
2 มิถุนายน 2558
คำชี้แจง จากทีมคอร์ มอเตอร์สปอร์ต ไทยแลนด์ โดย สุนิดา ปานดำรงสถิตย์ ผู้จัดการทีม
เรื่อง: โพสต์ของคุณ Sorn ในกรณีที่ทีมคอร์ เกาะกระแสฟิล์มดัง และเรื่องอื่นๆ
................................
ปี 2013 ปวีร์ ตั้งทีม Core Racing ร่วมกับกลุ่มเพื่อนๆ ที่มีใจรักมอเตอร์ไซค์ด้วยกัน เป็นทีมเล็กๆ แข่งกันเองในประเทศ โดยมีนักแข่งของทีม คือ พี่ออ ปิตะบุตร แข่งให้ทีมในรุ่น 1000 CC และทีมก็ทำการแข่งขันสนามต่างๆ เรื่อยมา
ช่วงเดือน ตค. ในปีเดียวกัน ทีม Core Racing ได้ไปทำการแข่งขันที่สนามไทยแลนด์เซอร์กิต ในวันนั้นได้มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งไปช่วยกางร่มให้กับทีม เวลานั้นวีและเพื่อนหลายคนในกลุ่มก็ไม่รู้ว่าคนนี้เป็นใคร เสร็จงาน พี่ออพาเด็กหนุ่มคนนี้มาหาวี แล้วแนะนำว่า ชื่อฟิล์ม รัฐภาคย์ วิไลโรจน์
วีถามถึงวัตถุประสงค์ของเขาในการให้พี่ออนำมาพบ ฟิล์มจึงแจ้งว่า เขาต้องการมาขอสปอนเซอร์เพื่อไปแข่งในรายการ WSBK 2014 ซึ่งจะเริ่มแข่งสนามแรกเดือน กพ ที่ออสเตรเลีย และต้องการคนช่วยจ่ายเงินให้กับทีม PTR Honda ที่เขาได้ไปเขียนใบสมัครไว้แล้ว และผู้จัดการทีมคือ คุณไซม่อน บัคมัสเตอร์ ก็ทวงถามเร่งรัดเรื่องเงินมา เพราะต้องรีบจ่ายค่ามัดจำส่งรายชื่อนักแข่งแก่ทางผู้จัด ดอร์น่า ไว้ก่อน เป็นเงิน 10,000 ยูโร ประมาณ (370,000 บาท) วีกับเพื่อนในกลุ่มจึงสอบถามถึงสปอนเซอร์รายใหญ่ๆ ที่น่าจะให้การสนับสนุนได้ แต่ฟิล์มแจ้งว่า เขาไปเข้าพบและยื่น profiles มาหมดแล้ว มีทั้งสายการบิน รัฐวิสาหกิจ บริษัทใหญ่ๆ หลายราย ซึ่งถ้าพี่เอ่ยชื่อเหล่านั้น ทุกคนต้องรู้จักกันทั้งประเทศ แต่ปรากฏว่าไม่มีรายไหนตอบรับ หรือให้ความสนใจแม้แต่น้อย เหตุผลคือ ฟิล์มไม่มีผลงาน ชื่อเสียงเกือบไม่มีแล้วในวงการมอเตอร์สปอร์ต บวกกับเงินที่ฟิล์มต้องการเป็นเงินประมาณเกือบ 7 ล้านบาท ซี่งถ้ามองในแง่ธุรกิจแล้ว ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกรายต้องปฏิเสธ เพราะมองเห็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง ปัจจัยคือตัวฟิล์มไม่เอื้อต่อการลงทุน และไม่คุ้มกับงบประมาณการตลาดจำนวนมหาศาล
ตอนนั้นวีกับเพื่อนๆก็ไม่ค่อยเข้าใจว่ารายการที่ฟิล์มพูดถึงคืออะไร เพราะทุกคนไม่ได้อยู่ในวงการมอเตอร์สปอร์ตใหญ่ระดับนี้ และไม่เคยสนใจจะทำอะไรใหญ่โต ใช้เงินมากมาย ทีมเล็กๆ วีก็ทำกันสนุกๆ กับเพื่อนๆในวงการเท่านั้น หลังจากฟังฟิล์มเล่าเรื่องราว วีก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่รับเรื่องไว้ จากนั้นจึงเกิดการพูดคุยกันครั้งแรกที่ ร้านแมคโดนัลด์ แถวอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยมีวีกับกลุ่มเพื่อนมอเตอร์ไซค์ ขณะที่เจรจากันกลุ่มเพื่อนๆวีส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย พยายามระงับการตอบตกลงของวีด้วยความเป็นห่วง โดยฟิล์มแจ้งว่า ไม่ขออะไรอีก ไม่ต้องการเงินตอบแทนอื่นๆ เลย ขอเพียงให้ได้มีทีมแข่งก็พอ คำพูดนี้ พูดต่อหน้าบุคคลจำนวนนับสิบ จึงเป็นที่มาของการเรียกคำพูดนี้ในกลุ่มเพื่อนๆ ของวีว่า “ ปฏิญญาแมคโดนัลด์ ” ต่อจากนั้น ฟิล์มจึงนำภรรยา ลูก และพี่เลี้ยง ไปพบวีอีกครั้ง แถวๆแจ้งวัฒนะ โดยภรรยาของฟิล์ม บอกวีว่า “ ฟิล์มไม่ต้องการอะไร ขอเพียงช่วยให้ฟิล์มมีทีมแข่งก็พอ” ต่อจากนั้น ฟิล์มก็ตามไปพบวี ถึงประจวบคีรีขันธ์ ขณะที่วีไปดูโรงงานที่นั่น โดยนำเพื่อน และคนใกล้ชิดไปด้วย
