ก่อนอื่นเลยนี้เป็นกระทู้แรกที่เราเขียน จุดประสงค์ที่เราเขียนเพื่อเล่าจากประสบการณ์ตัวเองไม่ได้ลอกเรียนแบบใครและอีกจุดประสงค์ที่เขียนเพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำ ถ้าชอบหรือไม่ชอบยังไงก็บอกได้นะค่ะ ขอบคุณค่ะ ตัวเราอ่ะเป็นคนที่โง่อิ้งมากถึงมากที่สุดอ่ะ ตั้งแต่ขึ้นม.ปลายมา เกรดภาษาอังกฤษ ไม่เคยได้มากกว่า C หรือ 2 อ่ะ บอกเลยโคตรโง่ อาจเป็นเพราะเราไม่ชอบเรียนภาษาอังกฤษเพราะคิดว่ามันยากและคงจะไม่ได้ใช้ แต่ก็ต้องมาเปลี่ยนความคิดเมื่อ AEC เข้ามาเยือนไทย บอกเลยตอนแรกที่รู้ว่า AEC จะเข้ามาตอนแรกไม่มีความสนใจอะไรเลย(ตอนนั้นความคิดเด็กและเพ้อเจ้อมากอ่ะ) แต่เมื่อขึ้นมหาลัยความคิดก็เปลี่ยน เริ่มขึ้นว่าภาษาอังกฤษมีความสำคัญนะ!!! เพราะเดี๋ยวนี้งานเริ่มหายาก คนใช้ภาษาอังกฤษกันมากขึ้น แล้วอีกอย่างคือใกล้เปิด AEC แล้ว แรงงานจากประเทศต่างๆต้องมาแย่งงานกันสุดฤทธิ์ ตัวเราก็เลยมีความคิดว่าต้องเก่งภาษาให้มาขึ้น ไม่งั้นคงอยู่ยาก จึงสมัครเข้าร่วมโครงการ Work And Tarvel 2015 กับ ACADEX (ขอบอกนิดหนึ่งใครคิดจะเข้าร่วมกับเอเจ้น เพราะคิดว่าค่าโครงการถูก บอกนะตรงนี้ว่าให้คิดใหม่นะ คือตัวเราอ่ะที่เลือกเอเจ้นนี้เพราะคิดว่าค่าโครงการถูกและดูจากอาคารสำนักงานแล้วคิดว่าเอเจ้นนี้น่าจะไม่ปล่อยเกาะเรานะ แต่ความจริงที่พบคือมันเก็บยิบย่อยเยอะมากอ่ะ(โดยแบ่งจ่ายยิบย่อยส่วนที่ 1. จ่ายก่อนเลือกงาน 3,900 ฿ 2.จ่ายค่าโครงการ 48,800 ฿ 3.จ่ายค่าเปลี่ยนงานจากธรรมดาเป็นงานพรีเมี่ยม 6,000 ฿) จากตอนแรกที่เราไปคุยประมาณ 47000-48000฿ แต่พอนับรวมที่เราจ่ายยิบย่อย ค่าโครงการเราอยู่ที่ 58000-60000฿ โดยประมาณนะ ค่านี้ยังไม่รวมวีซ่าและค่าตั๋วเครื่องบิน อื่นๆ) หลังจากที่จ่ายค่าโครงการส่วนที่ 1 เสร็จก็ถึงคิวเลือกงานและสัมภาษณ์งานจร้า ตอนแรกเราเลือกงานไปทำ
