ช่วงที่ผ่านมาต้องยอมรับเลยว่า ตัดสินยาก ว่าระหว่างญี่ปุ่น กับละครอีแย้มเนี่ย อันไหนฮิตกว่ากัน ทัวร์เอย ตั๋วเครื่องบินเอย แข่งกันลดแลกแจกแถม แบบไม่เกรงใจเงินเดือนกันบ้าง คนซื้อก็ตาลุกวาวๆ หน้ามืด รู้สึกหายใจหายคอไม่ค่อยออก รู้ตัวอีกทีก็โอนเงินไปแล้ว มวลมหาประชาชนชาวไทยก็ยกโขยงกันไป จนคนญี่ปุ่นเริ่มกลัวทัวร์ไทย เหมือนที่คนไทยกลัวทัวร์จีนแล้ว คือถ้าปาหินขึ้นฟ้า ซักสิบอัน ต้องตกโดนหัวคนไทยซักคนอ่ะ
ในฐานะนี่ผ่านการเที่ยวเองมาระดับนึง บอกเลยว่าญี่ปุ่นเป็น Destination อันดับแรกๆ ที่จะแนะนำสำหรับคนที่เพิ่งหัดเที่ยวแบบไม่ง้อทัวร์ ลุยเอง ซุยเอง มั่วเอง หลงเอง คือคนรีวิวนั่นนี่ไว้เยอะ ต้องไปกินอะไรบ้าง เที่ยวที่ไหนบ้าง อะไรยังไง ข้อมูลเพียบ รถไฟก็ดูง่าย เมืองก็ปลอดภัย ฉบับนี้ (พูดยังกะเป็นนิตยสาร) ก็เลยจะขอแนะนำ เคล็ดวิชาเอาตัวรอดตามประสากะเหรี่ยงชาวไทย ที่พูดไม่ได้ อ่านไม่ออก แต่ไม่แคร์ ไปเองทั้งทีต้องไม่พัง ต้องไม่เงิบ ต้องประหยัดและได้รูปสวย
1. อากาศ
โดยเฉพาะในโตเกียว ฝนตกเกือบทั้งปี ไม่รู้จะตกอะไรนักหนา แล้วฝนนางไม่ได้ตกห่าใหญ่แล้วจบแบบบ้านเรา นางจะตกแบบปรอยๆรินๆ แล้วตกทั้งวัน ตกแบบน่ารำคาญ ตกแบบกวนตีน ตกแบบ เออ กูไม่อยากให้เที่ยวสนุกเฉยๆ มีปัญหามะ
Tips :
– เช็คพยากรณ์อากาศดีๆ จะเช็คใน App Weather หรือว่าจาก Google ก็ได้ บอกเลยว่า พยากรณ์นางแม่นมาก ไม่มั่วแบบกรมอุตุตะไทยนะจ๊ะ แม่นจนนึกว่าเชิญ เจน ญาณทิพย์ มาเข้าทรง คือเช่น บอกว่า 17.30 ตกคือตกจริงๆ 19.00 หยุดคือหยุดจริงๆ
– อย่าวางแผนให้มีกิจกรรมกลางแจ้ง ในวันที่ฝนตก โดยเฉพาะ ดิสนีย์แลนด์ เพราะไม่งั้นจะรันทดมาก ในการตากฝนเล่นเครื่องเล่นและจะวิบากกรรมยิ่งกว่า หากต้องตากฝนดูพลุดิสนีย์ (โดนมาแล้ว พังสุด ฝนเปียกไปถึงกางเกงใน)
– พกร่มตลอดเวลา อันนึงมันก็ไม่ได้หนักเท่าไหร่เนอะ แบบคนทั่วไปจะคิดว่าขี้เกียจถือ เดี๋ยวเดินเข้าห้าง แล้วเปียก วุ่นวาย แต่ไม่ต้องห่วง ขึ้นชื่อว่าญี่ปุ่น นางเตรียมพร้อม ทุกทางเข้าอาคาร จะมีถุงให้ใส่ร่มเปียกบริการอย่างดี ฉะนั้น พกไปเถิด เพื่อความชัวร์
2. อาหารมินิมาร์ทช่วยชีวิต
