แผนการเดินทางและที่พัก (Itinerary and accommodation)
http://pantip.com/topic/33704481
สำหรับคนชอบหินอ่อน (Day 1: A first look of Milan’s lux)
http://pantip.com/topic/33733640
ดาวินชีเป็นไดเวอร์เจนต์?!!!! (Day 3: Say Salve to Da Vinci and confess your love with Juliet)
http://pantip.com/topic/33768802
วงกตแห่งคลอง (Day 4: Treasure and treachery of Venice)
http://pantip.com/topic/33794965
นครสีแดง (Day 5: The red jigsaws of Bologna)
http://pantip.com/topic/33833708
ทัศนศึกษาประวัติศาสตร์ศิลปะ (Day 6: A tour of Renaissance)
http://pantip.com/topic/33877524
หอเอนในตำนาน (Day 7: The Field of Miracles)
http://pantip.com/topic/34885362
โรมยามเย็น (Day 8: From Palazzo Vecchio to the buzzling piazzas of Rome)
http://pantip.com/topic/34914024
Prologue:
สีน้ำเงินอ่อนจากฟากฟ้า สะท้อนเป็นประกายบนระลอกคลื่นอันเกิดจากลมพัดอ่อนๆ หมู่บรรพตที่ล้อมรอบทะเลสาบสีครามแห่งนี้คือเทือกเขาแอล์ปอันสูงตระหง่าน ปกคลุมด้วยพรรณพฤกษานานาชนิด ที่ออกดอกอกออกใบบานสะพรั่งต้อนรับการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิอันงดงาม

Buongiorno!
Come stai?
อรุณสวัสดิ์ครับ ทุกคนสบายดีนะครับ...
มาถึงวันที่สอง หลังจากเมื่อวานเกือบจุกตายจากการบริโภคหินอ่อนหลายร้อยตันเข้าไปเต็มๆแล้ว วันนี้ผมจะพาทุกคนกลับสู่ความงามแบบคลาสสิกของธรรมชาติกัน
Lago di Como หรือทะเลสาบโคโมอยู่เหนือเมืองมิลานไปประมาณ100กว่ากิโลเมตร ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาน้ำแข็งของ Alps และก็ติดกับพรมแดนสวิสกับ Lake Lugano เลย นั่งรถไฟเที่ยวเช้าเย็นกลับจากมิลานได้ครับ สวนความสวยงามนี่ไม่ต้องพูดถึง ฟินยิ่งกว่าตายแล้วไปอยู่ Elysium ซะอีก
แพลนวันนี้คือจะนั่งรถไฟจาก Milan ไปยัง Varenna เที่ยวให้เสร็จ แล้วนั่งเรือจากเมืองนี้ไปลงที่ Bellagio หากเวลาเหลือ จะแวะไป Lenno (ขอสารภาพว่ามันไม่เหลือ) แล้วปิดท้ายด้วยเมือง Como ที่ชื่อเหมือนทะเลสาบ จาก Como นั่งรถไฟกลับสู่ Milan จบครับ5555

หลังจากทานซาลามีในเบรคฟัสโรงแรมไปจนหมดถาดแล้ว ก็เริ่มออกเดินทางไปยังแหล่งรวมโจร, oops! scusa me, สถานีมิลาโนเชนทราเล่ เพื่อซื้อตั๋วรถไฟ regional ไปยังสถานี Varenna-Esino อันเป็นที่ตั้งของเมืองแรกที่เราจะไป
ATTENZIONE!!
อย่าลืม validate ตั๋ว ตั๋วที่ไม่ได้ fix ที่นั่งจะต้องถูกนำไป validate ทุกครั้งที่เครื่องสีเหลืองตรงทางเข้าชานชลา หากไม่ทำเช่นนั้นจะโดนปรับ(แพง) ตั๋วที่ไม่ต้อง validate คือตั๋วที่ระบุที่นั่งเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็คือตั๋วที่เราจองมาล่วงหน้าจากในเว็บไซต์ของ trenitalia ครับ (ตั๋วที่จองล่วงหน้าได้จะต้องเป็นตั๋วของรถไฟความเร็วสูง พวก Frecciarossa, Frecciagento, Frecciabianca และ Intercity ส่วนรถไฟพื้นบ้านอย่าง Regionale และ Regionale Veloce ต้องซื้อตั๋วที่สถานี จองไม่ได้ และต้อง validate ให้เรียบร้อย)
นั่งรถไฟแค่ 1 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว
สถานีต่างจังหวัดที่นี่เหมือนบ้านเราเลยเนอะ ทั้งรูปร่าง รางรถไฟ ความสกปรก ไม่เหมือนอย่างดียวคืออากาศ55555