ในที่สุด วีก็ตอบรับโดยสวนกระแสการทัดทานจากเพื่อนหลายๆคน วันรุ่งขึ้น วีมาหาพี่แล้วถามว่า “พี่ติ๋ม รู้จักฟิล์ม รัฐภาคย์ วิไลโรจน์มั๊ย” พี่จึงตอบว่า “เคยได้ยิน เพราะตอนนั้นเคยจำสลับกับฟิล์ม รัฐภูมิ เป็นนักแข่งมอเตอร์ไซค์ อะไรซักอย่างนี่แหละ” วีบอกว่า “ใช่” พี่เลยถามว่า “แล้วไง ทำไมมาเอ่ยชื่อเค้า” วีตอบพี่ว่า “เค้ามาอยู่ทีมเรานะ วีรับเค้าไว้”
ความรู้สึกพี่ตอนนั้น บอกไม่ถูก ตกใจมาก จำได้ว่าพี่ยิงคำถามเป็นชุดว่า ” แล้วเอามาทำอะไร แข่งอะไร จ่ายเท่าไหร่ ทีมเก่าเค้าล่ะ เค้านึกไงมาอยู่กะเรา ” วีเลยอธิบายให้ฟัง เล่นเอาพี่มันตึ๊บ บอกเค้าว่า “เงินเยอะขนาดนี้ วีจะไปเอามาจากไหน ช่วงนี้ยอดขายเราก็ซบเซา ของปลอมออกมาเยอะ แถมยังมีคนทำสินค้าแบบเดียวกับเราเพิ่มขึ้น เรายังอยู่ในช่วงโดนแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่นะ วีคิดดูดีๆ ธุรกิจเราก็ไม่เกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ วีจะเอาเค้ามาทำอะไร” วีก็ตอบพี่แบบกลุ้มๆ ว่า “ ตอนนี้วีก็ยังไม่รู้นะพี่ แบบว่าตอนที่รับวีสงสารเค้า ดูเค้ามีความมุ่งมั่น วีก็เลยโอเค เอางี้นะพี่ วีขอรับผิดชอบเรื่องนี้ วีจะใช้เงินตัวเองไม่รบกวนบริษัท” แล้วเค้าก็พูดต่อว่า “ แต่วีบอกฟิล์มไปแล้วว่า วีไม่ได้รวย ตังวีมีไม่เยอะ วีบอกเค้าว่า จะออกให้ฟิล์มงวดแรกให้พอได้ไปแข่งก่อน 1.5 ล้าน ที่เหลือให้เค้าไปหาสปอนเซอร์อื่นมาช่วยเอง วีมีแค่นี้” ว่า แล้ววันรุ่งขึ้น วีก็นำมอเตอร์ไซค์สุดรักสุดหวงของตัวเองไปขาย แต่ก็ยังไม่พอ จึงนำเงินรวบรวมกัน เพื่อโอนให้ทีม PTR Honda ในการแข่ง WSBK 2014 เค้าบอกพี่ว่า “ วีจะลองดูพี่ ไว้คิดทีหลังแล้วกัน ว่าจะทำอะไรเป็นประโยชน์กับบริษัทได้บ้าง”
พี่ได้แต่ปลง สงสารน้องตัวเอง เลยเลิกพูดอะไร พี่รู้ว่าเค้าทำเพราะมีใจรักด้านมอเตอร์ไซค์ ยังไม่ทันคิดถึงผลประโยชน์ทางธุรกิจ ประกอบกับช่วงนั้น ฟิล์มเป็นเด็กหนุ่มอ่อนน้อม ทำให้วีมีความเอ็นดูเป็นการส่วนตัว รวมทั้งพี่และคนรอบข้างด้วย แต่ที่ไม่ค่อยดีช่วงนั้น คือ ฟิล์มเพิกเฉยไม่ช่วยวีหาสปอนเซอร์เลย (มีสปอนเซอร์รายเดียวเท่านั้นที่กรุณาช่วยทีม เป็นเงิน 500,000 บาท ซึ่งทีมได้รับครบจำนวนเมื่อสิ้นเดือน ธค 2014 ทางทีมคอร์ ต้องขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้)
การจ่ายเงินงวด 2 เริ่มใกล้เข้ามา วีทำสัญญากับ PTR ขอแบ่งจ่ายเป็น 6 งวด จึงเหลืออีก 5 งวด แต่ละงวดบางที ก็ล้านกว่าบาท บางงวดก็เกือบล้าน วีบอกให้ฟิล์มไปหาสปอนเซอร์ แต่ฟิล์มก็บอกว่าหาไม่ได้ วีเลยต้องช่วยจ่ายต่อ จนถึงงวดที่ 4 คราวนี้วีเริ่มเครียดขึ้นเรื่อยๆ พยายามบอกฟิล์มให้ช่วยหาคนมาช่วยอีก แต่เขาก็ยังหาไม่ได้เหมือนเดิม วีบอกพี่ว่า “วีเริ่มไม่ไหว ค่าใช้จ่ายส่วนตัววีก็มีไม่น้อย” เพราะนอกจากวีต้องหาเงินจ่ายค่าทีมแล้ว เค้ายังรับผิดชอบเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยง ค่าเดินทาง เช่ารถ ที่พัก ซึ่งวีให้ฟิล์มไปกลับทุกสนาม