ผลงานเรื่องสุดท้ายเบล่า ทาร์ดำเนินเรื่องแบบเนิบช้า เช่นเดียวกับหนังของเขาเรื่องเดียวที่เราเคยดู Satantango (1994) ที่ว่าด้วยความทุกข์ระทมชั่วนิรันดร์ของชนชั้นล่างในฮังการี่ที่ถูกปกครองภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์กว่าสี่สิบปี คราวนี้เขากลับมาแม้ว่าลีลาหนังจะยังคงเส้นคงวา ลองเทคที่นานแสนนาน จับจ้องชนชั้นล่างที่ไร้ทางสู้ กิจกวัตรที่วนเวียนซ้ำซาก ชายแก่ที่ป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมอง และดนตรีประกอบที่หลอกหลอนในระดับจิตใต้สำนึก แต่เขากลับใช้เอกลักษณ์ของตัวเองเล่าเรื่องราวที่แปลกใหม่ได้อย่างน่าอัศจรรย์
เป็นเรื่องที่ถูกแต่งเติมเสริมขึ้นจากอัตชีวิประวัติของนิตเช่ นักปรัชญาคนสำคัญของโลกชาวเยอรมัน The Turin Horse เปิดเรื่องด้วยคำบรรยายของทาร์เอง บรรยายถึงวันหนึ่งเมื่อนิตเช่เดินออกมาจากทางเข้าอาคารหมายเลขหก (ซึ่งเป็นเลขของปีศาจ) เขาเห็นม้าที่ดื้อรั้นกำลังถูกฟาดโดยเจ้านาย ซึ่งนั่นทำให้เขาเขาไปโอบกอดมัน และหลังจากนั้นเขาก็ซึม มีอาการทางประสาทและเสียชีวิตในสิบปีต่อมา
แต่เรื่องที่เราจะได้เห็นมาจากคำถามของทาร์เองว่า ในเมื่อเรารู้ชีวิตของนิเช่ แล้วม้าตัวนั้น คนเลี้ยงมัน ชีวิตพวกเขาเป็นอย่างไร นั่นจึงเป็นที่มาของทั้งเรื่อง เราก็ได้ทราบถึงชีวิต กิจวัตรของสองพ่อลูก และม้าตัวนั้น
หนังทั้งเรื่องเรียกได้ว่าเป็นการมองโลกในแง่ร้าย หรือ Pessimism (ลัทธิเห็นสิ่งทั้งปวงเป็นไปในแง่ร้าย เช่นเดียวกับ Satantango (1994) การดำเนินไปของสามชีวิตในดินแดนทุรกันดารเป็นเวลาหกวัน เท่ากันกับเวลาที่พระเจ้าใช้ในการสร้างโลก
นิตเช่มีแนวคิดที่คล้ายคลึงกับโชเปนฮาวเออน์ ผู้สร้างแนวคิด Pessimism แต่สิ่งที่นิตเช่เห็นต่างคือ เจตจำนงของนิตเช่เป็นเจตจำนงที่จะมีอำนาจ ซึ่งเป็นพลังสร้างสรรค์ของชีวิต ในขณะที่โชเปนฮาวเออน์เจตจำนงคือกิเลสตันหาอันมืดบอดไร้จุดหมาย จะเห็นว่า แม้นิตเช่จะมองโลกในแง่ร้าย แต่เขาเปลี่ยนมันให้กลายเป็นพลังในการดำเนินชีวิต แต่สิ่งที่เราจะได้เห็นในหนังก็คือสิ่งที่ทำลายแนวคิดของนิตเช่จนราบคาบ
นิตเช่ตั้งคำถามเสมอว่าในยุคสมัยนี้ที่เทคโนโลยีก้าวหน้า ผู้คนหาคำตอบให้กับปรากฏการณ์ต่างๆได้อย่างหมดจด มนุษย์สามารถค้นพบกับความยิ่งใหญ่ ในการสร้างความหมายให้กับตัวมนุษย์เองได้ แล้วคำบอกเล่าของคนโบราณที่บรรยายว่าเป็นอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของพระเจ้ายังมีความสำคัญอยู่หรือไม่ พระเจ้ายังมีตัวตนหรือไม่ หรือว่าพระองค์ตายไปแล้ว
สิ่งที่ The Turin Horse พยายามบอกกับเราคือ ความทุกข์ของสามชีวิตที่เรามีส่วนร่วมในการรับรู้ชะตากรรมของพวกเขานั้น ไม่ได้ลำพังกำเนิดขึ้นจากความชั่วร้าย กิเลสตันหา การไขว่คว้าอำนาจ การกดขี่ของมนุษย์เพียงอย่างฝ่ายเดียว แต่ทั้งหมดทั้งมวลเกิดจากพระเจ้าที่อาจจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ต่อสามชีวิต หรือที่แย่กว่านั้น พระองค์สาปแช่งและลงทัณฑ์พวกเขาอย่างจงใจ
และนี่เองว่าทำไมนิตเช่ถึงกลับไปนอนซม
ทาร์ทำให้แนวคิดของนิตเช่ตายไปเลย
ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์ทางเฟสได้เลยน่ะครับ
https://www.facebook.com/survival.king
