เรื่องมันเกิดขึ้นนานมาแล้วครับ ตั้งแต่พ่อกับแม่ผมเพิ่งแต่งงานกันและย้ายเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ ตอนนั้นท่านทั้งสองยังไม่มีงานประจำครับ ลองมาหมดทุกอย่าง ทั้งเปิดอู่ซ่อมรถ เย็บผ้าโหลส่ง ไปจนถึงขนผลไม้ส่งข้ามจังหวัด ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็มาเกิดขึ้นอีตอนทำงานส่งผลไม้ข้ามจังหวัดนี่แหละครับ
วันนั้น หลังจากส่งผลไม้ที่จังหวัดศรีสะเกษเสร็จก็ดึกแล้ว ท่านทั้งสองจึงตกลงกันว่าจะไปพักที่บ้านคุณยายผมที่อุบล ระหว่างทางก็พบกับวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งยืนโบกรถอยู่
แม่เล่าว่า บริเวณที่เค้าโบกรถอยู่ใกล้ๆกับศาลากลางจังหวัด ซึ่งก็แค่มีไฟสลัว ๆ และก็ตามประสาต่างจังหวัดเมื่อเกือบ30ปีที่แล้ว แค่สองสามทุ่ม คนก็เข้าบ้านนอนกันเรียบร้อย ถนนก็โล่งมาก ก็ยังแปลกใจอยู่ว่า ทำไมพวกเขาถึงมายืนโบกรถอยู่เวลานี้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะพ่อก็เลี้ยวจอดมาแล้ว
วันรุ่นกลุ่มนั้นมีอยู่ด้วยกัน 4 คนครับ แต่งชุดแบบวัยรุ่นมาเที่ยวงานกาชาดอะไรทำนองนั้น พอพ่อจอด เค้าก็เข้ามาบอกว่า ผมขอติดรถไปด้วยได้มั๊ย ไปลงที่วัดข้างหน้า ซึ่งพ่อผมก็ตกลง พร้อมกับบอกให้ขึ้นกระบะท้ายได้เลย และบอกว่า ถ้าถึงก็ให้เคาะบอกนะ จะจอดให้
พอพวกเขาขึ้นรถมาได้สักพัก แม่ผมก็หลับไปจนมาตื่นอีกทีเมื่อพ่อผมปลุก ทีแรกแม่ก็คิดว่าถึงบ้านแล้ว แต่เปล่าเลยครับ พ่อจอดรถอยู่หน้าวัด
"เด็กหายไปแล้ว" พ่อบอกกับแม่ผม แม่จึงหันไปมองดูท้ายกระบะก็ไม่มีใครอยู่จริง ๆ
"ไม่ได้เข้าวัดไปแล้วหรอ" แม่ถาม เพราะแม่จำได้ว่าวัยรุ่นทั้งสี่บอกว่าขอติดรถไปวัด
"ไม่ใช่วัดนี้ พ่อขับรถเร็วมากเพราะอยากกลับบ้านเร็ว ๆ พอผ่านวัดก็ชะลอ เผื่อว่าเค้าจะเคาะให้จอด แต่ก็ไม่เคาะ ผ่านมาสองวัดแล้ว วัดนี้เป็นวัดที่สาม พ่อเลยหันไปดูที่ท้ายกระบะ ปรากฎว่าไม่มีใครอยู่แล้ว เลยปลุกแม่เนี่ยแหละ" พ่ออธิบาย
"ตายแล้ว พ่อขับรถเร็วจนเค้าตกรถไปหรือเปล่า พวกวัยรุ่นชอบนั่งขอบกระบะ ลองกลับไปดูมั๊ย เผื่อจะพาไปโรงพยาบาลทัน" แม่ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องลี้ลับเลย เพราะสภาพของสี่คนนั้นที่มาโบกรถ คือคนปกติทุกอย่าง
หลังจากนั้น พ่อผมจึงขับย้อนกลับมาทางเดิม จนกลับมาถึงจุดที่รับพวกเขาขึ้นรถมาก็ไม่พบใครซักคน
มาถึงตอนนี้ทั้งคู่ก็เริ่มคิดถึงสิ่งลี้ลับแล้วล่ะครับ แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา ท่านเลยตัดสินใจ ขับมาตามทางอีกรอบ จนมาถึงวัดแรกที่ผ่านในทางนั้น
