น้องๆที่กำลังเตรียมตัวเข้ามหาลัย โดยไม่เรียนพิเศษ

ดีจ้า! พี่เป็นเด็ก58 ตอนนี้ติดรับตรงคณะอักษร มหาลัยแห่งหนึ่ง
อยุ่ว่างๆเลยอย่างมาแนะนำน้องๆเด็กแอดรุ่นต่อๆไป

ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นว่า พี่เป็นคนนึงที่สอบเข้ามหาลัยได้โดยไม่ต้องเรียนพิเศษ และเชื่อว่ายังมีน้องๆอีกหลายคนที่ไม่เรียนพิเศษ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใใดก็ตาม อาจจะบ้านฐานะไม่ดี เกรงใจพ่อแม่ อ่านหนังสือเองได้ ขี้เกียจ อะไรก็แล้วแต่ แตต่น้องไม่ต้องกังวลว่าจะสู้คนที่เรียนพิเศษไม่ได้ถ้าน้องทำตามคำแนะนำของพี่
ช่วงที่1 เส้นทางการอ่านหนังสือ
พี่ขอเล่าถึงวิธีการอ่านหนังสือของพี่นะ
ก่อนอื่นหาแรงบันดาลใจ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน รุ่นพี่โรงเรียนพี่เอง เขาสอบติดอักษร จุฬา โดยไม่ต้องเรียนพิเศษ ไม่สิ!
เขาเรียนภาษาอังกฤษแค่คอร์สเดียว หลังจากจับคอนเสปได้ก็อ่านหนังสือเองทั้งหมด พี่ได้ฟังก็แบบ ว้าว เก่งจุงเบย
พี่ก็เลยแบบเอาว่ะ พี่เขายังทำได้เลย ทำไมเราจะทำไม่ได้ แล้วแบบขี้เกียจไปเรียนพิเศษ ขี้เกียจออกจากบ้าน555
ก็เลยตัดสินใจซื้อหนังสือมาอ่านเอง เพราะพี่ไม่มีปัญหาเรื่องอ่านหนังสืออยุ่แล้ว เพราะพี่มีฉายาว่า หนอนหนังสือ ว่างๆก็ขดอยุ่แต่ในห้องสมุด เลิกเรียนก็ร้านหนังสือ555 พี่เริ่มอ่านตอนปิดเทอมใหญ่ก่อนขึ้นม6 แต่ขอบอกว่าตอนปิดเทอมใหญ่อ่านแบบไม่เต็มที่อ่ะ อากาศมันร้อนมาก เปิดหนังสือที ไปสวรรค์แล้วจ้า ก็เลยเปลี้ยนเวลาอ่านหนังสือมาเป็นตอนกลางคืน ตั้งแต่ 6โมงเย็นถึงเที่ยงคืน แล้วนั่งสมาธิก่อนอ่านประมาณ แปปนึง เฮ้ย!ดีมากอ่ะ
อ่านแล้วเข้าใจอ่ะ แต่ช่วงแรกๆๆประมาณเดือนนึงก่อนอ่านหนังสือจริงจัง แล้วค่อยทำโจทย์ พี่จะดูในยูทูป เพื่อจับคอปเซปให้เราเข้าใจวิธีการก่อน แล้วค่อยเริ่มอ่านเองนะ เพราะเดี๋ยวจะงง แล้วไปกันใหญ่ พี่ติวของ ออมสกูล
(เดี๋ยวเอาลิ้งค์ลงให้) เมื่อเราเข้าใจคอนเซปแล้วก็ค่อยเริ่มอ่านเองให้เข้าใจ แลล้วค่อยเริ่มทำโจทย์

ตั้งแต่เดือนมีนา-กันยา พี่จะอ่านเฉพาะแกทอิงอย่างเดียวเลย เพราะจะโฟกัสที่แกท จะบอกน้องๆๆที่จะเข้าณะสายศิลป์ว่า ให้ทำแกทให้เยอะๆๆอย่าเพิ่งสนใจอะไร เพราะถ้า แกทดีมีชัยไปกว่าครึ่ง>< แต่ต้องจัดสรรเวลาดีๆนะ เพราะม6กิจกรรมเยอะโคตรรรร พอมาช่วงเดือนตุลา ปิดเทอมเล็ก อันนี้พี่จะโฟกัสไปที่ แกทไทย แต่ยังไม่ทิ่งอิงนะ เพราะตั้งใจจะได้ให้เต็ม555 เพราะถ้าแกทไทยเต็ม อิงซัก100ก็สบายแว้วว พอเปิดเทอมมา เทอม2 นี้พี่จะทำโจทย์อย่างจริงจังแล้ว พอวันสอบ ก็ทำข้อสอบชุดแรกจะเป็นแกทไทย ทำเสร็จเวลาเหลือเปนชั่วโมง 555 ชุดสอง เป็นแกทอิ้งค์ รู้สึกว่าข้อสอบง่ายมาก หรือเป็นเพราะเราอ่านมาเยอะก็ไม่รุ้555 แต่!พลาดจ้า ตอนฝึกทำโจทย์ พี่ลืมจับเวลา!
พี่จะอ่านหนังสือแบบชิวๆ เวลาสอบก็เลยชิวๆ พอเขาประมาณอีก 5นาทีหมดเวลานั่งนับว่าเหลือกี่ข้อโอ้บระ! 20ข้อ
ตาย_่าก็เลยแบบ20ข้อนั้นโคตรเสียดายมากๆๆๆอ่ะเลยอยากเป็นอุทาหรณ์กับน้องๆนะว่าจับเวลาทำข้อสอบด้วยT_T
แต่โชคดีหน่อยที่ผลออกมาค่อนข้างน่าพอใจเลยทีเดียวเพราะคะแนนพี่สูงกว่าคนที่เรียนพิเศษมาแทบบทุกคน
แถมแกทไทยเต็มด้วย><หลังจากนั้นพี่ก็โฟกัสไปที่โอเน็ต แต่จะโฟกัสแค่ อิง กับสังคมนะ วิชาอื่นมั่วเอา 555
แต่ไม่ขอเขียนต่อนะเพราะมันยาวเกิน อิ อิ ขอเข้าสู่ช่วงที่2และกัน
ช่วงที่2 แนะนำวิดีโอและหนังสือ
พี่จะขอแนะนำวิดีโอที่พี่ติวเอาตามเน็ตและหนังสือที่อ่านนะ รับรองเจ๋งๆๆทั้งนั้น



