(กระทู้นี้ออกแนวงมงาย หากไม่ถูกใจใคร ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย)
เมื่อช่วง 3-4 ปีก่อน ผมหลุดจากศาสนาพุทธไป ด้วยเหตุผลส่วนตัว ซึ่งก่อนจะหลุดก็ได้ศึกษาพอสมควร จนกระทั่งมีเหตุให้หลุด
ก็เป็นช่วงเวลาที่นิสัยตัวเอง ทำตามใจตัวเอง จนกระทั่ง ปีที่แล้วจับพลัดจับผลู มาเข้าโบสถ์คริสต์ชื่อดังแห่งหนึ่ง ก็เริ่มรู้สึกบางอย่าง แต่ก็โยกตัวเองไปเรียนและบัพติศมาเป็นแบ๊บติสต์ ระหว่างนั้น ก็เหมือนกับว่ายังขาดบางสิ่งบางอย่าง ก็ศึกษาเซนไปด้วยตัวเองจากการอ่านหนังสือเป็นหลัก
เท่านั้นไม่พอ ก็พบว่า มีโบสถ์คาทอลิกใกล้บ้าน เลยมาเรียนคำสอน ซึ่งสนุกและเป็นอะไรที่รู้สึก ทำไมเราเรียนแล้วเราเข้าใจ หรือเพราะเราโตแล้ว เลยซึมซับได้ง่ายกว่าตอนเป็นเด็ก และก็ได้ล้างบาปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
จุดเปลี่ยนมันอยู่ตรงนี้แหละครับ บาทหลวงท่านสอนเสมอว่า "ทางของพระเจ้า ไม่ได้เรียบง่าย" และ "ทางไปสวรรค์มันรก ทางไปนรกมันเรียบ"
ก็เชื่อมาตลอด ซึ่งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา การงานไม่มีความสุข สังคมที่อยู่ก็มีปัญหากันบ้าง ทั้งๆที่แทบจะไม่เคยเกิดขึ้น ที่บ้านก็ประสบปัญญาในด้านอาชีพ ไม่หนักมาก แต่ก็เจ็บกันพอสมควร
โดยรวม ก็คือเรื่องแย่ เยอะกว่าเรื่องดี แล้วผมก็ดันเป็นคริสต์ที่ออกแนวนอกคอก พอเกิดปัญหา ผมไม่ค่อยสวดภาวนา แต่ผมกลับเลือกพระธรรม "โยบ" มาคอยช่วยให้ใจนิ่งขึ้น
"โยบ" เจอหนักกว่ามาก ผมก็ยอมรับว่าเรื่องของผมเป็นเรื่องเล็ก แต่ในจิตใจคนเรา พอเจอเรื่องแย่บ่อยๆ ศรัทธาและกำลังใจมันจะหมดไป ก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องเจอแต่เรื่องแย่ๆ
บางทีก็อยากถามพระเจ้าว่า "จะทำแบบนี้ทำไม ทำไมไม่เอาให้ตายไปเลยเล่า!" หลังๆก็เริ่มสวดภาวนาอธิษฐานมากขึ้น แต่กลับยิ่งเจอภาระปัญหาหนักขึ้น
ผมก็กลัวว่าศรัทธาจะดับลงง่ายๆ และก็ไม่อยากให้ชีวิตกลับไปเป็นแบบเดิม พอเกิดเวลาท้อแท้สิ้นหวัง ควรจะแก้ไขอย่างไร?
คำตอบแนวว่า "ขอพระเจ้าทรงนำ" หรือ "อ่านพระคัมภีร์ช่วยได้" ไม่เอานะครับ ทำมาหมดแล้ว ตอนนี้ต้องการคำตอบที่ช่วยในเรื่องของจิตใจมากกว่า
แก้ไขเพิ่มเติม : ลืมบอกไปว่า ปัญหาทุกอย่าง ผมแก้ไขมันตลอดครับ แต่กลายเป็นว่า แทบจะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ แถมยังต้องจมอยู่กับมัน เพราะสถานการณ์มันบังคับให้อยู่ ราวกับพระเจ้าเฆี่ยนตีให้รู้จักความลำบาก
ซึ่งจนตอนนี้ ผมก็เริ่มจะมืดไปทุกอย่างแล้วครับ ปัญหามันเยอะ
ขอบคุณครับ
ท้อแท้ หมดหวัง ควรแก้ไขอย่างไร?
