เมื่อไม่นานนี้มันมีเรื่องที่เกิดขึ้นกับชีวิตผม เหตุการณ์สุดสะเทือนใจและรู้สึกผิดมาก ๆ เรื่องที่จะเล่านี้เพิ่งเกิดได้เพียงเดือนเดียวและปัจจุบันนี้ผมยังพบเจอเรื่องราวพวกนี้อยู่ในทุกวันนี้... .. . ผมกราบขอโทษไว้ก่อนเลยนะครับว่าเหตุการณ์ที่ผมจะเล่าต่อไปนี้หากการกระทำของผมไม่เป็นไปตามมนุษย์สยธรรม
ในปัจจุบันผมทำงานอยู่ใน กทม. เมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันหยุดยาว ผมได้เดินทางกลับ ที่ตจว. ระยะทางประมาณ 400 กิโลเมตร และเห็นว่าเป็นช่วงเทศกาลผมเลยเลือกที่จะเดินทางในเวลากลางคืน ซึ่งคืนนั้นผมออกเดินทางตอน 3 ทุ่ม และเดินทางโดยลำพัง พอขับไปได้ประมาณ ครึ่งทางเริ่มเข้าทางเรียบคลอง เส้นทางเริ่มเปลี่ยว ไม่มีไฟเลยสักดวง ผมเปิดไฟสูงตลอดทาง ใช้ถนนเส้นนี้กลับบ้านเสมอ เพราะมันใกล้กว่าทางหลักและรถไม่ติด ขับไปสักพักผมเริ่มรู้สึกง่วง หนังตาเริ่มตก แต่ผมพยายามตั้งสติตลอด จนขับไปถึงทางแยกสะพานตัดผ่านคลอง ในตอนนั้นผมเบลอๆและรู้สึกว่าตนเองหลับใน ก่อนถึงทางแยกอย่างกระชั้นชิดมันมีลูกระนาดก้อนโต 3 - 4 ก้อน รถผมขับมาด้วยความเร็วข้ามลูกระนาดทำให้รถสั่นผมสะดุ้งตื่นอย่างตกใจ เลยเหยียบเบรค ทำให้รถเสียหลักพุ่งออกนอกเลน ในจังหวะนั้นมีเด็กอายุประมาณ 6 ขวบ นั่งซ้อนอยู่บนมอเตอร์ไซค์ ซึ่งมีป้าแก่ ๆ กำลังนั่งยอง ๆ เหมือนกำลังก้มลงไปเก็บของ อยู่ข้าง ๆ ในขณะนั้นรถของผมพุ่งชนร่างป้ากระเด็นตกลงไปในน้ำและชนมอเตอร์ไซค์จนจนถูกเหยียบไปอยู่ใต้ท้องรถ ผมตกใจมากทันใดนั้นผมรีบลงจากรถมองตรงไปที่คลองเห็นร่างป้าคนนั้นพยายามจะตะเกียกตะกายว่ายน้ำด้วยแขนข้างเดียว ในขณะนั้นผมทำอะไรไม่ถูกเลย และได้ยินเสียงเด็กร้องผมก้มลงไปเห็นน้องติดอยู่กับขาตั้งรถมอเตอร์ไซค์ ผมค่อย ๆ ดึงร่างน้องออกมา โชคดีที่น้องไม่เป็นอะไร พอหันไปมองที่คลองก็ไม่พบร่างป้าแล้ว ตอนนั้นรู้สึกกลัวสุดขีดเหมือนเราฆ่าคนตายถึงแม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
ในจังหวะนั้นมีพลเมืองดีขับผ่านมาเลยให้โทรแจ้งตำรวจ นั่งรอประมาณ 10 นาที มูลนิธิมาพร้อมกับตำรวจ หน่วยกู้ภัยลงไปดำน้ำหาศพนานเป็นชั่วโมงก็ยังไม่พบร่าง ในขณะนั้นเวลาประมาณเที่ยงคืนกว่า ๆ ก็วางแผนกันว่าพรุ้งนี้เช้าค่อยมาค้นหากันใหม่ หน่วยก็ภัยก็ช่วยกันเอามอไซค์ที่ติดอยู่ใต้ท้องรถออก ตำรวจก็ขอเบอร์โทรศัพท์ผมไว้แล้วก็ถ่ายรูปรถ ตำรวจก็ถามเหตุการณ์เบื้องต้น และพาน้องไปส่งให้กับญาติ และพรุ้งนี้ต้องไปให้การคดีที่โรงพัก . . . สภาพรถผมยังวิ่งได้ปกติ แต่ไฟหน้าแตกรถบุบนิดหน่อย
