก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ตลอด
ความคิดเห็นที่ 2
สมัครง่าย ๆ ไม่ต้องตรวจ ไม่ต้องตอบคำถามสุขภาพ เพียงวันละ ... บาท โทรเลย ...... (ในความเป็นจริง การตรวจสุขภาพ และ ตอบคำถามสุขภาพ มันสำคัญมาก ๆ ในวงการประกันชีวิต ประกันสุขภาพ แต่ทำเหมือนไม่สำคัญ เพราะจะหลอกคนแก่)
จริงครับ ทำง่าย สมัครง่าย จ่ายค่าเบี้ยง่าย ... แต่ตอนเคลมยากมากกกกกกก ถึงมากที่สุด ... เพราะท้ายที่สุดในโฆษณามีข้อความตัวเล็ก ๆ เงื่อนไขเป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
จริงครับ ทำง่าย สมัครง่าย จ่ายค่าเบี้ยง่าย ... แต่ตอนเคลมยากมากกกกกกก ถึงมากที่สุด ... เพราะท้ายที่สุดในโฆษณามีข้อความตัวเล็ก ๆ เงื่อนไขเป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
ความคิดเห็นที่ 47
....การประกันชีวิต นี่เป็นอะไรที่แปลกมาก คือ ชีวิตเราทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าไม่มีใครมารับรองได้ว่าเราจะตายไม่ตายวันไหน มันขึ้นอยู่ที่เราดูแล
....การจะทำให้ประกันครบสมบูรณ์ ได้กำไร ก็คือตายใช่มั้ย ? แล้วคนส่วนใหญ่คิดมั้ยว่าตัวเองจะต้องตายแล้วจะได้ คนอายุน้อยๆก็เลยคิดว่าทำไปเพื่อเอาผลกำไรที่เป็นเงิน ถามกลับอ้าวแล้ว ถ้าต้องการผลตอบแทนที่เป็นปันผลที่อ้างว่ากลับคืนมาแต่ละปี เท่านั้น% เท่านี้% แล้วตลอดโครงการคิดว่ามันจะได้กี่% กัน เอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่ามั้ย จะได้ผลตอบแทนมากกว่าแน่นอน
....มันเป็นสินค้า/บริการที่เราซื้อแล้ว ก็เหมือนไม่ได้ซื้ออะไร คือก่อนซื้อตัวแทนประกันจะมาพูดๆโฆษณาแต่ผลตอบแทนที่จะได้รับ เกี่ยวกับการรักษา ความคุ้มครอง และผลตอบแทนเงินก้อน พอทำเสร็จแล้วจึงค่อยเห็นกรมไม่ธรรม ประกันภัย ที่เป็นเล่มๆนั่นแหละครับ ผมขอเรียกชื่อแบบนี้ เพราะไปดูเลยครับ จะระบุไว้เลยว่าโรคร้ายแรง โรคนั้นโรคนี้ มี*** มากมายว่ายกเว้น แล้วหากเป็นโรคนั้นจริงๆ ถึงมีอยู่ในความคุ้มครอง แต่ก็ระบุว่าจ่ายจริงไม่เกิน 40% ของที่สะสมหรือวงเงินประกัน เฮ้ย แบบนี้คุณจะคุ้มมันต้องป่วยหนักๆทีเดียว 3โรคเลยเหรอ ถึงจะได้รักษาครบตามวงเงินที่สะสมไว้ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เพราะแค่ป่วยโรคเดียวคนก็แย่แล้ว
....ดังนั้น เก็บเงินไว้กับตัวเองดีกว่าครับ เอาเงินไปให้เค้าให้ง่ายครับ สามารถหักผ่านบัญชีได้ง่ายๆ แต่เวลาคุณจะเอาเงินประกันหรือเบิกได้ มันยุ่งยากมากๆ จริงมั้ยครับ ทั้งป่วย ทั้งเบิกยาก เบิกแล้วได้แค่ 40% เฮ้ย แบบนี้ก็คือโกงกันแบบถูกกฏหมายนั่นเอง เป็นว่าคนป่วยก็แย่แล้ว เบิกยากอีก สู้เอาเงินคุณเก็บไว้ในธนาคาร หรือซื้อทองหรือสินทรัพย์สภาพคบ่องสูงเก็บไว้เอง แบบโบราณโคตรๆ ผมว่ายังดีกว่าให้เค้าหลอกครับ เพราะคุณจ่ายได้เองอยู่แล้วทั้ง100% แน่นอน
