แชร์ประสบการณ์เขียนหนังสือ Ebook ขายที่ Amazon

ขอบคุณมากค่ะ ที่ขึ้นเป็นกระทู้แนะนำ ดีใจค่ะที่กท.ของตัวเองมีประโยชน์

เห็นว่าเผื่อเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ จขกท. ขอลงเรื่องบันได 9 ขั้นสู่หนังสือขายดีด้วยนะคะ ซึ่งเนื้อหาจขกท.อ่านมาจาก Amazon Kindle แปลแล้วเรียบเรียงใหม่ แต่สต.แล้วคิดว่าเอามาปรับใช้กับงานเขียนในตลาดนักเขียนอื่นๆ ได้ด้วย ไม่จำเป็นต้องเป็นตลาด Ebook Amazon อย่างเดียว

ติดตามอ่านได้ที่คห. 8 ค่าาา

****************************
จขกท. เป็นอีกคนหนึ่งที่มีฝัน อยากมีหนังสือของตัวเองขายในตลาด Ebook ที่ Amazon ค่ะ เลยพยายามอย่างยิ่งยวด จนทำได้สำเร็จ เรียกว่าแบบดุ่ยๆ แบบลูกทุ่ง หรือแบบอะไรก็ตามที่ทำจนได้

วันนี้ขอเล่าให้ฟังนะคะ เผื่อใครสนใจประเภทคอเดียวกัน มาคุยกันว่างั้น ขออนุญาตเล่าตั้งแต่ปูพื้น เผื่อเพื่อนๆ ที่ยังไม่คุ้นเคยก็จะได้รู้เรื่องด้วย ใครรู้แล้วก็ข้ามไปได้จ้า

Amazon คืออะไรนะ

พูดถึง Amazon คิดว่าทุกคนต้องเคยได้ยินแน่ ยิ่งการตลาดออนไลน์ตอนนี้ใครๆ ก็ต่างมุ่งไปขายของที่ 2 ตลาดที่ใหญ่สุดของโลกคือ Amazon กับ Ebay ใน Amazon เนี่ยขายทุกอย่างสาระพัด สารพัน ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ (มีตั้งแต่ฟิชโช่ กางเกงมวยไทย ยันแบรนด์เนม ของแท้ ของหายาก ฯลฯ) แต่มีสินค้าอยู่หมวดนึงซึ่ง จขกท ซุ่มเงียบติดตามมานาน หมวดนั้นก็คือหมวดหนังสือค่ะ

สินค้าในหมวดหนังสือนั้นมีทั้งหนังสือเล่มๆ มีทั้งปกแข็ง ปกอ่อน แบบที่เราเห็นตามร้านล่ะ วิธีการซื้อก็คือสั่งซื้อออนไลน์แล้วก็มีการส่งหนังสือมาที่บ้าน กับอีกแบบที่เรียกว่า Ebook ซึ่งก็คือการซื้อหนังสือในรูปแบบไฟล์นั่นเองค่ะ ซื้อออนไลน์เหมือนกัน แล้วใช้วิธีดาวน์โหลดไฟล์เอา

และหนังสือ Ebook นี่เองค่ะ ที่จขกท.จ้องตาเป็นมัน เหมือนเจอหนุ่มในสเปค ยิ่งไปหาข้อมูลก็ยิ่งเห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่เราจะทำหนังสือขาย Amazon เอง เพราะแทบไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร หรือมีก็ควบคุมได้ (ด้านล่างมีอธิบาย) ยิ่งมีข้อมูลของ  Amazon บอกไว้ว่าตอนนี้หนังสือ Ebook ที่เป็น Best Seller ล้วนมาจากนักเขียนอิสระ (หมายถึงนักเขียนที่ไม่ใช่คนดัง ไม่เคยมีผลงานเขียนมาก่อน ทั้งแบบเป็นเล่มหรือไฟล์  Amazon เรียกนักเขียนแบบนี้ว่า Indie Published)


จะเห็นว่านักเขียนอิสระมีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุด 39% คือยอดขายหนังสือสูงสุดใน Amazon มาจากพลังนักเขียนพวกนี้ หุ หุ


