ตอนแรกคิดอยู่นานว่าจะไปไหนดีหลังจากไม่ได้เที่ยว ตปท หลายปีดีดัก ทริปในรอบหลายๆ ปีนี้ก็อยากให้เป็นทริปน่าประทับใจซะหน่อยแต่ไม่อยากใช้เงินเยอะ เลยตัดสินใจระหว่างจีน เกาหลี และไต้หวัน จีนก็ยังไม่ค่อยแน่ใจว่า backpack จะเป็นยังไง เกาหลีก็เคยไปแล้วแม้จะเที่ยวแค่ไม่กี่ที่ เลยสรุปลงตัวที่ไต้หวันนี่แหละเพราะอ่านความเห็นจากรีวิวและกระทู้พูดคุยต่างๆ ว่าไต้หวันดีอย่างโน้นอย่างนี้
ไปทั้งทีก็อยากไปหลายวันหน่อยให้เต็มอิ่มกับวัฒนธรรมของประเทศนั้นจริงๆ แต่ไปนานมากก็ไม่ได้เพราะคนไปด้วยไม่สะดวก เลยลงตัวที่ 8 วัน แต่เที่ยวจริงๆ อยู่ที่ไม่เกิน 7 วัน ค่าใช้จ่ายทั้งทริปตีไป 25,000 บาทรวมทุกอย่าง พอเอาเข้าจริงก็ใกล้เคียงรวมช็อปปิ้งแล้วก็ประมาณนั้น ถ้าไม่รวม 21,000 ก็อยู่
อย่างแรกที่ต้องเตรียมตัวเลยคือตั๋วเครื่องบิน พอดีเจอโปรฯ ราคาสามพันกว่าผ่านเอเจ้นท์ตื่นเต้นมากจ้า แต่มัวแต่เล็งวันประกอบกับเอเจ้นท์ไม่รับจองเพราะพาสปอร์ตหมดอายุ ไอ้เราก็โทรฯ เช็คกับสายการบินดิบดียืนยันว่าจองได้ แต่เอเจ้นท์คงเป็นประเภทไม่ง้อลูกค้าไม่รับจองท่าเดียว สุดท้ายรอไปรอมาจองผ่านเว็บเองแต่ตอนนั้นก็ไม่ได้ราคาเดิมละ สุดท้ายได้มาคนละเกือบๆ ห้าพัน ไม่มีอาหาร ไม่เลือกที่นั่ง ไม่โหลดกระเป๋า ตอนนั้นก็ว่าพอรับได้นะแต่เลยมาแป๊บเดียวโปรฯ ไต้หวันกระหน่ำเลย แต่อย่างว่าล่ะถึงมีโปรฯ ถูกๆ ก็อาจไม่ได้อยู่ดีเพราะเพื่อนค่อนข้างฟิกซ์วัน ลายากมากกกก
เข้าทริปกันเลยดีกว่าไปถึงสนามบินเถาหยวนก็เกือบตีหนึ่งละ เลยนอนสนามบินนั่นเลย ที่นอนเยอะแยะสะดวกสบาย มีไวไฟฟรีและแรงด้วย ใกล้ๆ มีห้องอาบน้ำ ร้านสะดวกซื้อ ก็พอประหยัดค่าที่พักไปหนึ่งคืน เช้ามาก็เตรียมซื้อ sim card แบบ 7 วัน ราคา 4xx เหรียญไต้หวัน (แลกไป 1 บาท : 1.05 เหรียญ) และซื้อตั๋วรถบัสเข้าเมืองคนละ 125 เหรียญ ระหว่างวันรถมีทุก 15 นาที ที่นั่งสะดวกสบาย ใช้เวลาไม่ถึง ชม ก็ถึง Taipei Main Station ซึ่งเป็นสถานีการเดินทางหลักของเมืองไทเป ไปถึงละงงมากจ้า มีหลายชั้นหลายช่องทางเต็มไปหมด
หลังงงทางอยู่พักนึง อย่างแรกก็ต้องซื้อ Easy card กันก่อนซึ่งจะมีค่ามัดจำ 100 เหรียญ จากนั้นก็เติมเงินได้ตามสะดวก วันนั้นเติมไป 1,300 เหรียญ บัตรใบนี้ใช้ได้สำหรับ MRT และรถเมล์ตลอดทริปการเดินทาง MRT ค่าเดินทางถูกกว่าบ้านเราพอสมควร มีสายไม่เยอะแต่ก็ครอบคลุมเกือบทั้งไทเป แผนที่การบอกทางต่างๆ อธิบายชัดเจนดี ดูง่ายกว่ากรุงเทพฯ
