จากที่เมื่อวานวันเสาร์ ไปดูหนังเกี่ยวกับภัยพิบัติเรื่อง San Andreas ด้วยความคาดหวังจากที่ได้ดู Trailer ตัวอย่าง และความผูกใจเจ็บจากความโอเวอร์และงี่เง่าของเรื่อง 2012 เลยคิดไว้ว่า เรื่องนี้คงออกมาดีกว่าและสมจริงสมจังกว่า และก็จริงๆ จริงซะจนดูๆไปไม่คิดว่าเป็นหนัง ส่วนตัวมองว่าเหมือนสารคดีที่สร้างสถานการณ์จำลองและสอนวิธีการเอาชีวิตรอดจากภัยพิบัติที่เคยดูตามช่องสารคดีพวก Discovery Channel กับ National Geographic ไรงี้ ซึ่งจริงๆช่องพวกนี้ก็เคยมีรายการทำนองนี้อยู่ น่าจะรายการ "Perfect Disaster" แต่อาจถ่ายทำมี Special Effect ไม่สวยหรูเท่า Hollywood ประเด็นหนังแค่ใช้ตัวละครในการเดินเรื่องนิดๆหน่อยๆให้เรื่องไม่น่าเบื่อพอมีสิ่งนำพาให้เรื่องดำเนินไปได้ โดยที่หนังยังคงเน้นโฟกัสที่ตัวเรื่องของแผ่นดินไหวมากกว่า ก็เลยรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นแนวสารคดีมากกว่าจะเป็นหนัง
ตัวละคร
จากตอนที่ดู 2012 ที่พล็อตเรื่องล็อคเกินไปว่าตัวละครเอกจะต้องรอด(ทั้งๆที่ก่อนดูก็พอจะเดาได้) ฉากโลกแตกไม่ได้หวาดเสียวหรือตื่นเต้น แค่เน้นว่าทำ FX สวยดี เพราะยังไงก็ต้องรอด แล้วรอดแบบเปิ่นๆโง่ๆ โชคช่วยล้วนๆ
พอของ San Andreas ตั้งใจผูกเลยว่า เออเกิดมาโตมาในพื้นที่แถบนี้ก็ควรที่จะมีความรู้มีทักษะเกี่ยวกับแผ่นดินไหว รู้จักมีทักษะให้พอดูว่าเออ การเอาตัวรอดของตัวละครดูมีที่มาที่ไป ไม่ใช่แค่พล็อตเรื่องบังคับ
ความสมจริง
อันนี้ต้องยอมรับว่า ตามสไตล์ของ Hollywood ก็ต้องมีความเวอร์อยู่บ้าง อย่างตอนที่แผ่นดินไหวใน LA โดนเขย่ารอบเดียวตึกถล่มแทบราบ แต่พอของ San Francisco ต้องเขย่า 3-4 รอบ กว่าตึกแต่ละหลังจะทรุดลงมา แถมตอนคลื่นยักษ์ซึนามิถล่ม ตึกที่อุตส่าห์รอดการเขย่า 3-4 ครั้งมาได้กลับอ่อนแอโดนน้ำซัดล้มอย่างไม่น่าเชื่อ
ตัวรอยเลื่อน San Andreas จริงๆ เป็นการเคลื่อนตัวแบบสไลด์ไปด้านข้าง ไม่ใช่ยกตัวขึ้นหรือทรุดลงแบบที่เห็นในหนัง อันนี้หาข้อมูลกันไม่ยากครับ
วิธีการเอาตัวรอด
หนังเองก็พยายามสอนวิธีที่เหมาะสมที่สุดอย่าง การที่ทำลายความเชื่อโบราณว่าไม่ควรไปหลบที่กรอบประตู แต่ควรจะไปหลบใต้โต๊ะแทนเป็นต้น เคยดูสารคดีของ MythBusters ที่เขาเคยทดสอบเรื่องนี้ ก็ปรากฎว่า ถึงตึกจะแข็งแรงไม่ถล่ม แต่การไปหลบที่กรอบประตูอาจทำให้ได้รับบาดเจ็บได้ไม่น้อย อย่างอาจจะโดนบานประตูเหวี่ยงมาฟาด หรือตู้ สิ่งของใกล้ๆหล่นหรือล้มใส่
ส่วนโต๊ะ ก็ต้องแน่ใจว่าเป็นโต๊ะที่แข็งแรงพออย่างโต๊ะทำงานสำนักงาน หรือโต๊ะกินข้าวตัวใหญ่ๆ ...พวกโต๊ะพับในวัดหรือโรงเรียนกวดวิชา ที่เป็นไม้อัดเคลือบสีขาวๆขาพับได้ อันนั้นอาจจะไม่แนะนำ
พยายามตั้งสันนิษฐานใหม่
