ในโฆษณาประกันคนสูงอายุ ทำไมภาษาประกันถึงดูเหมือนหลอกหลวง เหมือนหลอกเอาเงินคนสูงอายุ?

คือช่วงนี้ พวกโฆษณาประกันคนสูงวัย ออกในทีวีบ่อยมากๆครับ
มีหลากหลายเจ้า แต่ทุกเจ้าจะมีประโยคหนึ่งคือ

"จ่ายเบี้ยเริ่มต้นเพียง ..... บาท ได้คืนสูงสุด .......บาท"
คือได้คืนเป็นจำนวน 10,000 เท่าของเบี้ยประกันเริ่มต้น/เดือน

ผมคิดว่า มันดูหลอกหลวงมาก ภาษาที่ใช้กันในวงการประกันภัย

หากเอาตรรกะแบบนี้มาใช้ในวงการอื่นบ้าง เช่น

- ซื้อซูซิเริ่มต้นเพียง10บาท(ต่อเดือน) แต่ได้กินสูงสุด500,000ชิ้น (ดูหลอกหลวง)

- ซื้อรถขั้นต่ำเพียง 5 บาท(ต่อเดือน) แต่ได้สูงสุดเป็นรถเบนต์ (ดูหลอกหลวงมาก)

- ซื้อบ้านเริ่มต้นเพียง 10,000 บาท(ต่อเดือน) แต่ได้สูงสุด คฤหาส+รถ+สระว่ายน้ำ (ยิ่งดูหลอกหลวง)


จะเห็นว่าหากมาใช้ในวงการอื่นๆ มันคือการหลอกหลวงผู้บริโภค(มากๆ)

แต่ทำไมการนำตรรกะนี้ใช้ในวงการประกัน จึงสามารถทำได้?..


ยิ่งเห็นคนแก่ ทำประกัน ตามโฆษณา แล้วยิ่งสงสารครับ

เค้าเข้าใจว่า คุณจะให้เค้าสูงสุดหลายแสน .................
ตายแล้วได้ค่างานศพเยอะ ลูกหลายสบาย แบบที่คุณต้องการจะสื่อ

แต่ความจริง.................................

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
เห็นด้วยเลยนะครับ
มีหลายประโยคที่ดูคล้ายหลอกหลวง

ผมสงสารคนแก่ๆ หลงเชื่อไปตามๆกัน

ยิ่งพวกคนแก่ที่ฐานะไม่ค่อยดี
ที่ต้องเอาเงินผู้สูงอายุ เอามาจ่ายประกัน
อดมื้อกินมื้อ คิดว่าประกันจะทำให้ลูกหลานสบาย
ตอนตัวเองตาย ไม่เป็นภาระลูกหลาน

กลุ่มนี้น่าสาสารมาก
ความคิดเห็นที่ 4
ชอบบอกว่าแค่วันละ 5-6 บาท มีตัวหนังสือเล็กๆบอกทุนประกัน สองสามหมื่นมั้ง แต่เวลาพูดออกอากาศกลับพูดทุนที่มีค่าสูงซึ่งไม่ตรงกับเบี้ยที่โฆษณาออกอากาศ มันคือการโกหก หลอกลวง ให้เข้าใขผิด รัฐไม่น่าให้โฆษณาลักษณะนี้ออกอากาศได้ ถ้าจะโฆษณา เบี้ยต่ำควรบอกทุนประกันตามเบี้ยที่โฆษณา ถ้าอยากโฆษณาทุนสูงสุดก็ควรบอกค่าเบี้ยที่ทุนสูงสุดด้วย อย่ามาบอกว่าเวลาน้อยค่าโฆษณาแพงนะเพราะที่เห็นโฆษณาแต่ละทียาวมาก และพูดช้าๆด้วย ถ้าพูดเร็วขึ้นหน่อยก็ได้ครบถ้วนได้เหมือนกัน แต่พวกนี้ไม่ยอมทำ รัฐก็เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ตลอด
ความคิดเห็นที่ 2
สมัครง่าย ๆ ไม่ต้องตรวจ ไม่ต้องตอบคำถามสุขภาพ เพียงวันละ ... บาท โทรเลย ...... (ในความเป็นจริง การตรวจสุขภาพ และ ตอบคำถามสุขภาพ มันสำคัญมาก ๆ ในวงการประกันชีวิต ประกันสุขภาพ แต่ทำเหมือนไม่สำคัญ เพราะจะหลอกคนแก่)

จริงครับ ทำง่าย สมัครง่าย จ่ายค่าเบี้ยง่าย ... แต่ตอนเคลมยากมากกกกกกก ถึงมากที่สุด ... เพราะท้ายที่สุดในโฆษณามีข้อความตัวเล็ก ๆ เงื่อนไขเป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
ความคิดเห็นที่ 16
หมู่บ้านจัดสรรชอบขึ้นป้าย
บ้านเดี่ยว เริ่ม 5 ล้านบาท ลดสูงสุด 1 ล้านบาท คนทั่วไปอาจจะคิดว่าเหลือแค่ 4 ล้านบาทเอง
จริงๆแล้วหลังเล็กสุด 5 ล้านบาท ลด 1 แสนบาท หลัง 20 ล้านบาท ถึงจะลด 1 ล้านบาท
ความคิดเห็นที่ 47
....การประกันชีวิต นี่เป็นอะไรที่แปลกมาก  คือ  ชีวิตเราทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าไม่มีใครมารับรองได้ว่าเราจะตายไม่ตายวันไหน  มันขึ้นอยู่ที่เราดูแล

