จะเป็น ‪Organizer‬ ได้จะต้องมีคุณสมบัติอย่างไร?

ผมเจอคำถามนี้ระหว่างสัมภาษณ์พนักงานใหม่ ทำให้ฉุกคิดขึ้นมาติดหมัดกันเลยทีเดียวว่า หากใครสักคนจะมาเลี้ยงชีพด้วยการรับจ้างทำงานแทนคนอื่น จะต้องมีโปรไฟล์อย่างไรบ้าง คิดไปคิดมา จริงๆ ไม่ยากหรอกครับ แค่คุณจัดการชีวิตตัวเองได้ ก็มาทำงานผมได้แล้ว... เหมือนง่ายนะ แต่ผมหาคนที่จัดการชีวิตตัวเองได้สมบูรณ์แบบแทบไม่มี รวมทั้งตัวผมเองด้วย
แต่ผมดันบังเอิญ ดันจัดระเบียบชีวิตให้คนอื่นได้ กรรมก็เลยมาตกอยู่ที่ตัก
ลองคิดกันเล่นๆ นะครับ งาน Event แต่ละงานที่จะเกิดขึ้นได้ มีองค์ประกอบอะไรบ้าง เอางานง่ายๆ พื้นฐานที่สุดแบบ โบกธงถือป้ายหน้าโครงการหมู่บ้าน ที่ใครหลายๆ คนถามกันหนักหนาว่า มีพวกเด็กถือป้ายโบกธงไปทำไม... เรื่องนี้ถกกันวันหน้าล่ะกัน วันนี้เอาถ้าต้องทำ จะต้องทำอย่างไรกันก่อน
เชื่อมั้ยว่า ถ้าจะให้การทำงานแม้แต่เรื่องโบกธงถือป้ายหน้าโครงการหมู่บ้าน หรือคอนโด ลุล่วงไปด้วยดี มันมีความยากระดับต้องงับพารากันยกแผง เริ่มจาก จะหาเด็กทำงานจากไหน.... และเด็กเหล่านั้น จะรู้หรือไม่ว่า นี่คืออาชีพๆ นึง ไม่ใช่แค่ นึกอยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็...หายหัว
หาเด็กได้ จะแต่งตัวกันอย่างไร บางโครงการไม่ซีเรียส ก็ตะแบงกันไป ดำสกปรก (หมายถึงเสื้อผ้าอ่ะนะ) ก็ช่าง จนบางทีผมแอบอยากรู้ว่า รู้สึกหรือไม่ว่า แม้แต่เด็กโบกธงถือป่าย มันก็สะท้อนภาพลักษณ์ของโครงการ การที่คุณไว้ใจ "ใครก็ได้" ให้มาถือป้ายโบกธง แล้วผลิตภัณฑ์ของคุณล่ะ มัน "อะไรก็ได้" หรือเปล่า สร้างกันสั่วๆ หรือเปล่า ใครไม่คิด แต่ผมคิด...
