Yes Or No ภาพยนตร์ที่รอคอยมานานกว่า 3 ปี แบรนด์ Yes Or No หลายคนบอกว่าเป็นหนังเฉพาะกลุ่ม แต่คนนอกกลุ่มเฉพาะอย่างเรากลับคิดว่า Yes Or No เป็นหนังที่ดูได้ทุกเพศทุกวัย ดูได้ทั้งครอบครัว สำหรับ Yes Or No 1,2 มีบทภาพยนตร์ดีกระฉับ ภาษาสวย สละสลวย หนังทั้งเรื่องไม่มีคำหยาบเลยแม้แต่คำเดียว แต่ไม่ได้ทำให้อรรถรสของหนังเสียไปเลย ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดี
[b]28 พฤษภาคม 2558 ได้มีโอกาสไปดู
Yes Or No 2.5 กลับมา..เพื่อรักเธอ ตั้งใจไปดู ด้วยเหตุผลหลายประการ ดังนี้
1.รักหนัง Yes Or No และชื่นชมผู้สร้าง เป็นทุนเดิม
2.รักนันหงหยก อยากสนับสนุนผลงานน้องๆ
3.อยากสนับสนุนและให้กำลังใจ พี่ขลุ่ย ผู้มีมุมมองและจิตใจที่ดี ให้ได้มีโอกาสสร้างผลงานดีๆให้กับสังคมไทยไปนานๆ พี่ขลุ่ยให้โอกาสคนรุ่นใหม่ๆ ได้แสดงฝีมือและผลงานแม้จะต้องเสี่ยงกับอะไรหลายๆอย่างโดยเฉพาะรายได้ของหนัง(จริงอยู่สร้างหนังรายได้เป็นสิ่งสำคัญแต่มันสำคัญที่สุดหรือเปล่าเท่านั้นเอง)
เมื่อดู Yes Or No 2.5 กลับมา..เพื่อรักเธอ จบ มีมุมมองและความรู้สึกอย่างไรบ้าง (เป็นความคิดเห็นส่วนตัว)ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นตรงไปตรงมา
ความรู้สึก หนังน่ารัก สดใส คงความเป็น Yes Or No ได้เหมือนเดิม ดูแล้วรักตัวละครทุกตัว โดยเฉพาะ พีรกานต์และเฟื้องฟ้า
จะกลับไปดูอีกแน่นอน ดูได้ทุกเพศทุกวัยจริงๆ
มุมมอง
1.บทภาพยนตร์
- ส่วนตัวคิดว่าบท ขาดความต่อเนื่อง การปูเรื่องราวของที่มาและความรู้สึกของทุกตัวละคร ขาดๆหายๆ ไปบ้าง บางช่วงบางตอน ทำให้ความต่อเนื่องในการร้อยเรียงลำดับเรื่องราวที่มาที่ไปของความรู้สึกในแต่ละตัวละคร ดูไม่สมเหตุสมผลไปบ้าง เช่น ทำไมไวน์ค้างคาใจในความรัก ทำไมพิมลืมไวน์ไม่ได้ ทำไมฟ้าถึงรู้สึกดีๆต่อ พีจนกลายเป็นความรักที่ยังไง ก็ยังคงรักและรอ หากบทจะกล่าวถึงเรื่องของครอบครัวของพิมให้ลึกอีกนิด ถึงการ ยอมรับและเข้าใจหรือไม่ น่าจะเป็นบทสรุปที่ชัดเจนขึ้น บทขาดจุดพีคของเรื่องไป
- จุดเด่นของบท Yes Or No 2.5 กระฉับ บ่งบอกความเป็นตัวตน มุมมอง ความคิด ของทุกตัวละคร ผ่านลักษณะการใช้ภาษาและการพูดของตัวละครได้อย่างชัดเจน ถ้อยคำเข้าใจง่ายแฝ่งแง่คิดตรงไปตรงมาไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย ตรงประเด็น และไม่มีคำหยาบเลย สำหรับนักเขียนบทมือใหม่ถือว่าใช้ได้ ทีเดียว และเก่งที่สามารถทำให้ตัวละครทั้งสี่คนมีบุคคลิกลักษณะที่แตกต่างชัดเจน กระจายบทบาทของทุกตัวละครให้มีความสำคัญเท่าๆกัน ไม่รู้สึกว่าใคร หายไปจากจอหรือไม่สำคัญ ขอเป็นกำลังใจให้น้องมิ้น พัฒนาต่อไปยากเห็นน้องมิ้นเขียนบทให้พี่ขลุ่ยในเรื่องต่อๆไป
2.ภาพและการตัดต่อ