Tempy Movies Review รีวิวหนัง: The Turin Horse {Béla Tarr, Agnes Hranitzky} [Hungary], 2011
ผลงานเรื่องสุดท้ายเบล่า ทาร์ดำเนินเรื่องแบบเนิบช้า เช่นเดียวกับหนังของเขาเรื่องเดียวที่เราเคยดู Satantango (1994) ที่ว่าด้วยความทุกข์ระทมชั่วนิรันดร์ของชนชั้นล่างในฮังการี่ที่ถูกปกครองภายใต้ระบอบคอมมิวนิสต์กว่าสี่สิบปี คราวนี้เขากลับมาแม้ว่าลีลาหนังจะยังคงเส้นคงวา ลองเทคที่นานแสนนาน จับจ้องชนชั้นล่างที่ไร้ทางสู้ กิจกวัตรที่วนเวียนซ้ำซาก ชายแก่ที่ป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมอง และดนตรีประกอบที่หลอกหลอนในระดับจิตใต้สำนึก แต่เขากลับใช้เอกลักษณ์ของตัวเองเล่าเรื่องราวที่แปลกใหม่ได้อย่างน่าอัศจรรย์
เป็นเรื่องที่ถูกแต่งเติมเสริมขึ้นจากอัตชีวิประวัติของนิตเช่ นักปรัชญาคนสำคัญของโลกชาวเยอรมัน The Turin Horse เปิดเรื่องด้วยคำบรรยายของทาร์เอง บรรยายถึงวันหนึ่งเมื่อนิตเช่เดินออกมาจากทางเข้าอาคารหมายเลขหก (ซึ่งเป็นเลขของปีศาจ) เขาเห็นม้าที่ดื้อรั้นกำลังถูกฟาดโดยเจ้านาย ซึ่งนั่นทำให้เขาเขาไปโอบกอดมัน และหลังจากนั้นเขาก็ซึม มีอาการทางประสาทและเสียชีวิตในสิบปีต่อมา
แต่เรื่องที่เราจะได้เห็นมาจากคำถามของทาร์เองว่า ในเมื่อเรารู้ชีวิตของนิเช่ แล้วม้าตัวนั้น คนเลี้ยงมัน ชีวิตพวกเขาเป็นอย่างไร นั่นจึงเป็นที่มาของทั้งเรื่อง เราก็ได้ทราบถึงชีวิต กิจวัตรของสองพ่อลูก และม้าตัวนั้น
หนังทั้งเรื่องเรียกได้ว่าเป็นการมองโลกในแง่ร้าย หรือ Pessimism (ลัทธิเห็นสิ่งทั้งปวงเป็นไปในแง่ร้าย เช่นเดียวกับ Satantango (1994) การดำเนินไปของสามชีวิตในดินแดนทุรกันดารเป็นเวลาหกวัน เท่ากันกับเวลาที่พระเจ้าใช้ในการสร้างโลก
นิตเช่มีแนวคิดที่คล้ายคลึงกับโชเปนฮาวเออน์ ผู้สร้างแนวคิด Pessimism แต่สิ่งที่นิตเช่เห็นต่างคือ เจตจำนงของนิตเช่เป็นเจตจำนงที่จะมีอำนาจ ซึ่งเป็นพลังสร้างสรรค์ของชีวิต ในขณะที่โชเปนฮาวเออน์เจตจำนงคือกิเลสตันหาอันมืดบอดไร้จุดหมาย จะเห็นว่า แม้นิตเช่จะมองโลกในแง่ร้าย แต่เขาเปลี่ยนมันให้กลายเป็นพลังในการดำเนินชีวิต แต่สิ่งที่เราจะได้เห็นในหนังก็คือสิ่งที่ทำลายแนวคิดของนิตเช่จนราบคาบ
นิตเช่ตั้งคำถามเสมอว่าในยุคสมัยนี้ที่เทคโนโลยีก้าวหน้า ผู้คนหาคำตอบให้กับปรากฏการณ์ต่างๆได้อย่างหมดจด มนุษย์สามารถค้นพบกับความยิ่งใหญ่ ในการสร้างความหมายให้กับตัวมนุษย์เองได้ แล้วคำบอกเล่าของคนโบราณที่บรรยายว่าเป็นอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของพระเจ้ายังมีความสำคัญอยู่หรือไม่ พระเจ้ายังมีตัวตนหรือไม่ หรือว่าพระองค์ตายไปแล้ว
สิ่งที่ The Turin Horse พยายามบอกกับเราคือ ความทุกข์ของสามชีวิตที่เรามีส่วนร่วมในการรับรู้ชะตากรรมของพวกเขานั้น ไม่ได้ลำพังกำเนิดขึ้นจากความชั่วร้าย กิเลสตันหา การไขว่คว้าอำนาจ การกดขี่ของมนุษย์เพียงอย่างฝ่ายเดียว แต่ทั้งหมดทั้งมวลเกิดจากพระเจ้าที่อาจจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ต่อสามชีวิต หรือที่แย่กว่านั้น พระองค์สาปแช่งและลงทัณฑ์พวกเขาอย่างจงใจ
และนี่เองว่าทำไมนิตเช่ถึงกลับไปนอนซม
ทาร์ทำให้แนวคิดของนิตเช่ตายไปเลย
ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์ทางเฟสได้เลยน่ะครับ https://www.facebook.com/survival.king