.... สงสารแต่คนแก่ๆครับ รู้อยู่แล้วว่าคนแก่เค้ากลัวง่าย ชอบเป็นกังวล ก็ไปเล่นกับความกลัวของคน บอก ทำเถอะครับ จะได้ไม่เป็นภาระของลูกหลาน เมื่อวันนั้นมาถึง ...ถามหน่อย ถ้าเกิดคนจะตายขึ้นมาจริงๆ มันก็ไม่ได้เป็นภาระอะไรมากเลยนี่ นั่นน่ะถือว่าหมดภาระหมดกังวลทางโลกแล้ว
ด้วยซ้ำ ต้องอธิบายให้เค้าเข้าใจครับ ว่าคนสมัยก่อนรุ่นทวดเรายังไม่มีการทำประกันชีวิตเลย ไม่เห้นมันเป็นปัญหากับตายายมั้ยถามเค้าไป ... แล้วทำประกันด้สนอื่นให้เค้าแทนครับ เช่นประกันสุขภาพ พวกอุบัติเหตุล้วนๆ อันนี้น่ะผมเห้นด้วยควรทำ เพราะมันใช้เงินน้อยนิดเอง ปีละ 500 -1000 เท่านั้น ส่วนประกันชีวิต โรคนั้นโรคนี้ ได้เงินก้อน อย่าไปทำ ซื้อทองให้เค้าเก็บไว้ดีกว่า เงินอยู่ในมือเรายังไงก็อุ่นใจมากกว่า บอกเค้าไปเลยว่า พวกบริษัทประกันเค้าเป็นใคร ไม่ใช่ญาติพี่น้องเรา อยู่ๆจะมารักห่วงใยเราอะไรนักหนา มากกว่าลูกหลานเองด้วยซ้ำ มันต้องมีอะไรแน่ๆที่ตายายยังไม่รู้ แล้วค่อยๆอธิบายให้เค้าเข้าใจครับ
....การจะทำให้ประกันครบสมบูรณ์ ได้กำไร ก็คือตายใช่มั้ย ? แล้วคนส่วนใหญ่คิดมั้ยว่าตัวเองจะต้องตายแล้วจะได้ คนอายุน้อยๆก็เลยคิดว่าทำไปเพื่อเอาผลกำไรที่เป็นเงิน ถามกลับอ้าวแล้ว ถ้าต้องการผลตอบแทนที่เป็นปันผลที่อ้างว่ากลับคืนมาแต่ละปี เท่านั้น% เท่านี้% แล้วตลอดโครงการคิดว่ามันจะได้กี่% กัน เอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่ามั้ย จะได้ผลตอบแทนมากกว่าแน่นอน
....มันเป็นสินค้า/บริการที่เราซื้อแล้ว ก็เหมือนไม่ได้ซื้ออะไร คือก่อนซื้อตัวแทนประกันจะมาพูดๆโฆษณาแต่ผลตอบแทนที่จะได้รับ เกี่ยวกับการรักษา ความคุ้มครอง และผลตอบแทนเงินก้อน พอทำเสร็จแล้วจึงค่อยเห็นกรมไม่ธรรม ประกันภัย ที่เป็นเล่มๆนั่นแหละครับ ผมขอเรียกชื่อแบบนี้ เพราะไปดูเลยครับ จะระบุไว้เลยว่าโรคร้ายแรง โรคนั้นโรคนี้ มี*** มากมายว่ายกเว้น แล้วหากเป็นโรคนั้นจริงๆ ถึงมีอยู่ในความคุ้มครอง แต่ก็ระบุว่าจ่ายจริงไม่เกิน 40% ของที่สะสมหรือวงเงินประกัน เฮ้ย แบบนี้คุณจะคุ้มมันต้องป่วยหนักๆทีเดียว 3โรคเลยเหรอ ถึงจะได้รักษาครบตามวงเงินที่สะสมไว้ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เพราะแค่ป่วยโรคเดียวคนก็แย่แล้ว