- ภาพสวย มุมภาพดีชัดเจน การให้แสงสวย
- การตัดต่อดูไม่ไหลลื่น การบอกเล่าเรื่องราวที่มาที่ไปของตัวละคร ขาดความความต่อเนื่องและเชื่อมโยงไม่ถึงกันเช่น การคิดถึงอดีตของไวน์ที่มีต่อพิมพ์ ตัดภาพไวไปจนทำให้ขาดอารมณ์ร่วมของคนดู อาจจะด้วยเวลาน้อยไปหรือเปล่า จนทำให้ต้องตัดต่อแบบหยุดอารมณ์คนดูในหลายช่วง ซึ่งผลจากการตัดต่อทำให้บทดูไม่ต่อเนื่องเช่นกัน
3.เสียงและดนตรีประกอบ
- เสียงชัดเจน คมชัด
- ดนตรีประกอบ อาจมีเงียบไปบางช่วงในมุมมองของหลายๆคน คิดว่าทำให้เกิดความเงียบไม่บิวอารมณ์คนดู แต่ส่วนตัวมองว่าความเงียบ ทำให้สัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่แท้จริงของตัวละครในขณะนั้นจริงๆ ได้ยินแม้กระทั้งจังหวะการหายใจ มันเป็นการสื่อสารด้วยอารมณ์ของผู้แสดงจริงๆ ชอบน่ะ
4.เพลงประกอบภาพยนตร์
- เพลงเพราะทั้งสองเพลง ความหมายดี ตรงไปตรงมา
5.นักแสดง
**ติ๊นา ฝีมือการแสดงพัฒนาได้ดีขึ้นมากจากภาค 1และ2 นิ่งขึ้นการแสดงอารมณ์และสีหน้าดีขึ้นมาก การใช้เสียงมีหนักเบามากขึ้น
** นัน สุนันทา แสดงดีเป็นธรรมชาติ การแสดงสีหน้าและแววตาบ่งบอกอารมณ์ได้ชัดเจน การใช้เสียงมีจังหวะดีเป็นธรรมชาติ อนาคตทางการแสดงน่าจะไปได้ไกล นันเหมาะกับการเป็นนักแสดงมาก เรื่องฝีมือไม่ต้องห่วง
** หงหยก แสดงดีเป็นธรรมชาติมากดูแล้วเชื่อว่าเป็นฟ้า โดยเฉพาะฉากทานอาหาร ชอบเสียงหงหยกเสียง น่ารักตรงกับบุคลิคเฟื่องฟ้า หงหยกพัฒนาไปไกลและเร็ว นิ่งขึ้นมาก ดูมีความมั่นใจ การพูดชัดเจน
*****นันหงหยก ทุกฉากที่แสดงดัวยกันหรืออยู่ในฉากเดียวกันแสดงได้ดีเป็นธรรมชาติมาก ไหลลื่น เป็นสีสันของเรื่อง ช่วยทำให้บทดูมีมิติขึ้น มีความแตกต่างและน่าสนใจมากขึ้นอย่างมาก ดูแล้วยิ้มตาม น่ารัก
** ปีเก้ จะดูเกร่งไปนิด การแสดงแววตาดูมีมิติ สื่ออารมณ์ทางแววตาดี เสียงพูดโทนเดียว สำหรับระยะเวลาเตรียมตัวน้อยแสดงได้ขนาดนี้ถือว่าดีน่ะ
7.ผู้กำกับการแสดง เก่งมากสามารถดึงธรรมชาติของนักแสดง ทุกคนให้เป็นตัวละครนั้นๆได้อย่างลงตัว แก้ไขจุดอ่อนของนักแสดงแต่ละคนได้อย่างหมดสิ้น จนเห็นพัฒนาการทีดีมากของนักแสดง ทำให้การแสดงของนักแสดงหลักทั้งสี่คน เชื่อได้ว่าเป็นตัวละครนั้นจริงๆ
6.เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย
- ส่วนใหญ่ดูเหมาะสมกับตัวละครดี แต่ของปีเก้ดูรุ่มร่ามไปนิด
ทั้งหมดที่ได้แสดงความคิดเห็นเป็นเพียงมุมมองของคนดูหนังคนหนึ่งที่รักหนังไทย Yes Or No 2.5 กลับมา..เพื่อรักเธอ รักผู้สร้างและทีมงานที่กล้าและตั้งใจทำผลงานดีๆสร้างสรรค์สังคมในแง่มุมดีๆ จึงอยากให้ความคิดเห็นตรงไปตรงมา เพื่อพัฒนากันต่อไป(เราไม่ใช่ผู้มีความรู้หรือนักวิจารณ์หนัง แต่เป็นคนดูหนังที่รักหนังไทยดีๆ) ขอให้หนังและนักแสดง ประสบความสำเร็จ ทั้งในและต่างประเทศ

