[บทสัมภาษณ์]ค้นชีวิตหลากเรื่องราว กับนางเอกสาว"เชอร์รี่'เข็มอัปสร




ค้นชีวิตหลากเรื่องราว กับนางเอกสาว"เชอร์รี่'เข็มอัปสร : บันเทิงวันเสาร์ เรื่อง... เพ็ญนภา ดำเล็ก ภาพ... วริศรา วุฒิกุล
        
           ห่างหายจากละครมานาน ล่าสุดนางเอกสาว "เชอร์รี่" เข็มอัปสร สิริสุขะ กลับมามีผลงานละครอีกครั้ง ในซีรีส์ชุด "เลือดมังกร" เรื่อง "กระทิง" ที่กำลังเข้มข้นอยู่หน้าจอในขณะนี้ วันนี้ คม ชัด ลึก เลยขอคว้าตัวเธอมานั่งพูดคุยกับทุกเรื่องราวในชีวิตของเธอ ว่าแต่จะเป็นอย่างไรบ้าง ไปสัมผัสตัวตนของเธอกันเลย


ผลงานทางด้านการแสดง
000ห่างหายจากละครนานเหมือนกัน ทำไมถึงตัดสินใจรับเล่นเรื่องนี้
           เป็นช่วงจังหวะด้วย ที่ควรจะทำงานได้แล้ว เอาจริงๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าเล่นด้วย เป็นซีรีส์ฟอร์มยักษ์ของทางช่อง 3 เลย เรื่องของเราเองตอน กระทิง มันก็น่าเล่น เป็นดราม่าที่เราไม่เล่นหนักๆ แบบนี้มานานแล้ว แล้วมีความเป็นแอ็กชั่นด้วย คือเรื่องนี้ในนิยายมันก็ไม่ใช่พีเรียดเยอะขนาดที่พี่อ๊อฟ (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) ทำ แต่พี่อ๊อฟ พี่แดง (ธัญญา วชิรบรรจง) ปรับให้เป็นปี 2400 นิดๆ ซึ่งเป็นคนชอบพีเรียดอยู่แล้ว บวกกับพี่แดงก็คุยกับเราหลายรอบ เขาก็รอเรา เราก็อยากร่วมงานกับพี่อ๊อฟพี่แดงด้วย เพราะไม่เคยทำงานด้วยกันเลยเคยแต่แสดงด้วยกัน


000ในเรื่องเล่นเป็น 2 คาแรกเตอร์ด้วย
           ใช่ เพราะเล่นเป็นสองพาร์ท คือพาร์ทอดีตเป็นจันทร์ชมพู จะเป็นผู้หญิงโลกสวย อยู่กับครอบครัว รักครอบครัวมาเจอผู้ชายคนหนึ่งรักกัน แต่เรื่องมันพลิกตรงที่พ่อเราเป็นมือขวาของมาเฟีย แล้วต้องการออกมาเพราะแม่ป่วยไม่สบาย แต่มาเฟียเขาไม่ยอมให้ออกมา และพอมารู้ว่าเราเป็นแฟนของคนที่จะขึ้นมาเป็นหัวหน้าแก๊งคนต่อไป เขาเลยให้เราฆ่าคนนี้ แล้วจะปล่อยพ่อเรา เหมือนเราต้องชั่งใจระหว่างคนรักกับครอบครัว แต่สุดท้ายเราก็ทำเพื่อครอบครัว เหมือนหวังว่า เขาจะไม่ตาย เขาต้องรอด พอเราฆ่าเขา เราก็ถูกหักหลัง พ่อเราก็ถูกฆ่าตายอยู่ดี เราก็โดนฆ่า แต่เราไม่ตาย โดนชุบชีวิตไปเลี้ยงที่เซี่ยงไฮ้ แล้วก็ฝึกวิชาจนแข็งเกร่งแล้วกลับมาล้างแค้นเสี่ยเล้งตัวบ่งการเรื่องนี้ พอเราโดนชุบชีวิตเปลี่ยนชื่อเป็น ย่าหยา  คือในเรื่องเราโดนสะกดจิต คือในนวนิยายหน้าเขาจะไม่เหมือนกัน แต่ละครเป็นหน้าคนเดียวกัน  การเล่นเป็น 2 คาแรกเตอร์ค่อนข้างยาก
  