สถานีรถไฟจะตั้งอยู่บนเนิน ให้เดินออกมาดูแผนที่(หาไม่ยาก) แล้วคลำทางเข้าเมืองครับ ส่วน Destination ของเราคือ Castello di Vezio ปราสาทยุคกลางสร้างบนเนินอีกเนินแถวกลางเมือง Varenna

หาทางไปยากอยู่ ป้ายไม่ค่อยมี ก็อาศัยสกิลการแถภาษาอิตาเลียนระดับเด็กอนุบาลกับภาษาใบ้ถามทางคนในอู่ซ่อมรถเอา ก็ได้ว่าพอเดินเข้าเมืองตามถนนหลักเจอโฮเทลอันแรกจะมีป้ายชี้ทางซิกแซกตามหมู่บ้านขึ้นไปปราสาท ลุงช่างบอกว่าเดิน15นาทีถึง
[ปล. ต้องบอกไว้ก่อนทางฝึกนศท.นี้มีความยาวหลายกิโล เดินจริงๆ+พักถ่ายรูปเกือบชั่วโมง ใครเดินไม่เก่ง เข่าไม่ดี หรือเป็นโรคทางเดินหายใจ อย่าดีกว่าครับ]
พอเจอทางขึ้นจะเห็นป้ายเล็กเท่าทะเบียนมอไซรับจ้าง เลี้ยวขึ้นไปเลยยย
นี่ครับระหว่างทาง ทางเดินก็งั้นๆ เน้นคนมากกว่า555555555

Medieval road มากๆ ลองจินตานาการตัวเองขี่ม้าแบบอัศวินผ่านหมู่บ้านขึ้นไปยังปราสาท

เริ่มเห็นวิวละนะ

Belle fiore! ดอกไม้ข้างทาง น่ารักเชียว

เดินไปเรื่อยๆครับ..
น่าจะเกิน15นาทีมา15นาทีแล้วนะครับ เหนื่อยละ
และแล้ว เหมือนจะถึง ก็ยังไม่ใช่ แต่เอ๊ะเดี๋ยวก่อน นี่มันหมู่บ้านคนนี่

บ้านคนเฒ่าคนแก่ คงอยู่มานานละครับ สังเกตจากสุสาน อยู่กันทั้งตระกูลเลย

โบสถ์ไซส์มินิ เหมือนวัดต่างจังหวัดบ้านเรา น่ารักดี (อ่านในเน็ตมันมีภาพวาดผนังสวยๆด้วยครับ แต่มันปิดอยู่)

แถ่นแทนแท้น!!!! ทางขึ้นปราสาทแล้ว!! มีสวนรอบๆด้วย เหมือนในหนังเลย

ทางเข้า มี Caffeteria ขายกาแฟ Lavazza ด้วย จัดสักแก้ว
'Io vorrei cappuccino per favore?'
"Certo"
'Quanto costa?'
"Due euro"
70 บาท ถูกกว่าที่ไทยอีก ดีงามมาก แถมมีวิวให้ดู

OMGG นี่มัน Lavazza กาแฟชื่อดังของที่นี่

กินเสร็จเข้าปราสาทกันเถอะ
ปราสาทนี้ไม่ได้ใหญ่โตเหมือนในหนังอัศวินหรือ Game of Thrones นะครับ เป็นป้อมเล็กๆเฉยๆมีคนมาสร้างไว้ตั้งแต่สมัยโรมันเลยนะครับ เก่าใช่เล่น

ทันใดนั้นวิวก็มา
สวยขนาดนี้มาดูเองเลยครับ ขี้เกียจบรรยาย

เห็นตัวเมือง Varenna จากมุมสูง

พาโนรามามาก สวยจริงๆ

หลังจุดชมวิวมีลานหญ้ากว้างๆ ที่นี่เขาเป็นบ้านเลี้ยงพวกนกนักล่าอย่างเหยี่ยว เค้าแมว ลุงฮูก ด้วยนะ ดูดิ