ท้ายสุดอยากบอกคนดูหนัง ไปช่วยกันสนับสนุนหนังไทยกันเถอะน่ะ อย่าเชื่อใครเล่า ต้องเชื่อและพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง แล้วคุณจะหลงรักหนังเรื่องนี้ได้ไม่ยาก เปิดใจ เพราะรักสัมผัสได้ด้วยใจ ไปดูกันเยอะๆน่ะ เพื่อสนับสนุนหนังไทย Yes Or No 2.5 กลับมา..เพื่อรักเธอ
มุมมองความรู้สึก กับหนังไทย Yes Or No2.5 กลับมา..เพื่อรักเธอ
[b]28 พฤษภาคม 2558 ได้มีโอกาสไปดู Yes Or No 2.5 กลับมา..เพื่อรักเธอ ตั้งใจไปดู ด้วยเหตุผลหลายประการ ดังนี้
1.รักหนัง Yes Or No และชื่นชมผู้สร้าง เป็นทุนเดิม
2.รักนันหงหยก อยากสนับสนุนผลงานน้องๆ
3.อยากสนับสนุนและให้กำลังใจ พี่ขลุ่ย ผู้มีมุมมองและจิตใจที่ดี ให้ได้มีโอกาสสร้างผลงานดีๆให้กับสังคมไทยไปนานๆ พี่ขลุ่ยให้โอกาสคนรุ่นใหม่ๆ ได้แสดงฝีมือและผลงานแม้จะต้องเสี่ยงกับอะไรหลายๆอย่างโดยเฉพาะรายได้ของหนัง(จริงอยู่สร้างหนังรายได้เป็นสิ่งสำคัญแต่มันสำคัญที่สุดหรือเปล่าเท่านั้นเอง)
เมื่อดู Yes Or No 2.5 กลับมา..เพื่อรักเธอ จบ มีมุมมองและความรู้สึกอย่างไรบ้าง (เป็นความคิดเห็นส่วนตัว)ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นตรงไปตรงมา
ความรู้สึก หนังน่ารัก สดใส คงความเป็น Yes Or No ได้เหมือนเดิม ดูแล้วรักตัวละครทุกตัว โดยเฉพาะ พีรกานต์และเฟื้องฟ้า จะกลับไปดูอีกแน่นอน ดูได้ทุกเพศทุกวัยจริงๆ
มุมมอง
1.บทภาพยนตร์
- ส่วนตัวคิดว่าบท ขาดความต่อเนื่อง การปูเรื่องราวของที่มาและความรู้สึกของทุกตัวละคร ขาดๆหายๆ ไปบ้าง บางช่วงบางตอน ทำให้ความต่อเนื่องในการร้อยเรียงลำดับเรื่องราวที่มาที่ไปของความรู้สึกในแต่ละตัวละคร ดูไม่สมเหตุสมผลไปบ้าง เช่น ทำไมไวน์ค้างคาใจในความรัก ทำไมพิมลืมไวน์ไม่ได้ ทำไมฟ้าถึงรู้สึกดีๆต่อ พีจนกลายเป็นความรักที่ยังไง ก็ยังคงรักและรอ หากบทจะกล่าวถึงเรื่องของครอบครัวของพิมให้ลึกอีกนิด ถึงการ ยอมรับและเข้าใจหรือไม่ น่าจะเป็นบทสรุปที่ชัดเจนขึ้น บทขาดจุดพีคของเรื่องไป
- จุดเด่นของบท Yes Or No 2.5 กระฉับ บ่งบอกความเป็นตัวตน มุมมอง ความคิด ของทุกตัวละคร ผ่านลักษณะการใช้ภาษาและการพูดของตัวละครได้อย่างชัดเจน ถ้อยคำเข้าใจง่ายแฝ่งแง่คิดตรงไปตรงมาไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย ตรงประเด็น และไม่มีคำหยาบเลย สำหรับนักเขียนบทมือใหม่ถือว่าใช้ได้ ทีเดียว และเก่งที่สามารถทำให้ตัวละครทั้งสี่คนมีบุคคลิกลักษณะที่แตกต่างชัดเจน กระจายบทบาทของทุกตัวละครให้มีความสำคัญเท่าๆกัน ไม่รู้สึกว่าใคร หายไปจากจอหรือไม่สำคัญ ขอเป็นกำลังใจให้น้องมิ้น พัฒนาต่อไปยากเห็นน้องมิ้นเขียนบทให้พี่ขลุ่ยในเรื่องต่อๆไป
2.ภาพและการตัดต่อ
- ภาพสวย มุมภาพดีชัดเจน การให้แสงสวย
