สวัสดีค่ะ
นี่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อปีก่อน ตอนนั้นกำลังอยู่ ม.6 ช่วงงานกีฬาสี กิจกรรมเยอะมาก ทำให้ไม่ได้กลับบ้านประมาณ 2-3 เดือน อ๋อ… เราอยู่หอนอกโรงเรียนนะคะ ^^ พอกลับมาบ้านก็ลืมไหว้ศาลพระภูมิ เพราะเหนื่อยมากและมาถึงค่ำด้วย เลยยกของใช้ขึ้นไปห้องนอนตัวเองที่อยู่ชั้น 2 เลยทันที
ตกดึก อาบน้ำ ทานข้าวเสร็จ ก็ขึ้นไปนอนเล่นบนห้อง โดยเตียงจะอยู่ติดหน้าต่างที่เป็นบานเลื่อน ปลายเตียงมีที่ให้เสียบปลั๊กไฟ สูงประมาณหัวเรา (เราสูง160เซน) และเตียงก็ห่างกับผนังตรงนั้นประมาณ 50 เมตร โดยปกติเวลาเล่นโน้ตบุ๊กก็จะเสียบปลั๊กสามตาและลากมาไว้ข้างๆ เตียง เพื่อสะดวกต่อการชาทแบต
คืนแรกผ่านไป ไม่มีอะไรผิดปกติ พอคืนที่สอง… เมื่อตอนกลางวันเราเอาโน้ตบุ๊กลงไปเล่นข้างล่าง เลยหอบข้าวของขึ้นมาเต็มไม้เต็มมือไปหมด บ้านข้างบนก็มืดมาก ไม่ได้เปิดไฟไว้ เรารีบวิ่งไปที่ประตูห้อง (เพราะถึงก่อนที่เปิดไฟบนบ้าน) และบิดลูกบิด แต่!!! เปิดไม่ออก ? ทั้งๆ ที่กลอนลูกบิดล็อคไม่ได้ แต่ดันยังไงก็ไม่เปิด ปกติแค่หมุนกริ๊กเดียวก็เปิดออกอย่างง่ายดาย เราก็ใจไม่ดีละ มืดก็มืด เราเลยวิ่งไปเปิดไฟค่ะ (รู้งี้เปิดก่อนก็ดี TT) พอไฟสว่าง ก็เริ่มดีขึ้นค่ะ แต่ใจยังเต้นตุ๊บๆ อยู่เลย คือมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่ในห้องแน่ๆ และกลอนก็ล็อคได้จากด้านในอย่างเดียว(เป็นกลอนแบบเลื่อน) …อย่างกับมีคนมาดันประตูไว้อย่างงั้นแหล่ะ เราวางของแล้วเดินไปเปิดอีกครั้ง …ไม่ออก!!! หมุนยังไงก็ไม่ออก เราเลยหันไปหาหิ้งบูชาค่ะ เป็นรูปปั้น ร.5 จากนั้นก็เดินไปไหว้ พอมาลองเปิดประตู แค่หมุนกริ๊กเดียว! เปิดออกอย่างง่ายดาย ? ไม่มีเวลาให้สงสัย รีบเก็บของวิ่งเข้าห้องทันที
รุ่งเช้ายังไม่กล้าเล่าให้พ่อกับแม่ฟัง เพราะเหตุผลที่เปิดประตูไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะของเต็มมือเลยหมุนไม่ตรงจังหวะ แต่ตอนวางของแล้วลองเปิด มันก็เปิดไม่ออกอยู่ดี ? …กลางดึกปิดไฟนอนประมาณ ตี2 ถ้าเรามองจากหัวเตียงไปตรงผนังตรงปลายเท้า ด้านบนสุดจะมีช่องรับแสงค่ะ ซึ่งปกติจะเป็นสีขาว (นอนมองทุกวัน) คราวนี้มีเงาดำพาดค่ะ ตอนนั้นไม่มีรถวิ่งผ่าน ไม่มีเสาบังตรงนั้นด้วย ไม่มีคนอยู่ข้างนอก ไม่มีของอะไรพอจะเป็นเงาดำพาดได้เลย เราก็หลับตาปี๋เลยค่ะ หลับตาสักพัก ลืมตาขึ้นมา หายไปแล้ว ? เลยหยิบโทรศัพท์มาเปิดไฟฉายแล้วส่องไป …ก็สีขาวหนิ เลยวิ่งไปเปิดไฟ คิดในใจแล้วว่าคืนนี้นอนเปิดไฟแน่ๆ เหลือบตามองไปที่ช่องรับแสงก็ปรากฏว่าเป็นสีขาวอยู่ และมองต่ำลงมาก็เห็นปลั๊กไฟยังไม่ได้ถอด แล้วก็ผล็อยหลับไป