McDonald's ที่ WI McDonald’sอันนี้สัมภาษณ์กับนายจ้างผ่าน Skype ผลปรากฎว่า "ไม่ผ่านจร้า" เสียใจแปบ ตอนแรกที่รู้ว่าไม่ผ่าน ท้อใจมากอ่ะ คิดไปต่างๆน่าๆว่าเราโง่อิ้งขนานนันเลยหลอ(ยอมรับโง่จริง ตอนสัมภาษณ์ที่เค้าพูดมาฟังออกไม่กี่ประโยคอ่ะที่เหลือพี่เราอยู่ข้างๆฟังให้อ่ะ) ตอนสัมภาษณ์เราแทบจะตอบแค่ Yes NO Ok อ่ะแล้วก็ยิ้มเหมือนคนบ้าอย่างเดี๋ยวเลยจร้า (ตลกตัวเองแปบ) ก็มารู้จากพี่หลังสัมภาษณ์เสร็จว่า "เค้าไม่รับเพราะว่าไปทำงานกับเค้าน้อยไป(คือตอนแรกเราไปทำได้แค่ 2 เดือนอ่ะ เพราะมีฝึกงานก่อนเปิดเทอม)เค้าอยากได้คนที่ทำงานกับเค้ามากกว่า 3 เดือน สรุปงานนี้ก็อดไป หลังจากนั้นเราก็ติดต่อไปที่พี่เอเจ้นบอกเค้าไม่ผ่านทำไงต่อ พี่เค้าก็ให้เลือกงานใหม่ ซึ่งตอนนั้นเหลือให้เลือกน้อยมากเพราะใกล้ฤดู Job Fair แล้ว ก็เหลืองานพวก Dish washer กับ house keeper เพื่อนที่ไปกับเราตัดสินใจกันได้เลยว่าไม่เอา Dish washer แน่นอนเพราะได้ยินจากพี่ที่เคยไปว่าวันๆแทบไม่ได้กระดิกตัวไปไหนเลย อยู่แต่กับจานกองเท่าภูเขา เจ็บป่วยก็ต้องไปทำงาน ร้องไห้หน้าเครื่องล้างจานกันไปเลย แค่ฟังก็ไม่ไหวแล้ว สุดท้ายเรากับเพื่อนก็เลยเลือกทำงาน housekeeper ที่ Sands Resorts

หลังจากเลือกเสร็จก็รอสัมภาษณ์ งานนี้สัมภาษณ์แบบกลุ่มในงาน Job Fair จร้า ไม่ได้สัมภาษณ์กับนายจ้างโดยตรง สัมภาษณ์กับองค์กรแลกเปลี่ยน อันนี้ก็ไม่ยากเท่าไรเราแทบไม่ได้พูดใช้ภาษาอะไรเลยแค่ ตอบ Yes No Ok และทำหน้าเหมือนฟังเค้าพูดรู้เรื่องเข้าไว้(แต่ในใจบอกเลย มันพูดอะไรฟ่ะ ฟังไม่ออก แงๆ) สุดท้ายเราก็ "ผ่านจร้า" ีใจแล้ว หลังจากนั้นก็จ่ายส่วนที่ 2 และ 3 (ส่วนที่ 2 และ 3 จ่าย เมื่อได้งานแน่ๆแล้ว) ตอนนี้ดีใจมากได้งาน มีงานแล้ว เราทำได้ครึ่งทางแล้วนะ หลังจากนั้นเราก็รอประมาณ 2-3 เดือนอ่ะ กว่าเค้าจะเรียกสัมภาษณ์วีซ่า
รอแล้วรออีก น๊าน นาน ก็ถึงวันสัมภาษณ์วีซ่า วันนั้นตื่นเต้นมากอ่ะ คิวสัมภาษณ์เราตอน 12.45 น. พี่ทีมงานให้เข้าเอาเอกสารสัมภาษณ์ก่อนไป เราก็เข้าไปเอาตอน 10.00 น. เอกสารของเราเรียบร้อยดี แต่ของเพื่อนเรานี้สิ พิมพ์เลขพาสปอร์ต ก็ต้องรอนั้งแก้เป็นชั่งโมงอ่ะ กว่าจะเสร็จก็ปาไป 12.00 น. แล้ว งานนี้รีบเลยจร้า แง สายแน่ๆ ก็รีบนั้งรถไฟฟ้าไปเลย พอไปถึง งงอีก