ก่อนอื่นแนะนำตัวเหมือนกระทู้ทั่วไปครับ กระทู้แรกครับไม่เคยโพสต์มาก่อน สมัครพันทิพมาเพื่อเข้ากลุ่มเกมส์มือถือครับ แหะๆ แต่ตอนนี้เลิกเล่นและ
เข้าเรื่องครับตามชื่อกระทู้ ขอแชร์เรื่องที่เกิดกับพ่อของผม เริ่มต้นจากอาการเจ็บคอเรื้อรัง เมื่อปีที่แล้วพาไปหาหมอพบว่าเป็นมะเร็งเส้นเสียงระยะแรก เลยตั้งต้นการรักษาที่ศูนย์มะเร็ง ลพบุรี ด้วยคอร์สรักษา ทำคีโม 3 ครั้ง กับการฉายแสงอีก 45 ครั้ง การรักษาค่อนข้างทุลักทุเลพอสมควร ก่อนเริ่มพ่อค่อนข้างมีกำลังใจดีพอสมควรเพราะย่าและญาติมาเยี่ยมเต็มบ้าน พ่อดีใจคุยและใช้เสียงสุดท้ายไป จากนั้นเสียงที่แหบ กลายเป็นไม่มีเลย หลังจากเริ่มอาการแพ้ก็เหมือนคนรักษามะเร็งทั่วๆไป แต่ต้องฉายแสงบริเวณคอทำให้คอข้างในและข้างนอกไหม้ กินอะไรไม่ได้ กลืนน้ำไม่ได้ ต้องให้อาหารเหลวทางสายยาง สอดผ่านจมูกลงกระเพาะ น้ำหนักตัวจากที่ขุนก่อนเข้าโรงพยาบาล 65 kg เหลือ 42 kg

โทรมมากเหลือแต่กระดูกจริงๆ รวมเวลาอยู่ใน โรงพยาบาลเดือนครึ่ง ออกมาเมื่อกลางเดือนธันวาปีที่แล้ว รักษาตัวที่บ้านต่อ ด้วยสภาพเจ็บคอ เสียงไม่มี น้ำหนัก 42 kg ผิวแห้ง ตากแดดไม่ได้ คอไหม้ ยังคงต้องทานอาหารทางสายยาง ซึ่งแม่ต้องปั่นอาหารให้กินตลอด ส่วนสภาพจิตใจกลายเป็นคนหงุดหงิด เนื่องจากพูดไม่ได้สื่อสารให้คนอื่นลำบาก หงุดหงิดเวลาคนอื่นไม่เข้าใจ
จุดเปลี่ยนอยู่ช่วงเมษายน พี่สาวผมเข้าโรงพยาบาลด่วนต้องผ่าตัดเนื้องอกที่รังไข่ ตอนนี้กลายเป็นว่าแม่ต้องวิ่งสองที่คือที่โรงพยาบาล เพื่อเฝ้าพี่สาว และต้องขับรถกลับมาที่บ้าน เพื่อปั่นอาหารfeed ให้พ่อทางสายยาง (ผ่านไป3 เดือนยังคงกลืนอาหารไม่ได้) กรรมของพี่สาวอีกว่าตรวจพบว่าเป็นเบาหวานเลยผ่าไม่ได้ต้องรอก่อน สรุปนอน รพ เกือบสัปดาห์ถึงได้ผ่า พอเริ่มผ่า ผมถึงลางานมาเฝ้าพี่สาว แต่แม่อึดมากครับ สงสารแกจริงๆ ก่อนหน้านี้ก็นอนเฝ้าพ่อที่โรงบาลเป็นเดือนๆอยู่แล้ว พอผมมาก็ตกลงกับแม่ครับ ว่าผมเฝ้าพี่สาวกลางวัน ส่วนตอนเย็นผมกลับไปเป็นเพื่อนกับพ่อที่บ้าน( แม่อยู่กับพ่อช่วงเช้าคอยปั่นอาหาร feedจนถึงมือเย็น ก่อนไปเฝ้าพี่สาวกลางคืน)
คืนแรกที่อยู่กับพ่อผมรู้สึกว่าพ่อแปลกไป (ผมค่อนข้างจะสนิทกับพ่อครับ เวลามาหาผมจะคุยกับพ่อจนถึงดึกทุกครั้ง) เหม่อลอย ตอบสนองช้า ทั้งๆที่เดือนก่อนหน้าสภาพจิตค่อนข้างดี ผมพึ่งพาแกไปซื้อของที่โลตัส แบบยิ้มแย้มแจ่มใส มีความสุข ยิ่ง ตอนเช้ามืดมาปลุกผมให้เปิดทีวีให้ แบบจำวิธีใช้รีโมทไม่ได้

