สวัสดีค่ะ มีเรื่องจะปรึกษาค่ะ
เราลองสังเกตตัวเองดู เวลาอยู่นอกบ้านจะเป็นคนร่าเริงและกระปรี้กะเปร่ามาก แต่พอกลับบ้าน เราจะกลายเป็นอีกคน ที่ค่อนข้างซึมเศร้า เฉื่อยชา และ ร้องไห้บ่อย มันคงมีสาเหตมาจากคนในครอบครัว ที่ค่อนข้างเข้มงวด ทุกฝีก้าว เรื่องที่ทะเลาะกันมันเป็นแค่เรื่องเล็กๆสำหรับคนอื่นแต่ก็กลายเป็นเหมือน เรื่องใหญ่มากในบ้านของเรา
เช่น ลืมของ ทำของเล็กๆน้อยๆหาย ลืมถอดปลั๊กไฟ ก็โดนด่าเป็นชุดลั่นบ้าน ขุดคุ้ยเรื่องเก่าๆมาด่า หนักหน่อยก็โดนตี จนคนร่าเริงอย่างเราตอนอยู่ข้าง นอกร้องไห้เอาง่ายๆ เหมือนคนละคน มันอึดอัด ไปหมด
ตอน ม.ต้นเคยมีกินเลี้ยงหมูกะทะ ที่บ้านก็ไม่เคยจะให้ไป เพราะอย่างนี้ถึงไม่กล้าขอ เพราะกลัวจะไม่ให้ เราเลยหอบข้าวของจะไปพักที่บ้านเพื่อนวันหนึ่ง คือ ทุกคนในห้องไปเราก็อยากไปมั่ง สุดท้าย แม่พี่ยาย ตามมาถึงที่ ฉุดกระชากลากเรากลับบ้าน ต่อหน้าเพื่อนทุกคน
ทุกวันนี้เราจะไปไหนเราต้องโกหกตลอด ทั้งไที่ไม่ได้อยากโกหกเลย แต่เขาไม่ยอมฟังเหตุผล เห็นเพื่อนคนอื่นไปเที่ยว เราก็อยากไป ขนาดเรามีเงินเก็บ เองกับตัว ก็ยึดไปเพื่อไม่ให้เราหนีไปเที่ยวไหน อยากให้เราอยู่แต่ในบ้าน!!!
ตอนปิดเทอม เราก็ไปหางานพาร์ทไทม์ มีเงินเก็บมากมาย เราไม่ใช่คนใช้เงินฟุ่มเฟือย เราก็อยากให้เขาไว้ใจเรา เลยให้เงินเดือนให้เขาเก็บด้วย เพื่อให้ เขาไว้ใจเรา ทีนี้เพื่อนๆวางแผนจะไปเที่ยวยทะเล เราสามารถเก็บเงินจนมีเงินเก็บซะเกินพอค่าใช้จ่ายเวลาไปสะอีก เราคิดว่า ถ้าจองทุกอย่างไปแล้วคงจะ ให้ เลยจองตั๋วเครื่องบิน และที่พักเอาไว้ และจ่ายไปแล้วด้วย ในใจก็หวังให้เขายอม ตอนนั้นเราคิดว่า เราทำงานเก็บเงินเองนะ ก็ต้องให้เราไปสิ ไหนจะ จองอะไรหลายอย่างไปแล้วอีก
แต่สุดท้าย เขาก็ไม่ให้เราไป อ้างอะไรหลายอย่างมาสารพัด เริ่มลามไปเรื่องอื่น เช่น ทำไมไม่เก็บเงินไว้ใช้ตอนมหาลัย หรือ กลัวคามปลอดภัยของเรา เราอ้อนขอร้อง แต่ก็ไม่มีผล เกิดเป็นเรื่องทะเลาะใหญ่โต เราน้อยใจมากๆ เราก็เป็นวัยรุ่นคนหนึ่งที่ที่คิดว่าตัวเองเอาตัวรอดได้ การเรียนก็ไม่ได้แย่
ตอนประถมถึงม.ต้น ก็ไม่เคยหลุดอันดับ ทอปทรี พอขึ้น ม.ปลาย ถึงไม่ได้เก่งอันดับต้นๆของห้อง แต่เราก็อยู่ในห้องคัดที่มีคนเก่งๆมากมาย และเกรดก็ ถือว่าดี เรารู้สึกว่า เราประพฤติตัวดี ตั้งใจเรียน ขนาดนี้แล้วยังต้องการอะไรจากเราอีก
ทีนี้พอเราไม่ได้ไปทะเล เราก็ เออ เริ่มทำใจได้แล้ว ระหว่างที่เราออกไปตักข้าวมากิน เขาก็พูดกับเราว่า ต่อไปอย่าหวังจะได้ไปไหนอีก จนกว่าจะจบ ปีสี่!!
