สวัสดีค่ะ เห็นช่วงนี้ในพันทิปมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับผีมากมายเลย เราเลยมาขอแชร์ประสบการณ์ของตัวเองบ้าง
ก่อนอื่นอยากบอกว่าเราไม่เคยมองว่าตัวเองเป็นผู้มีสัมผัสพิเศษใดๆ ค่ะ เพราะสิ่งที่เราเห็นนั้นจะเป็นแบบแวบไปแวบมาเหมือนไฟกระพริบมากกว่าจะมายืนจ้องหน้าเพื่อยืนยันว่า “ฉันมีจริงนะเธอว์ เชื่อยางงงง” อะไรแบบนี้ นอกจากนี้บางครั้งมีเราเห็นแค่คนเดียวค่ะขณะที่เพื่อนๆ เรามองไม่เห็น และก็มีหลายครั้งเหมือนกันที่เพื่อนๆ เราสัมผัสได้ แต่เรากลับไม่รู้สึกอะไรเลย
ส่วนเรื่อง ห้องหรรษา ที่เราอยากจะเล่านี้ เป็นห้องที่เราอยู่ปัจจุบันค่ะ (ขอปิดบังที่อยู่ไว้ละกัน เผื่อภายหน้าอยากขายห้องจะได้ไม่ลำบากทีหลัง

) ห้องนี้เป็นคอนโดมิเนียมราคาไม่แพงแต่โครงสร้างแข็งแรงย่านชานเมือง เหตุผลแรกที่เราซื้อไว้คืออากาศดี ผู้คนไม่มาก ที่สำคัญคือเลี้ยงสัตว์ได้ ตอนแรกที่ย้ายมามีแมวมาด้วย 2 ตัวค่ะ ภายหลังงอกมาอีก 2 และเพิ่งเสียแมวที่รักที่สุดไปเมื่อต้นปีเอง ตอนนี้ก็เลยเหลือแค่แมวสาว 3 ตัวกับทาสแมว 1 คน
เข้าเรื่องเลยดีกว่า เดี๋ยวจะดราม่าน้ำตาท่วม (เรานี่แหละจะร้องไห้เอง ทุกวันนี้ยังทำใจเรื่องแมวไม่ได้เลย)
สาเหตุที่เราตั้งชื่อว่า ห้องหรรษา ก็เพราะตลอดระยะเวลาเกือบ 4 ปีที่อยู่นี้แทบไม่ว่างเว้นเรื่องสนุกๆ เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นผมยาวปริศนา (ก่อนหน้านี้เราผมสั้นมาก) เสียงหัวเราะในตอนกำลังเคลิ้มๆ ที่ไม่รู้มาจากไหน เสียงของตกและเสียงขูดกำแพง สัตว์เล็กๆ ที่อยู่ในห้องนอกจากแมว ผู้หญิงที่ยืนอยู่ใต้ฝักบัว กลิ่นหอมๆ และกลิ่นเหม็นเหมือนศพ แล้วก็จุดสนใจของแมวค่ะ จะทยอยเล่าไปทีละเรื่องนะคะ
ตอนนี้ขอเริ่มด้วยเรื่องของเสียงก่อนค่ะ
ตอนที่เรามาดูห้องก็ชอบใจอยู่ค่ะ คือแดดไม่แรงมากและมีลมผ่านตลอดเวลา ห้องหันหน้าไปทางทิศเหนือ แถมแยกเป็นห้องเดี่ยวไม่ติดใครด้วย พอตัดสินใจซื้อก็ทำเรื่องกู้แบงค์ พอผ่านแล้วก็ดูฤกษ์ยามและย้ายเข้าเลย มีเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรานับถือเข้าบ้านก่อน (เรานับถือศาสนาคริสต์ค่ะ แต่ที่บ้านก็มีพระเพราะแม่และเพื่อนให้มา) ช่วงที่ย้ายมาแรกๆ ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ อยู่ดีมีสุขแม้ว่าโซนที่เราอยู่นั้นจะมีห้องเราแค่ห้องเดียวก็เถอะ