ก่อนออกไปหาพี่สาวเลยบอกแม่ให้ช่วยจับตาดูพ่อหน่อย
พอเย็นนั้นอาการพ่อไปไกลมาก เดินทั่วบ้าน เพ้อ บอกให้ทำร้ายตัวเองหน่อย คุยของทั่วบ้านทั้งคืน โดยเท่าที่ผมคิดสาเหตน่าจะมาจากพ่อเครียด โดยปกติตะนอนไม่ค่อยหลับเป็นทุนอยู่แล้ว แกจะไม่นอนเตียงราบ จะนอนที่เปลผ้าใบ เพราะเสมหะ ย้อนมาตลอด จะได้นอนวันละ 2-3 ชม พอพี่สาวเข้ารพ แม่ต้องวิ่ง 2ที่ิยิ่งเครียด เหมือนตัวเองเป็นภาระ
ผมลงมติกับแม่ว่าน่าจะเป็นอาการซึมเศร้า จะพาไปหาหมอหลังจากพี่สาวออก รพ และให้ยาคลายเครียดให้พ่อไป 1 เม็ด รอบเดียว ไม่น่าเชื่อว่าทำให้พ่อหลับได้เป็นวันๆ ตื่นมาดีขึ้นมาก พูดรู้เรื่อง คล้ายจะปกติ แต่จะตอบสนองช้าเล็กน้อย แต่ที่เปลี่ยนเลย คือบุคลิก ใจเย็น อดทดขึ้น แสดงเป็นห่วงแม่ พี่สาว และผม ผิดปกติ เกรงใจ พูดง่ายๆพลิกหน้าทือเป็นหลังมือทีเดียว
หลังสงกรานต์ ผมกลับไปทำงานที่ชลบุรี พ่อก็อาการดีขึ้นเรื่อยๆ และขอให้แม่พาไปบ้านที่นครนายก(จริงๆแล้วถ้าพ่อไม่ป่วยจะอยู่ที่นครนายก พ่อปลูกบ้านแยกไปอยู่คนเดียว แต่ปิดบ้านฝากคนดูแลไว้) แต่แม่ผัดผ่อนว่าขอเป็นสิ้นเดือน เนื่องจากพี่สาวมีนัดหมอดูแผล พ่อก็โอเค ไม่มีอะไร
และแล้ววันเกิดเหตุ พ่อตื่นแต่เช้ามาขนของขึ้นรถ พอแม่ถามบอกยังไม่ไปนะ ไปสิ้นเดือนจำได้ป่าว พ่อก็ยิ้มๆ บอกรู้แล้ว ขนรอไว้ก่อน จน 10 โมงครึ่ง แม่ทำต้นไม้อยู่ในสวน พี่สาวอยู่ในบ้าน พ่อขับรถออกไปเฉยเลย โชคร้ายอีกว่าวันนั้นถอยรถหันหน้าออกพอดี ขับไปได้เลย ทุกคนตกใจแต่เรียกไม่ทัน แต่คิดว่าน่าจะไปซื้อของใกล้ซึ่งบางทีพ่อก็ขับไปอยู่แล้ว ช่วงเที่ยงพี่สาวโทรมาหาผมว่าพ่อไม่กลับ เป็นห่วงเพราะใกล้เวลาต้อง feed อาหาร เลยแนะนำให้โทรไปหาญาติแถวบ้านพ่อไปดักที่บ้านนครนายก แต่พอบ่ายครึ่งยังไม่มา ร้อนใจมากเลยแนะนำให้ไปแจ้งตำรวจ ให้ประสานศูนย์วิทยุให้ช่วยหา แจ้งศูนย์คนหาย
...จนแล้ว 1ทุ่ม อาโทรมาบอกเพื่อนลูกสาวส่งข่าวจากเฟสอุบัติเหตุมาให้ ว่ามีรถbenz ทะเบียนลพบุรี ไปชนที่อำเภอด่านขุนทด ให้ผมโทรไปยืนยันกับ รพ ด่านขุนทด อีกที ผมมือสั่นๆกดหาเบอร์ รพ ติดห้องฉุกเฉิน เค้าบอกให้แจ้งชื่อผู้ป่วย พอบอกชื่อพ่อไป พยาบาลบอกเสียใจด้วย คนไข้เสียชีวิต ช่วงมาถึง รพ รถไปชนกับรถหกล้อขนกระเบื้องที่แยกด่านขุนทด อึ้งเงียบ เสียใจ หูดับ ทรุด ทันทีครับ ตอนนั้น พยายามตั้งสติ เก็บของ เหมา taxi กลับบ้านที่ลพบุรี...