ลืมภาพอาหารแช่แข็งในมินิมาร์ทบ้านเราไปได้เลย ทั้งไม่อร่อย และไร้คุณค่าทางสารอาหาร บอกเลยว่าอาหารสำเร็จรูปตาม มินิมาร์ทบ้านเค้า ทำใหม่ๆทุกวัน ราคาถูกพีค และที่สำคัญ อร่อยกว่าร้านอาหารบางร้านซะอีก ฉะนั้นในกรณีที่ยูไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง ไปถลุง ไปเข้าร้านอาหารแพงๆทุกมื้อได้ ข้าวตามมินิมาร์ทนี่ล่ะ ที่จะช่วยประทังชีวิตเรา ให้เราเหลือตังมากที่สุด เอาไปถลุงที่อื่น
3. หลงทางอย่าแพนิค
คือทุกคนต้องเข้าใจว่า เวลาไปเที่ยวเองเนี่ย มันเป็นเรื่องปกติมากๆที่จะหลงทาง นึกออกมะ แม่เราก็ไม่ใช่ Google map เนอะ จำไว้ว่า การหลงทางคือสีสันของการเดินทาง แต่ !! อย่าแพนิค ในกรณีที่อยู่ในตัวเมือง แล้วหาอะไรไม่เจอ ให้ปรี่เข้าไปที่ห้างซักห้าง หา Information ให้เจอ ถามนางได้เลย นางรู้ทุกอย่าง ถามได้ตอบได้ยังกะอัปดุลย์ นางวาดแผนที่ให้บอกทางอย่างละเอียด บริการทุกระดับประทับใจระดับเดียวกับการบินไทยเลย
4. เลือกร้านอาหารที่มีรูปหรือโมเดลโชว์
เธอคิดว่าเค้าเก่งภาษาอังกฤษกว่าเรางี้ ? ป่าวเลยยย เผลอๆแม่ค้าพัฒพงษ์บ้านเรายังสื่อสารได้ดีกว่า คือนางชาตินิยมมาก คนก่งคนแก่เนี่ย ลืมไปได้เลย ยิ่งเวลาไปต่างจังหวัด หรือนอกเมืองไกลๆ ตามร้านอาหารจะไม่มีเมนูภาษาอังกฤษเลย แล้วถ้าไม่มีรูปหรือโมเดลหน้าร้าน เธอจะต้องใช้เวลาชั่วชีวิตในการ Connecting people กับนาง เผลอๆได้อะไรมากินก็ไม่รู้
Tips : ในกรณีที่ไม่กินเนื้อวัว ให้ถามนางเลยว่า “กิว?” ถ้านางพยักหน้า ก็บอกไม่เอา จะเอาหมู “บูตะ” ไก่ “โทริ” พอแล้วเนอะ ศัพท์สามคำพอ ต้องเอาสมองไปหลงทางอีกเยอะ ไม่ต้องจำมากหรอก 5555
5. เช็คตารางรถไฟยังไง ให้ไม่มีพลาด
คือจริงๆเนี่ย ตามสถานีจะมีใบแจก เป็นตารางว่าไปไหนอะไรยังไงกี่โมงบ้าง แต่เราเข้าสู่ยุคดิจิตอลกันแล้วชะ ฉะนั้น ชาวดิจิตอลอย่างเราจึงเหมาะกับ Application ที่ส่งเสริมความสะดวก อย่าง “Hyperdia” หรือจะเปิดผ่านเวปก็ได้ คืออีโปรแกรมเนี้ย มันจะบอกทุกอย่างเลย ว่ากี่โมง ขบวนชื่ออะไร ขึ้นชานชาลาไหน ถ้าเปลี่ยนสาย เปลี่ยนที่ไหน มีเวลาเปลี่ยนกี่นาที ละเอียดชนิดที่บ้านเราคงไม่มีวันไปถึงระดับนั้นได้ ทำไมต้องเช็คน่ะหรอ เพราะบางที ถ้าพลาดอาจจะต้องรออีกหลายชั่วโมง เสียเวลาเที่ยวไปฟรีๆ ต้องนั่งรากงอกรออยู่ในสถานีไปอีกน่ะสิ พูดเฉยๆ อาจจะนึกภาพไม่ออกชะมะ อะ ใจดีสอนให้
