Rebound Trip 4 วัน 3 เกาะ ประสบการณ์ โหด ฮา ติดเรท (เกาะเต่า, เกาะนางยวน, ฟูลมูนที่พะงัน)

ทริปเที่ยวย้อมใจหลังทริปเก่าถูกแคนเซิลอย่างไรเยื้อใย เมื่อถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคุณตัว พบรักเบาๆกับหนุ่มแคนนาเดี้ยน ประสบการณ์หนังสดส่งตรงจากพะงัน รีวิวหนุ่มฟูลมูนหลากเชื้อชาติ ตบท้ายด้วยทริคเอาตัวรอดสำหรับสาวๆในคืนพระจันทร์เต็มดวง

ทริปนี้แต่เดิมแพลนไว้กับเพื่อนห้าคนว่าจะไปลั้นลาฉลองสอบเสร็จที่เกาะช้างกันวันที่ 1 มิ.ย. แต่ไปๆมาๆเพื่อนโทรมาแคนเซิลเอากันก่อนไปไม่กี่วันจนเหลือกันอยู่แค่สองคนอันเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางที่บอกได้คำเดียวว่าถึงอยากลืมก็ลืมไม่ลง

หลังจากทริปเกาะช้างล่มไม่เป็นท่าและเกือบเป็นหนี้บัตรเครดิตหัวโตเพราะห้องโรงแรมที่จองไปมัน refund ไม่ได้ เรากับเพื่อนอีกคนก็เลยสะบัดบ๊อบหนีออกมาแพลนทริปใหม่กันสองคนแบบงอนๆก่อนจะเดินทาง 2 วัน

พูดแล้วก็ละเหี่ยใจ คือไม่ไปนี่ไม่ว่านะ...แต่ทำไมไม่บอกก่อนจะจองโรงแรมว้า!

แรกเริ่มเดิมทีเลยเราก็ตั้งใจว่าจะไปฟูลมูนที่พะงันกันอยู่แล้ว แต่คุณพ่อของหนึ่งในกลุ่มแก๊งดันไม่อนุมัติอ่ะ อย่างเซ็ง แต่เมื่อมันไม่ไปเราก็เลยกลับมาตั้งเป้ากันอีกครั้งว่า เออ! ถึงจะมีกันอยู่แค่สองหน่อแต่ฉันก็จะไปแรดกันที่ฟูลมูนปาร์ตี้เนี่ยแหละ อย่าได้แคร์!

แล้วเราก็ตัดสินใจกันว่าจะตามรอยบรรดาฮิปสเตอร์นั่งรถไฟฟรีต่อเรือนอนไปดำน้ำที่เกาะเต่าสักคืนก่อนจะไปฟูลมูนละกันแล้วขากลับค่อยนั่งเครื่อง จะเมาปลิ้น ร่างพัง หน้ายับขนาดไหนก็จะได้สบายหน่อย

แต่!! เป็นแต่ที่ตัวโตมากกกกกกกก

เพราะที่พักในคืนวันที่ 2 ซึ่งเป็นคืนที่มีฟูลมูนปาร์ตี้ดันเต็มหมดเกือบทั้งเกาะ!!

คือเราอับจนหนทางจนเกือบจะจองโรงแรมที่อยู่หลังเกาะอยู่แล้ว แต่จนแล้วจนรอดโชคก็เข้าข้าง เพราะมีเตียงที่โฮสเทลเหลืออยู่พอดี ราคาก็ไม่เกินงบ ห้องรวมสี่เตียง เสียคนละ 450 แถมอยู่ใกล้ท่าเรือ เดินไปได้ไม่ต้องเรียกรถ แค่นั้นไม่พอ เงื่อนไขการยกเลิกห้องยังเป็นแบบไม่เสียค่าธรรมเนียมด้วยยย!!(จริงๆนี่เป็นเหตุผลหลักที่เลือก555 คือเข็ดอ่ะ บอกตามตรง) แต่ก็คงจะรู้กันแล้วว่าเรทมันมาจากตรงนี้ คึๆ

สรุปแล้วเราก็แพลนกันคร่าวๆว่า

31 พ.ค. นั่งรถไฟ ต่อเรือนอน
1 มิ.ย. ดำน้ำรอบเกาะเต่า ไปนอนอาบแดดที่เกาะนางยวน นอนเกาะเต่าคืนนึง
2 มิ.ย. นั่งเรือไปเกาะพะงัน ปาร์ตี้จนถึงเช้า
3 มิ.ย. กลับไปนอนสักตื่น แล้วค่อยเก็บของเตรียมตัวกลับบ้าน

วันเดินทางมาถึง เราก็นัดกับเพื่อนไว้ที่หัวลำโพงตอนเที่ยงครึ่ง พอไปถึงก็พากันไปซื้อตั๋วรถไฟที่เป็นรถเร็ว(หรา?)ขบวน 171 กรุงเทพ-สุไหงโกลก ออกจากหัวลำโพงตอนบ่ายโมง ซื้อน้ำซื้อหนมแล้วก็เดินเอ๋อๆไปเตรียมตัวขึ้นรถไฟกันที่ชานชาลา 9

พอไปถึงก็แบกเป้หาที่นั่ง แต่! ระดับเราแล้วมันไม่จบแค่นั้น เพราะนอกจากตั๋วที่ได้จะเป็นตั๋วไม่มีที่นั่งแล้ว ขบวนรถประมาณเกือบครึ่งคันยังถูกจองไว้สำหรับนิสิตมหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งซะงั้น!

