ก่อนอื่นต้องบอกเลยนะครับว่าเป็นเรื่องจริง ไม่ได้มีการแต่งเติมแต่อย่างได้ แต่อาจจะยาวหน่อย
มีน้องคนนึงครับมาปรึกษาปัญหากับผม
ขอเล่าเริ่มเรื่องจากฝ่ายพ่อครับ เคยทำงานบริษัทจนออกมาแล้ว
ก่อนหน้านี้เค้ามีภรรยาแต่เสียไปแล้ว แล้วมีลูกสาว 2 คนจบมหาลัยดีๆมาด้วยกันทั้งคู่
ส่วนลูกชายอีกคน ตอนนี้ไม่ทราบชะตาครับว่าเป็นตายร้ายดียังไง
ตอนนี้ก็มาแต่งงานมีภรรยาใหม่มานาน20กว่าปีละครับ ทำงานเป็นช่างเสริมสวยอยู่บ้าน
และก็มีลูกชายอีก 1 คน หรือตัวน้องคนที่มาปรึกษาเนี่ยล่ะครับ
ฐานะทางบ้านก็ปานกลางครับ
แต่ต้นตอของปัญหามาเริ่มมาจากตรงนี้แหล่ะครับ
ด้วยความที่ลูกสาว 2 คนของเค้าจบมหาลัยดีๆด้วยกันทั้งคู่ ส่วนลูกชายคนแรกก็หายไป
และตัวเค้าเองยังเคยเป็นพนักงานบริษัทอีกต่างหาก เค้าเลยเริ่มปลูกฝังลูกชายคนสุดท้องตั้งแต่ยังเด็ก
"ลูกต้องจบมหาลัยดีๆ เพื่อจบมาจะได้ทำงานดีๆ ทำงานเอกชน เป็นเจ้าคนนายคน"
ทั้งๆที่ตัวน้องแกเองก็มีความไฝ่ฝันนะครับ ว่าจะต้องเป็นทหารให้ได้
จวบจนน้องแกอายุ 15 ครับ เตรียมตัวสอบเข้าเตรียมทหารแล้วครับ และก็ได้ไปคุยกะพ่อเค้าบอกเออจะสอบเข้าเตรียมทหารนะ
สิ่งที่น้องเค้าได้คือ "การต่อต้านจากฝ่ายพ่ออย่างรุนแรงครับ" บวกกับปีที่น้องเค้าสอบเป็นช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมืองพอดี
จนน้องแกต้องจำใจเรียนม.ปลาย แต่ยังไม่ทิ้งความฝันที่จะเป็นทหารนะครับ
น้องแกบอกว่าก็พอได้ไปกิจกรรมทางพวก รด. บ้าง กิจกรรมของโรงเรียนน้องแกก็ไม่เคยขาด จนได้รับรางวัลนักเรียนบำเพ็ญประโยชน์ 3 ปีซ้อน
ช่วงใกล้จบม.ปลาย จึงได้ตัดสินใจจะไปสอบเป็นทหารนายสิบ แต่สิ่งที่น้องได้จากการไปปรึกษาพ่อเค้าคือได้อย่างเดิมครับ
"ทำไมงานดีๆ เงินเยอะๆ สบายๆ ไม่ชอบหรือไง ทำไมต้องไปรับราชการ"
"แต่ราชการมันมีสวัสดิการดีนะพ่อ แล้วผมก็ชอบด้วย"
"ไม่ ถ้าไปสอบทหาร ไม่ต้องมาคุยกับกูเลยนะ"
สุดท้ายตัวน้องแกก็ต้องจำใจสอบเข้ามหาลัยครับ เพราะว่าจำยอมครับ ไม่อยากให้เสียเปล่าในสิ่งที่พ่อเค้าปลูกฝัง
แต่ดันไปสอบได้ที่ที่ค่าเทอมแบบเรียกได้ว่า "ขูดเลือดขูดเนื้อ" กันเลยทีเดียว
เรื่องทุนน้องแกก็ขอกู้ เรื่องเรียนเกรดน้องแกก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมาก หวิดๆไปบ้างอะไรบ้าง แต่ก็ไม่ถึงขนาดติดสถานะอะไร
แล้วตัวน้องแกถูกตั้งความหวังมาเรื่อยๆครับ "เออ เรียนให้จบนะ จบมาทำงานดีๆ เป็นเจ้าเป็นนาย"
น้องแกก็ทำได้แค่พยักหน้าทั้งๆที่ไม่เต็มใจเท่าไหร่