จากนั้นก็เป็นกระบวนการของงานศพ..
แต่ที่เล่าเรื่องนี้ ผมมีคำถามตามชื่อกระทู้ว่าเชื่อกันหรือไม่ว่าคนเราถูกกำหนดเวลา กับวิธีการตายไว้ ตัวผมไม่เชื่อครับ แต่พอเกิดเรื่องพ่อก็เริ่มคิด พ่อผมเป็นทหาร เป็นนักบินครับ
- เครื่องตก 4 รอบ ไม่เป็นอะไร แค่ฟกช้ำเล็กๆ (คนรอบบ้านเสียชีวิตหลายรายจากเครื่องตก)
- ไปรบมาถูกยิง ก็ประคองเครื่องกลับมาได้
- รถตกถนนรถเละก็ไม่เป็นไร งานนั้นผมไปด้วยครับ หัวโนนิดหน่อย
- พ่อเคยเป็นอัมพฤกครับ เส้นเลือดแตกในสมอง ขยับตัวไม่ได้ซีกนึงรักษา ปีนึงหายสนิท
- มะเร็งที่เล่ามาฝ่อหมดแล้วครับ รอพักฟื้นอย่างเดียว
สุดท้ายมาเสียจากรถชน ซึ่งด่านขุนทด ไม่ใช่ทางที่ไปนครนายกบ้านพ่อ เลยคิดๆว่าพ่อจะไปหาย่าที่ร้อยเอ็ดหรือปล่าว แต่ก็ไกลเกิน เลยหาเหตุผลไม่ได้ ไม่มีคำเฉลยจากพ่อแล้วด้วย
เลยคิดว่า พ่อถูกกำหนดให้เสียจากอุบัติเหตุรถยนต์ ทั้งๆที่มีเหตุที่ทำให้เสียชีวิตก่อนหน้ามากมาย
คนอื่นมีความเห็นอย่างไรบ้างครับ หรือมีเรื่องแชร์แนวนี้ช่วยเล่าให้ฟังบ้างก็ดี
คุณมีความเชื่อบ้างไหม ว่าคนเราถูกกำหนดวิธี และเวลาการตายเอาไว้แล้ว
เข้าเรื่องครับตามชื่อกระทู้ ขอแชร์เรื่องที่เกิดกับพ่อของผม เริ่มต้นจากอาการเจ็บคอเรื้อรัง เมื่อปีที่แล้วพาไปหาหมอพบว่าเป็นมะเร็งเส้นเสียงระยะแรก เลยตั้งต้นการรักษาที่ศูนย์มะเร็ง ลพบุรี ด้วยคอร์สรักษา ทำคีโม 3 ครั้ง กับการฉายแสงอีก 45 ครั้ง การรักษาค่อนข้างทุลักทุเลพอสมควร ก่อนเริ่มพ่อค่อนข้างมีกำลังใจดีพอสมควรเพราะย่าและญาติมาเยี่ยมเต็มบ้าน พ่อดีใจคุยและใช้เสียงสุดท้ายไป จากนั้นเสียงที่แหบ กลายเป็นไม่มีเลย หลังจากเริ่มอาการแพ้ก็เหมือนคนรักษามะเร็งทั่วๆไป แต่ต้องฉายแสงบริเวณคอทำให้คอข้างในและข้างนอกไหม้ กินอะไรไม่ได้ กลืนน้ำไม่ได้ ต้องให้อาหารเหลวทางสายยาง สอดผ่านจมูกลงกระเพาะ น้ำหนักตัวจากที่ขุนก่อนเข้าโรงพยาบาล 65 kg เหลือ 42 kg