https://www.youtube.com/watch?v=Egq7m6vsITg
อันนี้เป็นวิดีโอแรกที่ติว เป็นของออม สกูล ติว error มีหลายคลิปมาก และดีมากด้วย><

https://www.youtube.com/watch?v=hOBuAae-IYA
ติวแบรนด์ของครูสมศรี


https://www.youtube.com/watch?v=fN6-HFGnyZc
ของพี่ลูกกอล์ฟ อันนี้ฮาดี

แล้วก็วิชาสงคมในเว็บสอนศาสตร์ ที่สอนโดยครูป็อบอ่ะ สอนดีมากๆๆ ตลกด้วย

แล้วก็มีอีกเยอะอ่ะ แต่พี่จำไม่ค่อยได้แล้วอ่ะ55 โทษทีนะ

ส่วนหนังสือที่จะแนะนำ (พอดีลงรูปไม่ได้ พิมพ์เอาและกัน) จะเป็นของ ดร.ศุภวัฒน์ พุกเจริญ มันจะมี gat รวมเล่มส้ม ๆ error vocab grammar reading ฯลฯ และอีกเล่มที่ภูมิใจนำเสนอคือ AX25 ของครูพี่แนน เล่มนี้ดีมาก แต่หาซื้อยากนิดนึง พี่ไปตระเวนหาซื้อ ที่enconceptเลย เล่มประมาณ500กว่าบาทมั่ง ถ้าจำไม่ผิด (อยากให้ดูรูปจัง)
และที่จะแนะนำอีกเป๋นวิชาสังคม ของครูพี่บอลอ่ะ อันนี้ขี้นเทพเทพเลย ทุกอย่างในหนังสือมีในข้อสอบแทบทุกข้อ เหมือนคนเขียนเปนคยออกข้อสบเองเลย555 เล่มจะสีเขียวอ่อน หน้าปกมีตัวการ์ตัน 3ตัว น่ารักๆฟรุ้งฟริ่ง กระดิ่งแมว ก็ลองเลือกซื้อดูนะ><

ช่วงสุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุด
จะแนะนำทริปในการอ่านหนังสือ
โดยเริ่มจากภาษาอังกฤษให้เน้น vocab มาอันดับแรก ท่องเยอะๆๆ เพราะถ้าเราได้vocab อย่างแรกเราจะทำพาทคำศัพท์ได้ สอง ทำาทreadingกับ errorได้ ถึงแม้ว่ามันจะมีเทคนิคแต่เราได้คำศัพท์ เราก็จะได้เปรียบ เพราะเราแปลไม่ออก เพราะบางรู้แต่เทคนิคแต่แปลไม่ออกก็ทำไม่ได้เหมือนกัน onet อยากให้เน้นอ่านสักสองสามวิชาที่เราถนัดแล้วอ่านให้เต็มที่ ถ้าวิชาไหนไม่ถนัด มี2วิธีคือ 1 มั่วไปเลย 2 ตั้งใจเรียนในห้อง ไม่ก็ติวตามเน็ต แต่ถ้าติวแล้วไม่ไหว เชื่อพี่มั้วไปเลย555 อย่างพี่ไม่ชอบพวกวิทย์ คณิต ก็จะไม่อ่านพวกนี้ เพราะอ่านไปก็ไม่รุ้เรื่อง เลยไปโฟกัสในวิชาที่ตัวเองเข้าใจ แต่เพื่อนพี่มันอ่านทุกวิชา รุ้เร่องบางไม่รุ้บ้าง มันจับฉ่าายไป ผลออกมาก็เลยพากันตกต่ำ






ปล. ยาวไปหน่อย555 ถึงกระะทู้นี้สาระไม่ค่อยเยอะ แต่หวังว่าจะมีประโยชน์สักกะนิ๊ดดด ให้กับน้องๆๆนะ คนที่ไม่ได้เรียนพิเศษแล้วกลัวน้อยหน้าเพื่อนหรือคนที่กำลังอ่านหนังสือแล้วท้อแท้ หรือ ขี้เกียจอะไก็แล้วแต่

บาย!