เรื่องราวทั้งหมดผมยังไม่ได้เล่าให้ใครฟัง ในคืนนั้นผมก็ขับรถมุ่งหน้ากลับบ้านต่อ เพราะเส้นทางยังอีกไกล . . .จนถึงหน้าบ้าน บ้านผมเลี้ยงสุนัขประมาณ 8 - 9 ตัว ขณะที่ผมกลับไปถึงเลยโทรให้แม่มาเปิดประตูให้ สุนัขทุกตัววิ่งออกมายืนเห่าอยู่บ้านไม่หยุด ผมคิดในใจว่ามันเริ่มแปลก ๆ เหมือนป้าแกจะตามผมมา ผมเลยพูดในใจ ว่า "ไม่ต้องตามมา เดี๋ยวพรุ้งนี้ไปหาศพให้" สักพักแม่ก็เรียกสุนัขเข้าบ้านปิดประตู แม่ยังถามว่าทำไมรถบุบ ผมก็ไม่กล้าบอกความจริง เลยบอกว่า "่อ่อ ชนหมาข้างทาง ไม่มีอะไรหรอก"
ในตอนเช้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 13 ในทุก ๆ ปี พวกพี่ ๆ ญาติๆผมเราจะกลับมาพบกันนพร้อมหน้าพร้อมตา วันนั้นประมาณ 11 โมงตำรวจโทรหาผมให้ไป ให้ปากคำที่โรงพัก ซึ่งมันเป็นวันหยุดและถ้ากลับไปที่โรงพักต้องเดินทางอีกไกล เลยขอเลื่อนเป็นวันถัดไป ผมก็โทรถามมูลนิธิถึงเรื่องการค้นหาศพ พวกพี่ๆมูลนิธิบอกว่าเมื่อเช้าไปค้นหามา 2-3 ชั่วโมงแล้วก็ยังไม่พบ เขาบอกว่าตอนเย็นเดี๋ยวมาใหม่ เย็นวันนั้นก็มีเลี้ยงสังสรรค์กันที่บ้านและผมเมามาก
วันรุ่งขึ้นผมแฮงค์หนักตื่น บ่าย 2 แต่ไม่มีสายโทรเข้าจากตำรวจ ก็คงคิดว่ามันเป็นช่วงวันหยุดคงพักผ่อนกันหมด แต่ผมก็โทรหามูลนิธิ สรุปว่าก็ยังไม่เจอศพ พวกพี่ๆบอกว่าจะกลับมาค้นหาอีกทีก็วันที่ 16 เลย เพราะเขาหยุดวันที่ 15 ในขณะนั้นก็รู้สึกเป็นห่วงกับเรื่องนี้นะแต่อีกใจก็คิด รออีกหน่อยละกันคงไม่เป็นไรมาก ผมไม่รู้จะทำยังไงเลยจุดธูป 1 ดอกเดินไปปักริมรั้วหน้าบ้าน บอกป้าว่ารอหน่อยนะเดี๋ยวหลังสงกรานต์จะรีบเร่งหาศพให้ ผมก็เดินเข้าบ้านได้ไม่ถึง 5 นาที ได้ยินเสียงสุนัขเห่าอยู่หน้าบ้านเลยเดินไปดู มันกำลังเห่าธูปอยู่ แต่ที่น่าแปลกใจคือ ธูปถูกปักกับหัว ผมตกใจรีบยกมือไหว้แล้วเข้าบ้าน
คืนวันนั้นก็ตั้งวงกินเลี้ยงกัน เวลาประมาณตี 2 ผมเริ่มเมามาก อ้วกไป 2 รอบ เลยแอบเข้าไปนอนในบ้าน มีรุ่นพี่เข้ามาปลุกผมออกไปนั่งดื่มต่อ แต่คอผมตกเดินแทบไม่ไหว ระหว่างนั้นก็นั่งฟังพวก พี่ ๆ เขาคุยกันเลื่อยเปื่อยแต่ผมนั่งหลับในวงแล้ว รู้สึกสะลึมสะลือได้ยินเสียงคนตะโกนเข้ามาในหู ผมก็หลับๆตื่นๆแต่เอียงคอไปดูนะ เห็นชัดเลยเป็นร่างป้าแก่ ๆ คนนั้นแต่เห็นใบหน้าไม่ชัด ยืนชี้หน้าผมอยู่ที่หน้าประตู แขนอีกข้างของป้าแกหักผิดรูปหงิกงอ ยังมีเสียงตะโกนเข้ามาในหูผมดังมาก ๆ ว่า"ไอสัตว์นรก

ไม่ได้ตายดีแน่" ผมสะดุ้งแล้วสลบไปเลย พวกพี่ ๆ ก็พากันลากผมเข้าไปนอน
ในขณะที่ผมกำลังเล่าอยู่นี้ ผมว่าป้าแกอยู่หน้าห้อง ยังมาหาผมอยู่ ผมเริ่มชินแล้ว เสียงเคาะประตูหลายรอบแล้วแต่ไฟหน้าห้องดับสนิทไม่กล้าเปิดไปดู เป็นแบบนี้เกือบทุกวัน ไว้พรุ้งนี้มาต่อเที่ยงคืนละเพื่อนผมกำลังเข้านอน ผมกลัว