เมื่อช่วง 3-4 ปีก่อน ผมหลุดจากศาสนาพุทธไป ด้วยเหตุผลส่วนตัว ซึ่งก่อนจะหลุดก็ได้ศึกษาพอสมควร จนกระทั่งมีเหตุให้หลุด
ก็เป็นช่วงเวลาที่นิสัยตัวเอง ทำตามใจตัวเอง จนกระทั่ง ปีที่แล้วจับพลัดจับผลู มาเข้าโบสถ์คริสต์ชื่อดังแห่งหนึ่ง ก็เริ่มรู้สึกบางอย่าง แต่ก็โยกตัวเองไปเรียนและบัพติศมาเป็นแบ๊บติสต์ ระหว่างนั้น ก็เหมือนกับว่ายังขาดบางสิ่งบางอย่าง ก็ศึกษาเซนไปด้วยตัวเองจากการอ่านหนังสือเป็นหลัก
เท่านั้นไม่พอ ก็พบว่า มีโบสถ์คาทอลิกใกล้บ้าน เลยมาเรียนคำสอน ซึ่งสนุกและเป็นอะไรที่รู้สึก ทำไมเราเรียนแล้วเราเข้าใจ หรือเพราะเราโตแล้ว เลยซึมซับได้ง่ายกว่าตอนเป็นเด็ก และก็ได้ล้างบาปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
จุดเปลี่ยนมันอยู่ตรงนี้แหละครับ บาทหลวงท่านสอนเสมอว่า "ทางของพระเจ้า ไม่ได้เรียบง่าย" และ "ทางไปสวรรค์มันรก ทางไปนรกมันเรียบ"
ก็เชื่อมาตลอด ซึ่งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา การงานไม่มีความสุข สังคมที่อยู่ก็มีปัญหากันบ้าง ทั้งๆที่แทบจะไม่เคยเกิดขึ้น ที่บ้านก็ประสบปัญญาในด้านอาชีพ ไม่หนักมาก แต่ก็เจ็บกันพอสมควร
โดยรวม ก็คือเรื่องแย่ เยอะกว่าเรื่องดี แล้วผมก็ดันเป็นคริสต์ที่ออกแนวนอกคอก พอเกิดปัญหา ผมไม่ค่อยสวดภาวนา แต่ผมกลับเลือกพระธรรม "โยบ" มาคอยช่วยให้ใจนิ่งขึ้น
"โยบ" เจอหนักกว่ามาก ผมก็ยอมรับว่าเรื่องของผมเป็นเรื่องเล็ก แต่ในจิตใจคนเรา พอเจอเรื่องแย่บ่อยๆ ศรัทธาและกำลังใจมันจะหมดไป ก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องเจอแต่เรื่องแย่ๆ
บางทีก็อยากถามพระเจ้าว่า "จะทำแบบนี้ทำไม ทำไมไม่เอาให้ตายไปเลยเล่า!" หลังๆก็เริ่มสวดภาวนาอธิษฐานมากขึ้น แต่กลับยิ่งเจอภาระปัญหาหนักขึ้น
ผมก็กลัวว่าศรัทธาจะดับลงง่ายๆ และก็ไม่อยากให้ชีวิตกลับไปเป็นแบบเดิม พอเกิดเวลาท้อแท้สิ้นหวัง ควรจะแก้ไขอย่างไร?
คำตอบแนวว่า "ขอพระเจ้าทรงนำ" หรือ "อ่านพระคัมภีร์ช่วยได้" ไม่เอานะครับ ทำมาหมดแล้ว ตอนนี้ต้องการคำตอบที่ช่วยในเรื่องของจิตใจมากกว่า
แก้ไขเพิ่มเติม : ลืมบอกไปว่า ปัญหาทุกอย่าง ผมแก้ไขมันตลอดครับ แต่กลายเป็นว่า แทบจะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ แถมยังต้องจมอยู่กับมัน เพราะสถานการณ์มันบังคับให้อยู่ ราวกับพระเจ้าเฆี่ยนตีให้รู้จักความลำบาก
ซึ่งจนตอนนี้ ผมก็เริ่มจะมืดไปทุกอย่างแล้วครับ ปัญหามันเยอะ
ขอบคุณครับ