ส่วนกราฟนี้ บอกว่านักเขียนอิสระ (อย่างเรา!) ครองแชมป์ทำเงินสุงสุดในทุกช่วงรายได้ นอกจากจะเพราะขายดีแล้วเหตุผลต่อมาก็เพราะมีจำนวนนักเขียนอิสระในตลาด Amazon เป็นจำนวนมากด้วยค่ะ

Credit :http://www.publishingtechnology.com/2014/02/ebook-sales-growth-where-its-really-coming-from-an-analysis-of-author-earnings/

หาข้อมูลเสร็จ งานมโนต้องมา! จขกท.ชั่งนน.ข้อดีข้อเสียแล้วปิดจ๊อบ (ตัวเอง) ว่า "ชั้นจะเป็นนักเขียนอิสระแห่ง Amazon" (ถ้าเป็นหนัง ฉากนี้จังหวะกลองรบต้องมาค่ะ เย้ย บิวท์กันน่าดู)

ย้อนรอยจขกท.

ก่อนอื่นอยากจะเล่าก่อนว่าจขกท เป็นมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่งที่ใจมันรักการเขียน มโนอยากมีหนังสือของตัวเองมานาน ชีวิตทำงานบริษัทก็ทำมานาน ความชั่วไม่มีความดีไม่ปรากฏ (แปลว่าเสมอตัว อิ อิ)  5 ปีก่อนมีสำนักพิมพ์เปิดรับต้นฉบับ คิดอยู่นานนม  เอาไม่เอา ใจไม่กล้า กลัวเค้าทิ้งขยะ กลัว fail ประมาณว่าถ้าเด็ดกลีบดอกไม้ถามทีละกลีบก็คงทำ (เว่อร์นะ) คิดอยู่นั่นจนปวดหัว ในที่สุดก็ลองส่งต้นฉบับไปค่ะ โชคดีเค้ารับเลยได้พิมพ์หนังสือออกขาย โชคดี (อีก) ที่ตลาดให้การยอมรับ เลยมีลูกหลานงอกออกมาเรื่อยๆ ขายตามร้านหนังสือทั่วไปค่ะ

จนเมื่อปีแล้วหลังจากมีผลงานหนังสือตัวเองแล้ว  อยากลองทำอะไรใหม่ๆ อยากลองวิถีของนักเขียนอิสระดูมั่ง เลยลองศึกษาด้วยตนเอง ถึงมาเจอว่ามีคนทำหนังสือ Ebook ขายเองที่ Amazon โดยไม่ต้องรู้จักใคร ไม่ต้องมี connection ไม่ต้องดัง ไม่ต้องมีสำนักพิมพ์ backup ก็ทำได้

จึงเริ่มศึกษาเองค่ะ

เริ่มจากวิธีอ่านอากู๋จนตาพร่าเป็นเดือนๆ แรกๆ งงงงงงมว๊ากกกก ข้อมูลก็ไม่ค่อยมีคนไทยทำไว้ก่อน หาอ่านเอง เปิดดิกเอง ลองเขียนต้นฉบับ หาวิธีขายเองผ่าน Amazon จัดหน้าเอง กราฟฟิคเอง (ซึ่งทำไม่เป็น) เรียกว่าทำเองได้ตั้งแต่ต้นจบจนสำเร็จ ใช้เวลาเกือบ 7 เดือนได้ค่ะ

จนเขียนหนังสือเสร็จ เป็นหนังสือแบบที่เรียกว่า self-publishing 100% คือทำเองหมด ตั้งแต่เขียน ปก (มีโปรแกรมใน Amazon ง่ายๆ ให้ทำ) จัดหน้า (ใช้ microsoft word) ทำโปรโมชั่นลดราคาหนังสือเอง หาวิธีลดภาษีเอง แล้วก็ขายเองค่ะ เอาเป็นว่าลองผิดลองถูกมาตลอด (ปกติจะผิดมากกว่าถูกนะ T_T)