จนวันนึงครับ จู่ๆพ่อน้องแกเกิดป่วยกระทันหัน ต้องแอดมิสโรงบาลเป็นเดือน
หมดเงินค่ารักษาพยาบาลไปเป็นแสนๆอยู่ หลังจากนั้นก็ทำงานไม่ได้อีกเลย
ฐานะทางบ้านเริ่มร่วงล่ะครับ เพราะคนที่หาเงินตอนนี้คือแม่น้องเค้าคนเดียว
ส่วนน้องเค้าก็พยายามทุกวิถีทางจะหาเงินมาช่วยละครับ
น้องเค้าก็ยังคงต้องเรียนต่อเพื่อให้ได้จบเร็วๆ จนวันนึงน้องเค้าบอกว่าเค้ากลับจากเขาชนไก่ (น้องเค้าฝึกรด.ด้วย)
เค้าบอกเค้าไม่สามารถดึงตัวกลับมาทำตามที่พ่อเค้าตั้งใจได้ จากที่เกรดน้องพอถูไถไปได้ ทีนี้ร่วงฮวบเลยครับ
"จากที่เคยพอเรียนได้ กลับไปต่อไม่ถูก จับต้นชนปลายไม่ได้ ไม่เปิดรับในสิ่งที่เค้าเรียน"
แถมความซวยของน้องเค้าคือ "ปีนี้น้องเค้าไม่ได้รับทุน" เพราะเกิดผิดพลาดทางวิธีการ
เรื่องทั้งหมดนี้น้องแกก็เก็บไว้ไม่บอกทางบ้านให้รู้ แต่มาปรึกษาผมแทน
สุดท้ายน้องแกก็แอบไปสมัครสอบทหารมาครับ หวังว่าจะตั้งต้นชีวิตใหม่ของเค้าได้
จนทางบ้านรู้เรื่องครับ และก็ได้ซักถามถึงความเป็นมาที่จะไปสอบทหาร จนน้องแกบอกความจริงไปทั้งหมด
ผลสอบทหารออกมาก็ติดสำรอง ไม่รู้ว่าจะได้ไม่ได้ยังไง
ทีนี้ทั้งบ้านเครียดครับ หนึ่งที่ว่า เงินกู้ยืมเรียนก็ไม่ได้ แถมจะบอกทางบ้าน ทางบ้านก็ดันหมดไปกับค่ารักษาตัวพ่อเค้าแล้ว
สองคือ เรื่องที่บังคับให้ลูกเค้าไปเรียนในสิ่งที่ตัวเค้าเองต้องการ โดยที่ลูกเค้าไม่เต็มใจเท่าไหร่
สามคือ ฝ่ายพ่อก็ยังรักษาตัวไม่หายครับ
ทุกวันนี้น้องแกเป็นเด็กไม่ได้เรียนมหาลัยเลยครับ เพราะเรียนไม่ได้ เค้าปิดรับทุกอย่าง
แถมยังบอกผมด้วย "พอกันทีมหาลัย พอกันทีความฝันของพ่อที่เป็นไปไม่ได้ เค้าไม่ได้มาทางนี้ เค้าไม่ควรมาทางนี้"
แล้วน้องแกก็มีความรู้สึกไม่อยากกลับบ้าน เพราะกลับมาทีไรเค้าเครียด เค้าไม่กล้ามองหน้าใครในบ้านเลย
ยังดีที่น้องแกไม่มีความคิดที่จะคิดสั้นน่ะครับ
"ทำไมเราไม่ยอมมันไปตามฝันตั้งแต่แรก ถ้าเราปล่อยมันป่านนี้มันคงจบไปเป็นนายร้อยนายเรือมีเงินมารักษาตัว เริ่มต้นชีวิตใหม่ไปแล้ว"
พอผมได้ยินประโยคนี้จากน้องแกตอนที่พ่อแอบไปรำพึงรำพันกับแม่เค้าสองต่อสองแล้ว ผมรู้สึกสะเทือนใจมาก
จึงเลยขอมาเล่าเป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่กำลังคิดอยากให้ลูกเราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะผลที่ได้บางทีมันอาจเลวร้ายกว่านี้ได้ครับ
ปล. ถ้าน้องมาเห็นกระทู้นี้ พี่ขออนุญาตเล่านะครับ ยังไงก็สู้ๆ สอบให้ได้ละกัน