เพราะเห็นว่ามีครอบครัว ลูกยังเล็ก ตอนนั้นเริ่มเข้าช่วงกลางฤดูกาล ผ่านมาแล้ว 8 สนามจาก 12 สนาม ตัวฟิล์มเองมีผลงานกลางๆ วีบอกให้พี่ช่วยหาสปอนเซอร์ให้หน่อย พี่จึงทำไปเท่าที่พอจะคิดออก สปอนเซอร์หายังไงพี่ก็ไม่รู้ เลยทำได้แค่ ให้น้องฝ่ายการตลาด ทำ profiles ของฟิล์ม CD ภาพ กับ จดหมาย ส่งไปตาม Big names ต่างๆ แต่ก็ไม่เป็นผล มีแต่คนปฏิเสธ พี่ถามวีว่า ถ้าเราไม่มีเงินให้ไซม่อนจะทำไง วีบอกทีม PTR เค้าก็จะตัดชื่อฟิล์มออกจากนักแข่งทันที แล้วหานักแข่งที่จ่ายเงินเค้าได้มาเสียบแทน ที่เหลืออีก 4 สนาม ฟิล์มก็ไม่ได้ไปแข่ง ที่ผ่านมาคือสูญเปล่า
พวกพี่ก็ไม่มีประสบการณ์ทำ PR เรื่องแบบนี้ คิดอะไรได้ก็ทำกันไป เลยนึกได้ว่า น่าจะเริ่มจากฐานแฟนคลับเก่าฟิล์ม มีน้องคนหนึ่งเป็นแอดมินอยู่ พี่จึงเรียกมาเจรจาว่า ช่วยเรียกแฟนคลับฟิล์มกลับมาให้หน่อย เพราะเท่าที่พี่ดู มีอยู่ 2 เพจ ยอดไลค์เดิมยังคงค้างอยู่ที่หลายพัน แต่ยอดไลค์ปัจจุบันและคอมเม้นท์ หายไปค่อนข้างมาก พี่จึงปรึกษาน้องแอดมินคนนั้น และเค้าก็ทำได้ดีในส่วนเรียกแฟนคลับฟิล์มคืนมา แต่จากคอมเม้นท์ก็ยังไม่มีความสนใจทีมคอร์ สนใจเฉพาะตัวฟิล์ม ซึ่งทางทีมก็ไม่มีปัญหาอะไร ดังนั้นพี่จึงให้น้องฝ่ายการตลาดทำ official page โปรโมททีมคอร์ มอเตอร์สปอร์ตไทยแลนด์ กันเองโดยมีเรื่องการแข่งของฟิล์ม ของพี่ออ พี่เมย์ พี่หนุ่ม และอ้อย และการเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ของปวีร์ รวมอยู่ด้วย สิ่งที่พี่ขอน้องแอดมิน และฟิล์มตอนนั้นมี เพียงอย่างเดียวคือ ถ้าเป็นลักษณะภาพหรือเรื่องที่ค่อนข้าง inside หรือ exclusive เกี่ยวกับฟิล์มและทีม พี่ให้ฟิล์มบอกน้องแอดมินเพื่อขอทางต้นสังกัดลง official page ก่อน แล้วทางแฟนเพจจึงค่อยนำไปลงทีหลัง เรื่องนี้ฟิล์มไม่พอใจพี่มากๆ หาว่ากีดกันแฟนคลับ ซึ่งทุกวันนี้พี่ก็ยังไม่เข้าใจว่า คำขอของพี่ เรื่องเดียว ทำไมกลายเป็นการกีดกันแฟนคลับได้อย่างไร นอกจากนี้พี่ยังปรึกษากับฝ่ายการตลาดเพื่อที่จะทำยังไงให้คนรู้จักฟิล์มเพิ่มขึ้น จึงทำรายการ Fast Fit with Film ขึ้นมา โดยให้ฟิล์มเป็นพิธีกร ฉายช่อง 9 อสมท ซึ่งตอนหลังเปลี่ยนชื่อเป็นรายการ CORE” Motorsport Thailand เพราะฟิล์มไม่ได้เป็นพิธีกรแล้ว แต่ก็ปรากฏว่าสูญงบการตลาดไปประมาณ 3 ล้านกว่าบาท โดยไม่ได้อะไรกลับมา
ระหว่างนี้ วีกับพี่ก็ไม่ได้บอกปัญหาของเราให้กับฟิล์ม เค้ายังคงได้ไปแข่งตามความฝัน ได้เงินเดือนบวกเบื้ยเลี้ยงเดือนละแสนกว่าบาทไม่เคยขาด แฟนคลับก็มีความสุขที่ได้เชียร์ พี่กับวีปรึกษากันอยู่หลายวัน ไม่มีใครนำเงินมาช่วยเรา จะให้ฟิล์มหยุดกระทันหันก็คงไม่ได้ ตอนนั้นทีมคอร์ จะทำอย่างไร ก็ไม่ได้โด่งดัง ได้มีชื่อเสียงจากฟิล์มซักที ยอดขายสินค้าก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ก็ต้องไปต่อ ท้ายที่สุด ก็ลากกันไปจนฟิล์มได้แข่งสนามสุดท้ายที่กาตาร์ ฟิล์มได้ขึ้นโพเดี้ยมอันดับสอง แต่น่าเสียดาย ที่โพเดี้ยมแห่งความภาคภูมิใจนี้ ได้กลับทำให้เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เคยอ่อนน้อม เปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่ง ซึ่งทางทีมเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้ จึงพยายามตักเตือนด้วยความหวังดีมาโดยตลอด