เข้าเขตปราสาทละ ขอมโนตัวเองเป็น Ser Jaime Lannister

Courtyard ของปราสาท เล็กๆน่ารักดี
นี่ก็ Watchtower สูงเด่นเลย

หลังจากนั้นก็เดินข้ามสะพานไป พอเข้าไปนี่ บรรยากาศย้อนยุคได้ใจมากๆ นึกว่ายังอยู่สมัยสงครามครูเสด
อันนี้ชุดเกราะอัศวินของจริงนะครับ

ฟอสซิลของ Lariosaurus สัตว์เลื้อยคลานทะเลยุค Triassic ก็จริงครับ เขาพบแถวนี้นี่แหล่ะ

เดินบันไดวนไปเรื่อย(อีกแล้ว) ก็เริ่มเห็นวิวแวบๆผ่านช่องหน้าต่าง

ต้นสนอันนี้คือ Cyprus จะเห็นได้บ่อยมาก โดยเฉพาะในเขต Tuscany ส่วนต้นใบสีเขียวเทาอ่อนๆก็คือมะกอกครับ
เมื่อปีนมาเรื่อยๆ ก็ถึงยอดบนสุดของหอคอย เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดเลยครับ

สวยงาม
ฟิน
ขึ้นสวรรค์ได้ไง ไม่ใช่คนดีขนาดนั้น55555
ตอนออกมาจากปราสาท แอบเห็นวิวเมืองบนผู้เขาด้วย น่าอยู่มาก
ดูกันจนโคนเซลล์สีน้ำเงินเสื่อมหมดแล้วก็บอกอารริเวแดร์ชี่กับพาโนเทพประทาน แล้วกลับสู่โลกความจริงครับ
...นั่นหมายถึงทางลงเนินอีกเกือบสี่โล
ขาลงก็ต้องเดินย้อนทางเดินนะครับ เหนื่อยขาแทบลาก
ในที่สุด เกือบถึงพื้นแล้ว!!!