เราก็ถามว่า แล้วเที่ยวใน จังหวัดของเราก็ไม่ได้หรอ (เราอยู่ภาคเหนือ) เขาก็ตอบมาว่า ไม่ได้!! เราก็ถาม ปิดเทอมนี้ก็ไม่ให้ไปไหนเลยหรอ เขาก็บอกว่า ไม่!! ห้ามไปไหนทั้งนั้น เรารู้สึกเหมือนอยู่ในคุกเลยอ้ะค่ะ
เราจะพูดกับผู้ปกครองเรายังไง ให้เขาผ่อนปรนเราบ้าง เอาอึดอัด และ รู้สึกจิตตกมาก ถ้าถามว่าเกิดมา ร้องไห้เพราะอะไรบ่อยที่สุด ก็เพราะครอบครัวเรา นี่แหละค่ะ เหมือนเรากำลังจะเป็นบ้าเลย มันห่อเหี่ยวไปหมด
ทั้งนี้ ขอให้ ช่วยกันแสดงความคิดเห็นหน่อยนะคะ ว่าเราควรทำยังไง ให้เขาไม่เข้มงวดเราเกินไป เราต้องพูดกับเขายังไง
ปล. เราไม่เคยไปมีเรื่องกับใคร ไม่เคยประสบอุบัติเหตุร้ายแรง ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง
ช่วยกันแสดงความคิดเห็นหน่อยนะคะ
ครอบครัวทำให้กลายเป็นคนเก็บกด
เราลองสังเกตตัวเองดู เวลาอยู่นอกบ้านจะเป็นคนร่าเริงและกระปรี้กะเปร่ามาก แต่พอกลับบ้าน เราจะกลายเป็นอีกคน ที่ค่อนข้างซึมเศร้า เฉื่อยชา และ ร้องไห้บ่อย มันคงมีสาเหตมาจากคนในครอบครัว ที่ค่อนข้างเข้มงวด ทุกฝีก้าว เรื่องที่ทะเลาะกันมันเป็นแค่เรื่องเล็กๆสำหรับคนอื่นแต่ก็กลายเป็นเหมือน เรื่องใหญ่มากในบ้านของเรา
เช่น ลืมของ ทำของเล็กๆน้อยๆหาย ลืมถอดปลั๊กไฟ ก็โดนด่าเป็นชุดลั่นบ้าน ขุดคุ้ยเรื่องเก่าๆมาด่า หนักหน่อยก็โดนตี จนคนร่าเริงอย่างเราตอนอยู่ข้าง นอกร้องไห้เอาง่ายๆ เหมือนคนละคน มันอึดอัด ไปหมด
ตอน ม.ต้นเคยมีกินเลี้ยงหมูกะทะ ที่บ้านก็ไม่เคยจะให้ไป เพราะอย่างนี้ถึงไม่กล้าขอ เพราะกลัวจะไม่ให้ เราเลยหอบข้าวของจะไปพักที่บ้านเพื่อนวันหนึ่ง คือ ทุกคนในห้องไปเราก็อยากไปมั่ง สุดท้าย แม่พี่ยาย ตามมาถึงที่ ฉุดกระชากลากเรากลับบ้าน ต่อหน้าเพื่อนทุกคน
ทุกวันนี้เราจะไปไหนเราต้องโกหกตลอด ทั้งไที่ไม่ได้อยากโกหกเลย แต่เขาไม่ยอมฟังเหตุผล เห็นเพื่อนคนอื่นไปเที่ยว เราก็อยากไป ขนาดเรามีเงินเก็บ เองกับตัว ก็ยึดไปเพื่อไม่ให้เราหนีไปเที่ยวไหน อยากให้เราอยู่แต่ในบ้าน!!!