000บทยากขนาดนี้มีเครียดบ้างไหม
           สำหรับเชอร์รี่ยากทุกเรื่อง เวลาที่เราเริ่มละครใหม่ เชอร์รี่ไม่ได้รับละครบ่อยๆ อยู่แล้ว ทุกครั้งที่เปิดกล้องเรื่องใหม่เหมือนตอนที่เรายังหาคาแรกเตอร์ตัวละครได้ไม่ชัดเจน มันเป็นช่วงที่เราค่อนข้างตั้งใจกับมันมาก ซึ่งการเล่นละครมันต้องหาจุดสมดุลระหว่างความตั้งใจของเราและความเป็นธรรมชาติ ถ้าเราตั้งใจมากไป มันก็ไม่พอดี มันต้องให้ดูเป็นธรรมชาติด้วย แล้วในเรื่องร้องไห้หนักมาก(หัวเราะ)ในเรื่องนี้พี่อ๊อฟถ่าย 3 กล้อง แต่ไม่ใช้สวิตช์ คล้ายๆ หนัง เลยต้องเจาะทีละด้าน มันเลยทำให้เราเล่นหลายรอบ ซึ่งพอเป็นดราม่าตัวเชอร์รี่จะติดว่าเทกแรกมักจะดีที่สุด เพราะมันสดใหม่ พอเทกต่อไปค่อยๆ จางลง แต่พี่อ๊อฟทำให้เชอร์รี่ข้ามผ่านตรงนั้นไปได้ เขาถ่าย 4-5 รอบ เรายังร้องไห้อยู่เลย มันทำให้เรารู้สึกว่ามันจริงทุกครั้ง


000ในเรื่องต้องมีบู๊ด้วย
           บู๊ก็เยอะมาก ตอนแรกถามพี่แดงว่าบู๊เยอะมั้ย จะให้เชอร์รี่ไปเรียนก่อนมั้ย พี่แดงบอกว่าไม่เป็นไร เชอร์รี่น่าจะมีพื้นฐานอยู่บ้าง ดูแข็งแรง ไม่เป็นไรหรอก แต่เรื่องนี้บู๊แบบมวยจีน จะออกวิทยายุทธ์นิดหนึ่ง (ยิ้ม) สรุปคือก็เล่นตรงหน้าฉากเลย แต่เขาจะมีคนมาสอนเราก่อนถ่าย แต่ละท่าจะมีหลายกระบวนท่า จะต้องจำเป็นเชตๆ คือแค่ตอนซ้อมก็เหงื่อออกเสื้อผ้าเปียกแล้ว (หัวเราะ) แต่ก็ทำให้เรารู้ศักยภาพตัวเองไม่คิดว่าจะทำได้ แต่ทำได้ก็สนุกดี


000ร่วมงานกับ "เคน" ธีรเดช อีกครั้ง
           เรื่องแรกคือ "แผลเก่า" แล้วก็มาเจอกัน "รักคุณเท่าฟ้า"  มาถึงเรื่องนี้ ด้วยความที่เรารู้จักตั้งแต่เด็ก ที่ผ่านมาเล่นกันมาหลายเรื่อง แต่อาจจะไม่ได้คู่กัน แต่เจอกันเรื่อยๆ รู้สึกว่าเขาเป็นพี่เรา เวลามากองเราไม่เคยทำงานกับพี่อ๊อฟมาก่อน เราจะไม่ค่อยชิน พี่เคนเขาจะคอยดูแล แล้วเขาคุยเก่ง เลยทำงานกันสบายๆ


000ชีวิตในวงการบันเทิง
           นานๆ จะรับเล่นละครสักเรื่อง มารับเรื่องก็เจองานหินเลย ถามว่าจะรับเรื่องต่อไปเลยไหม พักก่อน (หัวเราะ) มีคนถามว่ารับเรื่องใหม่หรือยังเชอร์รี่บอกเลยว่ายังๆ (หัวเราะ) เพราะตอนถ่ายเราให้คิวเต็มที่ ก็ถ่ายหมดแม็กซ์เลย อย่างที่บอกว่ามีติดต่อมา แต่เรายังก่อนดีกว่า ขอพักก่อน


000สัญญากับทางช่อง 3 ล่ะ
           สัญญากับทางช่อง 3 เชอร์รี่หมดมา 2-3 ปีแล้ว คือเป็นคนบอกช่องเองว่า ไม่ขอต่อสัญญา เอาจริงๆ ที่ผ่านมาเราติดหนี้ช่องนะ (หัวเราะ) ถ้าเซ็นแล้ว ก็ต้องรับมา ว่าอย่างน้อยต้องเล่นปีหนึ่งกี่เรื่อง แต่ว่าเล่นไม่เคยครบเลย แล้วก็เกรงใจ คือเรายังปฏิเสธเขาอยู่เลย คิดว่าไม่ควรแล้วมั้ย เลยคุยกับผู้ใหญ่ช่อง 3 ว่า เราขออนุญาตว่าไม่เซ็นต่อ แต่เราไม่ไปเล่นที่ไหนแน่นอน แต่เราสัญญาใจเลย ช่อง 3 เป็นเหมือนบ้านเชอร์รี่ ที่เราเติบโตมาในบ้านหลังนี้ ผู้ใหญ่ให้ความเอ็นดูและสนับสนุน รวมถึงเป็นโรงเรียนด้วย ให้เราเติบโตมาเป็นแบบนี้ได้ คือไม่ไปไหน แต่สัญญาใจ