หาสถานทูตไม่เจอ เรียกพี่วินเลยจร้างานนี้แว้นด่วนเลยพี่ เมื่อไปถึงช็อคแปบแถวยาวเป็นกิโลได้(อันนี้เวอร์แปบ) คือแถวมันยาวมากอ่ะ แล้วก็มีแต่เด็ก Work เลยเราก็เข้าคิวรอนานมาก กว่าเราจะได้เจ้าไปสถานทูตอ่ะ พอจะถึงคิวเราพนักงานเพิ่งมาบอกห้ามเอากระเป๋าเป้เข้า ซวยแล้วงานนี้ เพรากับเพื่อนเลยต้องเแากระเป๋าไปฝากแม่ค้าแถวนั้นโดยเค้าคิดค่าฝากกระเป๋าละ 50 ฿(งานนี้แม่ค้ารวย ไม่ต้องขายของก็รวยได้ เพราะเห็นเด็กที่มาสัมภาษณ์เอาไปฝากเป็น 10 คนอ่ะ) พอเข้าไปในสถานทูตได้ เค้ารับฝากแค่โทรศัพท์เครื่องเดียว ก็เข้าไป ผ่านเครื่องสแกน ผ่านการตรวจร่างกาย ก็เข้าไปตรวจเอกสารและจะได้ใบคู่มือมาพนักงานบอกให้อ่านเดี๋ยวคนสัมภาษณ์เค้าจะถามข้อมูลในนั้นด้วย และก็รอสัมภาษณ์(ตื่นเต้นมากอ่ะ กลัวไม่ผ่าน ถ้าไม่ผ่านชีวิตจบแน่อ่ะ ในใจก็พาวนาถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์เลยจร้า ขอให้เค้าช่วย ต่างๆนาๆ) พอเข้าไปถึงในห้องก็จะมีตรวจเอกสารอีกรอบและสแกนลายนิ้วมือและก็รอคิวสัมภาษณ์ต่อไป พอถึงคิวเราและเพื่อน ให้เพื่อนไปก่อนเลยและเราก็ เข้าไปก็ยืนเอกสาร แล้วพนังงานก็ถาม ที่เราโดนนะ (ทุกคำถามเป็นภาษาอังกฤษนะ)
พนังงาน "คุณไปเมืองไหน"
เรา "Myrtle Beach ,SC"
พนังงาน "ไปทำอะไร"
เรา "Housekeeper"
พนังงาน "คุณเรียนคณะอะไร"
เรา "ศึกษา"
พนังงาน "Why"
เรา " I Love children "
พนังงาน มองหน้าเราและตอบ" OK, Good Luck"
เรา "Thank you" และเดินออกจากช่องสัมภาษาณ์อย่างรวดเร็ว กลัวมันถามต่อแล้วจะไม่ผ่าน...555
พอผ่านทุกอย่างแล้วก็เหลือซื้อตั๋วเครื่องบินกับแลกเงินอ่ะ แต่ก็เกิดปัญหาอีก คือซื้อตั๋วไม่เป็น แต่หยิ่งจะซื้อเอง พอศึกษาข้อมูลไปข้อมูลมา ไม่ไหว กลัวซื้อเองจะไปไม่ถึงอเมริกา ก็เลยให้เอเจ้นซื้อให้ แต่ติดปัญหาตั๋วแพงชิหายเลย (ค่าตั๋วเรา 60700฿ ของสายการบินเดลต้าอ่ะ น้ำตาจะไหล แพงได้อีก) มางานนี้หมดเนื้อ หมดตัวเลยที่เดียว แงๆ
จากเกรด D ภาษาอังกฤษ สู่การเดินทางไปอเมริกาครั้งแรก