ยังไม่พอ หมดเรื่องเสื้อผ้า ปัญหาต่อมาคือ ธงกับป้าย จะเอาจากไหน ใครผลิต ใครออกอาร์ทเวิร์ค ขนาดที่เหมาะสมจะเป็นเท่าไหร่ และคำว่าเหมาะสม มีเหมาะกับอะไรบ้าง เช่น ขนาดเหมาะกับจุดยืนหรือไม่ ยืนริ่มถนน เอาป้ายใหญ่กว่าตัวคนให้เด็กถือ...มี ผมเชื่อว่าหลายคนสะดุ้ง ป้ายเล็กเด็กถือสบาย สุดท้าย คนขับรถซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมาย มองไม่เห็น ยังไม่รวมเรื่องที่ต้องไปดูหน้างาน เช่น ถือป้าย ไม่ใช่ถือขนานถนน แต่ต้องเฉีย 45 องศา กับถนน (ไม่งั้นรถก็มองไม่เห็น) ธง จะให้โบกสะบัดเพื่อเรียกความสนใจ หรือจะให้ยืนถือโชว์ Logo อย่างเดียว อันนี้ก็ต้องแล้วแต่ท่านนักการตลาดจะขบคิด
หมดจากเรื่องอุปกรณ์ ต่อเรื่องการขนส่ง ถ้าแค่ยืนหน้าโครงการ ก็ข้ามเรื่องนี้ไป แต่ไหนๆ วัตถุประสงค์ของการโบกธงถือป้าย คือบอกทางให้ผู้ที่ต้องการ หรือกำลังมองหาที่อยู่อาศัย เดินทางไปโครงการได้ถูกต้อง จะมีการกำหนดจุด ทีนี่ล่ะ เรื่องยาวววววว จะต้องขนส่งเด็กอย่างไร ป้ายจะเดินทางอย่างไร "รถติดหรือไม่" (ผมเคยเจอมาแล้ว ขึ้นงานสายไปเกือบชั่วโมง เพราะลืมคำนวนเวลารถติด และจุดดำเนินการอยู่ห่างกันแบบ 7 ชั่วโคตร) ใช้มอเตอร์ไซค์เดินทางได้ หรือจะต้องกระบะเท่านั้น แล้วใช้กระบะ เวลาไปจุดดร็อบน้อง จอดได้หรือเปล่า หรือจะต้องเสี่ยงกับจ่าที่จะคอยส่งบิลเรียกเก็บค่าจอดรถผิดกฎหมาย หรืออย่างน้อยๆ ก็คำอวยพรจากญาติธรรมที่ขับรถมาแล้วเจอรถเราขวางอยู่
ไหนจะต้องปวดหัวกับ อาการเจของน้องๆ ที่แดดออกมากไปหน่อย ก็ออกอาการยืนนานไม่ไหว ใจสั่งให้หลบ เจอแม้กระทั่ง ตั้งป้ายไว้แล้วไปแอบหลับ แทบจะต้องกราบกรานให้มาทำงาน ที่แค่ยืนเฉยๆ ตากแดดก็ได้เงิน (ย้ำนะครับว่ามันคืองาน คืออาชีพ เหมือนกรรมกร ก็ต้องเอาแรงกายแลกเงิน เด็กถือป้ายโบกธง ก็ทำหน้าที่ตากแดดแลกเงินคือกัน)
ไหนจะต้องคอยสนทนากับพี่ๆ ผู้มีอำนาจรถสีเขียวๆ ที่คอยแวะมาเยี่ยมเยียนพวกเราเสมอๆ (เรื่องนี้อ่อนไหว ขอข้ามไปล่ะกัน) เอาแค่เรื่องโบกธงถือป้าย ผมก็ร่ายมาได้ยาวขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึง Event ชนิดอื่นๆ หรอกครับ เยอะกว่าหลายเท่า
พล่ามมาจนถึง ณ จุดจุดนี้ (ยืมน้องๆ พริตตี้มาใช้) แค่จะบอกว่า การเป็น Organizer มันคืออาชีพของการ "บริหารจัดการ" หรือแปลตามศัพท์ว่า Organize นั่นแหละครับ เรามีหน้าที่ลากเอาความปวดหัวจากฝ่ายการตลาด มาบริหารจัดการให้ทุกอย่างราบรื่นที่สุด
ดังนั้น หากต้องการเป็น Organizer ก็จงเรียนรู้ที่จะบริหารจัดการภาระและหน้าที่ที่เข้ามาอยู่ตรงหน้า ถ้าไม่รู้จักบริหารจัดการ ก็ก้มหน้าแล้วหลบออกไปจากถนนสายนี้ เพราะถ้าคุณจัดการมันไม่ได้ ก็เท่ากับมาฆ่าตัวตาย และชวนให้คนที่ไว้ใจคุณตายไปพร้อมๆ กัน...

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่