000มาตรฐานในการรับงานแสดงเป็นอย่างไร
           มันอยู่ที่ว่าเราอ่านบทแล้วชอบหรือเปล่า คลิกกับตัวละครหรือเปล่า เรามองเห็นแล้วว่า เราจะถ่ายทอดตัวละครตัวนี้ออกมาได้หรือเปล่า อันนี้ส่วนสำคัญของเชอร์รี่ในการรับ บางทีถ้าบทดีจริงแต่เรามองไม่เห็นว่าเราจะไปถ่ายทอดตัวละครเขาออกมายังไงก็ไม่สามารถรับได้


000สะสมประสบการณ์ในวงการมานานจะผันตัวเองมาเป็นผู้จัดบ้างไหม
           ยังนะ และยังไม่ใช่เร็วๆ นี้คืออย่างผู้จัดเชอร์รี่ก็สนิทกับหลายคนที่เขาเพิ่งมาเป็นผู้จัดใหม่ เห็นการทำงานแล้วมันยาก แล้วก็หนักมาก ต้องดิวกับอะไรหลายๆ อย่างซึ่งเราคิดว่าเรายังไม่พร้อมที่จะทำได้ขนาดนั้น ตอนนี้ยังไม่มีในหัวเลย


000ณ วันนี้เป็นเวลากี่ปีแล้วที่คร่ำหวอดในวงการนี้
           ไม่ได้นับแล้ว (หัวเราะ) ก็น่าจะเกือบๆ 20 ปี น่าจะสัก 18-19 ปี แล้วตอนนี้ เรายังสนุกกับการทำงานตรงนี้ จากตอนแรกไม่คิดว่าเลยจะเข้ามาอยู่ตรงนี้ได้ แล้วจะทำตรงนี้ได้ เรียกว่าจับพลัดจับผลูมาทำ มันก็มีความอยากจะทำให้มันได้ จากที่ทำไม่ได้ก็จะทำให้ได้ พอทำได้ก็อยากทำให้ดีขึ้น แล้วเราเชื่อว่างานทุกงาน งานทุกแบบมันไม่มีสิ้นสุดของการพัฒนายังมีการเรียนรู้ไปได้เรื่อยๆ แม้ว่าจะทำตรงนี้มานาน แต่เรายังรู้สึกว่าเรามีข้อบกพร่องตรงไหน เราก็คอยแก้ข้อบกพร่องของเรา
    
           ส่วนในแง่ของภายนอก รอบข้าง เปลี่ยนแปลงไปเยอะ ด้วยสังคมโดยรวมมันเปลี่ยนไปไม่ใช่เฉพาะวงการบันเทิง สังคมทั้งหมด โลก การสื่อสารมันเปลี่ยนเราก็ค่อยๆ ที่จะปรับตัว เรียนรู้กับการเปลี่ยนแปลงอันนี้ แต่ถ้าจะให้เราเปลี่ยนไปอยู่ในจุดที่โลกมันเปลี่ยนไปขนาดนี้ เปลี่ยนจากเราไปเลย พูดได้เลยอาจจะไม่ได้ขนาดนั้น


000วางอนาตในวงการบันเทิงไว้อย่างไรบ้าง
           เราไม่เหนี่ยวรั้งกับคำว่า "นางเอก" ตรงนี้ตลอด ทุกอย่างมันมีวงจรชีวิตของมัน เพราะฉะนั้นงานตรงนี้ ไม่ได้คาดหวังว่าเราจะอยู่ไปอีกนานแค่ไหนอะไรยังไงเลย เอาเป็นว่าถ้าอยู่ได้ก็อยู่ ถ้าอยู่ไม่ได้ก็ไป (หัวเราะ) แค่นั้นเอง คือตอนนี้เรามีอะไรอย่างอื่นทำบ้างประปราย มันก็เป็นสิ่งที่เราพอจะอยู่ได้ อย่างไม่ลำบากมากนักอย่างหนึ่งของเชอร์รี่ชีวิตการทำงานที่ผ่านมา ด้วยความที่เราเริ่มทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย ตอนอายุ 15 ปี ทำงานมาสักพักหนึ่งเราเริ่มรู้สึกว่าจริงๆ เราต้องหาหาทาง จะทำยังไงให้ชีวิตเราไม่ต้องทำงานหนักมาก เพราะว่าการทำงานหนักมาก ไม่ใช่ความสุขในชีวิตของเชอร์รี่อย่างที่ผ่านมาเรียนรู้ว่าความสุขของเราคืออะไร การได้อยู่กับครอบครัว ได้อยู่กับคนที่เรารัก การได้มีเวลาไปใช้ชีวิต ในสิ่งที่เราสนใจ อันนี้คือความสุขในชีวิต ก็พยายามวางเป้าหมายของชีวิตทำยังไงให้มันสามารถรองรับการใช้ชีวิตแบบนี้ของเราได้