McDonald's ที่ WI McDonald’sอันนี้สัมภาษณ์กับนายจ้างผ่าน Skype ผลปรากฎว่า "ไม่ผ่านจร้า" เสียใจแปบ ตอนแรกที่รู้ว่าไม่ผ่าน ท้อใจมากอ่ะ คิดไปต่างๆน่าๆว่าเราโง่อิ้งขนานนันเลยหลอ(ยอมรับโง่จริง ตอนสัมภาษณ์ที่เค้าพูดมาฟังออกไม่กี่ประโยคอ่ะที่เหลือพี่เราอยู่ข้างๆฟังให้อ่ะ) ตอนสัมภาษณ์เราแทบจะตอบแค่ Yes NO Ok อ่ะแล้วก็ยิ้มเหมือนคนบ้าอย่างเดี๋ยวเลยจร้า (ตลกตัวเองแปบ) ก็มารู้จากพี่หลังสัมภาษณ์เสร็จว่า "เค้าไม่รับเพราะว่าไปทำงานกับเค้าน้อยไป(คือตอนแรกเราไปทำได้แค่ 2 เดือนอ่ะ เพราะมีฝึกงานก่อนเปิดเทอม)เค้าอยากได้คนที่ทำงานกับเค้ามากกว่า 3 เดือน สรุปงานนี้ก็อดไป หลังจากนั้นเราก็ติดต่อไปที่พี่เอเจ้นบอกเค้าไม่ผ่านทำไงต่อ พี่เค้าก็ให้เลือกงานใหม่ ซึ่งตอนนั้นเหลือให้เลือกน้อยมากเพราะใกล้ฤดู Job Fair แล้ว ก็เหลืองานพวก Dish washer กับ house keeper เพื่อนที่ไปกับเราตัดสินใจกันได้เลยว่าไม่เอา Dish washer แน่นอนเพราะได้ยินจากพี่ที่เคยไปว่าวันๆแทบไม่ได้กระดิกตัวไปไหนเลย อยู่แต่กับจานกองเท่าภูเขา เจ็บป่วยก็ต้องไปทำงาน ร้องไห้หน้าเครื่องล้างจานกันไปเลย แค่ฟังก็ไม่ไหวแล้ว สุดท้ายเรากับเพื่อนก็เลยเลือกทำงาน housekeeper ที่ Sands Resorts
หลังจากเลือกเสร็จก็รอสัมภาษณ์ งานนี้สัมภาษณ์แบบกลุ่มในงาน Job Fair จร้า ไม่ได้สัมภาษณ์กับนายจ้างโดยตรง สัมภาษณ์กับองค์กรแลกเปลี่ยน อันนี้ก็ไม่ยากเท่าไรเราแทบไม่ได้พูดใช้ภาษาอะไรเลยแค่ ตอบ Yes No Ok และทำหน้าเหมือนฟังเค้าพูดรู้เรื่องเข้าไว้(แต่ในใจบอกเลย มันพูดอะไรฟ่ะ ฟังไม่ออก แงๆ) สุดท้ายเราก็ "ผ่านจร้า" ีใจแล้ว หลังจากนั้นก็จ่ายส่วนที่ 2 และ 3 (ส่วนที่ 2 และ 3 จ่าย เมื่อได้งานแน่ๆแล้ว) ตอนนี้ดีใจมากได้งาน มีงานแล้ว เราทำได้ครึ่งทางแล้วนะ หลังจากนั้นเราก็รอประมาณ 2-3 เดือนอ่ะ กว่าเค้าจะเรียกสัมภาษณ์วีซ่า
