ทุกคนต่างก็อยากลงสนาม แต่.....


จุดสูงสุดของนักกีฬาคือการได้ติดทีมชาติและได้โอกาสลงสนาม แต่เราทราบกันดีว่าข้อจำกัดของกีฬาวอลเลย์บอล คือส่งชื่อได้ 12 และ ลงในสนามได้ทีละ 6 เพราะฉะนั้นการก้าวไปยืนตรงจุดนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

เรื่องที่ผมจะพูดถึงวันนี้ เป็นสิ่งที่ผมเก็บเล็กผสมน้อย และ รอเวลาที่จะเขียน(พิมพ์)มานานแล้ว

หลายท่านได้อ่านเรื่องนักกีฬาระดับแนวหน้า , ระดับดาวรุ่ง หรือคนที่มีฟอร์มโดดเด่น จากสื่อต่างๆ และ ผมค่อนข้างบ่อย แต่มี 1 คนที่ผมอยากเขียนมากๆ เขาคือ "ทิพย์" แก้วกัลยา กมุลทะลา จนวันนี้ก็ถึงคิวของเธอแล้ว

นักกีฬาคนนี้ ผมรู้จักครั้งแรกตอนวอลเลย์บอลเยาวชนชิงแชมป์เอเชียปี 2012 รายการนี้แข่งที่จ.นครปฐม และ เป็นรายการแรกๆที่ผมได้ติดตามวงการวอลเลย์บอลแบบจริงๆจังๆ

" ทิพย์" เป็นนักกีฬายุคเดียวกันกับ ทัดดาว นึกแจ้ง,กัตติกา แก้วพิน,จันทนา ชาญชาติ,คัทลีย์ ปิ่นสุวรรณ,ปริญญา พานแก้ว เป็นต้น ซึ่งทุกวันนี้แต่ละคนก็มีทางของตัวเองในวงการลูกยาง

แต่ในปีนั้น " ทิพย์" ถือว่าเป็นนักกีฬาที่เด่นอีก 1 คนภายในทีม จะว่าไปตอนนั้นดูดีกว่า ทัดดาว เพื่อนรักของเธอด้วยซ้ำ และ หลายคนก็มีความคิดเห็นว่าเธอน่าจะมีโอกาสได้ก้าวขึ้นมาติดธงชุดใหญ่

สมัยนั้น มี 1 ครั้งที่ผมค่อนข้างตกใจ เมื่อเห็นการซ้อมที่ดุเดือดจากโค้ชอ๊อต เพราะแกเล่นเอา ทิพย์ " ร้องไห้ไป ไล่บอลไป "

" โค้ชอ๊อตโคตรโหด " ผมได้แต่คิดในใจ

น้องเป็นคนที่ไม่พูดครับ คำว่าไม่พูดนี่คือ  เงียบมาก ขนาดคนสนิทๆน้องก็ไม่ค่อยจะพูดเท่าไร ตอนนั้นน้องก็ก้มหน้าก้มตาซ้อมไป ไม่มีบ่น ...ซึ่งทุกคนในทีมก็ได้แต่ยืนตะโกนให้กำลังใจ

อีก 1 ปีให้หลัง น้องมีรายชื่อเข้าร่วมซ้อมกับทีมชาติชุดใหญ่ในปี 2013 พร้อมๆกับ ทัดดาว นึกแจ้ง และ ทั้งสองก็ทำหน้าที่ในการซ้อมอย่างสุดความสามารถ จนในที่สุดก็มีรายชื่ออยู่ในการแข่งขันวอลเลย์บอลเวิลด์กรังดิ์ปรีซ์ 2013

น้องทิพย์ ได้รับโอกาสลงสนาม และ มีแต้มติดมา 1 คะแนนจากเกมที่พบกับตุรกี โดยน้องถูกเปลี่ยนลงไปแทน ทัดดาว นึกแจ้ง เพื่อนรักของเธอ

อย่างที่บอกครับว่า ทีมชาติมีพื้นที่จำกัด ส่งรายชื่อได้ 12 คน และ 6 คนได้โอกาสลงสนาม การรักษาโอกาสไว้เป็นโจทย์ที่ยากมากๆ.......หลังจากเวิลด์กรังด์ปรีซ์จบลง โอกาสของน้องก็ค่อยๆจางลงไป กับทีมชาติชุดใหญ่