ทีนี้คงพอจะจินตนาการกันออกว่าประชากรผู้โดยสารรถไฟจะแน่นว่าปกติขนาดไหน พวกเราเดินเหลียวซ้ายแลขวา สงสัยกันเบาๆว่าตั๋วตูไม่มีที่นั่งแล้วจะให้ไปสิงอยู่ตรงไหน(วะ?)

แต่มารู้ทีหลังว่าตั๋วไม่มีที่นั่งแบบเราสามารถไปสิงอยู่ตามหลืบมุมเบาะที่นั่งกับเจ้าของที่ได้ ถ้าไม่รู้ว่าที่นั่งมีคนจองรึยังแล้วไปกันหลายคนก็ให้กระจายนั่งเก้าอี้ว่างกันคนละตัว เจ้าของที่เค้ามาจะได้มีที่นั่ง ไม่ต้องโดนไล่ออกไปนั่งที่อื่น

ป.ล. ขอแนะนำว่าอย่าทำหน้ามึนๆแล้วเนียนไม่ลุกให้เจ้าของที่นั่ง คุณอาจโดนรุมประชาทัณฑ์ได้

เพราะฉะนั้นก่อนจะเดินทางก็เช็คดูก่อนว่าตรงกับวันหยุดยาวหรือเปล่า? เลี่ยงได้เป็นเลี่ยงอย่าไปวันนั้นเลย ไม่งั้นอาจดากหัก ไส้คดกันได้ง่ายๆ เพราะคนจะเบียดยืนเป็นปลากระป๋องกันเต็มทางเดิน ซ้ำร้ายคนขายข้าวขายน้ำก็จะคอยเดินไปเดินมา ดันกันไปดันกันมาตลอด 9 ชั่วโมง

โอยยย! นั่งแบบนี้ทำเอาเด็กสาวๆแก่ลงไปยี่สิบปีได้

ทางที่ดีโทรไปจองที่นั่งที่เบอร์ 1690 ไว้เลยจะชัวร์และสบายกว่ามากกกกก

คือแบบ...ใครจะไปรู้ว่าตั๋วฟรีก็จองที่นั่งกับเค้าได้ด้วยฟระ!

เราลงจากรถไฟกันที่สถานีชุมพร เข้าห้องน้ำแล้วก็แว๊นพี่วินมอไซด์ไปท่าเรือ

โชคร้ายยังไม่หมดแค่นั้น เพราะวันที่เราเดินทางมันเป็นวันอาทิตย์ มันก็เลยไม่มีเรือนอนแบบที่เห็นรีวิวกันใน pantip วิ่งส่งผู้โดยสาร เรากับพี่วินแว๊นกันไปทุกท่าเรือ ซึ่งร้างเงียบทุกที่ เรางี้หน้าซีดกะว่าคงต้องนอนที่ท่าเรือแน่แล้ว แต่พอไปถามคนขายตั๋วที่ท่าเรือลมพระยา เค้าบอกว่ามีตั๋วเหลือพอดีก็เลยรอดไปได้แบบหวุดหวิด พอซื้อตั๋วเสร็จก็จัดการแปรงฟันล้างหน้ารอรถมารับไปขึ้นเรือที่ท่าเรือท่ายาง เท่าที่ดูมันเหมือนจะเป็นเรือส่งของมากกว่า ทว่า ณ จุดๆนั้น อะไรที่ไม่ใช่พื้นท่าเรือ  เรารับได้ทั้งนั้น

พอขึ้นมาบนเรือ มันเป็นเรือเล็กๆสองชั้น มีฟูก หมอน ผ้าห่มวางเรืยงกันเป็นแถวๆเหมือนตอนไปเข้าค่ายลูกเสือ เรากับเพื่อนได้ที่นอนบนดาดฟ้าเรือ พระจันทร์เริ่มจะเต็มดวงแล้ว ฟ้าเลยสว่างมั๊กมาก แต่ต้องรอดึกอีกหน่อยถ้าอยากจะนอนดูดาวแบบคูลๆ ซึ่งสำหรับเรา พอหัวถึงหมอนก็หลับยาวเลย ตื่นมาอีกทีก็เป็นตอนที่จะถึงเกาะเต่าแล้ว

คือมันเป็นการเดินทางที่ลำบากลำบนชวนให้อยากร้องไห้กระซิกๆมากจริงๆ แต่ความลำบากพวกนั้นกลับทำให้ทุกอย่างยิ่งดูคุ้มค่า ทิวทัศน์ของทะเลสีฟ้าที่กว้างสุดลูกหูลูกตา สีของท้องฟ้ายามต้องแสงแรกแห่งวัน และอากาศบริสุทธิ์ที่เราหายใจเข้าไป ล้วนย้ำเตือนเราว่ามันเป็นการเดินทางที่คุ้มค่า

พวกเราถึงเกาะเต่าแล้ว(โว้ยยยยยย!)

ต่อคอมเม้นนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่