ในปี 2015 ทีมคอร์ พอจะตั้งตัวได้ รวมทั้งวีเป็นคนชอบเรียนรู้ ชอบทำอะไรใหม่ๆ บวกกับความกล้าชนิดบ้าบิ่น( เหมือนที่เค้ากล้ารับฟิล์มไว้เมื่อปี 2013) จากที่คิดว่าอีก 3ปี จะทำทีมเอง กลายเป็นทำทันที การทำทีมเองไม่ใช่เรื่องง่าย โอกาสทางธุรกิจที่เป็นแนวทฤษฏียังอยู่ปลายอุโมงค์ วิสัยทัศน์เท่านั้นที่จะช่วยพาไป เพราะแนวทางมอเตอร์ไซค์ กับธุรกิจที่เราทำอยู่ ยังไปคนละทิศคนละทาง คอร์เปลี่ยนมาทำทีมระดับโลก ในขณะที่ฟิล์มเพิ่มดีกรีของความเป็น เดอะสตาร์ขึ้นเรื่อยๆ ด้วยตัวเอง ทุกอย่างที่เคยง่ายๆ กลายเป็นยากขึ้น วันแถลงข่าวเชียร์ไทย เชียร์ฟิล์ม เมื่อเดือน มค 2015 เพื่อเปิดตัวทีมคอร์ และฟิล์ม ที่โรงแรมแลนด์มาร์ค พี่นัดหมายนักแข่งทุกคนใน line กลุ่มให้มาพร้อมกันใน เวลา 11.00 น. เพื่อมาเตรียมตัวแถลงข่าวเวลา 13.00 น. พอเวลา 11.00 นักแข่งทุกคนมากันครบ พี่หนุ่ม พี่เมย์ นักแข่ง Enduro แชมป์ปี 2014 ของทีม มาจากหัวหิน โดยเดินทางล่วงหน้า แล้วมาพัก 1 คืนก่อนวันงาน พี่ออเข็นรถโมเดล 2 คันมาตรงเวลาทุกคน เวลาประมาณ 12.00 น. ผู้ใหญ่จาก AP Honda และ ผู้ใหญ่จากสนามช้าง เดินทางมา นักข่าวจากหลายสำนักมาตั้งกล้องรอ จนกระทั่งเวลา 12.30 ฟิล์มก็ยังไม่ปรากฏตัว พี่ให้เด็กโทรตามตลอดเวลา ฟิล์มบอกว่ารถติด คราวนี้พิธีกรเริ่มถามหา เพราะต้องบรีฟคำสัมภาษณ์กับฟิล์มก่อนขึ้นเวที จนถึงเวลานัดหมาย 13.00 ก็ยังไม่มา พี่บอกให้เลื่อนเวลาออกไปอีก จนเกือบ 13.30 น เด็กมาตามพี่บอกว่า ต้องแถลงแล้ว เลยเวลามาพอสมควร พี่เข้าไปแล้วออกมาอีก จึงพบฟิล์มเพิ่งมาถึง ฟิล์มสายโดยไม่มีเหตุเร่งด่วน จำเป็น การกระทำแบบนี้ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะเป็นการไม่ให้เกียรติผู้ใหญ่ที่ทีมเชิญมาในงาน รวมทั้งไม่ให้เกียรติต้นสังกัดแม้แต่น้อย ท้ายที่สุดทีมจึงทราบภายหลังว่า ฟิล์มไปรับรถ BMW ป้ายแดงในช่วงเช้า อันที่จริง เมื่อสองเดือนก่อนหน้า พี่กับพี่วี เคยเรียกฟิล์ม มาคุยเรื่องการที่เค้ามาในงานสาย เมื่อวันเปิดตัวแถลงข่าว การไป WSBK 2014 ที่โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ เมื่อช่วงปลายปี 2013 ที่ผ่านมา
ที่สนามช้าง ฟิล์มชกผู้จัดการส่วนตัวก่อนวันแข่ง ด้วยสาเหตุว่า ฟิล์มพูดให้ผู้จัดการฟัง แบบเดียวกันกับที่คุณ Sorn เขียนมานี่แหละ คือ “ทุกวันนี้ฟิล์มต่างหากที่ทำให้คอร์ดัง” ดังนั้น วีจึงเรียกทั้งผู้จัดการและฟิล์ม มาถามพร้อมกัน ถามกันต่อหน้าว่า เป็นดังนี้ จริงหรือไม่ คำตอบที่ต้องการจากทั้งคู่ คือ ใช่ หรือ ไม่ใช่ ถ้าใช่ แล้วมีเหตุผลอะไร หรือ ถ้าไม่ใช่ แล้วมีเหตุผลอะไร ทั้งคู่จึงต้องพูดแบบนี้ ปรากฏว่าฟิล์มไม่พอใจ และลุกขี้นมาโต้แย้ง บอกว่าผมไม่ได้พูด เกือบจะมีเรื่องกัน
อัพเดท คำชี้แจง จากทีมคอร์ มอเตอร์สปอร์ต ไทยแลนด์ โดย สุนิดา ปานดำรง เรื่อง ฟิล์ม รัฐภาคย์ วิไลโรจน์
2 มิถุนายน 2558
คำชี้แจง จากทีมคอร์ มอเตอร์สปอร์ต ไทยแลนด์ โดย สุนิดา ปานดำรงสถิตย์ ผู้จัดการทีม
เรื่อง: โพสต์ของคุณ Sorn ในกรณีที่ทีมคอร์ เกาะกระแสฟิล์มดัง และเรื่องอื่นๆ
................................
