สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
โรคนิมโฟมาเนีย (Nymphomania) ตัวตนที่แท้จริงของโรคขาดผู้ชายไม่ได้ ใช่จะเกิดได้แค่เฉพาะผู้หญิง แม้แต่ผู้ชายก็เกิดได้ไม่เว้น กับปัญหาเบื้องหลังที่อยู่ลึกลงไปมากกว่าคำว่า แรงปรารถนาทางกาย
คงมีคนไม่น้อยที่เข้าใจว่า โรคขาดผู้ชายไม่ได้ หรือลักษณะของผู้หญิงที่เกิดความต้องการทางเพศสูงนั้น คือ โรคฮิสทีเรีย (Histeria) แต่แท้ที่จริงแล้ว นั่นเป็นความเข้าใจผิดอันเกิดจากการคาดเดาจากการแสดงออกบางอย่างของผู้มีบุคลิกภาพแบบฮิสทีเรียเท่านั้น ซึ่งความเข้าใจนั้นก็ทำให้หลายคนเกิดทัศนคติที่ไม่ดีนักต่อกลุ่มผู้ที่เป็นฮิสทีเรีย และเพื่อสร้างความเข้าใจใหม่ร่วมกัน ในวันนี้เราจึงจะพาไปรู้จักกับฮิสทีเรียกันก่อนค่ะ
จากข้อมูลของกรมสุขภาพจิตนั้น พบว่า ฮิสทีเรีย สามารถเกิดได้ทั้งในหญิง และชาย โดย ฮิสทีเรีย แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. บุคลิกภาพแบบฮิสทีเรีย
สำหรับผู้ที่มีบุคลิกภาพแบบฮิสทีเรีย จะมีลักษณะ ลีลา ท่าทางการแสดงออกที่มากเกินกว่าปกติ รวมทั้งอาจมีท่าทีเชิญชวน มีจริต หรืออาจถึงขั้นยั่วยวน ทั้งนี้ บุคลิกภาพเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อการเรียกร้องความสนใจจากคนรอบข้าง เนื่องจากมีความเป็นเด็กในตัวสูง ซึ่งสาเหตุของบุคลิกภาพแบบนี้ มาจากการขาดความรักในวัยเด็ก ทำให้พวกเขาโหยหาความรักอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้เป็นเรื่องของความปรารถนาทางเพศ หรือต้องการเติมเต็มด้านเพศอย่างที่หลายคนเข้าใจผิด
2. โรคประสาทฮิสทีเรีย ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
- 2.1 แบบคอนเวอร์ชัน รีแอคชั่น (conversion reaction) จะเกิดขึ้นในเวลาที่เกิดความขัดแย้งในจิตใจมาก ๆ ส่งผลให้เกิดความผิดปกติต่อระบบการเคลื่อนไหวหรือการรับรู้ เช่น เป็นอัมพาต กล้ามเนื้ออ่อนกำลัง พูดไม่มีเสียง พูดไม่ได้ โดยจะตรวจไม่พบความผิดปกติทางร่างกาย หรือทางระบบประสาทแต่อย่างใด
- 2.2 แบบดีสโซซิเอทีฟ (dissociative type) อาจจะทำให้มีบุคลิกภาพที่เปลี่ยนไปจากเดิม เช่น คนเรียบร้อยกลายเป็นแข็งกร้าว และอาจจะรวมถึงการสูญเสียความทรงจำ เนื่องมาจากได้รับความกระทบกระเทือนต่อจิตใจอย่างหนัก จนผู้ป่วยไม่ต้องการรับรู้อีกต่อไป โดยไม่ได้เกี่ยวกับความผิดปกติทางสมอง
ดังจะเห็นได้ว่า ผู้ที่เป็นฮิสทีเรียนั้น ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับความต้องการทางเพศที่มากกว่าปกติเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่จำเป็นสำหรับพวกเขาก็คือความรัก ความเข้าใจ และความเอาใจใส่จากคนรอบข้างเพียงเท่านั้น แต่ในเมื่อฮิสทีเรียไม่ใช่โรคที่เกี่ยวกับความต้องการทางเพศสูง แล้วโรคขาดผู้ชายไม่ได้ คือโรคอะไรกันล่ะ