จุดเปลี่ยนอยู่ช่วงเมษายน พี่สาวผมเข้าโรงพยาบาลด่วนต้องผ่าตัดเนื้องอกที่รังไข่ ตอนนี้กลายเป็นว่าแม่ต้องวิ่งสองที่คือที่โรงพยาบาล เพื่อเฝ้าพี่สาว และต้องขับรถกลับมาที่บ้าน เพื่อปั่นอาหารfeed ให้พ่อทางสายยาง (ผ่านไป3 เดือนยังคงกลืนอาหารไม่ได้) กรรมของพี่สาวอีกว่าตรวจพบว่าเป็นเบาหวานเลยผ่าไม่ได้ต้องรอก่อน สรุปนอน รพ เกือบสัปดาห์ถึงได้ผ่า พอเริ่มผ่า ผมถึงลางานมาเฝ้าพี่สาว แต่แม่อึดมากครับ สงสารแกจริงๆ ก่อนหน้านี้ก็นอนเฝ้าพ่อที่โรงบาลเป็นเดือนๆอยู่แล้ว พอผมมาก็ตกลงกับแม่ครับ ว่าผมเฝ้าพี่สาวกลางวัน ส่วนตอนเย็นผมกลับไปเป็นเพื่อนกับพ่อที่บ้าน( แม่อยู่กับพ่อช่วงเช้าคอยปั่นอาหาร feedจนถึงมือเย็น ก่อนไปเฝ้าพี่สาวกลางคืน)
คืนแรกที่อยู่กับพ่อผมรู้สึกว่าพ่อแปลกไป (ผมค่อนข้างจะสนิทกับพ่อครับ เวลามาหาผมจะคุยกับพ่อจนถึงดึกทุกครั้ง) เหม่อลอย ตอบสนองช้า ทั้งๆที่เดือนก่อนหน้าสภาพจิตค่อนข้างดี ผมพึ่งพาแกไปซื้อของที่โลตัส แบบยิ้มแย้มแจ่มใส มีความสุข ยิ่ง ตอนเช้ามืดมาปลุกผมให้เปิดทีวีให้ แบบจำวิธีใช้รีโมทไม่ได้
พอเย็นนั้นอาการพ่อไปไกลมาก เดินทั่วบ้าน เพ้อ บอกให้ทำร้ายตัวเองหน่อย คุยของทั่วบ้านทั้งคืน โดยเท่าที่ผมคิดสาเหตน่าจะมาจากพ่อเครียด โดยปกติตะนอนไม่ค่อยหลับเป็นทุนอยู่แล้ว แกจะไม่นอนเตียงราบ จะนอนที่เปลผ้าใบ เพราะเสมหะ ย้อนมาตลอด จะได้นอนวันละ 2-3 ชม พอพี่สาวเข้ารพ แม่ต้องวิ่ง 2ที่ิยิ่งเครียด เหมือนตัวเองเป็นภาระ
ผมลงมติกับแม่ว่าน่าจะเป็นอาการซึมเศร้า จะพาไปหาหมอหลังจากพี่สาวออก รพ และให้ยาคลายเครียดให้พ่อไป 1 เม็ด รอบเดียว ไม่น่าเชื่อว่าทำให้พ่อหลับได้เป็นวันๆ ตื่นมาดีขึ้นมาก พูดรู้เรื่อง คล้ายจะปกติ แต่จะตอบสนองช้าเล็กน้อย แต่ที่เปลี่ยนเลย คือบุคลิก ใจเย็น อดทดขึ้น แสดงเป็นห่วงแม่ พี่สาว และผม ผิดปกติ เกรงใจ พูดง่ายๆพลิกหน้าทือเป็นหลังมือทีเดียว
หลังสงกรานต์ ผมกลับไปทำงานที่ชลบุรี พ่อก็อาการดีขึ้นเรื่อยๆ และขอให้แม่พาไปบ้านที่นครนายก(จริงๆแล้วถ้าพ่อไม่ป่วยจะอยู่ที่นครนายก พ่อปลูกบ้านแยกไปอยู่คนเดียว แต่ปิดบ้านฝากคนดูแลไว้) แต่แม่ผัดผ่อนว่าขอเป็นสิ้นเดือน เนื่องจากพี่สาวมีนัดหมอดูแผล พ่อก็โอเค ไม่มีอะไร