http://www.hyperdia.com

– กรอกทุกอย่างลงไปเลยแล้วกด Search สมมติว่า จาก Tokyo จะไป Nikko

– เสร็จปึ๊บ นางจะขึ้น Route1,2,3 ซึ่งจะเรียงตาม เวลาในการเดินทางจากมากไปน้อย แปลว่า ยิ่งอยู่บนยิ่งเร็ว
เห็นมั้ย เพียงเท่านี้ เราก็จะมีข้อมูลทุกอย่างเพียบพร้อม ไม่มีทางหลงหรือตกรถแน่ๆ ถ้าไม่เกิดจากความอ๊องยาคุมของเราเอง
6. รสบัสก็ต้องเช็ค
คือเวลานั่งบัส ไปตามที่เที่ยวนอกเมืองเนี่ย พอบัสจอดอย่าเพิ่งรีบร้อนร้อยเมตรชายเดี่ยวไปเที่ยว ใจเย็นๆแล้วหยุดดูที่ป้ายรถบัสก่อน ว่าขากลับมีกี่โมง เราจะได้กะเวลาเที่ยวถูก ว่าเรามีเวลาแต้นแต้นานเท่าไหร่ เพราะเกิดมาไม่ทันรถรอบสุดท้าย แล้วต้องนั่งแทกซี่กลับสถานีรถไฟแล้วล่ะก็ บอกเลยว่าหมดตัว แทกซี่ที่ญี่ปุ่นแพงหูฉีกถึงหลังหัว
7. ตรงเวลา
ข้อนี้ยากหน่อยสำหรับคนไทย เพราะเราเคยชินกับการคมนาคมแบบรถรอคน คนไม่เต็มใช่มั้ย ไม่เป็นไร รอจนกว่าจะเต็มค่อยออกก็ได้ ไม่รีบ แต่ !! ญี่ปุ่นไม่ใช่นะจ๊ะ ออก 10.32 คือออกจริงๆ ไม่มีการรอใดๆ ฉะน้ั้นเมื่อเช็คเวลาแล้ว เราควรมารอก่อนเวลาประมาณ 5-10 นาทีเพื่อความชัวร์ เผื่อเวลาหลงทางหาชานชาลาหรือท่ารถไม่เจอด้วย
8. Narita VS Haneda : ลงไหนดี
อันนี้จะเรียกว่าการเอาตัวรอดก็ไม่เชิง แต่ประหยัดเงินไปได้มากโข คือโตเกียวเนี่ยจะมี สนามบินอยู่ 2 ที คือ Narita กับ Haneda ซึ่ง Narita เนี่ยสร้างใหม่ อารมณ์สุววรณภูมิบ้านเราเนี่ย ส่วน Haneda คืออันเก่า ซึ่งก็คือดอนเมือง นึกออกมะ ซึ่งบางสายการบิน อย่างเช่น การบินไทย หรือ Cathay Pacific จะเลือกได้ว่าลงไหน
– Narita : ค่ารถเข้าเมืองประมาณ 1500 เยน ไปกลับ ก็ 3000 เยน ถูกมะ
– Haneda : ค่ารถเข้าเมืองประมาณ 550 เยน ไปกลับก็ 1100 เยน ถูกกว่าสามเท่า
ส่วนต่างคือ 1900 เยนเชียวนะ กินข้าวได้สองมื้อเลยนะเว่ยยยยยย
เห็นมะ จริงๆการเที่ยวเองเนี่ย มันไม่ยากเลยยย แค่รู้แบบทริกเล็กทริกน้อยอะไรแบบเนี้ย เราก็ประหยัดทั้งเงิน ทั้งเวลา ไปพร้อมๆกัน แถมไม่ต้องเสี่ยงต่อการเงิบ และการพัง จากความไม่มีสติของเราเองด้วย ไว้บทความหน้า จะมาอธิบายการใช้ JR Pass แบบภาษาคน อ่านเข้าใจง่ายๆ เอาไปเที่ยวได้จริง ไม่ต้องเอ๋อ-ในสถานีให้ฟัง
ขอให้เที่ยวอย่างมีความสุขนะจ๊ะ
“Collect memories, not things.”