สุดท้ายตัดสินใจนั่งแท็กซี่ราคา 90 เหรียญจาก Main station ไปที่พักย่าน Ximending ซึ่งเขาว่ากันว่าเป็นสยามสแควร์ไต้หวัน (ภาพถ่ายคนละเวลา)
จองที่พักไว้ที่ Cheers Hotel เป็นโฮสเตลเล็กๆ ชั้นที่อยู่คือ 4 ไม่มีลิฟท์ต้องเดินเอา พอเช็คอินเรียบร้อยก็เดินจากที่พัก 10 นาทีถึง MRT แล้วไปต่อรถเมล์เพื่อขึ้นเขาไปลง Wulai ย่านน้ำพุร้อนแห่งนึง ในบริเวณรอบๆ มีธารน้ำร้อน วัดจีน รถรางวิ่งรอบเขา เคเบิ้ลข้ามเขา และยังมีกลุ่มชนเผ่าดั้งเดิมของประเทศไต้หวันมาเปิดโชว์ (แต่ไม่ได้ดู) เดินเล่น นั่งดื่มกาแฟชิลล์ แล้วก็ไปเดินตลาดเก่ารอบๆ หาอะไรกิน
ออกจาก Wulai ก็แวะไปเดินเล่นสวน Baitan เดินไปแค่ 5 นาที แต่พอไปจริงๆ ก็ไม่มีอะไรมาก เป็นสวนริมทะเลสาบ มีสะพานแขวนให้เดินข้าม มีเรือให้ถีบ (แต่แอบแพง) คนส่วนใหญ่ก็ไปเดินเล่น ออกกำลังกาย รวมถึงมีนักเรียนไปนั่งตีไพ่กันเป็นเรื่องปกติ
เสร็จแล้วก็ไปเดินย่าน Gongguan ซึ่งเขาว่ามีรองเท้ากีฬา รองเท้าผ้าใบขายเยอะมากๆ ไต้หวันขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศผู้ผลิตส่งออกไปทั่วโลก ราคาจึงถูกกว่าเมืองไทยค่อนข้างเยอะ ตอนเดินก็เดินมั่วๆ สะเปะสะปะไปเจออะไรก็ดูไปเรื่อย ไต้หวันนี่ยังขึ้นชื่ออีกอย่างว่าเต็มไปด้วยสกู๊ตเตอร์และจักรยาน เพราะเป็นผู้ผลิตสำคัญของโลกเช่นกัน ในย่านที่ไม่พลุกพล่นมากก็จะมีเลนจักรยานชัดเจน และมีระบบจักรยานให้เช่าที่เรียกว่า U-Bike ค่าเช่าถูกมากเหมือนจะแค่ 10-20 บาทก็เช่าได้ตั้งนาน แถมไม่ต้องไปคืน ณ จุดที่เช่ามา เอาไปคืนจุดไหนก็ได้ที่มีจุดจอด U-Bike
ไปถึงก็หาอะไรรองท้องซะหน่อย ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าคืออะไรหรอก เห็นคนตักใส่กะละมังก็เอามั่ง อยากกินอะไรก็ตักๆ แล้วยื่นให้เขา สุดท้ายเขาเอาไปทอดแล้วปรุงรส เค็มๆ เผ็ดๆ อร่อยสุดๆ เป็นหนึ่งในมื้อที่ดีที่สุดในไต้หวันเลย
เดินไปเรื่อยๆ จนมาเจอตลาด Shida ซึ่งเป็นตลาดกลางคืนสำหรับวัยรุ่นชาวไทเป เขาว่ากันว่าแถวนี้อยู่ใกล้มหาวิทยาลัย ทำให้มีของกินอินเทรนด์และเสื้อผ้าแนวๆ อยู่เยอะ ทันสมัยกว่าตลาดกลางคืนอื่นๆ ในไทเปว่างั้น อารมณ์ประมาณสยามสแควร์บ้านเรานั่นแหละ ใหญ่มากๆ (ไม่มีรูป) ตบท้ายด้วยมื้อค่ำซึ่งก็พอใช้ได้ เป็นบะหมี่เนื้อตุ๋นกับบะหมี่เนื้อสับ กินคู่กับเกี๊ยวไส้หมู มื้อนี้ 3 อย่างสองร้อยเหรียญเศษๆ