เช้าวันรุ่งขึ้น ลืมตาตื่นขึ้นมาอันดับแรกเลยมองไปตรงช่องรับแสง มันก็ทะลุออกไปเห็นเพดานข้างนอก เพราะแสงแดดส่อง แต่!!! พอมองต่ำลงมา ไม่มีปลั๊กสามตาเสียบอยู่ ??? ที่สำคัญ ปลั๊กแน่นมาก แค่เสียบยังเสียบยาก ตอนจะถอดนี่ดึงจนสายแทบขาด ไม่มีทางที่มันจะหลุดลงไปกองกับพื้นแน่ๆ พอไล่สายตาหาปลั๊ก ปรากฏว่า… พาดอยู่ปลายเตียง! ซึ่งหางกับผนังประมาณ 50 เมตร ? ตอนนั้นหัวใจหล่นลงไปอยู่ตาตุ่ม รีบวิ่งไปที่ประตูเพื่อดูกลอน ปรากฏว่ามันล็อคอยู่ และเป็นกลอนแบบเลื่อน ไม่มีทางที่จะมีใครเปิดเข้ามาได้แน่ๆ เรารีบวิ่งลงไปหาพ่อกับแม่เพื่อเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟัง ตั้งแต่ประตูเปิดไม่ได้ ก็เป็นไปตามคาดค่ะ พ่อกับแม่คิดว่าเราหอบของเต็มมือเลยเปิดไม่ถนัด แต่เรายังคงยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง พ่อก็ไม่เชื่อค่ะ L เราน้ำตาคลอเลยค่ะ บอกว่ามันมีจริงๆ นะพ่อ!!! พ่อก็ถามว่ากลับบ้านมาได้ไหว้ศาลมั้ย เราก็นึกได้ว่าไม่ได้ไหว้ พ่อก็บอกให้ไปไหว้ เราก็เดินไปไหว้ค่ะ เราพูดแค่ว่า “กลับมาบ้านแล้วนะคะ”
หลังจากไหว้ศาล ก็นึกว่าเหตุการณ์แปลกๆ จะไม่เกิดขึ้นอีก แต่เปล่าเลย …ตกดึกคืนนี้ ประมาณ 5 ทุ่ม เราก็นอนเล่นโน้ตบุ๊กอยู่บนเตียง ก็เริ่มได้ยินเสียงค่ะ เสียงเหมือนมีคนเดิน เพราะบ้านข้างบนเป็นบ้านไม้ เสียงคนเดินจะดังมาก เราเลยลองฟังดีๆ ปรากฏว่ามันเงียบไปค่ะ เราก็คิดว่า หนูหรือตุ๊กแกวิ่งไล่กันรึป่าว เวลาผ่านไปประมาณตี 2 ยังไม่นอนค่ะ ติดเกมส์ ตอนนั้นจำได้ว่าเล่น HON ก็ได้ยินเสียงอีกค่ะ คราวนี้ไม่ใช่เสียงเดินบนไม้ แต่มันเดินใกล้มากๆ!!! คือตกใจค่ะ ไม่ใช่เดินในห้องด้วย มันดังมาจากหลังคา!!! คือห้องนอนเราติดหลังคาค่ะ มีชายหลังคายื่นอยู่รอบห้อง เสียงเดินยังดังอยู่ค่ะ เราก็อึ้ง + ตกใจมากๆ ก็สวดค่ะ พอดีเรียน รร.