จาก Paradiso กลับมาสู่ท่าเรือ พาเราไปยังสถานที่เที่ยวอีกแห่ง
...Bellagio
[CR] REVIEW: Italy Sightseeing Trip, Day 2 : Lake Como, a gateway to a piece of paradise
http://pantip.com/topic/33704481
สำหรับคนชอบหินอ่อน (Day 1: A first look of Milan’s lux)
http://pantip.com/topic/33733640
ดาวินชีเป็นไดเวอร์เจนต์?!!!! (Day 3: Say Salve to Da Vinci and confess your love with Juliet)
http://pantip.com/topic/33768802
วงกตแห่งคลอง (Day 4: Treasure and treachery of Venice)
http://pantip.com/topic/33794965
นครสีแดง (Day 5: The red jigsaws of Bologna)
http://pantip.com/topic/33833708
ทัศนศึกษาประวัติศาสตร์ศิลปะ (Day 6: A tour of Renaissance)
http://pantip.com/topic/33877524
หอเอนในตำนาน (Day 7: The Field of Miracles)
http://pantip.com/topic/34885362
โรมยามเย็น (Day 8: From Palazzo Vecchio to the buzzling piazzas of Rome)
http://pantip.com/topic/34914024
Prologue:
สีน้ำเงินอ่อนจากฟากฟ้า สะท้อนเป็นประกายบนระลอกคลื่นอันเกิดจากลมพัดอ่อนๆ หมู่บรรพตที่ล้อมรอบทะเลสาบสีครามแห่งนี้คือเทือกเขาแอล์ปอันสูงตระหง่าน ปกคลุมด้วยพรรณพฤกษานานาชนิด ที่ออกดอกอกออกใบบานสะพรั่งต้อนรับการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิอันงดงาม
Buongiorno!
Come stai?
อรุณสวัสดิ์ครับ ทุกคนสบายดีนะครับ...
มาถึงวันที่สอง หลังจากเมื่อวานเกือบจุกตายจากการบริโภคหินอ่อนหลายร้อยตันเข้าไปเต็มๆแล้ว วันนี้ผมจะพาทุกคนกลับสู่ความงามแบบคลาสสิกของธรรมชาติกัน
Lago di Como หรือทะเลสาบโคโมอยู่เหนือเมืองมิลานไปประมาณ100กว่ากิโลเมตร ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาน้ำแข็งของ Alps และก็ติดกับพรมแดนสวิสกับ Lake Lugano เลย นั่งรถไฟเที่ยวเช้าเย็นกลับจากมิลานได้ครับ สวนความสวยงามนี่ไม่ต้องพูดถึง ฟินยิ่งกว่าตายแล้วไปอยู่ Elysium ซะอีก
แพลนวันนี้คือจะนั่งรถไฟจาก Milan ไปยัง Varenna เที่ยวให้เสร็จ แล้วนั่งเรือจากเมืองนี้ไปลงที่ Bellagio หากเวลาเหลือ จะแวะไป Lenno (ขอสารภาพว่ามันไม่เหลือ) แล้วปิดท้ายด้วยเมือง Como ที่ชื่อเหมือนทะเลสาบ จาก Como นั่งรถไฟกลับสู่ Milan จบครับ5555
หลังจากทานซาลามีในเบรคฟัสโรงแรมไปจนหมดถาดแล้ว ก็เริ่มออกเดินทางไปยังแหล่งรวมโจร, oops! scusa me, สถานีมิลาโนเชนทราเล่ เพื่อซื้อตั๋วรถไฟ regional ไปยังสถานี Varenna-Esino อันเป็นที่ตั้งของเมืองแรกที่เราจะไป
ATTENZIONE!!
อย่าลืม validate ตั๋ว ตั๋วที่ไม่ได้ fix ที่นั่งจะต้องถูกนำไป validate ทุกครั้งที่เครื่องสีเหลืองตรงทางเข้าชานชลา หากไม่ทำเช่นนั้นจะโดนปรับ(แพง) ตั๋วที่ไม่ต้อง validate คือตั๋วที่ระบุที่นั่งเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็คือตั๋วที่เราจองมาล่วงหน้าจากในเว็บไซต์ของ trenitalia ครับ (ตั๋วที่จองล่วงหน้าได้จะต้องเป็นตั๋วของรถไฟความเร็วสูง พวก Frecciarossa, Frecciagento, Frecciabianca และ Intercity ส่วนรถไฟพื้นบ้านอย่าง Regionale และ Regionale Veloce ต้องซื้อตั๋วที่สถานี จองไม่ได้ และต้อง validate ให้เรียบร้อย)
นั่งรถไฟแค่ 1 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว
สถานีต่างจังหวัดที่นี่เหมือนบ้านเราเลยเนอะ ทั้งรูปร่าง รางรถไฟ ความสกปรก ไม่เหมือนอย่างดียวคืออากาศ55555