สุดท้ายนี้ ขอฝากเพจ "ชะโงก" ไว้ในอ้อมใจทุกคนด้วยนะฮะ ตั้งใจทำขึ้นมา แบ่งปันวิธีการ เคล็ดลับการเที่ยวง่ายๆ ข้อผิดพลาดที่เคยพลาดแล้ว ไม่อยากให้ทุกคนพลาดตาม อยากให้ทุกคนประหยัดและแฮปปี้กับการเที่ยว
https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%8A%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%87%E0%B8%81/1450253808623587?sk=timeline
[ชะโงก] แชร์เคล็ดลับเอาตัวรอด ในญี่ปุ่น ฉบับพูดไม่ได้ อ่านไม่ออก แต่ไม่แคร์
ในฐานะนี่ผ่านการเที่ยวเองมาระดับนึง บอกเลยว่าญี่ปุ่นเป็น Destination อันดับแรกๆ ที่จะแนะนำสำหรับคนที่เพิ่งหัดเที่ยวแบบไม่ง้อทัวร์ ลุยเอง ซุยเอง มั่วเอง หลงเอง คือคนรีวิวนั่นนี่ไว้เยอะ ต้องไปกินอะไรบ้าง เที่ยวที่ไหนบ้าง อะไรยังไง ข้อมูลเพียบ รถไฟก็ดูง่าย เมืองก็ปลอดภัย ฉบับนี้ (พูดยังกะเป็นนิตยสาร) ก็เลยจะขอแนะนำ เคล็ดวิชาเอาตัวรอดตามประสากะเหรี่ยงชาวไทย ที่พูดไม่ได้ อ่านไม่ออก แต่ไม่แคร์ ไปเองทั้งทีต้องไม่พัง ต้องไม่เงิบ ต้องประหยัดและได้รูปสวย
1. อากาศ
โดยเฉพาะในโตเกียว ฝนตกเกือบทั้งปี ไม่รู้จะตกอะไรนักหนา แล้วฝนนางไม่ได้ตกห่าใหญ่แล้วจบแบบบ้านเรา นางจะตกแบบปรอยๆรินๆ แล้วตกทั้งวัน ตกแบบน่ารำคาญ ตกแบบกวนตีน ตกแบบ เออ กูไม่อยากให้เที่ยวสนุกเฉยๆ มีปัญหามะ
Tips :
– เช็คพยากรณ์อากาศดีๆ จะเช็คใน App Weather หรือว่าจาก Google ก็ได้ บอกเลยว่า พยากรณ์นางแม่นมาก ไม่มั่วแบบกรมอุตุตะไทยนะจ๊ะ แม่นจนนึกว่าเชิญ เจน ญาณทิพย์ มาเข้าทรง คือเช่น บอกว่า 17.30 ตกคือตกจริงๆ 19.00 หยุดคือหยุดจริงๆ
– อย่าวางแผนให้มีกิจกรรมกลางแจ้ง ในวันที่ฝนตก โดยเฉพาะ ดิสนีย์แลนด์ เพราะไม่งั้นจะรันทดมาก ในการตากฝนเล่นเครื่องเล่นและจะวิบากกรรมยิ่งกว่า หากต้องตากฝนดูพลุดิสนีย์ (โดนมาแล้ว พังสุด ฝนเปียกไปถึงกางเกงใน)
– พกร่มตลอดเวลา อันนึงมันก็ไม่ได้หนักเท่าไหร่เนอะ แบบคนทั่วไปจะคิดว่าขี้เกียจถือ เดี๋ยวเดินเข้าห้าง แล้วเปียก วุ่นวาย แต่ไม่ต้องห่วง ขึ้นชื่อว่าญี่ปุ่น นางเตรียมพร้อม ทุกทางเข้าอาคาร จะมีถุงให้ใส่ร่มเปียกบริการอย่างดี ฉะนั้น พกไปเถิด เพื่อความชัวร์
2. อาหารมินิมาร์ทช่วยชีวิต