ตอนปิดเทอม เราก็ไปหางานพาร์ทไทม์ มีเงินเก็บมากมาย เราไม่ใช่คนใช้เงินฟุ่มเฟือย เราก็อยากให้เขาไว้ใจเรา เลยให้เงินเดือนให้เขาเก็บด้วย เพื่อให้ เขาไว้ใจเรา ทีนี้เพื่อนๆวางแผนจะไปเที่ยวยทะเล เราสามารถเก็บเงินจนมีเงินเก็บซะเกินพอค่าใช้จ่ายเวลาไปสะอีก เราคิดว่า ถ้าจองทุกอย่างไปแล้วคงจะ ให้ เลยจองตั๋วเครื่องบิน และที่พักเอาไว้ และจ่ายไปแล้วด้วย ในใจก็หวังให้เขายอม ตอนนั้นเราคิดว่า เราทำงานเก็บเงินเองนะ ก็ต้องให้เราไปสิ ไหนจะ จองอะไรหลายอย่างไปแล้วอีก
แต่สุดท้าย เขาก็ไม่ให้เราไป อ้างอะไรหลายอย่างมาสารพัด เริ่มลามไปเรื่องอื่น เช่น ทำไมไม่เก็บเงินไว้ใช้ตอนมหาลัย หรือ กลัวคามปลอดภัยของเรา เราอ้อนขอร้อง แต่ก็ไม่มีผล เกิดเป็นเรื่องทะเลาะใหญ่โต เราน้อยใจมากๆ เราก็เป็นวัยรุ่นคนหนึ่งที่ที่คิดว่าตัวเองเอาตัวรอดได้ การเรียนก็ไม่ได้แย่
ตอนประถมถึงม.ต้น ก็ไม่เคยหลุดอันดับ ทอปทรี พอขึ้น ม.ปลาย ถึงไม่ได้เก่งอันดับต้นๆของห้อง แต่เราก็อยู่ในห้องคัดที่มีคนเก่งๆมากมาย และเกรดก็ ถือว่าดี เรารู้สึกว่า เราประพฤติตัวดี ตั้งใจเรียน ขนาดนี้แล้วยังต้องการอะไรจากเราอีก
ทีนี้พอเราไม่ได้ไปทะเล เราก็ เออ เริ่มทำใจได้แล้ว ระหว่างที่เราออกไปตักข้าวมากิน เขาก็พูดกับเราว่า ต่อไปอย่าหวังจะได้ไปไหนอีก จนกว่าจะจบ ปีสี่!!
เราก็ถามว่า แล้วเที่ยวใน จังหวัดของเราก็ไม่ได้หรอ (เราอยู่ภาคเหนือ) เขาก็ตอบมาว่า ไม่ได้!! เราก็ถาม ปิดเทอมนี้ก็ไม่ให้ไปไหนเลยหรอ เขาก็บอกว่า ไม่!! ห้ามไปไหนทั้งนั้น เรารู้สึกเหมือนอยู่ในคุกเลยอ้ะค่ะ
เราจะพูดกับผู้ปกครองเรายังไง ให้เขาผ่อนปรนเราบ้าง เอาอึดอัด และ รู้สึกจิตตกมาก ถ้าถามว่าเกิดมา ร้องไห้เพราะอะไรบ่อยที่สุด ก็เพราะครอบครัวเรา นี่แหละค่ะ เหมือนเรากำลังจะเป็นบ้าเลย มันห่อเหี่ยวไปหมด
ทั้งนี้ ขอให้ ช่วยกันแสดงความคิดเห็นหน่อยนะคะ ว่าเราควรทำยังไง ให้เขาไม่เข้มงวดเราเกินไป เราต้องพูดกับเขายังไง
ปล. เราไม่เคยไปมีเรื่องกับใคร ไม่เคยประสบอุบัติเหตุร้ายแรง ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง
ช่วยกันแสดงความคิดเห็นหน่อยนะคะ