ที่วัดนี้เป็นวัดเดียวในสามวัดระหว่างทางที่ยังคงเปิดไฟอยู่ที่ศาลา ทั้งคู่จึงตัดสินใจแวะเข้าไปดูที่ศาลาวัด ก็พบว่า มีงานศพจัดอยู่ที่นี่
ส่วนวัยรุ่นทั้งสี่คนนั้นก็อยู่ในงานเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ได้อยู่ในฐานะของผู้มาร่วมงาน แต่เป็นเจ้าของงานเองต่างหาก แม่เล่าว่า รูปหน้าศพทั้งสี่คน คือสี่คนที่มาโบกรถไม่ผิดแน่ ๆ พ่อกับแม่ได้แต่มองหน้ากันแบบช็อค หลังจากนั้น พ่อผมจึงเข้าไปถามวงไพ่ที่เล่นเฝ้าศพว่า เกิดอะไรขึ้น ก็ได้ความว่า เมื่อสัปดาห์ก่อนมีงานกาชาดที่ศาลากลางจังหวัด และก็มีวงดนตรีมาเล่น ซึ่งก็มีวัยรุ่นตีกันในงาน มีการยิง แทง ปาระเบิดขวดใส่กัน สี่คนนี้คือผู้ที่ตายจากเหตุการณ์นั้น
ได้ยินอย่างนั้น แม่กับพ่อผมก็เข้าไปไหว้ศพ และเคาะโลงบอกว่า พามาส่งแล้วนะ และขอให้ไปสู่ภพภูมิที่ดีขึ้น แล้วพ่อกับแม่ผมก็เดินทางต่อไปยังอุบลฯ และเช้าวันรุ่งขึ้นก็ทำบุญอุทิศส่วยกุศลไปให้ผู้ตายครับ และหลังจากเหตุการณ์นั้น พ่อกับแม่ผมไม่เคยรับคนโบกรถกลางคืนอีกเลย
.........................................................THE END...................................................................................................................
ปล.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เรื่อง ทำความเข้าใจกันสักนิด
เรียน นักสืบพันทิป, ชาวเน็ต, ใครสักคนที่หลงมาอ่าน
เนื่องด้วยหลังจากเหตุการณ์กระทู้เบญจเพสที่ผ่านมา ทำให้เกิดอาฟเตอร์ช็อคเป็นกระทู้ผีฟีเวอร์ ผมเลยขอโหนกระแสนี้บ้าง และมีเรื่องเรียนให้ทราบ ดังนี้
1. เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าจากคุณแม่ของผมเอง เป็นเรื่องที่ท่านเล่าให้ฟังบ่อย ๆ ผมไม่อาจตอบทุกท่านได้ว่าจริงเท็จหรือไม่ แต่ทุกครั้งที่แม่เล่า รายละเอียดจะเหมือนเดิม ผมจึงเชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง
2. แท็กแต่งนิยาย เพราะขอยอมรับว่า มีการใส่สีตีไข่เล็กน้อยจากเรื่องที่แม่เล่า และเปลี่ยนให้เป็นภาษาของผมเอง ขยายความเล็กน้อยในส่วนที่แม่เล่าไม่เคลียร์
3. ผมจะพยายามพิมพ์ให้ถูกต้องที่สุด ผิดตรงไหน ช่วยแจ้งด้วยครับ
พ่อกับแม่ผมรับคนแปลกหน้าติดรถมาด้วย แต่เมื่อถึงจุดหมาย สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้พวกท่านต้องตะลึง!!!!!!!