วันแรกก็จบเท่านี้เดี๋ยวมาต่อจ้าาาาาาาา
[CR] เที่ยวไต้หวัน กินเพลิน ช็อปมัน ธรรมชาติสวย
ไปทั้งทีก็อยากไปหลายวันหน่อยให้เต็มอิ่มกับวัฒนธรรมของประเทศนั้นจริงๆ แต่ไปนานมากก็ไม่ได้เพราะคนไปด้วยไม่สะดวก เลยลงตัวที่ 8 วัน แต่เที่ยวจริงๆ อยู่ที่ไม่เกิน 7 วัน ค่าใช้จ่ายทั้งทริปตีไป 25,000 บาทรวมทุกอย่าง พอเอาเข้าจริงก็ใกล้เคียงรวมช็อปปิ้งแล้วก็ประมาณนั้น ถ้าไม่รวม 21,000 ก็อยู่
อย่างแรกที่ต้องเตรียมตัวเลยคือตั๋วเครื่องบิน พอดีเจอโปรฯ ราคาสามพันกว่าผ่านเอเจ้นท์ตื่นเต้นมากจ้า แต่มัวแต่เล็งวันประกอบกับเอเจ้นท์ไม่รับจองเพราะพาสปอร์ตหมดอายุ ไอ้เราก็โทรฯ เช็คกับสายการบินดิบดียืนยันว่าจองได้ แต่เอเจ้นท์คงเป็นประเภทไม่ง้อลูกค้าไม่รับจองท่าเดียว สุดท้ายรอไปรอมาจองผ่านเว็บเองแต่ตอนนั้นก็ไม่ได้ราคาเดิมละ สุดท้ายได้มาคนละเกือบๆ ห้าพัน ไม่มีอาหาร ไม่เลือกที่นั่ง ไม่โหลดกระเป๋า ตอนนั้นก็ว่าพอรับได้นะแต่เลยมาแป๊บเดียวโปรฯ ไต้หวันกระหน่ำเลย แต่อย่างว่าล่ะถึงมีโปรฯ ถูกๆ ก็อาจไม่ได้อยู่ดีเพราะเพื่อนค่อนข้างฟิกซ์วัน ลายากมากกกก
เข้าทริปกันเลยดีกว่าไปถึงสนามบินเถาหยวนก็เกือบตีหนึ่งละ เลยนอนสนามบินนั่นเลย ที่นอนเยอะแยะสะดวกสบาย มีไวไฟฟรีและแรงด้วย ใกล้ๆ มีห้องอาบน้ำ ร้านสะดวกซื้อ ก็พอประหยัดค่าที่พักไปหนึ่งคืน เช้ามาก็เตรียมซื้อ sim card แบบ 7 วัน ราคา 4xx เหรียญไต้หวัน (แลกไป 1 บาท : 1.05 เหรียญ) และซื้อตั๋วรถบัสเข้าเมืองคนละ 125 เหรียญ ระหว่างวันรถมีทุก 15 นาที ที่นั่งสะดวกสบาย ใช้เวลาไม่ถึง ชม ก็ถึง Taipei Main Station ซึ่งเป็นสถานีการเดินทางหลักของเมืองไทเป ไปถึงละงงมากจ้า มีหลายชั้นหลายช่องทางเต็มไปหมด
หลังงงทางอยู่พักนึง อย่างแรกก็ต้องซื้อ Easy card กันก่อนซึ่งจะมีค่ามัดจำ 100 เหรียญ จากนั้นก็เติมเงินได้ตามสะดวก วันนั้นเติมไป 1,300 เหรียญ บัตรใบนี้ใช้ได้สำหรับ MRT และรถเมล์ตลอดทริปการเดินทาง MRT ค่าเดินทางถูกกว่าบ้านเราพอสมควร มีสายไม่เยอะแต่ก็ครอบคลุมเกือบทั้งไทเป แผนที่การบอกทางต่างๆ อธิบายชัดเจนดี ดูง่ายกว่ากรุงเทพฯ