....ดังนั้น เก็บเงินไว้กับตัวเองดีกว่าครับ เอาเงินไปให้เค้าให้ง่ายครับ สามารถหักผ่านบัญชีได้ง่ายๆ แต่เวลาคุณจะเอาเงินประกันหรือเบิกได้ มันยุ่งยากมากๆ จริงมั้ยครับ ทั้งป่วย ทั้งเบิกยาก เบิกแล้วได้แค่ 40% เฮ้ย แบบนี้ก็คือโกงกันแบบถูกกฏหมายนั่นเอง เป็นว่าคนป่วยก็แย่แล้ว เบิกยากอีก สู้เอาเงินคุณเก็บไว้ในธนาคาร หรือซื้อทองหรือสินทรัพย์สภาพคบ่องสูงเก็บไว้เอง แบบโบราณโคตรๆ ผมว่ายังดีกว่าให้เค้าหลอกครับ เพราะคุณจ่ายได้เองอยู่แล้วทั้ง100% แน่นอน
.... สงสารแต่คนแก่ๆครับ รู้อยู่แล้วว่าคนแก่เค้ากลัวง่าย ชอบเป็นกังวล ก็ไปเล่นกับความกลัวของคน บอก ทำเถอะครับ จะได้ไม่เป็นภาระของลูกหลาน เมื่อวันนั้นมาถึง ...ถามหน่อย ถ้าเกิดคนจะตายขึ้นมาจริงๆ มันก็ไม่ได้เป็นภาระอะไรมากเลยนี่ นั่นน่ะถือว่าหมดภาระหมดกังวลทางโลกแล้ว
ด้วยซ้ำ ต้องอธิบายให้เค้าเข้าใจครับ ว่าคนสมัยก่อนรุ่นทวดเรายังไม่มีการทำประกันชีวิตเลย ไม่เห้นมันเป็นปัญหากับตายายมั้ยถามเค้าไป ... แล้วทำประกันด้สนอื่นให้เค้าแทนครับ เช่นประกันสุขภาพ พวกอุบัติเหตุล้วนๆ อันนี้น่ะผมเห้นด้วยควรทำ เพราะมันใช้เงินน้อยนิดเอง ปีละ 500 -1000 เท่านั้น ส่วนประกันชีวิต โรคนั้นโรคนี้ ได้เงินก้อน อย่าไปทำ ซื้อทองให้เค้าเก็บไว้ดีกว่า เงินอยู่ในมือเรายังไงก็อุ่นใจมากกว่า บอกเค้าไปเลยว่า พวกบริษัทประกันเค้าเป็นใคร ไม่ใช่ญาติพี่น้องเรา อยู่ๆจะมารักห่วงใยเราอะไรนักหนา มากกว่าลูกหลานเองด้วยซ้ำ มันต้องมีอะไรแน่ๆที่ตายายยังไม่รู้ แล้วค่อยๆอธิบายให้เค้าเข้าใจครับ
แสดงความคิดเห็น
ในโฆษณาประกันคนสูงอายุ ทำไมภาษาประกันถึงดูเหมือนหลอกหลวง เหมือนหลอกเอาเงินคนสูงอายุ?
มีหลากหลายเจ้า แต่ทุกเจ้าจะมีประโยคหนึ่งคือ
"จ่ายเบี้ยเริ่มต้นเพียง ..... บาท ได้คืนสูงสุด .......บาท"
คือได้คืนเป็นจำนวน 10,000 เท่าของเบี้ยประกันเริ่มต้น/เดือน
ผมคิดว่า มันดูหลอกหลวงมาก ภาษาที่ใช้กันในวงการประกันภัย
หากเอาตรรกะแบบนี้มาใช้ในวงการอื่นบ้าง เช่น
- ซื้อซูซิเริ่มต้นเพียง10บาท(ต่อเดือน) แต่ได้กินสูงสุด500,000ชิ้น (ดูหลอกหลวง)
- ซื้อรถขั้นต่ำเพียง 5 บาท(ต่อเดือน) แต่ได้สูงสุดเป็นรถเบนต์ (ดูหลอกหลวงมาก)
- ซื้อบ้านเริ่มต้นเพียง 10,000 บาท(ต่อเดือน) แต่ได้สูงสุด คฤหาส+รถ+สระว่ายน้ำ (ยิ่งดูหลอกหลวง)
จะเห็นว่าหากมาใช้ในวงการอื่นๆ มันคือการหลอกหลวงผู้บริโภค(มากๆ)
แต่ทำไมการนำตรรกะนี้ใช้ในวงการประกัน จึงสามารถทำได้?..
ยิ่งเห็นคนแก่ ทำประกัน ตามโฆษณา แล้วยิ่งสงสารครับ
เค้าเข้าใจว่า คุณจะให้เค้าสูงสุดหลายแสน .................
ตายแล้วได้ค่างานศพเยอะ ลูกหลายสบาย แบบที่คุณต้องการจะสื่อ
แต่ความจริง.................................