ผมเป็นพนักงานบริษัทและยังเป็นอยู่ตำแหน่งสำคัญของบริษัท
ชอบลงทุนและชอบทำธุรกิจ อยากมีรายได้หลายทาง หุ้นเคยลองแต่ไม่ใช่ทาง
ตอนแรกลงทุนด้วยเงินตัวเองกับหุ้นส่วนสมมติชื่อไก่ด้วยจำนวนเงิน 5 แสนบาท
และได้ปันผลตลอดทุกเดือน เป็นรายได้อีกทางเพิ่มจากเงินเดือน
แล้วเดือนที่ผ่านมาไก่ชวนทำธุรกิจใหญ่ขึ้นเปิดเป็น หจก. 50/50 กับไก่
ผมเอาเงินเก็บ กู้เงิน ขายทรัพย์สิน ยืมพี่น้อง 9 แสนบาท หาได้แค่นี้
ด้วยแนวคิดที่ว่า ธุรกิจมีอนาคต หุ้นส่วนเคยลงทุนกันมานาน
ผลตอบแทนดี ซื้อมา ขายไป เห็นส่วนต่างชัดเจน ให้เงินเดือนไก่เพราะผมไม่ได้ดูแลกิจการ
และผมทำธุรกิจคิดถึงกรณีเลวร้านที่สุดเสมอ หากเจ๊งหายไปเลย 9 แสน
ยังมีรายได้ต่อเดือนพอใช้จ่ายหนี้ทุกส่วนและค่าใช้จ่ายส่วนตัวแบบประหยัด
แต่เป็นช่วงเริ่มต้นธุรกิจ ยังไม่มีกำไร เป็นช่วงลงทุน ใช้จ่ายของที่จำเป็นเปิดธุรกิจ
ยังไม่ได้เงินปันผลออกมา แถมต้องเพิ่มทุนเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายงอกออกมาอีก
ส่วนต่างต่อเดือนของผมตามแผนที่วางก็นำไปเพิ่มทุนโดยสถานการณ์พาไป
ของยังขายไม่ได้ก็ต้องคงคลังเป็นเงินคงไว้ในสินค้า
เลยวางแผนการเงินแบบประหยัดๆทุกๆเดือนกับแฟน(ผมมีแฟน)เข้าใจกันเป็นอย่างดี เราทำเพื่ออนาคต
แต่ปัญหาเกิดเมื่อพ่อกับแม่ของผมเป็นกังวล เพราะช่วงนี้ผมใช้เงินอย่างประหยัดจนท่านดูออก
ปกติพากันไปเที่ยว ไปกินของอร่อย เราภูมิใจที่ได้พาพ่อแม่ไป
ช่วงนี้ไม่ได้ไปไหน แถมแผนที่วางไว้ว่าจะมีหลายให้ก็ยังผิดแผน ไม่พร้อมมี(เนื่องจากแผนการเงินผิดแผน)
ท่านจึงโทรมาบอกว่า
ให้หยุดทำซะ ธุรกิจมีความเสี่ยงมาก หุ้นส่วนก็ไม่ใช่พี่น้องเรา ท่านเครียด นอนไม่หลับ สงสารเรา
เครียดไปจนถึงป่วย (เวลาเครียดท่านจะปวดหัว ปวดหลายอย่างด้วย หายช้าด้วย)
ผมไม่รู้จะทำอย่างไรให้ท่านไม่กังวล ไม่เครียด โทรไปคุยก็วกไปวนมา กลัวนั่นเราก็อธิบายไป กลัวนี่เราก็อธิบายไป
แต่ท่านก็ยังคงกังวลอยู่ เพราะปกติเรื่องลงทุนผมไม่ค่อยบอกรายละเอียดท่าน เพราะท่านเป็นคนคิดมาก
แต่พอบอก ก็เป็นประมาณนี้แหละ พอทำอะไรไปสักพักจนได้ดีผมค่อยบอก
ท่านก็กังวลว่าผมจะโกหกท่านว่าผมหยุดเพิ่มทุนแล้ว
แต่จริงๆแล้วเรายังคงต้องเพิ่มทุนเพราะธุรกิจเงินทุนหมุนเวียนไม่พอเนื่องจากสินค้าคงคลัง
ตอนนี้เครียดเรื่องท่าน มากกว่าเรื่องธุรกิจอีก
ท่านไหนเคยมีประสบการณ์แบบนี้หาจุดลงตัวยังไงครับ แชร์ๆกันหน่อย
ปล. สิ่งที่ผมได้จากการทำธุรกิจ ผมไม่ได้คิดถึงเงินคือกำไรอย่างเดียว ที่ผ่านมาประสบการณ์คือกำไรส่วนหนึ่งในการธุรกิจของผม
ถึงขาดทุนจุดคุ้มทุนก็คือประสบการณ์ แต่จะกำหนดจุดลงทุนยังไงไม่ทำให้รายจ่ายภายในเดือดร้อน