อุทาหรณ์สำหรับคนที่อยากให้ลูกเป็นในอยากที่ทางบ้านต้องการ
มีน้องคนนึงครับมาปรึกษาปัญหากับผม
ขอเล่าเริ่มเรื่องจากฝ่ายพ่อครับ เคยทำงานบริษัทจนออกมาแล้ว
ก่อนหน้านี้เค้ามีภรรยาแต่เสียไปแล้ว แล้วมีลูกสาว 2 คนจบมหาลัยดีๆมาด้วยกันทั้งคู่
ส่วนลูกชายอีกคน ตอนนี้ไม่ทราบชะตาครับว่าเป็นตายร้ายดียังไง
ตอนนี้ก็มาแต่งงานมีภรรยาใหม่มานาน20กว่าปีละครับ ทำงานเป็นช่างเสริมสวยอยู่บ้าน
และก็มีลูกชายอีก 1 คน หรือตัวน้องคนที่มาปรึกษาเนี่ยล่ะครับ
ฐานะทางบ้านก็ปานกลางครับ
แต่ต้นตอของปัญหามาเริ่มมาจากตรงนี้แหล่ะครับ
ด้วยความที่ลูกสาว 2 คนของเค้าจบมหาลัยดีๆด้วยกันทั้งคู่ ส่วนลูกชายคนแรกก็หายไป
และตัวเค้าเองยังเคยเป็นพนักงานบริษัทอีกต่างหาก เค้าเลยเริ่มปลูกฝังลูกชายคนสุดท้องตั้งแต่ยังเด็ก
"ลูกต้องจบมหาลัยดีๆ เพื่อจบมาจะได้ทำงานดีๆ ทำงานเอกชน เป็นเจ้าคนนายคน"
ทั้งๆที่ตัวน้องแกเองก็มีความไฝ่ฝันนะครับ ว่าจะต้องเป็นทหารให้ได้
จวบจนน้องแกอายุ 15 ครับ เตรียมตัวสอบเข้าเตรียมทหารแล้วครับ และก็ได้ไปคุยกะพ่อเค้าบอกเออจะสอบเข้าเตรียมทหารนะ
สิ่งที่น้องเค้าได้คือ "การต่อต้านจากฝ่ายพ่ออย่างรุนแรงครับ" บวกกับปีที่น้องเค้าสอบเป็นช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมืองพอดี
จนน้องแกต้องจำใจเรียนม.ปลาย แต่ยังไม่ทิ้งความฝันที่จะเป็นทหารนะครับ
น้องแกบอกว่าก็พอได้ไปกิจกรรมทางพวก รด. บ้าง กิจกรรมของโรงเรียนน้องแกก็ไม่เคยขาด จนได้รับรางวัลนักเรียนบำเพ็ญประโยชน์ 3 ปีซ้อน
ช่วงใกล้จบม.ปลาย จึงได้ตัดสินใจจะไปสอบเป็นทหารนายสิบ แต่สิ่งที่น้องได้จากการไปปรึกษาพ่อเค้าคือได้อย่างเดิมครับ
"ทำไมงานดีๆ เงินเยอะๆ สบายๆ ไม่ชอบหรือไง ทำไมต้องไปรับราชการ"
"แต่ราชการมันมีสวัสดิการดีนะพ่อ แล้วผมก็ชอบด้วย"
"ไม่ ถ้าไปสอบทหาร ไม่ต้องมาคุยกับกูเลยนะ"
สุดท้ายตัวน้องแกก็ต้องจำใจสอบเข้ามหาลัยครับ เพราะว่าจำยอมครับ ไม่อยากให้เสียเปล่าในสิ่งที่พ่อเค้าปลูกฝัง
แต่ดันไปสอบได้ที่ที่ค่าเทอมแบบเรียกได้ว่า "ขูดเลือดขูดเนื้อ" กันเลยทีเดียว
เรื่องทุนน้องแกก็ขอกู้ เรื่องเรียนเกรดน้องแกก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมาก หวิดๆไปบ้างอะไรบ้าง แต่ก็ไม่ถึงขนาดติดสถานะอะไร
แล้วตัวน้องแกถูกตั้งความหวังมาเรื่อยๆครับ "เออ เรียนให้จบนะ จบมาทำงานดีๆ เป็นเจ้าเป็นนาย"
น้องแกก็ทำได้แค่พยักหน้าทั้งๆที่ไม่เต็มใจเท่าไหร่