และแล้ววันเกิดเหตุ พ่อตื่นแต่เช้ามาขนของขึ้นรถ พอแม่ถามบอกยังไม่ไปนะ ไปสิ้นเดือนจำได้ป่าว พ่อก็ยิ้มๆ บอกรู้แล้ว ขนรอไว้ก่อน จน 10 โมงครึ่ง แม่ทำต้นไม้อยู่ในสวน พี่สาวอยู่ในบ้าน พ่อขับรถออกไปเฉยเลย โชคร้ายอีกว่าวันนั้นถอยรถหันหน้าออกพอดี ขับไปได้เลย ทุกคนตกใจแต่เรียกไม่ทัน แต่คิดว่าน่าจะไปซื้อของใกล้ซึ่งบางทีพ่อก็ขับไปอยู่แล้ว ช่วงเที่ยงพี่สาวโทรมาหาผมว่าพ่อไม่กลับ เป็นห่วงเพราะใกล้เวลาต้อง feed อาหาร เลยแนะนำให้โทรไปหาญาติแถวบ้านพ่อไปดักที่บ้านนครนายก แต่พอบ่ายครึ่งยังไม่มา ร้อนใจมากเลยแนะนำให้ไปแจ้งตำรวจ ให้ประสานศูนย์วิทยุให้ช่วยหา แจ้งศูนย์คนหาย
...จนแล้ว 1ทุ่ม อาโทรมาบอกเพื่อนลูกสาวส่งข่าวจากเฟสอุบัติเหตุมาให้ ว่ามีรถbenz ทะเบียนลพบุรี ไปชนที่อำเภอด่านขุนทด ให้ผมโทรไปยืนยันกับ รพ ด่านขุนทด อีกที ผมมือสั่นๆกดหาเบอร์ รพ ติดห้องฉุกเฉิน เค้าบอกให้แจ้งชื่อผู้ป่วย พอบอกชื่อพ่อไป พยาบาลบอกเสียใจด้วย คนไข้เสียชีวิต ช่วงมาถึง รพ รถไปชนกับรถหกล้อขนกระเบื้องที่แยกด่านขุนทด อึ้งเงียบ เสียใจ หูดับ ทรุด ทันทีครับ ตอนนั้น พยายามตั้งสติ เก็บของ เหมา taxi กลับบ้านที่ลพบุรี...
จากนั้นก็เป็นกระบวนการของงานศพ..
แต่ที่เล่าเรื่องนี้ ผมมีคำถามตามชื่อกระทู้ว่าเชื่อกันหรือไม่ว่าคนเราถูกกำหนดเวลา กับวิธีการตายไว้ ตัวผมไม่เชื่อครับ แต่พอเกิดเรื่องพ่อก็เริ่มคิด พ่อผมเป็นทหาร เป็นนักบินครับ
- เครื่องตก 4 รอบ ไม่เป็นอะไร แค่ฟกช้ำเล็กๆ (คนรอบบ้านเสียชีวิตหลายรายจากเครื่องตก)
- ไปรบมาถูกยิง ก็ประคองเครื่องกลับมาได้
- รถตกถนนรถเละก็ไม่เป็นไร งานนั้นผมไปด้วยครับ หัวโนนิดหน่อย
- พ่อเคยเป็นอัมพฤกครับ เส้นเลือดแตกในสมอง ขยับตัวไม่ได้ซีกนึงรักษา ปีนึงหายสนิท
- มะเร็งที่เล่ามาฝ่อหมดแล้วครับ รอพักฟื้นอย่างเดียว
สุดท้ายมาเสียจากรถชน ซึ่งด่านขุนทด ไม่ใช่ทางที่ไปนครนายกบ้านพ่อ เลยคิดๆว่าพ่อจะไปหาย่าที่ร้อยเอ็ดหรือปล่าว แต่ก็ไกลเกิน เลยหาเหตุผลไม่ได้ ไม่มีคำเฉลยจากพ่อแล้วด้วย
เลยคิดว่า พ่อถูกกำหนดให้เสียจากอุบัติเหตุรถยนต์ ทั้งๆที่มีเหตุที่ทำให้เสียชีวิตก่อนหน้ามากมาย
คนอื่นมีความเห็นอย่างไรบ้างครับ หรือมีเรื่องแชร์แนวนี้ช่วยเล่าให้ฟังบ้างก็ดี