ลืมภาพอาหารแช่แข็งในมินิมาร์ทบ้านเราไปได้เลย ทั้งไม่อร่อย และไร้คุณค่าทางสารอาหาร บอกเลยว่าอาหารสำเร็จรูปตาม มินิมาร์ทบ้านเค้า ทำใหม่ๆทุกวัน ราคาถูกพีค และที่สำคัญ อร่อยกว่าร้านอาหารบางร้านซะอีก ฉะนั้นในกรณีที่ยูไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง ไปถลุง ไปเข้าร้านอาหารแพงๆทุกมื้อได้ ข้าวตามมินิมาร์ทนี่ล่ะ ที่จะช่วยประทังชีวิตเรา ให้เราเหลือตังมากที่สุด เอาไปถลุงที่อื่น
3. หลงทางอย่าแพนิค
คือทุกคนต้องเข้าใจว่า เวลาไปเที่ยวเองเนี่ย มันเป็นเรื่องปกติมากๆที่จะหลงทาง นึกออกมะ แม่เราก็ไม่ใช่ Google map เนอะ จำไว้ว่า การหลงทางคือสีสันของการเดินทาง แต่ !! อย่าแพนิค ในกรณีที่อยู่ในตัวเมือง แล้วหาอะไรไม่เจอ ให้ปรี่เข้าไปที่ห้างซักห้าง หา Information ให้เจอ ถามนางได้เลย นางรู้ทุกอย่าง ถามได้ตอบได้ยังกะอัปดุลย์ นางวาดแผนที่ให้บอกทางอย่างละเอียด บริการทุกระดับประทับใจระดับเดียวกับการบินไทยเลย
4. เลือกร้านอาหารที่มีรูปหรือโมเดลโชว์
เธอคิดว่าเค้าเก่งภาษาอังกฤษกว่าเรางี้ ? ป่าวเลยยย เผลอๆแม่ค้าพัฒพงษ์บ้านเรายังสื่อสารได้ดีกว่า คือนางชาตินิยมมาก คนก่งคนแก่เนี่ย ลืมไปได้เลย ยิ่งเวลาไปต่างจังหวัด หรือนอกเมืองไกลๆ ตามร้านอาหารจะไม่มีเมนูภาษาอังกฤษเลย แล้วถ้าไม่มีรูปหรือโมเดลหน้าร้าน เธอจะต้องใช้เวลาชั่วชีวิตในการ Connecting people กับนาง เผลอๆได้อะไรมากินก็ไม่รู้
Tips : ในกรณีที่ไม่กินเนื้อวัว ให้ถามนางเลยว่า “กิว?” ถ้านางพยักหน้า ก็บอกไม่เอา จะเอาหมู “บูตะ” ไก่ “โทริ” พอแล้วเนอะ ศัพท์สามคำพอ ต้องเอาสมองไปหลงทางอีกเยอะ ไม่ต้องจำมากหรอก 5555
5. เช็คตารางรถไฟยังไง ให้ไม่มีพลาด
คือจริงๆเนี่ย ตามสถานีจะมีใบแจก เป็นตารางว่าไปไหนอะไรยังไงกี่โมงบ้าง แต่เราเข้าสู่ยุคดิจิตอลกันแล้วชะ ฉะนั้น ชาวดิจิตอลอย่างเราจึงเหมาะกับ Application ที่ส่งเสริมความสะดวก อย่าง “Hyperdia” หรือจะเปิดผ่านเวปก็ได้ คืออีโปรแกรมเนี้ย มันจะบอกทุกอย่างเลย ว่ากี่โมง ขบวนชื่ออะไร ขึ้นชานชาลาไหน ถ้าเปลี่ยนสาย เปลี่ยนที่ไหน มีเวลาเปลี่ยนกี่นาที ละเอียดชนิดที่บ้านเราคงไม่มีวันไปถึงระดับนั้นได้ ทำไมต้องเช็คน่ะหรอ เพราะบางที ถ้าพลาดอาจจะต้องรออีกหลายชั่วโมง เสียเวลาเที่ยวไปฟรีๆ ต้องนั่งรากงอกรออยู่ในสถานีไปอีกน่ะสิ พูดเฉยๆ อาจจะนึกภาพไม่ออกชะมะ อะ ใจดีสอนให้