คริสต์ ตั้งแต่ ป.6 ลืมว่าสวดมนต์พุทธยังไง ก็สวดผิดๆ ถูกๆ ไปค่ะ TOT มีบทสวดคริสต์ปนด้วย อยู่ๆ เสียงก็เงียบไป… เราก็โล่ง ทีนี้วิ่งไปปิดไฟค่ะ แล้วมานอนคลุมโปง แต่!!! ไม่จบค่ะ คราวนี้เสียงเคาะหน้าต่าง (ห้องเรามีหน้าต่าง 2 มุม คือติดเตียง และผนังอีกด้าน) เคาะไล่เลยค่ะ ตั้งแต่หน้าต่างอีกฝั่งไล่มาถึงหน้าต่างติดเตียงเรา กลัวมาก คือสั่นเลย ตอนนั้นคิดอย่างเดียวค่ะ ต้องเรียกพ่อกับแม่ เลยกลั้นใจตะโกนค่ะ จำได้ว่าตะโกนดังมากๆ ร้องไห้ด้วย แต่พ่อแม่ทำไมไม่ได้ยิน ? เสียงยังเคาะวนอยู่รอบห้องค่ะ เราพยายามคิดว่าเสียงแมลงบินชนกระจกรึป่าว แต่น้ำหนักเสียงที่กระทบกระจกมันดังมาก ถ้าเป็นแมลงคงตัวใหญ่เท่าแมวเท่าหมา พอเสียงเคาะเงียบไป เราก็นอนร้องไห้สักพักค่ะ แล้วก็เผลอหลับไป
สะดุ้งตื่นตอนเช้า รีบวิ่งไปหาพ่อกับแม่ค่ะ ด้วยน้ำตาที่นองหน้าเลย บอกว่า “พ่อๆ ผีมันเคาะหน้าต่าง ผีเคาะหน้าต่างห้อง เมื่อคืนเรียกพ่อกับแม่ก็ไม่มีใครตอบ” พ่อกับแม่เริ่มมองหน้ากันแล้วค่ะ พ่อเดินไปหยิบธูปและดอกไม้หลังบ้าน แล้วเดินไปศาลพระภูมิค่ะ เราได้ยินพ่อพูดประมาณว่า “ลูกไม่ได้กลับบ้านนาน ไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไหน” แล้วก็พูดประมาณว่าให้อยู่ด้วยกันดีๆ ให้คุ้มครองปกปักรักษาครอบครัวค่ะ ได้ยินแบบนั้นเราก็ใจคอไม่ดี ตกลงทั้งหมดที่เรารู้สึก หรือสัมผัสได้ เป็นเจ้าที่บ้านเราเองเหรอ ?
หลังจากวันนั้น เหตุการณ์แปลกๆ ก็ไม่เกิดขึ้นอีก แต่ทุกครั้งที่เราเผลอหลับหน้าโน้ตบุ๊ก ปลั๊กไฟมักจะถอดมาพาดอยู่ปลายเตียงเองบ่อยครั้ง เคยเอาไปเล่าให้พ่อกับแม่ฟัง ท่านยังคงยืนยันว่าเราเป็น ถอดปลั๊ก แต่หลับไม่รู้ตัวตื่นมาเลยลืม แต่เรายังคงยืนยันว่าไม่ได้ทำ แต่ถ้าเป็นเจ้าที่หรือใครมาถอดให้ เราคิดในใจเสมอว่า เขาคงหวังดี…
_________________________________________________________________________________
ไปเรียบเรียงคำพูดใน word แล้วก็อปมาวางค่ะ กันพิมพ์ตกหล่น
ถ้าใช้คำพูดผิดไปประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ยังไงเรื่องแบบนี้ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล
ต่างคนต่างความคิด เพราะฉะนั้นจึงนำมาเล่าสู่กันฟังค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่อดทนอ่านจนจบค่า
(ยาวมาก T^T)
นั่งพิมพ์ไปก็เสียวสันหลังไป เหมือนมีใครนั่งอ่านด้วย ..