ปี 2013 ปวีร์ ตั้งทีม Core Racing ร่วมกับกลุ่มเพื่อนๆ ที่มีใจรักมอเตอร์ไซค์ด้วยกัน เป็นทีมเล็กๆ แข่งกันเองในประเทศ โดยมีนักแข่งของทีม คือ พี่ออ ปิตะบุตร แข่งให้ทีมในรุ่น 1000 CC และทีมก็ทำการแข่งขันสนามต่างๆ เรื่อยมา
ช่วงเดือน ตค. ในปีเดียวกัน ทีม Core Racing ได้ไปทำการแข่งขันที่สนามไทยแลนด์เซอร์กิต ในวันนั้นได้มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งไปช่วยกางร่มให้กับทีม เวลานั้นวีและเพื่อนหลายคนในกลุ่มก็ไม่รู้ว่าคนนี้เป็นใคร เสร็จงาน พี่ออพาเด็กหนุ่มคนนี้มาหาวี แล้วแนะนำว่า ชื่อฟิล์ม รัฐภาคย์ วิไลโรจน์
วีถามถึงวัตถุประสงค์ของเขาในการให้พี่ออนำมาพบ ฟิล์มจึงแจ้งว่า เขาต้องการมาขอสปอนเซอร์เพื่อไปแข่งในรายการ WSBK 2014 ซึ่งจะเริ่มแข่งสนามแรกเดือน กพ ที่ออสเตรเลีย และต้องการคนช่วยจ่ายเงินให้กับทีม PTR Honda ที่เขาได้ไปเขียนใบสมัครไว้แล้ว และผู้จัดการทีมคือ คุณไซม่อน บัคมัสเตอร์ ก็ทวงถามเร่งรัดเรื่องเงินมา เพราะต้องรีบจ่ายค่ามัดจำส่งรายชื่อนักแข่งแก่ทางผู้จัด ดอร์น่า ไว้ก่อน เป็นเงิน 10,000 ยูโร ประมาณ (370,000 บาท) วีกับเพื่อนในกลุ่มจึงสอบถามถึงสปอนเซอร์รายใหญ่ๆ ที่น่าจะให้การสนับสนุนได้ แต่ฟิล์มแจ้งว่า เขาไปเข้าพบและยื่น profiles มาหมดแล้ว มีทั้งสายการบิน รัฐวิสาหกิจ บริษัทใหญ่ๆ หลายราย ซึ่งถ้าพี่เอ่ยชื่อเหล่านั้น ทุกคนต้องรู้จักกันทั้งประเทศ แต่ปรากฏว่าไม่มีรายไหนตอบรับ หรือให้ความสนใจแม้แต่น้อย เหตุผลคือ ฟิล์มไม่มีผลงาน ชื่อเสียงเกือบไม่มีแล้วในวงการมอเตอร์สปอร์ต บวกกับเงินที่ฟิล์มต้องการเป็นเงินประมาณเกือบ 7 ล้านบาท ซี่งถ้ามองในแง่ธุรกิจแล้ว ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกรายต้องปฏิเสธ เพราะมองเห็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง ปัจจัยคือตัวฟิล์มไม่เอื้อต่อการลงทุน และไม่คุ้มกับงบประมาณการตลาดจำนวนมหาศาล
ตอนนั้นวีกับเพื่อนๆก็ไม่ค่อยเข้าใจว่ารายการที่ฟิล์มพูดถึงคืออะไร เพราะทุกคนไม่ได้อยู่ในวงการมอเตอร์สปอร์ตใหญ่ระดับนี้ และไม่เคยสนใจจะทำอะไรใหญ่โต ใช้เงินมากมาย ทีมเล็กๆ วีก็ทำกันสนุกๆ กับเพื่อนๆในวงการเท่านั้น หลังจากฟังฟิล์มเล่าเรื่องราว วีก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่รับเรื่องไว้ จากนั้นจึงเกิดการพูดคุยกันครั้งแรกที่ ร้านแมคโดนัลด์ แถวอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยมีวีกับกลุ่มเพื่อนมอเตอร์ไซค์ ขณะที่เจรจากันกลุ่มเพื่อนๆวีส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย พยายามระงับการตอบตกลงของวีด้วยความเป็นห่วง โดยฟิล์มแจ้งว่า ไม่ขออะไรอีก ไม่ต้องการเงินตอบแทนอื่นๆ เลย ขอเพียงให้ได้มีทีมแข่งก็พอ คำพูดนี้ พูดต่อหน้าบุคคลจำนวนนับสิบ จึงเป็นที่มาของการเรียกคำพูดนี้ในกลุ่มเพื่อนๆ ของวีว่า “ ปฏิญญาแมคโดนัลด์ ” ต่อจากนั้น ฟิล์มจึงนำภรรยา ลูก และพี่เลี้ยง ไปพบวีอีกครั้ง แถวๆแจ้งวัฒนะ โดยภรรยาของฟิล์ม บอกวีว่า “ ฟิล์มไม่ต้องการอะไร ขอเพียงช่วยให้ฟิล์มมีทีมแข่งก็พอ” ต่อจากนั้น ฟิล์มก็ตามไปพบวี ถึงประจวบคีรีขันธ์ ขณะที่วีไปดูโรงงานที่นั่น โดยนำเพื่อน และคนใกล้ชิดไปด้วย