....การจะทำให้ประกันครบสมบูรณ์ ได้กำไร ก็คือตายใช่มั้ย ?  แล้วคนส่วนใหญ่คิดมั้ยว่าตัวเองจะต้องตายแล้วจะได้  คนอายุน้อยๆก็เลยคิดว่าทำไปเพื่อเอาผลกำไรที่เป็นเงิน  ถามกลับอ้าวแล้ว ถ้าต้องการผลตอบแทนที่เป็นปันผลที่อ้างว่ากลับคืนมาแต่ละปี เท่านั้น%  เท่านี้%  แล้วตลอดโครงการคิดว่ามันจะได้กี่% กัน  เอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่ามั้ย  จะได้ผลตอบแทนมากกว่าแน่นอน

....มันเป็นสินค้า/บริการที่เราซื้อแล้ว  ก็เหมือนไม่ได้ซื้ออะไร  คือก่อนซื้อตัวแทนประกันจะมาพูดๆโฆษณาแต่ผลตอบแทนที่จะได้รับ เกี่ยวกับการรักษา  ความคุ้มครอง  และผลตอบแทนเงินก้อน    พอทำเสร็จแล้วจึงค่อยเห็นกรมไม่ธรรม ประกันภัย  ที่เป็นเล่มๆนั่นแหละครับ  ผมขอเรียกชื่อแบบนี้  เพราะไปดูเลยครับ   จะระบุไว้เลยว่าโรคร้ายแรง โรคนั้นโรคนี้   มี***  มากมายว่ายกเว้น    แล้วหากเป็นโรคนั้นจริงๆ  ถึงมีอยู่ในความคุ้มครอง   แต่ก็ระบุว่าจ่ายจริงไม่เกิน  40%  ของที่สะสมหรือวงเงินประกัน   เฮ้ย  แบบนี้คุณจะคุ้มมันต้องป่วยหนักๆทีเดียว 3โรคเลยเหรอ ถึงจะได้รักษาครบตามวงเงินที่สะสมไว้  ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เพราะแค่ป่วยโรคเดียวคนก็แย่แล้ว  

....ดังนั้น  เก็บเงินไว้กับตัวเองดีกว่าครับ  เอาเงินไปให้เค้าให้ง่ายครับ  สามารถหักผ่านบัญชีได้ง่ายๆ  แต่เวลาคุณจะเอาเงินประกันหรือเบิกได้  มันยุ่งยากมากๆ  จริงมั้ยครับ  ทั้งป่วย ทั้งเบิกยาก   เบิกแล้วได้แค่ 40%  เฮ้ย   แบบนี้ก็คือโกงกันแบบถูกกฏหมายนั่นเอง  เป็นว่าคนป่วยก็แย่แล้ว  เบิกยากอีก   สู้เอาเงินคุณเก็บไว้ในธนาคาร หรือซื้อทองหรือสินทรัพย์สภาพคบ่องสูงเก็บไว้เอง แบบโบราณโคตรๆ ผมว่ายังดีกว่าให้เค้าหลอกครับ  เพราะคุณจ่ายได้เองอยู่แล้วทั้ง100%  แน่นอน

.... สงสารแต่คนแก่ๆครับ  รู้อยู่แล้วว่าคนแก่เค้ากลัวง่าย ชอบเป็นกังวล  ก็ไปเล่นกับความกลัวของคน  บอก ทำเถอะครับ  จะได้ไม่เป็นภาระของลูกหลาน  เมื่อวันนั้นมาถึง ...ถามหน่อย  ถ้าเกิดคนจะตายขึ้นมาจริงๆ  มันก็ไม่ได้เป็นภาระอะไรมากเลยนี่  นั่นน่ะถือว่าหมดภาระหมดกังวลทางโลกแล้ว  
ด้วยซ้ำ  ต้องอธิบายให้เค้าเข้าใจครับ   ว่าคนสมัยก่อนรุ่นทวดเรายังไม่มีการทำประกันชีวิตเลย  ไม่เห้นมันเป็นปัญหากับตายายมั้ยถามเค้าไป ... แล้วทำประกันด้สนอื่นให้เค้าแทนครับ  เช่นประกันสุขภาพ พวกอุบัติเหตุล้วนๆ  อันนี้น่ะผมเห้นด้วยควรทำ  เพราะมันใช้เงินน้อยนิดเอง  ปีละ 500 -1000  เท่านั้น   ส่วนประกันชีวิต  โรคนั้นโรคนี้  ได้เงินก้อน  อย่าไปทำ    ซื้อทองให้เค้าเก็บไว้ดีกว่า  เงินอยู่ในมือเรายังไงก็อุ่นใจมากกว่า   บอกเค้าไปเลยว่า พวกบริษัทประกันเค้าเป็นใคร  ไม่ใช่ญาติพี่น้องเรา  อยู่ๆจะมารักห่วงใยเราอะไรนักหนา  มากกว่าลูกหลานเองด้วยซ้ำ  มันต้องมีอะไรแน่ๆที่ตายายยังไม่รู้  แล้วค่อยๆอธิบายให้เค้าเข้าใจครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่