[ประสบการณ์ขนหัวลุก] เมื่อไม่ได้กลับบ้านนาน..
นี่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อปีก่อน ตอนนั้นกำลังอยู่ ม.6 ช่วงงานกีฬาสี กิจกรรมเยอะมาก ทำให้ไม่ได้กลับบ้านประมาณ 2-3 เดือน อ๋อ… เราอยู่หอนอกโรงเรียนนะคะ ^^ พอกลับมาบ้านก็ลืมไหว้ศาลพระภูมิ เพราะเหนื่อยมากและมาถึงค่ำด้วย เลยยกของใช้ขึ้นไปห้องนอนตัวเองที่อยู่ชั้น 2 เลยทันที
ตกดึก อาบน้ำ ทานข้าวเสร็จ ก็ขึ้นไปนอนเล่นบนห้อง โดยเตียงจะอยู่ติดหน้าต่างที่เป็นบานเลื่อน ปลายเตียงมีที่ให้เสียบปลั๊กไฟ สูงประมาณหัวเรา (เราสูง160เซน) และเตียงก็ห่างกับผนังตรงนั้นประมาณ 50 เมตร โดยปกติเวลาเล่นโน้ตบุ๊กก็จะเสียบปลั๊กสามตาและลากมาไว้ข้างๆ เตียง เพื่อสะดวกต่อการชาทแบต
คืนแรกผ่านไป ไม่มีอะไรผิดปกติ พอคืนที่สอง… เมื่อตอนกลางวันเราเอาโน้ตบุ๊กลงไปเล่นข้างล่าง เลยหอบข้าวของขึ้นมาเต็มไม้เต็มมือไปหมด บ้านข้างบนก็มืดมาก ไม่ได้เปิดไฟไว้ เรารีบวิ่งไปที่ประตูห้อง (เพราะถึงก่อนที่เปิดไฟบนบ้าน) และบิดลูกบิด แต่!!! เปิดไม่ออก ? ทั้งๆ ที่กลอนลูกบิดล็อคไม่ได้ แต่ดันยังไงก็ไม่เปิด ปกติแค่หมุนกริ๊กเดียวก็เปิดออกอย่างง่ายดาย เราก็ใจไม่ดีละ มืดก็มืด เราเลยวิ่งไปเปิดไฟค่ะ (รู้งี้เปิดก่อนก็ดี TT) พอไฟสว่าง ก็เริ่มดีขึ้นค่ะ แต่ใจยังเต้นตุ๊บๆ อยู่เลย คือมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่ในห้องแน่ๆ และกลอนก็ล็อคได้จากด้านในอย่างเดียว(เป็นกลอนแบบเลื่อน) …อย่างกับมีคนมาดันประตูไว้อย่างงั้นแหล่ะ เราวางของแล้วเดินไปเปิดอีกครั้ง …ไม่ออก!!! หมุนยังไงก็ไม่ออก เราเลยหันไปหาหิ้งบูชาค่ะ เป็นรูปปั้น ร.5 จากนั้นก็เดินไปไหว้ พอมาลองเปิดประตู แค่หมุนกริ๊กเดียว! เปิดออกอย่างง่ายดาย ? ไม่มีเวลาให้สงสัย รีบเก็บของวิ่งเข้าห้องทันที
รุ่งเช้ายังไม่กล้าเล่าให้พ่อกับแม่ฟัง เพราะเหตุผลที่เปิดประตูไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะของเต็มมือเลยหมุนไม่ตรงจังหวะ แต่ตอนวางของแล้วลองเปิด มันก็เปิดไม่ออกอยู่ดี ? …กลางดึกปิดไฟนอนประมาณ ตี2 ถ้าเรามองจากหัวเตียงไปตรงผนังตรงปลายเท้า ด้านบนสุดจะมีช่องรับแสงค่ะ ซึ่งปกติจะเป็นสีขาว (นอนมองทุกวัน) คราวนี้มีเงาดำพาดค่ะ ตอนนั้นไม่มีรถวิ่งผ่าน ไม่มีเสาบังตรงนั้นด้วย ไม่มีคนอยู่ข้างนอก