สถานีรถไฟจะตั้งอยู่บนเนิน ให้เดินออกมาดูแผนที่(หาไม่ยาก) แล้วคลำทางเข้าเมืองครับ ส่วน Destination ของเราคือ Castello di Vezio ปราสาทยุคกลางสร้างบนเนินอีกเนินแถวกลางเมือง Varenna
หาทางไปยากอยู่ ป้ายไม่ค่อยมี ก็อาศัยสกิลการแถภาษาอิตาเลียนระดับเด็กอนุบาลกับภาษาใบ้ถามทางคนในอู่ซ่อมรถเอา ก็ได้ว่าพอเดินเข้าเมืองตามถนนหลักเจอโฮเทลอันแรกจะมีป้ายชี้ทางซิกแซกตามหมู่บ้านขึ้นไปปราสาท ลุงช่างบอกว่าเดิน15นาทีถึง
[ปล. ต้องบอกไว้ก่อนทางฝึกนศท.นี้มีความยาวหลายกิโล เดินจริงๆ+พักถ่ายรูปเกือบชั่วโมง ใครเดินไม่เก่ง เข่าไม่ดี หรือเป็นโรคทางเดินหายใจ อย่าดีกว่าครับ]
พอเจอทางขึ้นจะเห็นป้ายเล็กเท่าทะเบียนมอไซรับจ้าง เลี้ยวขึ้นไปเลยยย
นี่ครับระหว่างทาง ทางเดินก็งั้นๆ เน้นคนมากกว่า555555555
Medieval road มากๆ ลองจินตานาการตัวเองขี่ม้าแบบอัศวินผ่านหมู่บ้านขึ้นไปยังปราสาท
เริ่มเห็นวิวละนะ
Belle fiore! ดอกไม้ข้างทาง น่ารักเชียว
เดินไปเรื่อยๆครับ..
น่าจะเกิน15นาทีมา15นาทีแล้วนะครับ เหนื่อยละ
และแล้ว เหมือนจะถึง ก็ยังไม่ใช่ แต่เอ๊ะเดี๋ยวก่อน นี่มันหมู่บ้านคนนี่
บ้านคนเฒ่าคนแก่ คงอยู่มานานละครับ สังเกตจากสุสาน อยู่กันทั้งตระกูลเลย
โบสถ์ไซส์มินิ เหมือนวัดต่างจังหวัดบ้านเรา น่ารักดี (อ่านในเน็ตมันมีภาพวาดผนังสวยๆด้วยครับ แต่มันปิดอยู่)
แถ่นแทนแท้น!!!! ทางขึ้นปราสาทแล้ว!! มีสวนรอบๆด้วย เหมือนในหนังเลย
ทางเข้า มี Caffeteria ขายกาแฟ Lavazza ด้วย จัดสักแก้ว
'Io vorrei cappuccino per favore?'
"Certo"
'Quanto costa?'
"Due euro"
70 บาท ถูกกว่าที่ไทยอีก ดีงามมาก แถมมีวิวให้ดู
OMGG นี่มัน Lavazza กาแฟชื่อดังของที่นี่
กินเสร็จเข้าปราสาทกันเถอะ
ปราสาทนี้ไม่ได้ใหญ่โตเหมือนในหนังอัศวินหรือ Game of Thrones นะครับ เป็นป้อมเล็กๆเฉยๆมีคนมาสร้างไว้ตั้งแต่สมัยโรมันเลยนะครับ เก่าใช่เล่น
ทันใดนั้นวิวก็มา
สวยขนาดนี้มาดูเองเลยครับ ขี้เกียจบรรยาย
เห็นตัวเมือง Varenna จากมุมสูง
พาโนรามามาก สวยจริงๆ
หลังจุดชมวิวมีลานหญ้ากว้างๆ ที่นี่เขาเป็นบ้านเลี้ยงพวกนกนักล่าอย่างเหยี่ยว เค้าแมว ลุงฮูก ด้วยนะ ดูดิ
เข้าเขตปราสาทละ ขอมโนตัวเองเป็น Ser Jaime Lannister
Courtyard ของปราสาท เล็กๆน่ารักดี
นี่ก็ Watchtower สูงเด่นเลย
หลังจากนั้นก็เดินข้ามสะพานไป พอเข้าไปนี่ บรรยากาศย้อนยุคได้ใจมากๆ นึกว่ายังอยู่สมัยสงครามครูเสด
อันนี้ชุดเกราะอัศวินของจริงนะครับ
ฟอสซิลของ Lariosaurus สัตว์เลื้อยคลานทะเลยุค Triassic ก็จริงครับ เขาพบแถวนี้นี่แหล่ะ
เดินบันไดวนไปเรื่อย(อีกแล้ว) ก็เริ่มเห็นวิวแวบๆผ่านช่องหน้าต่าง
ต้นสนอันนี้คือ Cyprus จะเห็นได้บ่อยมาก โดยเฉพาะในเขต Tuscany ส่วนต้นใบสีเขียวเทาอ่อนๆก็คือมะกอกครับ
เมื่อปีนมาเรื่อยๆ ก็ถึงยอดบนสุดของหอคอย เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดเลยครับ
สวยงาม
ฟิน
ขึ้นสวรรค์ได้ไง ไม่ใช่คนดีขนาดนั้น55555
ตอนออกมาจากปราสาท แอบเห็นวิวเมืองบนผู้เขาด้วย น่าอยู่มาก
ดูกันจนโคนเซลล์สีน้ำเงินเสื่อมหมดแล้วก็บอกอารริเวแดร์ชี่กับพาโนเทพประทาน แล้วกลับสู่โลกความจริงครับ
...นั่นหมายถึงทางลงเนินอีกเกือบสี่โล
ขาลงก็ต้องเดินย้อนทางเดินนะครับ เหนื่อยขาแทบลาก
ในที่สุด เกือบถึงพื้นแล้ว!!!
จาก Paradiso กลับมาสู่ท่าเรือ พาเราไปยังสถานที่เที่ยวอีกแห่ง
...Bellagio