อย่างที่ทราบกันอยู่ทุกวันนี้ว่า แผ่นดินไหวเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติเพียงชนิดเดียวที่ยังไม่สามารถทำนายล้วงหน้าได้ สามารถทำได้เพียงบันทึกสถิติเมื่อเกิดขึ้นแล้วเท่านั้น หรือทำได้ก็ยังไม่แม่นยำนัก ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นความหวังของมวลมนุษย์ละว่าถ้าทำสำเร็จขึ้นมา โอกาสรอดและเตรียมตัวจะมีเยอะขึ้นมาก
ดู San Andreas (2015) รู้สึกว่าได้ความรู้มากกว่าความบันเทิง(สปอยด์บ้างนิดหน่อย)
ตัวละคร
จากตอนที่ดู 2012 ที่พล็อตเรื่องล็อคเกินไปว่าตัวละครเอกจะต้องรอด(ทั้งๆที่ก่อนดูก็พอจะเดาได้) ฉากโลกแตกไม่ได้หวาดเสียวหรือตื่นเต้น แค่เน้นว่าทำ FX สวยดี เพราะยังไงก็ต้องรอด แล้วรอดแบบเปิ่นๆโง่ๆ โชคช่วยล้วนๆ
พอของ San Andreas ตั้งใจผูกเลยว่า เออเกิดมาโตมาในพื้นที่แถบนี้ก็ควรที่จะมีความรู้มีทักษะเกี่ยวกับแผ่นดินไหว รู้จักมีทักษะให้พอดูว่าเออ การเอาตัวรอดของตัวละครดูมีที่มาที่ไป ไม่ใช่แค่พล็อตเรื่องบังคับ
ความสมจริง
อันนี้ต้องยอมรับว่า ตามสไตล์ของ Hollywood ก็ต้องมีความเวอร์อยู่บ้าง อย่างตอนที่แผ่นดินไหวใน LA โดนเขย่ารอบเดียวตึกถล่มแทบราบ แต่พอของ San Francisco ต้องเขย่า 3-4 รอบ กว่าตึกแต่ละหลังจะทรุดลงมา แถมตอนคลื่นยักษ์ซึนามิถล่ม ตึกที่อุตส่าห์รอดการเขย่า 3-4 ครั้งมาได้กลับอ่อนแอโดนน้ำซัดล้มอย่างไม่น่าเชื่อ
ตัวรอยเลื่อน San Andreas จริงๆ เป็นการเคลื่อนตัวแบบสไลด์ไปด้านข้าง ไม่ใช่ยกตัวขึ้นหรือทรุดลงแบบที่เห็นในหนัง อันนี้หาข้อมูลกันไม่ยากครับ
วิธีการเอาตัวรอด
หนังเองก็พยายามสอนวิธีที่เหมาะสมที่สุดอย่าง การที่ทำลายความเชื่อโบราณว่าไม่ควรไปหลบที่กรอบประตู แต่ควรจะไปหลบใต้โต๊ะแทนเป็นต้น เคยดูสารคดีของ MythBusters ที่เขาเคยทดสอบเรื่องนี้ ก็ปรากฎว่า ถึงตึกจะแข็งแรงไม่ถล่ม แต่การไปหลบที่กรอบประตูอาจทำให้ได้รับบาดเจ็บได้ไม่น้อย อย่างอาจจะโดนบานประตูเหวี่ยงมาฟาด หรือตู้ สิ่งของใกล้ๆหล่นหรือล้มใส่
ส่วนโต๊ะ ก็ต้องแน่ใจว่าเป็นโต๊ะที่แข็งแรงพออย่างโต๊ะทำงานสำนักงาน หรือโต๊ะกินข้าวตัวใหญ่ๆ ...พวกโต๊ะพับในวัดหรือโรงเรียนกวดวิชา ที่เป็นไม้อัดเคลือบสีขาวๆขาพับได้ อันนั้นอาจจะไม่แนะนำ
พยายามตั้งสันนิษฐานใหม่
อย่างที่ทราบกันอยู่ทุกวันนี้ว่า แผ่นดินไหวเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติเพียงชนิดเดียวที่ยังไม่สามารถทำนายล้วงหน้าได้ สามารถทำได้เพียงบันทึกสถิติเมื่อเกิดขึ้นแล้วเท่านั้น หรือทำได้ก็ยังไม่แม่นยำนัก ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นความหวังของมวลมนุษย์ละว่าถ้าทำสำเร็จขึ้นมา โอกาสรอดและเตรียมตัวจะมีเยอะขึ้นมาก