จนวันนึงครับ จู่ๆพ่อน้องแกเกิดป่วยกระทันหัน ต้องแอดมิสโรงบาลเป็นเดือน
หมดเงินค่ารักษาพยาบาลไปเป็นแสนๆอยู่ หลังจากนั้นก็ทำงานไม่ได้อีกเลย
ฐานะทางบ้านเริ่มร่วงล่ะครับ เพราะคนที่หาเงินตอนนี้คือแม่น้องเค้าคนเดียว
ส่วนน้องเค้าก็พยายามทุกวิถีทางจะหาเงินมาช่วยละครับ
น้องเค้าก็ยังคงต้องเรียนต่อเพื่อให้ได้จบเร็วๆ จนวันนึงน้องเค้าบอกว่าเค้ากลับจากเขาชนไก่ (น้องเค้าฝึกรด.ด้วย)
เค้าบอกเค้าไม่สามารถดึงตัวกลับมาทำตามที่พ่อเค้าตั้งใจได้ จากที่เกรดน้องพอถูไถไปได้ ทีนี้ร่วงฮวบเลยครับ
"จากที่เคยพอเรียนได้ กลับไปต่อไม่ถูก จับต้นชนปลายไม่ได้ ไม่เปิดรับในสิ่งที่เค้าเรียน"
แถมความซวยของน้องเค้าคือ "ปีนี้น้องเค้าไม่ได้รับทุน" เพราะเกิดผิดพลาดทางวิธีการ
เรื่องทั้งหมดนี้น้องแกก็เก็บไว้ไม่บอกทางบ้านให้รู้ แต่มาปรึกษาผมแทน
สุดท้ายน้องแกก็แอบไปสมัครสอบทหารมาครับ หวังว่าจะตั้งต้นชีวิตใหม่ของเค้าได้
จนทางบ้านรู้เรื่องครับ และก็ได้ซักถามถึงความเป็นมาที่จะไปสอบทหาร จนน้องแกบอกความจริงไปทั้งหมด
ผลสอบทหารออกมาก็ติดสำรอง ไม่รู้ว่าจะได้ไม่ได้ยังไง
ทีนี้ทั้งบ้านเครียดครับ หนึ่งที่ว่า เงินกู้ยืมเรียนก็ไม่ได้ แถมจะบอกทางบ้าน ทางบ้านก็ดันหมดไปกับค่ารักษาตัวพ่อเค้าแล้ว
สองคือ เรื่องที่บังคับให้ลูกเค้าไปเรียนในสิ่งที่ตัวเค้าเองต้องการ โดยที่ลูกเค้าไม่เต็มใจเท่าไหร่
สามคือ ฝ่ายพ่อก็ยังรักษาตัวไม่หายครับ
ทุกวันนี้น้องแกเป็นเด็กไม่ได้เรียนมหาลัยเลยครับ เพราะเรียนไม่ได้ เค้าปิดรับทุกอย่าง
แถมยังบอกผมด้วย "พอกันทีมหาลัย พอกันทีความฝันของพ่อที่เป็นไปไม่ได้ เค้าไม่ได้มาทางนี้ เค้าไม่ควรมาทางนี้"
แล้วน้องแกก็มีความรู้สึกไม่อยากกลับบ้าน เพราะกลับมาทีไรเค้าเครียด เค้าไม่กล้ามองหน้าใครในบ้านเลย
ยังดีที่น้องแกไม่มีความคิดที่จะคิดสั้นน่ะครับ
"ทำไมเราไม่ยอมมันไปตามฝันตั้งแต่แรก ถ้าเราปล่อยมันป่านนี้มันคงจบไปเป็นนายร้อยนายเรือมีเงินมารักษาตัว เริ่มต้นชีวิตใหม่ไปแล้ว"
พอผมได้ยินประโยคนี้จากน้องแกตอนที่พ่อแอบไปรำพึงรำพันกับแม่เค้าสองต่อสองแล้ว ผมรู้สึกสะเทือนใจมาก
จึงเลยขอมาเล่าเป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่กำลังคิดอยากให้ลูกเราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะผลที่ได้บางทีมันอาจเลวร้ายกว่านี้ได้ครับ
ปล. ถ้าน้องมาเห็นกระทู้นี้ พี่ขออนุญาตเล่านะครับ ยังไงก็สู้ๆ สอบให้ได้ละกัน