ที่จริงแล้ว โรคขาดผู้ชายไม่ได้นั้น ก็คือลักษณะของโรคนิมโฟมาเนีย (Nymphomania) ซึ่งเป็นอาการป่วยทางจิตประเภทหนึ่ง ที่ผู้ป่วยจะมีความผิดปกติในการควบคุมพฤติกรรมในเรื่องเพศ ทำให้เกิดความต้องการทางเพศมากกว่าปกติ (Hypersexuality) คำว่า นิมโฟมาเนีย นั้นมาจากคำว่า "นิมโฟ (Nympho)" หมายถึงผู้หญิงที่มีความต้องการทางเพศสูง และ "มาเนีย (Mania)" ซึ่งหมายถึง ความคลั่งไคล้หรือความบ้าคลั่ง และเมื่อนำมารวมกัน "นิมโฟมาเนีย" จึงหมายถึงผู้หญิงที่มีความต้องการทางเพศสูงเกินปกติ หรือมีความคลั่งไคล้ในเรื่องเพศนั่นเอง
สำหรับโรคนิมโฟมาเนียนี้ถูกจัดอยู่ในอาการป่วยขั้นรุนแรงที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในหญิงและชาย แต่ผู้ป่วยชายจะถูกเรียกว่า "สไตเรียซิส (satyriasis)" โดยนิมโฟมาเนียนั้นจะพบได้มากในผู้หญิง และผู้ชายที่เป็นพวกรักร่วมเพศ นอกจากนี้ ผู้ป่วยทางจิต หรือคนในครอบครัวมีประวัติป่วยทางจิต ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคดังกล่าวเช่นกัน ส่วนสาเหตุของโรคนั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่มีการคาดการณ์ว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับสาเหตุต่อไปนี้
http://health.kapook.com/view56794.html
สรุปเป็นโรคอะไรคะ
คงมีคนไม่น้อยที่เข้าใจว่า โรคขาดผู้ชายไม่ได้ หรือลักษณะของผู้หญิงที่เกิดความต้องการทางเพศสูงนั้น คือ โรคฮิสทีเรีย (Histeria) แต่แท้ที่จริงแล้ว นั่นเป็นความเข้าใจผิดอันเกิดจากการคาดเดาจากการแสดงออกบางอย่างของผู้มีบุคลิกภาพแบบฮิสทีเรียเท่านั้น ซึ่งความเข้าใจนั้นก็ทำให้หลายคนเกิดทัศนคติที่ไม่ดีนักต่อกลุ่มผู้ที่เป็นฮิสทีเรีย และเพื่อสร้างความเข้าใจใหม่ร่วมกัน ในวันนี้เราจึงจะพาไปรู้จักกับฮิสทีเรียกันก่อนค่ะ
จากข้อมูลของกรมสุขภาพจิตนั้น พบว่า ฮิสทีเรีย สามารถเกิดได้ทั้งในหญิง และชาย โดย ฮิสทีเรีย แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. บุคลิกภาพแบบฮิสทีเรีย
สำหรับผู้ที่มีบุคลิกภาพแบบฮิสทีเรีย จะมีลักษณะ ลีลา ท่าทางการแสดงออกที่มากเกินกว่าปกติ รวมทั้งอาจมีท่าทีเชิญชวน มีจริต หรืออาจถึงขั้นยั่วยวน ทั้งนี้ บุคลิกภาพเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อการเรียกร้องความสนใจจากคนรอบข้าง เนื่องจากมีความเป็นเด็กในตัวสูง ซึ่งสาเหตุของบุคลิกภาพแบบนี้ มาจากการขาดความรักในวัยเด็ก ทำให้พวกเขาโหยหาความรักอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้เป็นเรื่องของความปรารถนาทางเพศ หรือต้องการเติมเต็มด้านเพศอย่างที่หลายคนเข้าใจผิด
2. โรคประสาทฮิสทีเรีย ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
- 2.1 แบบคอนเวอร์ชัน รีแอคชั่น (conversion reaction) จะเกิดขึ้นในเวลาที่เกิดความขัดแย้งในจิตใจมาก ๆ ส่งผลให้เกิดความผิดปกติต่อระบบการเคลื่อนไหวหรือการรับรู้ เช่น เป็นอัมพาต กล้ามเนื้ออ่อนกำลัง พูดไม่มีเสียง พูดไม่ได้ โดยจะตรวจไม่พบความผิดปกติทางร่างกาย หรือทางระบบประสาทแต่อย่างใด