สารภาพเลยว่าช่วงที่กลับบ้านดึกๆ แล้วแหงนมองห้องตัวเอง แต่ทั้งโซนมืดสนิทไม่มีแสงไฟเลยนี่แอบเหวอเหมือนกัน
ผ่านไปหลายเดือนก็ยังไม่มีเพื่อนร่วมโซนค่ะ แต่ช่วงนั้นเราเริ่มได้ยินเสียงของตกจากชั้นบน ไม่ใช่พวกแก้วนะคะ เป็นของเล็กๆ พอได้ยินบ่อยเข้าก็เดินขึ้นไปดู ห้องนั้นยังแปะประกาศว่าว่างอยู่ค่ะแล้วประตูก็ล็อก เราก็... อืม อย่าสนใจเลยดีกว่า
หลังจากนั้นเสียงก็มีมาเรื่อยๆ ค่ะ ทั้งของตกของกลิ้ง แต่เราไม่สนใจแล้ว อยากทำอะไรตกอะไรกลิ้งก็ทำไป ของของคุณไม่ใช่ของของเรา ฮา
แต่ตอนนี้ชั้นบนมีคนมาอยู่แล้วค่ะ และเสียงของตก ของเลื่อน ของกลิ้งก็ยังมีต่อไป
นอกจากเสียงที่ห้องชั้นบนแล้ว บางครั้งเรายังได้ยินเสียงขูดกำแพงด้วยค่ะ ขูดแบบเหมือนมีเครื่องมือขูด แต่เราอยู่ชั้น 4 และผนังห้องทั้งสี่ด้านก็ไม่ติดใครเลย แถมตำแหน่งผนังตำแหน่งที่ได้ยินเสียงขูดก็ติดกับที่ดินโล่งๆ ที่สร้างเป็นสนามเด็กเล่น
ทำไมเราถึงรู้ว่าเสียงมาจากผนังด้านนั้น.... เรานั่งทำงานติดกับผนังด้านนั้นค่ะ มันอยู่ข้างหูเรานี่เอง
นอกจากเสียงขูดแล้วยังมีเสียงทุบด้วย ทุบแบบปึงๆๆๆ แต่เสียงทุบจะมาไม่บ่อยเท่าเสียงขูดค่ะ
ยังมีเรื่องเสียงหัวเราะของผู้หญิงอยู่ค่ะ แต่นางมาแบบคอมโบเลย จะยกเรื่องของนางไว้เล่ายาวๆ นะคะ ขอเรียบเรียงก่อน
(ประสบการณ์จริง เรื่องเล่าเกือบสยอง) เมื่อฉันย้ายเข้าไปอยู่ “ห้องหรรษา”
ก่อนอื่นอยากบอกว่าเราไม่เคยมองว่าตัวเองเป็นผู้มีสัมผัสพิเศษใดๆ ค่ะ เพราะสิ่งที่เราเห็นนั้นจะเป็นแบบแวบไปแวบมาเหมือนไฟกระพริบมากกว่าจะมายืนจ้องหน้าเพื่อยืนยันว่า “ฉันมีจริงนะเธอว์ เชื่อยางงงง” อะไรแบบนี้ นอกจากนี้บางครั้งมีเราเห็นแค่คนเดียวค่ะขณะที่เพื่อนๆ เรามองไม่เห็น และก็มีหลายครั้งเหมือนกันที่เพื่อนๆ เราสัมผัสได้ แต่เรากลับไม่รู้สึกอะไรเลย
ส่วนเรื่อง ห้องหรรษา ที่เราอยากจะเล่านี้ เป็นห้องที่เราอยู่ปัจจุบันค่ะ (ขอปิดบังที่อยู่ไว้ละกัน เผื่อภายหน้าอยากขายห้องจะได้ไม่ลำบากทีหลัง
เข้าเรื่องเลยดีกว่า เดี๋ยวจะดราม่าน้ำตาท่วม (เรานี่แหละจะร้องไห้เอง ทุกวันนี้ยังทำใจเรื่องแมวไม่ได้เลย)