ทำยังไงดี พ่อแม่บอกให้หยุดลงทุน เพราะความเสี่ยงสูง ไม่ไว้ใจหุ้นส่วน
ชอบลงทุนและชอบทำธุรกิจ อยากมีรายได้หลายทาง หุ้นเคยลองแต่ไม่ใช่ทาง
ตอนแรกลงทุนด้วยเงินตัวเองกับหุ้นส่วนสมมติชื่อไก่ด้วยจำนวนเงิน 5 แสนบาท
และได้ปันผลตลอดทุกเดือน เป็นรายได้อีกทางเพิ่มจากเงินเดือน
แล้วเดือนที่ผ่านมาไก่ชวนทำธุรกิจใหญ่ขึ้นเปิดเป็น หจก. 50/50 กับไก่
ผมเอาเงินเก็บ กู้เงิน ขายทรัพย์สิน ยืมพี่น้อง 9 แสนบาท หาได้แค่นี้
ด้วยแนวคิดที่ว่า ธุรกิจมีอนาคต หุ้นส่วนเคยลงทุนกันมานาน
ผลตอบแทนดี ซื้อมา ขายไป เห็นส่วนต่างชัดเจน ให้เงินเดือนไก่เพราะผมไม่ได้ดูแลกิจการ
และผมทำธุรกิจคิดถึงกรณีเลวร้านที่สุดเสมอ หากเจ๊งหายไปเลย 9 แสน
ยังมีรายได้ต่อเดือนพอใช้จ่ายหนี้ทุกส่วนและค่าใช้จ่ายส่วนตัวแบบประหยัด
แต่เป็นช่วงเริ่มต้นธุรกิจ ยังไม่มีกำไร เป็นช่วงลงทุน ใช้จ่ายของที่จำเป็นเปิดธุรกิจ
ยังไม่ได้เงินปันผลออกมา แถมต้องเพิ่มทุนเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายงอกออกมาอีก
ส่วนต่างต่อเดือนของผมตามแผนที่วางก็นำไปเพิ่มทุนโดยสถานการณ์พาไป
ของยังขายไม่ได้ก็ต้องคงคลังเป็นเงินคงไว้ในสินค้า
เลยวางแผนการเงินแบบประหยัดๆทุกๆเดือนกับแฟน(ผมมีแฟน)เข้าใจกันเป็นอย่างดี เราทำเพื่ออนาคต
แต่ปัญหาเกิดเมื่อพ่อกับแม่ของผมเป็นกังวล เพราะช่วงนี้ผมใช้เงินอย่างประหยัดจนท่านดูออก
ปกติพากันไปเที่ยว ไปกินของอร่อย เราภูมิใจที่ได้พาพ่อแม่ไป
ช่วงนี้ไม่ได้ไปไหน แถมแผนที่วางไว้ว่าจะมีหลายให้ก็ยังผิดแผน ไม่พร้อมมี(เนื่องจากแผนการเงินผิดแผน)
ท่านจึงโทรมาบอกว่า
ให้หยุดทำซะ ธุรกิจมีความเสี่ยงมาก หุ้นส่วนก็ไม่ใช่พี่น้องเรา ท่านเครียด นอนไม่หลับ สงสารเรา
เครียดไปจนถึงป่วย (เวลาเครียดท่านจะปวดหัว ปวดหลายอย่างด้วย หายช้าด้วย)
ผมไม่รู้จะทำอย่างไรให้ท่านไม่กังวล ไม่เครียด โทรไปคุยก็วกไปวนมา กลัวนั่นเราก็อธิบายไป กลัวนี่เราก็อธิบายไป
แต่ท่านก็ยังคงกังวลอยู่ เพราะปกติเรื่องลงทุนผมไม่ค่อยบอกรายละเอียดท่าน เพราะท่านเป็นคนคิดมาก
แต่พอบอก ก็เป็นประมาณนี้แหละ พอทำอะไรไปสักพักจนได้ดีผมค่อยบอก
ท่านก็กังวลว่าผมจะโกหกท่านว่าผมหยุดเพิ่มทุนแล้ว
แต่จริงๆแล้วเรายังคงต้องเพิ่มทุนเพราะธุรกิจเงินทุนหมุนเวียนไม่พอเนื่องจากสินค้าคงคลัง
ตอนนี้เครียดเรื่องท่าน มากกว่าเรื่องธุรกิจอีก
ท่านไหนเคยมีประสบการณ์แบบนี้หาจุดลงตัวยังไงครับ แชร์ๆกันหน่อย
ปล. สิ่งที่ผมได้จากการทำธุรกิจ ผมไม่ได้คิดถึงเงินคือกำไรอย่างเดียว ที่ผ่านมาประสบการณ์คือกำไรส่วนหนึ่งในการธุรกิจของผม
ถึงขาดทุนจุดคุ้มทุนก็คือประสบการณ์ แต่จะกำหนดจุดลงทุนยังไงไม่ทำให้รายจ่ายภายในเดือดร้อน