http://www.hyperdia.com
– กรอกทุกอย่างลงไปเลยแล้วกด Search สมมติว่า จาก Tokyo จะไป Nikko
– เสร็จปึ๊บ นางจะขึ้น Route1,2,3 ซึ่งจะเรียงตาม เวลาในการเดินทางจากมากไปน้อย แปลว่า ยิ่งอยู่บนยิ่งเร็ว
เห็นมั้ย เพียงเท่านี้ เราก็จะมีข้อมูลทุกอย่างเพียบพร้อม ไม่มีทางหลงหรือตกรถแน่ๆ ถ้าไม่เกิดจากความอ๊องยาคุมของเราเอง
6. รสบัสก็ต้องเช็ค
คือเวลานั่งบัส ไปตามที่เที่ยวนอกเมืองเนี่ย พอบัสจอดอย่าเพิ่งรีบร้อนร้อยเมตรชายเดี่ยวไปเที่ยว ใจเย็นๆแล้วหยุดดูที่ป้ายรถบัสก่อน ว่าขากลับมีกี่โมง เราจะได้กะเวลาเที่ยวถูก ว่าเรามีเวลาแต้นแต้นานเท่าไหร่ เพราะเกิดมาไม่ทันรถรอบสุดท้าย แล้วต้องนั่งแทกซี่กลับสถานีรถไฟแล้วล่ะก็ บอกเลยว่าหมดตัว แทกซี่ที่ญี่ปุ่นแพงหูฉีกถึงหลังหัว
7. ตรงเวลา
ข้อนี้ยากหน่อยสำหรับคนไทย เพราะเราเคยชินกับการคมนาคมแบบรถรอคน คนไม่เต็มใช่มั้ย ไม่เป็นไร รอจนกว่าจะเต็มค่อยออกก็ได้ ไม่รีบ แต่ !! ญี่ปุ่นไม่ใช่นะจ๊ะ ออก 10.32 คือออกจริงๆ ไม่มีการรอใดๆ ฉะน้ั้นเมื่อเช็คเวลาแล้ว เราควรมารอก่อนเวลาประมาณ 5-10 นาทีเพื่อความชัวร์ เผื่อเวลาหลงทางหาชานชาลาหรือท่ารถไม่เจอด้วย
8. Narita VS Haneda : ลงไหนดี
อันนี้จะเรียกว่าการเอาตัวรอดก็ไม่เชิง แต่ประหยัดเงินไปได้มากโข คือโตเกียวเนี่ยจะมี สนามบินอยู่ 2 ที คือ Narita กับ Haneda ซึ่ง Narita เนี่ยสร้างใหม่ อารมณ์สุววรณภูมิบ้านเราเนี่ย ส่วน Haneda คืออันเก่า ซึ่งก็คือดอนเมือง นึกออกมะ ซึ่งบางสายการบิน อย่างเช่น การบินไทย หรือ Cathay Pacific จะเลือกได้ว่าลงไหน
– Narita : ค่ารถเข้าเมืองประมาณ 1500 เยน ไปกลับ ก็ 3000 เยน ถูกมะ
– Haneda : ค่ารถเข้าเมืองประมาณ 550 เยน ไปกลับก็ 1100 เยน ถูกกว่าสามเท่า
ส่วนต่างคือ 1900 เยนเชียวนะ กินข้าวได้สองมื้อเลยนะเว่ยยยยยย
ขอให้เที่ยวอย่างมีความสุขนะจ๊ะ
“Collect memories, not things.”
สุดท้ายนี้ ขอฝากเพจ "ชะโงก" ไว้ในอ้อมใจทุกคนด้วยนะฮะ ตั้งใจทำขึ้นมา แบ่งปันวิธีการ เคล็ดลับการเที่ยวง่ายๆ ข้อผิดพลาดที่เคยพลาดแล้ว ไม่อยากให้ทุกคนพลาดตาม อยากให้ทุกคนประหยัดและแฮปปี้กับการเที่ยว
https://www.facebook.com/pages/%E0%B8%8A%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%87%E0%B8%81/1450253808623587?sk=timeline