จะมาเล่าประสบการณ์ให้ฟังครับ
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีบริษัท Direct sell บ.หนึ่ง มาขายเครื่องครัวให้กับคุณพ่อ (ท่านแก่แล้ว) ที่บ้านครับ ซึ่งเราก็ไม่อยู่บ้าน แต่แกอยากได้ และถูกโน้มน้าว เลยแอบทำสัญญาซื้อไป (ราคา 6000 บาท) โดยผ่อนจ่าย 1 ปี
กลับบ้านมาก็ค่อนข้างปรี๊ดแตก เพราะสินค้าประเภทเดียวกันเนี่ย ราคาซื้อตามห้างไม่เกิน 2000 บาทเอง วันต่อมาเลยโทรไปขอยกเลิกกับเซลล์แมนที่มาขาย เพราะเหมือนเคยอ่านผ่านๆว่า พรบ ขายตรง เค้ามีข้อกฏหมายว่า สามารถคืนหรือยกเลิกสัญญาได้ภายในเวลาที่กำหนด เลยไปศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ พรบนี้ แต่พ่อแกก็ไม่อยากให้เราไปเอาเรื่องบอกว่าช่างมัน กลัวเค้ามาทำอะไร ซื้อๆไปเถอะ แต่เราไม่ยอม
โทรไปเซลล์แมนไม่รับ คนรับเป็นผู้หญิง (คิดว่ามาพร้อมเซลล์แมน) ก็ถามว่าทำไมต้องการคืนสินค้า เราก็ตอบไปตามจริงว่า ไม่ happy กับสินค้าราคานี้ที่แพงกว่าสินค้าประเภทเดียวกันถึง3เท่า ก็ทำท่าทีบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้คืนสินค้า และบอกว่าไม่สามารถยกเลิกคืนสินค้าได้ (ในใบเสร็จมีเขียนระบุว่าไม่รับคืนสินค้า) ผมก็เลยอ้างถึงพรบ. ขายตรงในมาตรา 33-37 ในสิทธิ์ในการยกเลิกบริการและสินค้า แต่เซลล์แมนก็ตีมึน ไม่หือไม่อือ กะปล่อยให้ว่าเวลาผ่านไปเรื่อยๆเอง ตอนแรกแฟนก็เถียงว่าถ้าไม่รับของคืนก็ไม่จ่ายส่วนที่เหลือและจะเอาของวางไว้หน้าบ้าน ให้มารับเอง ทางนั้นก็ข่มขู่มาว่า ถ้าไม่จ่ายตามสัญญา จะให้บริษัททำเรื่องฟ้องร้อง ยังไงบริษัทก็ไม่ผิด จะไปฟ้องสคบ. ทางเซลล์แมนก็ท้าให้ไปฟ้อง (คงคิดว่าเราไม่กล้าทำอะไรมันมั้ง) สุดท้ายก็ตกลงไม่ได้ และเซลล์แมนก็ตีเนียนทำเงียบไป
เช้าวันอาทิตย์ก็เลยไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เราแจ้งให้กับทางเซลล์แมนเพื่อให้เค้ามายกเลิกสัญญา ตาม พรบ.ขายตรง มาตรา 33-37 (ในนั้นบอกว่าต้องทำการยกเลิกภายใน7วัน) แต่ทางเซลล์แมนไม่มีการตอบกลับใดๆ จึงมาบันทึกยืนยันว่า เรามีความประสงที่จะยกเลิกสัญญาจริงๆ และแจ้งให้กับทางเซลล์แมนว่าได้ไปลงบันทึกประจำวันแสดงเจตน์จำนงที่จะยกเลิกสัญญาแล้ว เซลล์แมนก็อ้างว่า จะแจ้งที่ไหนก็แจ้งเลย บ.ใหญ่ ไม่กลัวอยู่แล้ว