สุดท้ายตัดสินใจนั่งแท็กซี่ราคา 90 เหรียญจาก Main station ไปที่พักย่าน Ximending ซึ่งเขาว่ากันว่าเป็นสยามสแควร์ไต้หวัน (ภาพถ่ายคนละเวลา)
จองที่พักไว้ที่ Cheers Hotel เป็นโฮสเตลเล็กๆ ชั้นที่อยู่คือ 4 ไม่มีลิฟท์ต้องเดินเอา พอเช็คอินเรียบร้อยก็เดินจากที่พัก 10 นาทีถึง MRT แล้วไปต่อรถเมล์เพื่อขึ้นเขาไปลง Wulai ย่านน้ำพุร้อนแห่งนึง ในบริเวณรอบๆ มีธารน้ำร้อน วัดจีน รถรางวิ่งรอบเขา เคเบิ้ลข้ามเขา และยังมีกลุ่มชนเผ่าดั้งเดิมของประเทศไต้หวันมาเปิดโชว์ (แต่ไม่ได้ดู) เดินเล่น นั่งดื่มกาแฟชิลล์ แล้วก็ไปเดินตลาดเก่ารอบๆ หาอะไรกิน
ออกจาก Wulai ก็แวะไปเดินเล่นสวน Baitan เดินไปแค่ 5 นาที แต่พอไปจริงๆ ก็ไม่มีอะไรมาก เป็นสวนริมทะเลสาบ มีสะพานแขวนให้เดินข้าม มีเรือให้ถีบ (แต่แอบแพง) คนส่วนใหญ่ก็ไปเดินเล่น ออกกำลังกาย รวมถึงมีนักเรียนไปนั่งตีไพ่กันเป็นเรื่องปกติ
เสร็จแล้วก็ไปเดินย่าน Gongguan ซึ่งเขาว่ามีรองเท้ากีฬา รองเท้าผ้าใบขายเยอะมากๆ ไต้หวันขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศผู้ผลิตส่งออกไปทั่วโลก ราคาจึงถูกกว่าเมืองไทยค่อนข้างเยอะ ตอนเดินก็เดินมั่วๆ สะเปะสะปะไปเจออะไรก็ดูไปเรื่อย ไต้หวันนี่ยังขึ้นชื่ออีกอย่างว่าเต็มไปด้วยสกู๊ตเตอร์และจักรยาน เพราะเป็นผู้ผลิตสำคัญของโลกเช่นกัน ในย่านที่ไม่พลุกพล่นมากก็จะมีเลนจักรยานชัดเจน และมีระบบจักรยานให้เช่าที่เรียกว่า U-Bike ค่าเช่าถูกมากเหมือนจะแค่ 10-20 บาทก็เช่าได้ตั้งนาน แถมไม่ต้องไปคืน ณ จุดที่เช่ามา เอาไปคืนจุดไหนก็ได้ที่มีจุดจอด U-Bike
ไปถึงก็หาอะไรรองท้องซะหน่อย ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าคืออะไรหรอก เห็นคนตักใส่กะละมังก็เอามั่ง อยากกินอะไรก็ตักๆ แล้วยื่นให้เขา สุดท้ายเขาเอาไปทอดแล้วปรุงรส เค็มๆ เผ็ดๆ อร่อยสุดๆ เป็นหนึ่งในมื้อที่ดีที่สุดในไต้หวันเลย
เดินไปเรื่อยๆ จนมาเจอตลาด Shida ซึ่งเป็นตลาดกลางคืนสำหรับวัยรุ่นชาวไทเป เขาว่ากันว่าแถวนี้อยู่ใกล้มหาวิทยาลัย ทำให้มีของกินอินเทรนด์และเสื้อผ้าแนวๆ อยู่เยอะ ทันสมัยกว่าตลาดกลางคืนอื่นๆ ในไทเปว่างั้น อารมณ์ประมาณสยามสแควร์บ้านเรานั่นแหละ ใหญ่มากๆ (ไม่มีรูป) ตบท้ายด้วยมื้อค่ำซึ่งก็พอใช้ได้ เป็นบะหมี่เนื้อตุ๋นกับบะหมี่เนื้อสับ กินคู่กับเกี๊ยวไส้หมู มื้อนี้ 3 อย่างสองร้อยเหรียญเศษๆ
วันแรกก็จบเท่านี้เดี๋ยวมาต่อจ้าาาาาาาา