แล้วเขียนหนังสือขาย Ebook ใน Amazon เหมาะกับใคร

จริงๆ ตลาด Ebook ในสายตาของจขกท. เหมาะมากสำหรับหนังสือที่ niche มากๆ ผลงานแนวสุดๆ ที่ยังไม่มีสำนักพิมพ์ผู้กล้ามาประลอง (มาพิมพ์ให้) หรือเรามั่นใจว่าเราคือเมพด้านเนี้ย แต่ไม่มีที่ปล่อยของ ต้นฉบับพวกนี้ค่ะเหมาะมากกับการเอามาทำ Ebook เพราะสามารถทำหนังสือได้โดยมีงบจำกัดไม่บานปลาย และไม่ต้องพิมพ์หนังสือเป็นเล่มๆ เอามาดองขวดโหลไว้ที่บ้านก็ได้ ( Amazon มีระบบสั่งพิมพ์ตามความต้องการของลูกค้าได้ โดยเราไม่ต้องเป็นคนส่งของ เค้าส่งให้เสร็จสรรพ)

ภาษาอังกฤษไม่ดีจะเขียนยังไงอ่ะ

จขกท.ว่านี่คือปัญหาของคนไทยส่วนมาก เพราะ Amazon เองเนี่ยถือว่าใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก และไม่รองรับภาษาไทย เจอเข้าแบบนี้หลายคนก็ใจฝ่อว่าจะทำไปได้ไง สำหรับตัวจขกท.เองถ้าให้อ่านพอได้ ถ้าเขียนก็บอกศาลาเหมือนกันค่ะ และแม้กระทั่งฝรั่งเองด้วยกันที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก เช่น เยอรมัน สเปน ฝรั่งเศสก็ประสบปัญหาเรื่องต้นฉบับเหมือนกัน ถึงขั้นว่า Amazon  ต้องมี translation center ไว้รับจ้างแปลภาษาอื่นๆ มาเป็นต้นฉบับภาษาอังกฤษด้วย ฉะนั้นอย่ากลัวไปเลยนะคะ

สิ่งที่จขกท.ทำคือเขียนต้นฉบับภาษาไทย (เอาให้เต็มที่ ไม่ต้องกลัวเรื่องภาษาเลยนะ) แล้วส่งแปลค่ะ ตอนนู้นที่เขียนหนังสือใช้บริการนักแปลฟรีแลนซ์ ซึ่งคุณภาพดีแต่ราคาค่อนข้างสูง ระยะหลังนี่ได้เจอเว็บ www.fiverr.com ซึ่งมีบริการรับแปล (โดยคนไทย) ในราคาที่ถูกลงมาก คิดว่าเขียนหนังสือ Ebook ขาย Amazon เล่มหน้าจะใช้บริการเว็บนี้ค่ะ

และก็ด้วยเรื่องภาษาที่เป็นอุปสรรคนี่เอง จขกท. พบว่ามีคนไทยทำหนังสือ Ebook ไปขายที่ Amazon น้อยมาก เมื่อเทียบกับการขายของอื่นๆ

ข้อเสียอย่างที่บอกคือมันยากหน่อย ข้อดีคือคู่แข่งเราน้อย ที่สำคัญจขกท.ลองหาดูพบว่า เรื่องไทยๆ เช่น สมุนไพรไทย ขนมไทย ส่วนประกอบอาหารไทย ต้นไม้เมืองร้อน ดอกไม้ไทย ศิลปะไทย หรืออะไรที่เป็นเชิงลึกๆ ของไทยแทบไม่มีคนไทยทำเลยค่ะเพราะอุปสรรคเรื่องภาษา คนต่างชาติที่มาทำก็รู้เรื่องนี้ไม่เท่าเรา ดังนั้นจขกท.คิดว่ามันมีโอกาสที่เราจะทำได้อีกค่ะ

และก็อย่างที่บอกข้างบน ค่าใช้จ่ายเรื่องการแปลเนี้ย เป็นค่าใช้จ่ายเดียวที่มีเวลาเราทำ Ebook ขาย เพราะว่าการทำหนังสือในขั้นตอนอื่นๆ Amazon มีโปรแกรมทำให้หมดแล้ว สามารถทำเองได้หมดค่ะ ตั้งแต่ปก จัดหน้า ทำโปรขาย หรืออื่นๆ จริงๆ ก็คือ  Amazon ต้องการออกแบบมาให้นักเขียนทำทุกอย่างเองได้ฟรีหมดอยู่แล้วค่ะ เพียงแต่คนคิดเป็นฝรั่ง เลยไม่มี platform ที่รองรับภาษาไทยเท่านั้น

เมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ จขกท. เห็นว่าการทำ Ebook ขายเนี่ยมีข้อดีตรงที่เราควบคุมค่าใช้จ่ายได้ ไม่บานปลาย ถ้าคิดว่าเผื่อสถานการณ์เลวร้ายที่สุดคืออะไร ก็คือหนังสือเราไม่มีคนซื้อ ค่าใช้จ่ายเรื่องแปลทั้งหมดนี้เรารับสภาพได้ไหม รับความเสี่ยงได้เปล่า คิดได้อย่างงั้นแล้ว จขกท.เลยลุยค่ะ

***เพิ่มเติมสำหรับหนังสือ Ebook ที่ใช้ภาษาอังกฤษน้อยหรือไม่ยากมาก***

มีหนังสืออีกประเภทหนึ่งที่จขกท.อยากแชร์คือ หนังสือที่ไม่จำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษที่ยากมากในการทำ เช่น หนังสือเด็กทั้งหลาย ทั้งหน้ามีภาษาอังกฤษคำเดียวว่า  Hello ที่เหลือเป็นหมีหนึ่งตัว  หนังสือที่มีภาพประกอบเยอะๆ สำหรับเมพด้านกราฟฟิค หนังสือประเภท cookbook ทั้งหลายที่สอนวิธีทำสลัดประเภทต่างๆ (ยำ) หนังสือพวกนี้ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษที่ยากมากหรือสูงมากค่ะ  

ถ้าลองอ่านติดตามดูในหน้าหนังสือขายดีของ Amazon จะเห็นว่ามีหนังสือบางประเภทข้างต้นที่ขายดีถึงดีมาก คนซื้อให้ความสนใจ และไม่จำเป็นต้องใช้ภาษาที่ยากมากในการแปล ซึ่งจะเป็นอีกทางเลือกนึงสำหรับคนที่อยากมีหนังสือของตัวเองค่ะ^^

นักเขียนได้อะไรจากการขายหนังสือ Ebook ที่ Amazon

เหมือนนักเขียนในตลาดหนังสือทั่วไปค่ะ นักเขียนมีรายได้จากการเขียนหนังสือขายจากค่าลิขสิทธิ์  Amazon เรียกว่าค่า Royalty ค่าลิขสิทธิ์นี้มาจากราคาขายของหนังสือ ซึ่งนักเขียนเป็นคนตั้งราคาขายเอง โดยคิดเป็นเปอร์เซนต์ค่ะ มีเรท 35% และ 70% ตามลำดับ เช่น ถ้าหนังสือขายราคา 4 US ถ้าเรท 35% นักเขียนจะได้เงินเล่มละ 1.4 US  ถ้าเรท 70% นักเขียนก็จะได้เล่มละ 2.8 US ค่ะ  โดยเงินที่ได้จะโอนเงินผ่านมายังบัญชีธนาคารกรุงเทพที่ไทยโดยอัตโนมัติค่ะ

เขียนไปหาชักยาว คิดว่าน่าจะแชร์ความรู้เบื้องต้นทั้งหมดได้ครบถ้วนนะคะ^^

จขกท.เองก็ทำ blog และ fanpage ไว้ค่ะ โดยพยายามรวบรวมข้อมูลที่ตัวเองมี ปัญหาที่เจอเอามาเขียนสรุปในนี้ทั้งหมด และพยายามอัพบ่อยๆ นะคะ

Fanpage: https://www.facebook.com/ebookmakerich?ref=hl
Blog: http://ebookmakerich.blogspot.com/

ถ้ามีคำถามเพิ่มเติมก็ถามได้ค่ะ จะถามใน blog หรือ fanpage ก็ได้นะคะ^^

ขอบคุณค่าาา หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนอยากเขียนหนังสือเหมือนกันนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่