- การตัดต่อดูไม่ไหลลื่น การบอกเล่าเรื่องราวที่มาที่ไปของตัวละคร ขาดความความต่อเนื่องและเชื่อมโยงไม่ถึงกันเช่น การคิดถึงอดีตของไวน์ที่มีต่อพิมพ์ ตัดภาพไวไปจนทำให้ขาดอารมณ์ร่วมของคนดู อาจจะด้วยเวลาน้อยไปหรือเปล่า จนทำให้ต้องตัดต่อแบบหยุดอารมณ์คนดูในหลายช่วง ซึ่งผลจากการตัดต่อทำให้บทดูไม่ต่อเนื่องเช่นกัน
3.เสียงและดนตรีประกอบ
- เสียงชัดเจน คมชัด
- ดนตรีประกอบ อาจมีเงียบไปบางช่วงในมุมมองของหลายๆคน คิดว่าทำให้เกิดความเงียบไม่บิวอารมณ์คนดู แต่ส่วนตัวมองว่าความเงียบ ทำให้สัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่แท้จริงของตัวละครในขณะนั้นจริงๆ ได้ยินแม้กระทั้งจังหวะการหายใจ มันเป็นการสื่อสารด้วยอารมณ์ของผู้แสดงจริงๆ ชอบน่ะ
4.เพลงประกอบภาพยนตร์
- เพลงเพราะทั้งสองเพลง ความหมายดี ตรงไปตรงมา
5.นักแสดง
**ติ๊นา ฝีมือการแสดงพัฒนาได้ดีขึ้นมากจากภาค 1และ2 นิ่งขึ้นการแสดงอารมณ์และสีหน้าดีขึ้นมาก การใช้เสียงมีหนักเบามากขึ้น
** นัน สุนันทา แสดงดีเป็นธรรมชาติ การแสดงสีหน้าและแววตาบ่งบอกอารมณ์ได้ชัดเจน การใช้เสียงมีจังหวะดีเป็นธรรมชาติ อนาคตทางการแสดงน่าจะไปได้ไกล นันเหมาะกับการเป็นนักแสดงมาก เรื่องฝีมือไม่ต้องห่วง
** หงหยก แสดงดีเป็นธรรมชาติมากดูแล้วเชื่อว่าเป็นฟ้า โดยเฉพาะฉากทานอาหาร ชอบเสียงหงหยกเสียง น่ารักตรงกับบุคลิคเฟื่องฟ้า หงหยกพัฒนาไปไกลและเร็ว นิ่งขึ้นมาก ดูมีความมั่นใจ การพูดชัดเจน
*****นันหงหยก ทุกฉากที่แสดงดัวยกันหรืออยู่ในฉากเดียวกันแสดงได้ดีเป็นธรรมชาติมาก ไหลลื่น เป็นสีสันของเรื่อง ช่วยทำให้บทดูมีมิติขึ้น มีความแตกต่างและน่าสนใจมากขึ้นอย่างมาก ดูแล้วยิ้มตาม น่ารัก
** ปีเก้ จะดูเกร่งไปนิด การแสดงแววตาดูมีมิติ สื่ออารมณ์ทางแววตาดี เสียงพูดโทนเดียว สำหรับระยะเวลาเตรียมตัวน้อยแสดงได้ขนาดนี้ถือว่าดีน่ะ
7.ผู้กำกับการแสดง เก่งมากสามารถดึงธรรมชาติของนักแสดง ทุกคนให้เป็นตัวละครนั้นๆได้อย่างลงตัว แก้ไขจุดอ่อนของนักแสดงแต่ละคนได้อย่างหมดสิ้น จนเห็นพัฒนาการทีดีมากของนักแสดง ทำให้การแสดงของนักแสดงหลักทั้งสี่คน เชื่อได้ว่าเป็นตัวละครนั้นจริงๆ
6.เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย
- ส่วนใหญ่ดูเหมาะสมกับตัวละครดี แต่ของปีเก้ดูรุ่มร่ามไปนิด
ทั้งหมดที่ได้แสดงความคิดเห็นเป็นเพียงมุมมองของคนดูหนังคนหนึ่งที่รักหนังไทย Yes Or No 2.5 กลับมา..เพื่อรักเธอ รักผู้สร้างและทีมงานที่กล้าและตั้งใจทำผลงานดีๆสร้างสรรค์สังคมในแง่มุมดีๆ จึงอยากให้ความคิดเห็นตรงไปตรงมา เพื่อพัฒนากันต่อไป(เราไม่ใช่ผู้มีความรู้หรือนักวิจารณ์หนัง แต่เป็นคนดูหนังที่รักหนังไทยดีๆ) ขอให้หนังและนักแสดง ประสบความสำเร็จ ทั้งในและต่างประเทศ