ในที่สุด วีก็ตอบรับโดยสวนกระแสการทัดทานจากเพื่อนหลายๆคน วันรุ่งขึ้น วีมาหาพี่แล้วถามว่า “พี่ติ๋ม รู้จักฟิล์ม รัฐภาคย์ วิไลโรจน์มั๊ย” พี่จึงตอบว่า “เคยได้ยิน เพราะตอนนั้นเคยจำสลับกับฟิล์ม รัฐภูมิ เป็นนักแข่งมอเตอร์ไซค์ อะไรซักอย่างนี่แหละ” วีบอกว่า “ใช่” พี่เลยถามว่า “แล้วไง ทำไมมาเอ่ยชื่อเค้า” วีตอบพี่ว่า “เค้ามาอยู่ทีมเรานะ วีรับเค้าไว้”
ความรู้สึกพี่ตอนนั้น บอกไม่ถูก ตกใจมาก จำได้ว่าพี่ยิงคำถามเป็นชุดว่า ” แล้วเอามาทำอะไร แข่งอะไร จ่ายเท่าไหร่ ทีมเก่าเค้าล่ะ เค้านึกไงมาอยู่กะเรา ” วีเลยอธิบายให้ฟัง เล่นเอาพี่มันตึ๊บ บอกเค้าว่า “เงินเยอะขนาดนี้ วีจะไปเอามาจากไหน ช่วงนี้ยอดขายเราก็ซบเซา ของปลอมออกมาเยอะ แถมยังมีคนทำสินค้าแบบเดียวกับเราเพิ่มขึ้น เรายังอยู่ในช่วงโดนแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่นะ วีคิดดูดีๆ ธุรกิจเราก็ไม่เกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ วีจะเอาเค้ามาทำอะไร” วีก็ตอบพี่แบบกลุ้มๆ ว่า “ ตอนนี้วีก็ยังไม่รู้นะพี่ แบบว่าตอนที่รับวีสงสารเค้า ดูเค้ามีความมุ่งมั่น วีก็เลยโอเค เอางี้นะพี่ วีขอรับผิดชอบเรื่องนี้ วีจะใช้เงินตัวเองไม่รบกวนบริษัท” แล้วเค้าก็พูดต่อว่า “ แต่วีบอกฟิล์มไปแล้วว่า วีไม่ได้รวย ตังวีมีไม่เยอะ วีบอกเค้าว่า จะออกให้ฟิล์มงวดแรกให้พอได้ไปแข่งก่อน 1.5 ล้าน ที่เหลือให้เค้าไปหาสปอนเซอร์อื่นมาช่วยเอง วีมีแค่นี้” ว่า แล้ววันรุ่งขึ้น วีก็นำมอเตอร์ไซค์สุดรักสุดหวงของตัวเองไปขาย แต่ก็ยังไม่พอ จึงนำเงินรวบรวมกัน เพื่อโอนให้ทีม PTR Honda ในการแข่ง WSBK 2014 เค้าบอกพี่ว่า “ วีจะลองดูพี่ ไว้คิดทีหลังแล้วกัน ว่าจะทำอะไรเป็นประโยชน์กับบริษัทได้บ้าง”
พี่ได้แต่ปลง สงสารน้องตัวเอง เลยเลิกพูดอะไร พี่รู้ว่าเค้าทำเพราะมีใจรักด้านมอเตอร์ไซค์ ยังไม่ทันคิดถึงผลประโยชน์ทางธุรกิจ ประกอบกับช่วงนั้น ฟิล์มเป็นเด็กหนุ่มอ่อนน้อม ทำให้วีมีความเอ็นดูเป็นการส่วนตัว รวมทั้งพี่และคนรอบข้างด้วย แต่ที่ไม่ค่อยดีช่วงนั้น คือ ฟิล์มเพิกเฉยไม่ช่วยวีหาสปอนเซอร์เลย (มีสปอนเซอร์รายเดียวเท่านั้นที่กรุณาช่วยทีม เป็นเงิน 500,000 บาท ซึ่งทีมได้รับครบจำนวนเมื่อสิ้นเดือน ธค 2014 ทางทีมคอร์ ต้องขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้)
การจ่ายเงินงวด 2 เริ่มใกล้เข้ามา วีทำสัญญากับ PTR ขอแบ่งจ่ายเป็น 6 งวด จึงเหลืออีก 5 งวด แต่ละงวดบางที ก็ล้านกว่าบาท บางงวดก็เกือบล้าน วีบอกให้ฟิล์มไปหาสปอนเซอร์ แต่ฟิล์มก็บอกว่าหาไม่ได้ วีเลยต้องช่วยจ่ายต่อ จนถึงงวดที่ 4 คราวนี้วีเริ่มเครียดขึ้นเรื่อยๆ พยายามบอกฟิล์มให้ช่วยหาคนมาช่วยอีก แต่เขาก็ยังหาไม่ได้เหมือนเดิม วีบอกพี่ว่า “วีเริ่มไม่ไหว ค่าใช้จ่ายส่วนตัววีก็มีไม่น้อย” เพราะนอกจากวีต้องหาเงินจ่ายค่าทีมแล้ว เค้ายังรับผิดชอบเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยง ค่าเดินทาง เช่ารถ ที่พัก ซึ่งวีให้ฟิล์มไปกลับทุกสนาม เพราะเห็นว่ามีครอบครัว ลูกยังเล็ก ตอนนั้นเริ่มเข้าช่วงกลางฤดูกาล ผ่านมาแล้ว 8 สนามจาก 12 สนาม ตัวฟิล์มเองมีผลงานกลางๆ วีบอกให้พี่ช่วยหาสปอนเซอร์ให้หน่อย พี่จึงทำไปเท่าที่พอจะคิดออก สปอนเซอร์หายังไงพี่ก็ไม่รู้ เลยทำได้แค่ ให้น้องฝ่ายการตลาด ทำ profiles ของฟิล์ม CD ภาพ กับ จดหมาย ส่งไปตาม Big names ต่างๆ แต่ก็ไม่เป็นผล มีแต่คนปฏิเสธ พี่ถามวีว่า ถ้าเราไม่มีเงินให้ไซม่อนจะทำไง วีบอกทีม PTR เค้าก็จะตัดชื่อฟิล์มออกจากนักแข่งทันที แล้วหานักแข่งที่จ่ายเงินเค้าได้มาเสียบแทน ที่เหลืออีก 4 สนาม ฟิล์มก็ไม่ได้ไปแข่ง ที่ผ่านมาคือสูญเปล่า
พวกพี่ก็ไม่มีประสบการณ์ทำ PR เรื่องแบบนี้ คิดอะไรได้ก็ทำกันไป เลยนึกได้ว่า น่าจะเริ่มจากฐานแฟนคลับเก่าฟิล์ม มีน้องคนหนึ่งเป็นแอดมินอยู่ พี่จึงเรียกมาเจรจาว่า ช่วยเรียกแฟนคลับฟิล์มกลับมาให้หน่อย เพราะเท่าที่พี่ดู มีอยู่ 2 เพจ ยอดไลค์เดิมยังคงค้างอยู่ที่หลายพัน แต่ยอดไลค์ปัจจุบันและคอมเม้นท์ หายไปค่อนข้างมาก พี่จึงปรึกษาน้องแอดมินคนนั้น และเค้าก็ทำได้ดีในส่วนเรียกแฟนคลับฟิล์มคืนมา แต่จากคอมเม้นท์ก็ยังไม่มีความสนใจทีมคอร์ สนใจเฉพาะตัวฟิล์ม ซึ่งทางทีมก็ไม่มีปัญหาอะไร ดังนั้นพี่จึงให้น้องฝ่ายการตลาดทำ official page โปรโมททีมคอร์ มอเตอร์สปอร์ตไทยแลนด์ กันเองโดยมีเรื่องการแข่งของฟิล์ม ของพี่ออ พี่เมย์ พี่หนุ่ม และอ้อย และการเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ของปวีร์ รวมอยู่ด้วย สิ่งที่พี่ขอน้องแอดมิน และฟิล์มตอนนั้นมี เพียงอย่างเดียวคือ ถ้าเป็นลักษณะภาพหรือเรื่องที่ค่อนข้าง inside หรือ exclusive เกี่ยวกับฟิล์มและทีม พี่ให้ฟิล์มบอกน้องแอดมินเพื่อขอทางต้นสังกัดลง official page ก่อน แล้วทางแฟนเพจจึงค่อยนำไปลงทีหลัง เรื่องนี้ฟิล์มไม่พอใจพี่มากๆ หาว่ากีดกันแฟนคลับ ซึ่งทุกวันนี้พี่ก็ยังไม่เข้าใจว่า คำขอของพี่ เรื่องเดียว ทำไมกลายเป็นการกีดกันแฟนคลับได้อย่างไร นอกจากนี้พี่ยังปรึกษากับฝ่ายการตลาดเพื่อที่จะทำยังไงให้คนรู้จักฟิล์มเพิ่มขึ้น จึงทำรายการ Fast Fit with Film ขึ้นมา โดยให้ฟิล์มเป็นพิธีกร ฉายช่อง 9 อสมท ซึ่งตอนหลังเปลี่ยนชื่อเป็นรายการ CORE” Motorsport Thailand เพราะฟิล์มไม่ได้เป็นพิธีกรแล้ว แต่ก็ปรากฏว่าสูญงบการตลาดไปประมาณ 3 ล้านกว่าบาท โดยไม่ได้อะไรกลับมา
ระหว่างนี้ วีกับพี่ก็ไม่ได้บอกปัญหาของเราให้กับฟิล์ม เค้ายังคงได้ไปแข่งตามความฝัน ได้เงินเดือนบวกเบื้ยเลี้ยงเดือนละแสนกว่าบาทไม่เคยขาด แฟนคลับก็มีความสุขที่ได้เชียร์ พี่กับวีปรึกษากันอยู่หลายวัน ไม่มีใครนำเงินมาช่วยเรา จะให้ฟิล์มหยุดกระทันหันก็คงไม่ได้ ตอนนั้นทีมคอร์ จะทำอย่างไร ก็ไม่ได้โด่งดัง ได้มีชื่อเสียงจากฟิล์มซักที ยอดขายสินค้าก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ก็ต้องไปต่อ ท้ายที่สุด ก็ลากกันไปจนฟิล์มได้แข่งสนามสุดท้ายที่กาตาร์ ฟิล์มได้ขึ้นโพเดี้ยมอันดับสอง แต่น่าเสียดาย ที่โพเดี้ยมแห่งความภาคภูมิใจนี้ ได้กลับทำให้เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เคยอ่อนน้อม เปลี่ยนไปเป็นอีกคนหนึ่ง ซึ่งทางทีมเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้ จึงพยายามตักเตือนด้วยความหวังดีมาโดยตลอด