- 2.2 แบบดีสโซซิเอทีฟ (dissociative type) อาจจะทำให้มีบุคลิกภาพที่เปลี่ยนไปจากเดิม เช่น คนเรียบร้อยกลายเป็นแข็งกร้าว และอาจจะรวมถึงการสูญเสียความทรงจำ เนื่องมาจากได้รับความกระทบกระเทือนต่อจิตใจอย่างหนัก จนผู้ป่วยไม่ต้องการรับรู้อีกต่อไป โดยไม่ได้เกี่ยวกับความผิดปกติทางสมอง
ดังจะเห็นได้ว่า ผู้ที่เป็นฮิสทีเรียนั้น ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับความต้องการทางเพศที่มากกว่าปกติเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่จำเป็นสำหรับพวกเขาก็คือความรัก ความเข้าใจ และความเอาใจใส่จากคนรอบข้างเพียงเท่านั้น แต่ในเมื่อฮิสทีเรียไม่ใช่โรคที่เกี่ยวกับความต้องการทางเพศสูง แล้วโรคขาดผู้ชายไม่ได้ คือโรคอะไรกันล่ะ
ที่จริงแล้ว โรคขาดผู้ชายไม่ได้นั้น ก็คือลักษณะของโรคนิมโฟมาเนีย (Nymphomania) ซึ่งเป็นอาการป่วยทางจิตประเภทหนึ่ง ที่ผู้ป่วยจะมีความผิดปกติในการควบคุมพฤติกรรมในเรื่องเพศ ทำให้เกิดความต้องการทางเพศมากกว่าปกติ (Hypersexuality) คำว่า นิมโฟมาเนีย นั้นมาจากคำว่า "นิมโฟ (Nympho)" หมายถึงผู้หญิงที่มีความต้องการทางเพศสูง และ "มาเนีย (Mania)" ซึ่งหมายถึง ความคลั่งไคล้หรือความบ้าคลั่ง และเมื่อนำมารวมกัน "นิมโฟมาเนีย" จึงหมายถึงผู้หญิงที่มีความต้องการทางเพศสูงเกินปกติ หรือมีความคลั่งไคล้ในเรื่องเพศนั่นเอง
สำหรับโรคนิมโฟมาเนียนี้ถูกจัดอยู่ในอาการป่วยขั้นรุนแรงที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในหญิงและชาย แต่ผู้ป่วยชายจะถูกเรียกว่า "สไตเรียซิส (satyriasis)" โดยนิมโฟมาเนียนั้นจะพบได้มากในผู้หญิง และผู้ชายที่เป็นพวกรักร่วมเพศ นอกจากนี้ ผู้ป่วยทางจิต หรือคนในครอบครัวมีประวัติป่วยทางจิต ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคดังกล่าวเช่นกัน ส่วนสาเหตุของโรคนั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่มีการคาดการณ์ว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับสาเหตุต่อไปนี้
http://health.kapook.com/view56794.html
สรุปเป็นโรคอะไรคะ
ความคิดเห็นที่ 1
คาดว่าคนเข้ามาเม้นต์ส่วนใหญ่อาจจะขอหลังไมค์คุณเพื่อไปนอนด้วย
ปกติผู้ชายเจ้าชู้ ถึงวันที่ต้องแต่งงานเค้าทำใจได้นะ ส่วนใหญ่จะบอกว่าฉันได้มามากพอแล้ว มันเป็นประสบการณ์ที่ต้องยอมรับเมื่อถึงเวลา สำหรับคุณคงต้องไปหาหมอแล้วอยู่ดีๆ คุณคงจะเลิกไม่ได้ (อ่านแล้วเป็นเอาหนัก) เอาธรรมมะเข้าข่มก็คงเอาไม่อยู่ ลองแต่งงานและมีลูกสักคน ผู้หญิงส่วนใหญ่ พอมีลูกแล้วจะคิดถึงลูกมากขึ้น เรื่องแย่ๆ ของตัวเองจะทำน้อยลง เพราะสงสารลูก
แนวโน้มแต่งงานไป ถ้าคุณยังเลิกไม่ได้สงสัยอาจจะต้องหย่า เพราะดูแล้วแฟนคุณคงไม่สามารถให้ความสุขคุณได้มากพอแน่นอน แต่ถ้าพูดถึงอนาคตคุณถือว่าคุณโชคดีแล้ว ที่แฟนมีฐานะมั่นคงและรับคุณได้ที่คุณเคยผ่านเรื่องพวกนี้ ยังไงเป็นกำลังใจให้คุณประครองชีวิตคู่ไว้แล้วกัน