ไม่มีของอะไรพอจะเป็นเงาดำพาดได้เลย เราก็หลับตาปี๋เลยค่ะ หลับตาสักพัก ลืมตาขึ้นมา หายไปแล้ว ? เลยหยิบโทรศัพท์มาเปิดไฟฉายแล้วส่องไป …ก็สีขาวหนิ เลยวิ่งไปเปิดไฟ คิดในใจแล้วว่าคืนนี้นอนเปิดไฟแน่ๆ เหลือบตามองไปที่ช่องรับแสงก็ปรากฏว่าเป็นสีขาวอยู่ และมองต่ำลงมาก็เห็นปลั๊กไฟยังไม่ได้ถอด แล้วก็ผล็อยหลับไป
เช้าวันรุ่งขึ้น ลืมตาตื่นขึ้นมาอันดับแรกเลยมองไปตรงช่องรับแสง มันก็ทะลุออกไปเห็นเพดานข้างนอก เพราะแสงแดดส่อง แต่!!! พอมองต่ำลงมา ไม่มีปลั๊กสามตาเสียบอยู่ ??? ที่สำคัญ ปลั๊กแน่นมาก แค่เสียบยังเสียบยาก ตอนจะถอดนี่ดึงจนสายแทบขาด ไม่มีทางที่มันจะหลุดลงไปกองกับพื้นแน่ๆ พอไล่สายตาหาปลั๊ก ปรากฏว่า… พาดอยู่ปลายเตียง! ซึ่งหางกับผนังประมาณ 50 เมตร ? ตอนนั้นหัวใจหล่นลงไปอยู่ตาตุ่ม รีบวิ่งไปที่ประตูเพื่อดูกลอน ปรากฏว่ามันล็อคอยู่ และเป็นกลอนแบบเลื่อน ไม่มีทางที่จะมีใครเปิดเข้ามาได้แน่ๆ เรารีบวิ่งลงไปหาพ่อกับแม่เพื่อเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟัง ตั้งแต่ประตูเปิดไม่ได้ ก็เป็นไปตามคาดค่ะ พ่อกับแม่คิดว่าเราหอบของเต็มมือเลยเปิดไม่ถนัด แต่เรายังคงยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง พ่อก็ไม่เชื่อค่ะ L เราน้ำตาคลอเลยค่ะ บอกว่ามันมีจริงๆ นะพ่อ!!! พ่อก็ถามว่ากลับบ้านมาได้ไหว้ศาลมั้ย เราก็นึกได้ว่าไม่ได้ไหว้ พ่อก็บอกให้ไปไหว้ เราก็เดินไปไหว้ค่ะ เราพูดแค่ว่า “กลับมาบ้านแล้วนะคะ”
หลังจากไหว้ศาล ก็นึกว่าเหตุการณ์แปลกๆ จะไม่เกิดขึ้นอีก แต่เปล่าเลย …ตกดึกคืนนี้ ประมาณ 5 ทุ่ม เราก็นอนเล่นโน้ตบุ๊กอยู่บนเตียง ก็เริ่มได้ยินเสียงค่ะ เสียงเหมือนมีคนเดิน เพราะบ้านข้างบนเป็นบ้านไม้ เสียงคนเดินจะดังมาก เราเลยลองฟังดีๆ ปรากฏว่ามันเงียบไปค่ะ เราก็คิดว่า หนูหรือตุ๊กแกวิ่งไล่กันรึป่าว เวลาผ่านไปประมาณตี 2 ยังไม่นอนค่ะ ติดเกมส์ ตอนนั้นจำได้ว่าเล่น HON ก็ได้ยินเสียงอีกค่ะ คราวนี้ไม่ใช่เสียงเดินบนไม้ แต่มันเดินใกล้มากๆ!!! คือตกใจค่ะ ไม่ใช่เดินในห้องด้วย มันดังมาจากหลังคา!!! คือห้องนอนเราติดหลังคาค่ะ มีชายหลังคายื่นอยู่รอบห้อง เสียงเดินยังดังอยู่ค่ะ เราก็อึ้ง + ตกใจมากๆ ก็สวดค่ะ พอดีเรียน รร.