เช้าวันอังคารจากนั้นก็ทำหนังสือ(เขียนด้วยมือนั่นแหล่ะ) แสดงเจตน์จำนงยกเลิกสัญญาไปให้กับทางบริษัท โดยทั้งนี้พร้อมแนบสำเนาบันทึกประจำวันว่าเราได้ไปแจ้งจริงๆ ผู้จัดการก็ลงมารับหนังสือด้วยตัวเอง เราก็กลับบ้านกัน ช่วงบ่ายก็มีเจ๊ๆ กรรมการผู้จัดการบ. มา(แนวโวยวาย) แต่สุดท้ายก็ยอมทำสัญญายกเลิกสัญญาซื้อขายสินค้าให้กับเรา และยกของไป แต่ยังไม่วายมีมาเหน็บว่า บ.ใหญ่โต เจ้าของเป็นนักการเมือง บลาๆๆๆ
สุดท้ายเรื่องนี้แค่จะเล่าว่า
1. การซื้อขายตรงตามบ้าน สินค้าสามารถคืน ยกเลิกได้ ตาม พรบ ขายตรง มาตรา 33-37 (ลองศึกษาดูครับ) แม้ว่าในใบเสร็จจะแสดงว่าไม่รับคืนสินค้า
2. เจตนากฏหมายนี้ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค (เนื่องจากผู้ซื้อไม่สามารถหาราคาเปรียบเทียบเองได้เหมือนซื้อเองในห้าง)
3. ขอขอบคุณคุณตำรวจ สน.มีนบุรีด้วยครับ แค่อธิบายแปปเดียว ก็เข้าใจและช่วยดำเนินการให้
4. ตอนนี้ ซื้อ อุปกรณ์ชิ้นนี้ให้พ่อใหม่แล้ว ในราคา 1200 (จาก 6000) โดยวัสดุเดียวกัน ในยี่ห้อที่มีคุณภาพและเป็นที่รู้จัก
5. คนแก่อยู่บ้าน ระวังโดนหลอกขายของครับ ถ้าซื้อไปแล้วในราคาและคุณภาพที่ไม่เหมาะสม เราสามารถทำเรื่องยกเลิกได้ครับ
วิธีจัดการกับ บ.ขายตรง ตามบ้านที่มาหลอกขายสินค้าให้กับคนแก่ที่บ้าน
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีบริษัท Direct sell บ.หนึ่ง มาขายเครื่องครัวให้กับคุณพ่อ (ท่านแก่แล้ว) ที่บ้านครับ ซึ่งเราก็ไม่อยู่บ้าน แต่แกอยากได้ และถูกโน้มน้าว เลยแอบทำสัญญาซื้อไป (ราคา 6000 บาท) โดยผ่อนจ่าย 1 ปี
กลับบ้านมาก็ค่อนข้างปรี๊ดแตก เพราะสินค้าประเภทเดียวกันเนี่ย ราคาซื้อตามห้างไม่เกิน 2000 บาทเอง วันต่อมาเลยโทรไปขอยกเลิกกับเซลล์แมนที่มาขาย เพราะเหมือนเคยอ่านผ่านๆว่า พรบ ขายตรง เค้ามีข้อกฏหมายว่า สามารถคืนหรือยกเลิกสัญญาได้ภายในเวลาที่กำหนด เลยไปศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ พรบนี้ แต่พ่อแกก็ไม่อยากให้เราไปเอาเรื่องบอกว่าช่างมัน กลัวเค้ามาทำอะไร ซื้อๆไปเถอะ แต่เราไม่ยอม