นั้นไม่ได้แปลว่าน้องหลุดวงโคจร...เพราะน้องยังมีรายชื่อร่วมซ้อมกับทีมอยู่ตลอด และ ผมก็คิดว่าน้อง "รู้อยู่แก่ใจ" ว่าโอกาสที่จะแทรกชื่อตัวเองเข้าไปมันยาก

แต่ทั้งหมด..มันไม่ได้ทำให้ความตั้งใจในการซ้อมของน้องลดลง ทุ่มเท ตั้งใจ โค้ชให้ทำอะไรซ้อมหนักแค่ไหนก็ไม่มีปริปากบ่น ไม่เคยมาซ้อมสาย ตรงต่อเวลา รักษาร่างกายตัวเองเป็นอย่างดี

" เพื่อทำตัวเองให้พร้อมเมื่อถูกเรียกใช้งาน "

จนในที่สุด เอเชี่ยนเกมส์ ก็เป็นอีกโอกาสของน้อง แม้ว่าจะไม่ได้ลงเล่นเป็นตัวหลัก แต่ก็เป็นนักกีฬาที่คู่ควรต่อเหรียญรางวัลที่ได้รับร่วมกับพี่ๆในทีม

การทำหน้าที่ของ น้องทิพย์ สอนอะไรผมได้เยอะ ผมนำจุดดีของเขามาปรับใส่ในการทำงานของผม นั้นก็คือ " ตั้งใจทำสิ่งที่ได้รับมอบหมายให้เต็มที่ "

"พื้นที่ชุดใหญ่" อาจจะยาก แต่ในรายการอื่นๆที่ได้รับโอกาส อย่างล่าสุดคือ ยู23 ชิงแชมป์เอเชีย ที่ฟิลิปปินส์ แม้ว่าจะไม่ใช่ตัวหลัก แต่เขาก็ซ้อมหนักไม่แพ้คนอื่น

ผมสังเกตุน้องยืนมองเพื่อนร่วมทีมเล่นอยู่ข้างสนามในฐานะตัวสำรอง แววตาของน้องชัดเจนมากว่าอยากจะได้รับโอกาสลงสนามบ้าง แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็รู้ว่าน้องก็เข้าใจ"หน้าที่ของตัวเอง"

ทุกแต้มที่ไทยเสีย น้องก็คอยตะโกนให้กำลังใจเพื่อน และ ทุกแต้มที่ทีมได้ น้องก็ดีใจไม่แพ้กับเพื่อนที่อยู่ในสนาม

ผมมองน้องอยู่บ่อยๆ และ ลุ้นว่าเมื่อไรจะได้ลง...... และเมื่อโอกาสนั้นมา " น้องทิพย์" ก็ไม่พลาดที่จะทำหน้าที่ตัวเองอย่างเต็มที่ น้องเล่นด้วยความสนุก

" และอยากที่จะอยู่ในสนามให้นานที่สุด เท่าที่โอกาสนั้นจะมี "

การประสบผลความสำเร็จของแต่ละคนต่างกัน จุดที่สูงของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เส้นทางในการก้าวเดินมันหนัก-เบาตามช่วงเวลา แต่อะไรละคือความภาคภูมิใจในสิ่งที่ทำ ???

ผมเชื่อนะว่า น้องทิพย์ เขาเข้าใจในหน้าที่ของตัวเอง มีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่ เป็นเกียรติต่อตนเอง และ ครอบครัว กับการได้สวมเสื้อที่มีธงชาติติดอยู่หน้าอกไม่ว่าจะฐานะผู้เล่นตัวจริง สำรอง หรือฐานะอะไรก็ตาม

จากเรื่องนี้ ผมอยากให้ทุกคนที่ท้อ หรือ หมดความหวัง ได้มองน้องเป็นตัวอย่าง

เพราะความสำเร็จสูงสุดในชีวิต "บางครั้ง" ไม่จำเป็นต้องสร้างเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่เสมอไป หากเพียงแต่ตั้งใจทำ และ เข้าใจกับสิ่งที่ทำอยู่ ...นั้นละคือความสำเร็จสูงสุดที่เราพึงมี

เอก ประวิตร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่