รอแล้วรออีก น๊าน นาน ก็ถึงวันสัมภาษณ์วีซ่า วันนั้นตื่นเต้นมากอ่ะ คิวสัมภาษณ์เราตอน 12.45 น. พี่ทีมงานให้เข้าเอาเอกสารสัมภาษณ์ก่อนไป เราก็เข้าไปเอาตอน 10.00 น. เอกสารของเราเรียบร้อยดี แต่ของเพื่อนเรานี้สิ พิมพ์เลขพาสปอร์ต ก็ต้องรอนั้งแก้เป็นชั่งโมงอ่ะ กว่าจะเสร็จก็ปาไป 12.00 น. แล้ว งานนี้รีบเลยจร้า แง สายแน่ๆ ก็รีบนั้งรถไฟฟ้าไปเลย พอไปถึง งงอีก หาสถานทูตไม่เจอ เรียกพี่วินเลยจร้างานนี้แว้นด่วนเลยพี่ เมื่อไปถึงช็อคแปบแถวยาวเป็นกิโลได้(อันนี้เวอร์แปบ) คือแถวมันยาวมากอ่ะ แล้วก็มีแต่เด็ก Work เลยเราก็เข้าคิวรอนานมาก กว่าเราจะได้เจ้าไปสถานทูตอ่ะ พอจะถึงคิวเราพนักงานเพิ่งมาบอกห้ามเอากระเป๋าเป้เข้า ซวยแล้วงานนี้ เพรากับเพื่อนเลยต้องเแากระเป๋าไปฝากแม่ค้าแถวนั้นโดยเค้าคิดค่าฝากกระเป๋าละ 50 ฿(งานนี้แม่ค้ารวย ไม่ต้องขายของก็รวยได้ เพราะเห็นเด็กที่มาสัมภาษณ์เอาไปฝากเป็น 10 คนอ่ะ) พอเข้าไปในสถานทูตได้ เค้ารับฝากแค่โทรศัพท์เครื่องเดียว ก็เข้าไป ผ่านเครื่องสแกน ผ่านการตรวจร่างกาย ก็เข้าไปตรวจเอกสารและจะได้ใบคู่มือมาพนักงานบอกให้อ่านเดี๋ยวคนสัมภาษณ์เค้าจะถามข้อมูลในนั้นด้วย และก็รอสัมภาษณ์(ตื่นเต้นมากอ่ะ กลัวไม่ผ่าน ถ้าไม่ผ่านชีวิตจบแน่อ่ะ ในใจก็พาวนาถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์เลยจร้า ขอให้เค้าช่วย ต่างๆนาๆ) พอเข้าไปถึงในห้องก็จะมีตรวจเอกสารอีกรอบและสแกนลายนิ้วมือและก็รอคิวสัมภาษณ์ต่อไป พอถึงคิวเราและเพื่อน ให้เพื่อนไปก่อนเลยและเราก็ เข้าไปก็ยืนเอกสาร แล้วพนังงานก็ถาม ที่เราโดนนะ (ทุกคำถามเป็นภาษาอังกฤษนะ)
พนังงาน "คุณไปเมืองไหน"
เรา "Myrtle Beach ,SC"
พนังงาน "ไปทำอะไร"
เรา "Housekeeper"
พนังงาน "คุณเรียนคณะอะไร"
เรา "ศึกษา"
พนังงาน "Why"
เรา " I Love children "
พนังงาน มองหน้าเราและตอบ" OK, Good Luck"
เรา "Thank you" และเดินออกจากช่องสัมภาษาณ์อย่างรวดเร็ว กลัวมันถามต่อแล้วจะไม่ผ่าน...555
พอผ่านทุกอย่างแล้วก็เหลือซื้อตั๋วเครื่องบินกับแลกเงินอ่ะ แต่ก็เกิดปัญหาอีก คือซื้อตั๋วไม่เป็น แต่หยิ่งจะซื้อเอง พอศึกษาข้อมูลไปข้อมูลมา ไม่ไหว กลัวซื้อเองจะไปไม่ถึงอเมริกา ก็เลยให้เอเจ้นซื้อให้ แต่ติดปัญหาตั๋วแพงชิหายเลย (ค่าตั๋วเรา 60700฿ ของสายการบินเดลต้าอ่ะ น้ำตาจะไหล แพงได้อีก) มางานนี้หมดเนื้อ หมดตัวเลยที่เดียว แงๆ