สาเหตุที่เราตั้งชื่อว่า ห้องหรรษา ก็เพราะตลอดระยะเวลาเกือบ 4 ปีที่อยู่นี้แทบไม่ว่างเว้นเรื่องสนุกๆ เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นผมยาวปริศนา (ก่อนหน้านี้เราผมสั้นมาก) เสียงหัวเราะในตอนกำลังเคลิ้มๆ ที่ไม่รู้มาจากไหน เสียงของตกและเสียงขูดกำแพง สัตว์เล็กๆ ที่อยู่ในห้องนอกจากแมว ผู้หญิงที่ยืนอยู่ใต้ฝักบัว กลิ่นหอมๆ และกลิ่นเหม็นเหมือนศพ แล้วก็จุดสนใจของแมวค่ะ จะทยอยเล่าไปทีละเรื่องนะคะ
ตอนนี้ขอเริ่มด้วยเรื่องของเสียงก่อนค่ะ
ตอนที่เรามาดูห้องก็ชอบใจอยู่ค่ะ คือแดดไม่แรงมากและมีลมผ่านตลอดเวลา ห้องหันหน้าไปทางทิศเหนือ แถมแยกเป็นห้องเดี่ยวไม่ติดใครด้วย พอตัดสินใจซื้อก็ทำเรื่องกู้แบงค์ พอผ่านแล้วก็ดูฤกษ์ยามและย้ายเข้าเลย มีเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรานับถือเข้าบ้านก่อน (เรานับถือศาสนาคริสต์ค่ะ แต่ที่บ้านก็มีพระเพราะแม่และเพื่อนให้มา) ช่วงที่ย้ายมาแรกๆ ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ อยู่ดีมีสุขแม้ว่าโซนที่เราอยู่นั้นจะมีห้องเราแค่ห้องเดียวก็เถอะ
สารภาพเลยว่าช่วงที่กลับบ้านดึกๆ แล้วแหงนมองห้องตัวเอง แต่ทั้งโซนมืดสนิทไม่มีแสงไฟเลยนี่แอบเหวอเหมือนกัน
ผ่านไปหลายเดือนก็ยังไม่มีเพื่อนร่วมโซนค่ะ แต่ช่วงนั้นเราเริ่มได้ยินเสียงของตกจากชั้นบน ไม่ใช่พวกแก้วนะคะ เป็นของเล็กๆ พอได้ยินบ่อยเข้าก็เดินขึ้นไปดู ห้องนั้นยังแปะประกาศว่าว่างอยู่ค่ะแล้วประตูก็ล็อก เราก็... อืม อย่าสนใจเลยดีกว่า
หลังจากนั้นเสียงก็มีมาเรื่อยๆ ค่ะ ทั้งของตกของกลิ้ง แต่เราไม่สนใจแล้ว อยากทำอะไรตกอะไรกลิ้งก็ทำไป ของของคุณไม่ใช่ของของเรา ฮา
แต่ตอนนี้ชั้นบนมีคนมาอยู่แล้วค่ะ และเสียงของตก ของเลื่อน ของกลิ้งก็ยังมีต่อไป
นอกจากเสียงที่ห้องชั้นบนแล้ว บางครั้งเรายังได้ยินเสียงขูดกำแพงด้วยค่ะ ขูดแบบเหมือนมีเครื่องมือขูด แต่เราอยู่ชั้น 4 และผนังห้องทั้งสี่ด้านก็ไม่ติดใครเลย แถมตำแหน่งผนังตำแหน่งที่ได้ยินเสียงขูดก็ติดกับที่ดินโล่งๆ ที่สร้างเป็นสนามเด็กเล่น
ทำไมเราถึงรู้ว่าเสียงมาจากผนังด้านนั้น.... เรานั่งทำงานติดกับผนังด้านนั้นค่ะ มันอยู่ข้างหูเรานี่เอง
นอกจากเสียงขูดแล้วยังมีเสียงทุบด้วย ทุบแบบปึงๆๆๆ แต่เสียงทุบจะมาไม่บ่อยเท่าเสียงขูดค่ะ
ยังมีเรื่องเสียงหัวเราะของผู้หญิงอยู่ค่ะ แต่นางมาแบบคอมโบเลย จะยกเรื่องของนางไว้เล่ายาวๆ นะคะ ขอเรียบเรียงก่อน