000นักแสดงมาใหม่เริ่มมาแทนที่ เรารับตรงนี้ได้ไหม
           สบายมากเลย เอาจริงๆ ที่ผ่านมาเราพร้อม และไม่ได้ยึดติดกับตรงไหน แค่รู้สึกว่าเอาสบายใจที่ตัวเรา อย่างที่ผ่านมาแฟนคลับชอบต่อว่า ทำไมช่องไม่ให้งาน อยากให้เชอร์รี่รับงานเยอะๆ จริงๆ แฟนคลับไม่รู้หรอกนะว่าช่องเขาเสนอแล้ว แต่เชอร์รี่ไม่ยอมรับเล่น คนจะห่วงว่าอย่าหายไปนะ เดี๋ยวจะเงียบไปนะ คือเขาจะเป็นห่วงเป็นใย แต่สิ่งที่เราแฮปปี้คือแบบนี้ แล้วเราพร้อมรับกับสิ่งที่ตามมาในการกระทำของเรา มันคืออะไร เราโอเคแฮปปี้กับมัน เลยไม่รู้สึกว่าเราต้องปรับเปลี่ยน เพราะสิ่งที่เชอร์รี่ยึดเอาเป็นแกนของชีวิต คือความสุขใจมากกว่า


000เป็นเพราะการวางตัว ทำให้เชอร์รี่ไม่มีข่าวในแง่ลบ
           เราเอาสิ่งที่เราสบายใจ พอดีว่าสิ่งที่เราสบายใจที่จะทำ มันไม่ได้เป็นสิ่งที่จะเป็นข่าวด้วย (หัวเราะ) ไม่ใช่สิ่งที่นักข่าวจะสนใจด้วย เลยไม่ได้เป็นประเด็น สบายๆ ในแบบของเรา แล้วบังเอิญมันไปตรงกับสิ่งที่ไม่ต้องเป็นข่าวพอดี เลยโอเค


เรื่องหัวใจ
000ความรักเป็นอย่างไรบ้าง    
          ตอนนี้ก็ดี คือดีมาก ตอนนี้คบมา 9 ปีกว่าแล้ว ด้วยความที่เราได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น ได้ปรับตัวเรียนรู้ แล้วพร้อมที่จะแก้ไข และพร้อมที่จะเข้าใจ เลยดีขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความที่ทั้งสองฝ่ายค่อนข้างสม่ำเสมอ เสมอต้นเสมอปลาย คือเราเป็นยังไงตั้งแต่รู้จักกัน เป็นตัวเองกันทั้งคู่ ไม่ได้ต้องทำว่าดีแบบไหน แล้วพอคบกันมันไม่ใช่ คือเราเป็นตัวเองกันมาตั้งแต่แรก เลยค่อนข้างเห็นข้อดีข้อเสียกันมาพอสมควรเลยโอเค ด้วยความที่เรามองชีวิตไปในทิศทางคล้ายๆ กัน เป้าหมายในการใช้ชีวิตก็ค่อนข้างสอดคล้องกัน


000คบกันมานาน 9 ปี แล้วมีแพลนเรื่องแต่งงานบ้างไหม  
          ถ้าแต่งงานยัง เพราะคนจะชอบถาม เป็นเรื่องธรรมดาคือถามกันมาตั้งแต่พอพี่สาว "ปูเป้"ร้องไห้รามาวดี นาคฉัตรีย์)แต่งงานจนตอนนี้ลูกอายุ 12 ปีแล้ว (หัวเราะ) ตอนนี้เรายังไม่มีแพลนจริงๆ


000มุมมองความรักของเชอร์รี่
          พอเราโตขึ้นความรักก็เปลี่ยนไปตามวัย เพราะตอนเด็กๆ เราอยากให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอเราโตขึ้นแล้ว เราเข้าใจชีวิตมากขึ้น เรารู้ว่าสิ่งสำคัญที่สุด ในการที่จะมีความรักและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข มันคืออะไร มันคือความเข้าใจ เหมือนเห็นใจกัน อันนี้เชอร์รี่ว่ามันเป็นสิ่งสำคัญ
      
          นี่แหละนางเอก "เชอร์รี่" เข็มอัปสร

ชอบและรักพี่เชอรี่ที่เป็นแบบนี้ค่ะ ยิ้ม ขอบคุณบทสัมภาษณ์จาก คม ชัด ลึก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่