คริสต์ ตั้งแต่ ป.6 ลืมว่าสวดมนต์พุทธยังไง ก็สวดผิดๆ ถูกๆ ไปค่ะ TOT มีบทสวดคริสต์ปนด้วย อยู่ๆ เสียงก็เงียบไป… เราก็โล่ง ทีนี้วิ่งไปปิดไฟค่ะ แล้วมานอนคลุมโปง แต่!!! ไม่จบค่ะ คราวนี้เสียงเคาะหน้าต่าง (ห้องเรามีหน้าต่าง 2 มุม คือติดเตียง และผนังอีกด้าน) เคาะไล่เลยค่ะ ตั้งแต่หน้าต่างอีกฝั่งไล่มาถึงหน้าต่างติดเตียงเรา กลัวมาก คือสั่นเลย ตอนนั้นคิดอย่างเดียวค่ะ ต้องเรียกพ่อกับแม่ เลยกลั้นใจตะโกนค่ะ จำได้ว่าตะโกนดังมากๆ ร้องไห้ด้วย แต่พ่อแม่ทำไมไม่ได้ยิน ? เสียงยังเคาะวนอยู่รอบห้องค่ะ เราพยายามคิดว่าเสียงแมลงบินชนกระจกรึป่าว แต่น้ำหนักเสียงที่กระทบกระจกมันดังมาก ถ้าเป็นแมลงคงตัวใหญ่เท่าแมวเท่าหมา พอเสียงเคาะเงียบไป เราก็นอนร้องไห้สักพักค่ะ แล้วก็เผลอหลับไป
สะดุ้งตื่นตอนเช้า รีบวิ่งไปหาพ่อกับแม่ค่ะ ด้วยน้ำตาที่นองหน้าเลย บอกว่า “พ่อๆ ผีมันเคาะหน้าต่าง ผีเคาะหน้าต่างห้อง เมื่อคืนเรียกพ่อกับแม่ก็ไม่มีใครตอบ” พ่อกับแม่เริ่มมองหน้ากันแล้วค่ะ พ่อเดินไปหยิบธูปและดอกไม้หลังบ้าน แล้วเดินไปศาลพระภูมิค่ะ เราได้ยินพ่อพูดประมาณว่า “ลูกไม่ได้กลับบ้านนาน ไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไหน” แล้วก็พูดประมาณว่าให้อยู่ด้วยกันดีๆ ให้คุ้มครองปกปักรักษาครอบครัวค่ะ ได้ยินแบบนั้นเราก็ใจคอไม่ดี ตกลงทั้งหมดที่เรารู้สึก หรือสัมผัสได้ เป็นเจ้าที่บ้านเราเองเหรอ ?
หลังจากวันนั้น เหตุการณ์แปลกๆ ก็ไม่เกิดขึ้นอีก แต่ทุกครั้งที่เราเผลอหลับหน้าโน้ตบุ๊ก ปลั๊กไฟมักจะถอดมาพาดอยู่ปลายเตียงเองบ่อยครั้ง เคยเอาไปเล่าให้พ่อกับแม่ฟัง ท่านยังคงยืนยันว่าเราเป็น ถอดปลั๊ก แต่หลับไม่รู้ตัวตื่นมาเลยลืม แต่เรายังคงยืนยันว่าไม่ได้ทำ แต่ถ้าเป็นเจ้าที่หรือใครมาถอดให้ เราคิดในใจเสมอว่า เขาคงหวังดี…
_________________________________________________________________________________
ไปเรียบเรียงคำพูดใน word แล้วก็อปมาวางค่ะ กันพิมพ์ตกหล่น
ถ้าใช้คำพูดผิดไปประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ยังไงเรื่องแบบนี้ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล
ต่างคนต่างความคิด เพราะฉะนั้นจึงนำมาเล่าสู่กันฟังค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่อดทนอ่านจนจบค่า
(ยาวมาก T^T)
นั่งพิมพ์ไปก็เสียวสันหลังไป เหมือนมีใครนั่งอ่านด้วย ..