ในปี 2015 ทีมคอร์ พอจะตั้งตัวได้ รวมทั้งวีเป็นคนชอบเรียนรู้ ชอบทำอะไรใหม่ๆ บวกกับความกล้าชนิดบ้าบิ่น( เหมือนที่เค้ากล้ารับฟิล์มไว้เมื่อปี 2013) จากที่คิดว่าอีก 3ปี จะทำทีมเอง กลายเป็นทำทันที การทำทีมเองไม่ใช่เรื่องง่าย โอกาสทางธุรกิจที่เป็นแนวทฤษฏียังอยู่ปลายอุโมงค์ วิสัยทัศน์เท่านั้นที่จะช่วยพาไป เพราะแนวทางมอเตอร์ไซค์ กับธุรกิจที่เราทำอยู่ ยังไปคนละทิศคนละทาง คอร์เปลี่ยนมาทำทีมระดับโลก ในขณะที่ฟิล์มเพิ่มดีกรีของความเป็น เดอะสตาร์ขึ้นเรื่อยๆ ด้วยตัวเอง ทุกอย่างที่เคยง่ายๆ กลายเป็นยากขึ้น วันแถลงข่าวเชียร์ไทย เชียร์ฟิล์ม เมื่อเดือน มค 2015 เพื่อเปิดตัวทีมคอร์ และฟิล์ม ที่โรงแรมแลนด์มาร์ค พี่นัดหมายนักแข่งทุกคนใน line กลุ่มให้มาพร้อมกันใน เวลา 11.00 น. เพื่อมาเตรียมตัวแถลงข่าวเวลา 13.00 น. พอเวลา 11.00 นักแข่งทุกคนมากันครบ พี่หนุ่ม พี่เมย์ นักแข่ง Enduro แชมป์ปี 2014 ของทีม มาจากหัวหิน โดยเดินทางล่วงหน้า แล้วมาพัก 1 คืนก่อนวันงาน พี่ออเข็นรถโมเดล 2 คันมาตรงเวลาทุกคน เวลาประมาณ 12.00 น. ผู้ใหญ่จาก AP Honda และ ผู้ใหญ่จากสนามช้าง เดินทางมา นักข่าวจากหลายสำนักมาตั้งกล้องรอ จนกระทั่งเวลา 12.30 ฟิล์มก็ยังไม่ปรากฏตัว พี่ให้เด็กโทรตามตลอดเวลา ฟิล์มบอกว่ารถติด คราวนี้พิธีกรเริ่มถามหา เพราะต้องบรีฟคำสัมภาษณ์กับฟิล์มก่อนขึ้นเวที จนถึงเวลานัดหมาย 13.00 ก็ยังไม่มา พี่บอกให้เลื่อนเวลาออกไปอีก จนเกือบ 13.30 น เด็กมาตามพี่บอกว่า ต้องแถลงแล้ว เลยเวลามาพอสมควร พี่เข้าไปแล้วออกมาอีก จึงพบฟิล์มเพิ่งมาถึง ฟิล์มสายโดยไม่มีเหตุเร่งด่วน จำเป็น การกระทำแบบนี้ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะเป็นการไม่ให้เกียรติผู้ใหญ่ที่ทีมเชิญมาในงาน รวมทั้งไม่ให้เกียรติต้นสังกัดแม้แต่น้อย ท้ายที่สุดทีมจึงทราบภายหลังว่า ฟิล์มไปรับรถ BMW ป้ายแดงในช่วงเช้า อันที่จริง เมื่อสองเดือนก่อนหน้า พี่กับพี่วี เคยเรียกฟิล์ม มาคุยเรื่องการที่เค้ามาในงานสาย เมื่อวันเปิดตัวแถลงข่าว การไป WSBK 2014 ที่โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ เมื่อช่วงปลายปี 2013 ที่ผ่านมา
ที่สนามช้าง ฟิล์มชกผู้จัดการส่วนตัวก่อนวันแข่ง ด้วยสาเหตุว่า ฟิล์มพูดให้ผู้จัดการฟัง แบบเดียวกันกับที่คุณ Sorn เขียนมานี่แหละ คือ “ทุกวันนี้ฟิล์มต่างหากที่ทำให้คอร์ดัง” ดังนั้น วีจึงเรียกทั้งผู้จัดการและฟิล์ม มาถามพร้อมกัน ถามกันต่อหน้าว่า เป็นดังนี้ จริงหรือไม่ คำตอบที่ต้องการจากทั้งคู่ คือ ใช่ หรือ ไม่ใช่ ถ้าใช่ แล้วมีเหตุผลอะไร หรือ ถ้าไม่ใช่ แล้วมีเหตุผลอะไร ทั้งคู่จึงต้องพูดแบบนี้ ปรากฏว่าฟิล์มไม่พอใจ และลุกขี้นมาโต้แย้ง บอกว่าผมไม่ได้พูด เกือบจะมีเรื่องกัน