โทรไปเซลล์แมนไม่รับ คนรับเป็นผู้หญิง (คิดว่ามาพร้อมเซลล์แมน) ก็ถามว่าทำไมต้องการคืนสินค้า เราก็ตอบไปตามจริงว่า ไม่ happy กับสินค้าราคานี้ที่แพงกว่าสินค้าประเภทเดียวกันถึง3เท่า ก็ทำท่าทีบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้คืนสินค้า และบอกว่าไม่สามารถยกเลิกคืนสินค้าได้ (ในใบเสร็จมีเขียนระบุว่าไม่รับคืนสินค้า) ผมก็เลยอ้างถึงพรบ. ขายตรงในมาตรา 33-37 ในสิทธิ์ในการยกเลิกบริการและสินค้า แต่เซลล์แมนก็ตีมึน ไม่หือไม่อือ กะปล่อยให้ว่าเวลาผ่านไปเรื่อยๆเอง ตอนแรกแฟนก็เถียงว่าถ้าไม่รับของคืนก็ไม่จ่ายส่วนที่เหลือและจะเอาของวางไว้หน้าบ้าน ให้มารับเอง ทางนั้นก็ข่มขู่มาว่า ถ้าไม่จ่ายตามสัญญา จะให้บริษัททำเรื่องฟ้องร้อง ยังไงบริษัทก็ไม่ผิด จะไปฟ้องสคบ. ทางเซลล์แมนก็ท้าให้ไปฟ้อง (คงคิดว่าเราไม่กล้าทำอะไรมันมั้ง) สุดท้ายก็ตกลงไม่ได้ และเซลล์แมนก็ตีเนียนทำเงียบไป
เช้าวันอาทิตย์ก็เลยไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เราแจ้งให้กับทางเซลล์แมนเพื่อให้เค้ามายกเลิกสัญญา ตาม พรบ.ขายตรง มาตรา 33-37 (ในนั้นบอกว่าต้องทำการยกเลิกภายใน7วัน) แต่ทางเซลล์แมนไม่มีการตอบกลับใดๆ จึงมาบันทึกยืนยันว่า เรามีความประสงที่จะยกเลิกสัญญาจริงๆ และแจ้งให้กับทางเซลล์แมนว่าได้ไปลงบันทึกประจำวันแสดงเจตน์จำนงที่จะยกเลิกสัญญาแล้ว เซลล์แมนก็อ้างว่า จะแจ้งที่ไหนก็แจ้งเลย บ.ใหญ่ ไม่กลัวอยู่แล้ว
เช้าวันอังคารจากนั้นก็ทำหนังสือ(เขียนด้วยมือนั่นแหล่ะ) แสดงเจตน์จำนงยกเลิกสัญญาไปให้กับทางบริษัท โดยทั้งนี้พร้อมแนบสำเนาบันทึกประจำวันว่าเราได้ไปแจ้งจริงๆ ผู้จัดการก็ลงมารับหนังสือด้วยตัวเอง เราก็กลับบ้านกัน ช่วงบ่ายก็มีเจ๊ๆ กรรมการผู้จัดการบ. มา(แนวโวยวาย) แต่สุดท้ายก็ยอมทำสัญญายกเลิกสัญญาซื้อขายสินค้าให้กับเรา และยกของไป แต่ยังไม่วายมีมาเหน็บว่า บ.ใหญ่โต เจ้าของเป็นนักการเมือง บลาๆๆๆ
สุดท้ายเรื่องนี้แค่จะเล่าว่า
1. การซื้อขายตรงตามบ้าน สินค้าสามารถคืน ยกเลิกได้ ตาม พรบ ขายตรง มาตรา 33-37 (ลองศึกษาดูครับ) แม้ว่าในใบเสร็จจะแสดงว่าไม่รับคืนสินค้า
2. เจตนากฏหมายนี้ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค (เนื่องจากผู้ซื้อไม่สามารถหาราคาเปรียบเทียบเองได้เหมือนซื้อเองในห้าง)
3. ขอขอบคุณคุณตำรวจ สน.มีนบุรีด้วยครับ แค่อธิบายแปปเดียว ก็เข้าใจและช่วยดำเนินการให้
4. ตอนนี้ ซื้อ อุปกรณ์ชิ้นนี้ให้พ่อใหม่แล้ว ในราคา 1200 (จาก 6000) โดยวัสดุเดียวกัน ในยี่ห้อที่มีคุณภาพและเป็นที่รู้จัก
5. คนแก่อยู่บ้าน ระวังโดนหลอกขายของครับ ถ้าซื้อไปแล้วในราคาและคุณภาพที่ไม่เหมาะสม เราสามารถทำเรื่องยกเลิกได้ครับ