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
ใน clip แรกนะ คือ ของออม สกูล อันนี้
https://www.youtube.com/watch?v=Egq7m6vsITg

ในช่วงประมาณนาทีที่ 25.44 นะ เค้าอธิบายโจทย์นี้คือ

4]
Every amino acids contain one or more groups of one nitrogen and two hydrogen atoms.

แล้วติวเตอร์บอกว่าผิด ตรง  Every amino acids contain เพราะที่ถูกต้องเป็น Every amino acid contains
แล้วติวเตอร์สอนนักเรียนโดยวางกฎไว้ว่า every ต้องใช้กับ singular noun เสมอไป
^
เค้าเฉลยถูกก็จริง แต่เค้าไม่ควรวางกฎแบบนี้  เพราะมันไม่ครอบคลุมสถานการณ์ทั้งหมด
^
นั่นก็เพราะว่า every ใช้กับ plural nouns ก็ได้ ในการแสดงความถี่
เช่น

The buses go every 10 minutes.
We had to stop every few miles.
Two in every three marriages end in divorce.

การสอน grammar โดยการบรรยาย นั่นก็คือติวเตอร์อธิบายกฎ grammar ไปเรื่อยๆ แล้วนักเรียนฟังแล้วจดยิกๆ

มีข้อดีตรง
1 สอนให้ทำข้อสอบได้ถูกต้องอย่างรวดเร็ว

มีข้อเสียตรง  
1 กฎ grammar มีข้อยกเว้นตั้งมากมาย อยู่ดีๆสอนๆไป แล้วผลีผลามไปวางกฎ ถ้าติวเตอร์ไม่คิดทุกความเป็นไปได้อย่างรอบคอบ ติวเตอร์ก็จะวางกฎ ผิดพลาด ทำให้นักเรียนจำเอาไปใช้ผิดๆ
2 เป็นการเรียนแบบ passive learning นักเรียนฟังแล้วจดยิกๆๆๆๆ ลูกเดียว ไม่มีการฝึก interactive communications ทำให้เรียนแล้วต้องคิดเป็นภาษาไทยตลอด ไม่มีชั่วโมงบินในการคิดเป็นภาษาอังกฤษเลย พอขยับจะเรียน writing ต่อให้ทำข้อสอบ error identification ได้คะแนนสูงๆ แต่นักเรียน (ซึ่งคิดเป็นภาษาอังกฤษยังไม่ได้) ก็มักจะเขียนประโยคที่ มันดูๆแล้วเหมือนจะถูก grammar แต่ไม่มีเจ้าของภาษาที่ไหนเค้าใช้กัน เพราะมันดูผิดธรรมชาติ

การสอนภาษาอังกฤษแบบ interactive communications คือสอนให้นักเรียนฝึกฟังตัวอย่างประโยค แล้วหัดเอาไปพูดใหม่พลิกแพลง แบบฟังแล้วโต้ตอบแบบทันควัน  แบบที่เรียกว่า improvisation ถ้าผู้สอนเลือกตัวอย่างประโยคที่สาธิตกลไกการทำงานของ grammar ได้อย่างชาญฉลาด มันจะทำให้นักเรียนรู้ grammar ไปเองแบบใช้ "สัมผัสพิเศษ" ทำให้นักเรียนรู้วิธีระวังภัยได้เอง (เพราะคิดเป็นภาษาอังกฤษได้) โดยตั้งคำถามว่า "กฎที่ (ติวเตอร์หรือใครคนใดคนหนึ่ง) วางไว้" นี้ มันครอบคลุมสถานการณ์ได้ครบหมดหรือเปล่า

^
แต่ก็น่าเสียดายที่ข้อสอบระดับมัธยมของไทยไม่มีทดสอบ listening skills กับ speaking skills นักเรียนส่วนใหญ่ก็เลยเรียนเพื่อไปทำข้อสอบกันเท่านั้น แต่ไม่ได้เรียนเพื่อเอาไปใช้งานในชีวิตจริง มีคนไทยเป็นจำนวนมากที่เรียนแบบ passive learning เพื่อเอาความรู้ (จากการติวด่วนๆ) ไปทำข้อสอบ เรียนไปจนเข้ามหาลัยได้ เรียนจบมหาลัยมาแล้ว แต่รู้อังกฤษแค่พออ่านอังกฤษรู้เรื่อง แต่กลายเป็นสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษแบบบ interactively ไม่ได้ และพอให้เขียนภาษาอังกฤษก็ยิ่งเขียนไม่ได้ใหญ่เลย หรือไม่ก็เขียนผิดธรรมชาติเละ เนื่องจากเวลาเรียนภาษาอังกฤษ เรียน skills มาไม่ครบหมด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่