ปล. คุณนอนกับคนมากขนาดนี้ ป้องกันยังไง แล้วไม่เคยพลาดท้องบางเลยหรือ
ปกติผู้ชายเจ้าชู้ ถึงวันที่ต้องแต่งงานเค้าทำใจได้นะ ส่วนใหญ่จะบอกว่าฉันได้มามากพอแล้ว มันเป็นประสบการณ์ที่ต้องยอมรับเมื่อถึงเวลา สำหรับคุณคงต้องไปหาหมอแล้วอยู่ดีๆ คุณคงจะเลิกไม่ได้ (อ่านแล้วเป็นเอาหนัก) เอาธรรมมะเข้าข่มก็คงเอาไม่อยู่ ลองแต่งงานและมีลูกสักคน ผู้หญิงส่วนใหญ่ พอมีลูกแล้วจะคิดถึงลูกมากขึ้น เรื่องแย่ๆ ของตัวเองจะทำน้อยลง เพราะสงสารลูก
แนวโน้มแต่งงานไป ถ้าคุณยังเลิกไม่ได้สงสัยอาจจะต้องหย่า เพราะดูแล้วแฟนคุณคงไม่สามารถให้ความสุขคุณได้มากพอแน่นอน แต่ถ้าพูดถึงอนาคตคุณถือว่าคุณโชคดีแล้ว ที่แฟนมีฐานะมั่นคงและรับคุณได้ที่คุณเคยผ่านเรื่องพวกนี้ ยังไงเป็นกำลังใจให้คุณประครองชีวิตคู่ไว้แล้วกัน
ปล. คุณนอนกับคนมากขนาดนี้ ป้องกันยังไง แล้วไม่เคยพลาดท้องบางเลยหรือ
ความคิดเห็นที่ 42
เชี่ยมากกกกก
ไม่ใช่ จขกท หรอกนะ
แต่พวกมาเม้นตะหาก
เมื่อเย็นๆ มี ผู้ชายคนนึง มาตั้งกระทู้ประสบการณ์ตัวเอง
จากเด็กดีเป็นเพลบอย
นับๆผู้หญิงดู ไม่น่าจะถึง 50
แต่โดนด่าซะจนไม่น่าเกิดมาเลย
ละนี่อะไร?????
ไอพวกโลกสวยหายไปไหนหมด???
ผู้ชายเงี่ยx กับ ผู้หญิง เงี่ยx มันต่างกัน
เกิดเป็นผู้ชาย ยังงัยมันต้องเปิดเกมรุก ถึงหน้าตาดีก็เถอะ ก็ไม่ได้ยืนยันว่าจะได้ไปถึงขั้นขึ้นเตียง
เพราะงั้นมันเลยจำเป็น ต้องจีบ และ หลอกบ้าง มันถึงจะสำเร็จ
แต่สำหรับ ผู้หญิง แค่คุณหน้าตารูปร่าง ok ก็มี ผช มายืนเรียงคิวให้เลือกละครับ และทุกคนก็พร้อมที่จะไม่ผูกพัน ถ้าคุยรุเรื่องตั้งแต่แรก
สำหรับ จขกท. นะครับ
สิ่งที่ผ่านมาแล้ว ก็ให้มันผ่านไป ถ้าคุณหยุดและพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่
แต่ถ้าไม่ ก็อย่าไปทำร้ายคนที่รักคุณเลยครับ ไปหาความสุขแบบที่คุณชอบเถอะ
ว่าแต่ ขอ line หน่อยสิคับ
ไม่ใช่ จขกท หรอกนะ
แต่พวกมาเม้นตะหาก
เมื่อเย็นๆ มี ผู้ชายคนนึง มาตั้งกระทู้ประสบการณ์ตัวเอง
จากเด็กดีเป็นเพลบอย
นับๆผู้หญิงดู ไม่น่าจะถึง 50
แต่โดนด่าซะจนไม่น่าเกิดมาเลย
ละนี่อะไร?????
ไอพวกโลกสวยหายไปไหนหมด???
ผู้ชายเงี่ยx กับ ผู้หญิง เงี่ยx มันต่างกัน
เกิดเป็นผู้ชาย ยังงัยมันต้องเปิดเกมรุก ถึงหน้าตาดีก็เถอะ ก็ไม่ได้ยืนยันว่าจะได้ไปถึงขั้นขึ้นเตียง
เพราะงั้นมันเลยจำเป็น ต้องจีบ และ หลอกบ้าง มันถึงจะสำเร็จ
แต่สำหรับ ผู้หญิง แค่คุณหน้าตารูปร่าง ok ก็มี ผช มายืนเรียงคิวให้เลือกละครับ และทุกคนก็พร้อมที่จะไม่ผูกพัน ถ้าคุยรุเรื่องตั้งแต่แรก
สำหรับ จขกท. นะครับ
สิ่งที่ผ่านมาแล้ว ก็ให้มันผ่านไป ถ้าคุณหยุดและพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่
แต่ถ้าไม่ ก็อย่าไปทำร้ายคนที่รักคุณเลยครับ ไปหาความสุขแบบที่คุณชอบเถอะ
ว่าแต่ ขอ line หน่อยสิคับ
แสดงความคิดเห็น
"ฮีททีเรีย" 18+ เมื่อวันที่ฉันต้องแต่งงาน