วันนั้น หลังจากส่งผลไม้ที่จังหวัดศรีสะเกษเสร็จก็ดึกแล้ว ท่านทั้งสองจึงตกลงกันว่าจะไปพักที่บ้านคุณยายผมที่อุบล ระหว่างทางก็พบกับวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งยืนโบกรถอยู่
แม่เล่าว่า บริเวณที่เค้าโบกรถอยู่ใกล้ๆกับศาลากลางจังหวัด ซึ่งก็แค่มีไฟสลัว ๆ และก็ตามประสาต่างจังหวัดเมื่อเกือบ30ปีที่แล้ว แค่สองสามทุ่ม คนก็เข้าบ้านนอนกันเรียบร้อย ถนนก็โล่งมาก ก็ยังแปลกใจอยู่ว่า ทำไมพวกเขาถึงมายืนโบกรถอยู่เวลานี้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะพ่อก็เลี้ยวจอดมาแล้ว
วันรุ่นกลุ่มนั้นมีอยู่ด้วยกัน 4 คนครับ แต่งชุดแบบวัยรุ่นมาเที่ยวงานกาชาดอะไรทำนองนั้น พอพ่อจอด เค้าก็เข้ามาบอกว่า ผมขอติดรถไปด้วยได้มั๊ย ไปลงที่วัดข้างหน้า ซึ่งพ่อผมก็ตกลง พร้อมกับบอกให้ขึ้นกระบะท้ายได้เลย และบอกว่า ถ้าถึงก็ให้เคาะบอกนะ จะจอดให้
พอพวกเขาขึ้นรถมาได้สักพัก แม่ผมก็หลับไปจนมาตื่นอีกทีเมื่อพ่อผมปลุก ทีแรกแม่ก็คิดว่าถึงบ้านแล้ว แต่เปล่าเลยครับ พ่อจอดรถอยู่หน้าวัด
"เด็กหายไปแล้ว" พ่อบอกกับแม่ผม แม่จึงหันไปมองดูท้ายกระบะก็ไม่มีใครอยู่จริง ๆ
"ไม่ได้เข้าวัดไปแล้วหรอ" แม่ถาม เพราะแม่จำได้ว่าวัยรุ่นทั้งสี่บอกว่าขอติดรถไปวัด
"ไม่ใช่วัดนี้ พ่อขับรถเร็วมากเพราะอยากกลับบ้านเร็ว ๆ พอผ่านวัดก็ชะลอ เผื่อว่าเค้าจะเคาะให้จอด แต่ก็ไม่เคาะ ผ่านมาสองวัดแล้ว วัดนี้เป็นวัดที่สาม พ่อเลยหันไปดูที่ท้ายกระบะ ปรากฎว่าไม่มีใครอยู่แล้ว เลยปลุกแม่เนี่ยแหละ" พ่ออธิบาย
"ตายแล้ว พ่อขับรถเร็วจนเค้าตกรถไปหรือเปล่า พวกวัยรุ่นชอบนั่งขอบกระบะ ลองกลับไปดูมั๊ย เผื่อจะพาไปโรงพยาบาลทัน" แม่ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องลี้ลับเลย เพราะสภาพของสี่คนนั้นที่มาโบกรถ คือคนปกติทุกอย่าง
หลังจากนั้น พ่อผมจึงขับย้อนกลับมาทางเดิม จนกลับมาถึงจุดที่รับพวกเขาขึ้นรถมาก็ไม่พบใครซักคน
มาถึงตอนนี้ทั้งคู่ก็เริ่มคิดถึงสิ่งลี้ลับแล้วล่ะครับ แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา ท่านเลยตัดสินใจ ขับมาตามทางอีกรอบ จนมาถึงวัดแรกที่ผ่านในทางนั้น
ที่วัดนี้เป็นวัดเดียวในสามวัดระหว่างทางที่ยังคงเปิดไฟอยู่ที่ศาลา ทั้งคู่จึงตัดสินใจแวะเข้าไปดูที่ศาลาวัด ก็พบว่า มีงานศพจัดอยู่ที่นี่
ส่วนวัยรุ่นทั้งสี่คนนั้นก็อยู่ในงานเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ได้อยู่ในฐานะของผู้มาร่วมงาน แต่เป็นเจ้าของงานเองต่างหาก แม่เล่าว่า รูปหน้าศพทั้งสี่คน คือสี่คนที่มาโบกรถไม่ผิดแน่ ๆ พ่อกับแม่ได้แต่มองหน้ากันแบบช็อค หลังจากนั้น พ่อผมจึงเข้าไปถามวงไพ่ที่เล่นเฝ้าศพว่า เกิดอะไรขึ้น ก็ได้ความว่า เมื่อสัปดาห์ก่อนมีงานกาชาดที่ศาลากลางจังหวัด และก็มีวงดนตรีมาเล่น ซึ่งก็มีวัยรุ่นตีกันในงาน มีการยิง แทง ปาระเบิดขวดใส่กัน สี่คนนี้คือผู้ที่ตายจากเหตุการณ์นั้น
ได้ยินอย่างนั้น แม่กับพ่อผมก็เข้าไปไหว้ศพ และเคาะโลงบอกว่า พามาส่งแล้วนะ และขอให้ไปสู่ภพภูมิที่ดีขึ้น แล้วพ่อกับแม่ผมก็เดินทางต่อไปยังอุบลฯ และเช้าวันรุ่งขึ้นก็ทำบุญอุทิศส่วยกุศลไปให้ผู้ตายครับ และหลังจากเหตุการณ์นั้น พ่อกับแม่ผมไม่เคยรับคนโบกรถกลางคืนอีกเลย
.........................................................THE END...................................................................................................................
ปล.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้