ประสบการณ์ชีวิต คงต้องแลกด้วยชีวิต
ในปัจจุบันผมทำงานอยู่ใน กทม. เมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันหยุดยาว ผมได้เดินทางกลับ ที่ตจว. ระยะทางประมาณ 400 กิโลเมตร และเห็นว่าเป็นช่วงเทศกาลผมเลยเลือกที่จะเดินทางในเวลากลางคืน ซึ่งคืนนั้นผมออกเดินทางตอน 3 ทุ่ม และเดินทางโดยลำพัง พอขับไปได้ประมาณ ครึ่งทางเริ่มเข้าทางเรียบคลอง เส้นทางเริ่มเปลี่ยว ไม่มีไฟเลยสักดวง ผมเปิดไฟสูงตลอดทาง ใช้ถนนเส้นนี้กลับบ้านเสมอ เพราะมันใกล้กว่าทางหลักและรถไม่ติด ขับไปสักพักผมเริ่มรู้สึกง่วง หนังตาเริ่มตก แต่ผมพยายามตั้งสติตลอด จนขับไปถึงทางแยกสะพานตัดผ่านคลอง ในตอนนั้นผมเบลอๆและรู้สึกว่าตนเองหลับใน ก่อนถึงทางแยกอย่างกระชั้นชิดมันมีลูกระนาดก้อนโต 3 - 4 ก้อน รถผมขับมาด้วยความเร็วข้ามลูกระนาดทำให้รถสั่นผมสะดุ้งตื่นอย่างตกใจ เลยเหยียบเบรค ทำให้รถเสียหลักพุ่งออกนอกเลน ในจังหวะนั้นมีเด็กอายุประมาณ 6 ขวบ นั่งซ้อนอยู่บนมอเตอร์ไซค์ ซึ่งมีป้าแก่ ๆ กำลังนั่งยอง ๆ เหมือนกำลังก้มลงไปเก็บของ อยู่ข้าง ๆ ในขณะนั้นรถของผมพุ่งชนร่างป้ากระเด็นตกลงไปในน้ำและชนมอเตอร์ไซค์จนจนถูกเหยียบไปอยู่ใต้ท้องรถ ผมตกใจมากทันใดนั้นผมรีบลงจากรถมองตรงไปที่คลองเห็นร่างป้าคนนั้นพยายามจะตะเกียกตะกายว่ายน้ำด้วยแขนข้างเดียว ในขณะนั้นผมทำอะไรไม่ถูกเลย และได้ยินเสียงเด็กร้องผมก้มลงไปเห็นน้องติดอยู่กับขาตั้งรถมอเตอร์ไซค์ ผมค่อย ๆ ดึงร่างน้องออกมา โชคดีที่น้องไม่เป็นอะไร พอหันไปมองที่คลองก็ไม่พบร่างป้าแล้ว ตอนนั้นรู้สึกกลัวสุดขีดเหมือนเราฆ่าคนตายถึงแม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
ในจังหวะนั้นมีพลเมืองดีขับผ่านมาเลยให้โทรแจ้งตำรวจ นั่งรอประมาณ 10 นาที มูลนิธิมาพร้อมกับตำรวจ หน่วยกู้ภัยลงไปดำน้ำหาศพนานเป็นชั่วโมงก็ยังไม่พบร่าง ในขณะนั้นเวลาประมาณเที่ยงคืนกว่า ๆ ก็วางแผนกันว่าพรุ้งนี้เช้าค่อยมาค้นหากันใหม่ หน่วยก็ภัยก็ช่วยกันเอามอไซค์ที่ติดอยู่ใต้ท้องรถออก ตำรวจก็ขอเบอร์โทรศัพท์ผมไว้แล้วก็ถ่ายรูปรถ ตำรวจก็ถามเหตุการณ์เบื้องต้น และพาน้องไปส่งให้กับญาติ และพรุ้งนี้ต้องไปให้การคดีที่โรงพัก . . . สภาพรถผมยังวิ่งได้ปกติ แต่ไฟหน้าแตกรถบุบนิดหน่อย
เรื่องราวทั้งหมดผมยังไม่ได้เล่าให้ใครฟัง ในคืนนั้นผมก็ขับรถมุ่งหน้ากลับบ้านต่อ เพราะเส้นทางยังอีกไกล . . .จนถึงหน้าบ้าน บ้านผมเลี้ยงสุนัขประมาณ 8 - 9 ตัว ขณะที่ผมกลับไปถึงเลยโทรให้แม่มาเปิดประตูให้ สุนัขทุกตัววิ่งออกมายืนเห่าอยู่บ้านไม่หยุด ผมคิดในใจว่ามันเริ่มแปลก ๆ เหมือนป้าแกจะตามผมมา ผมเลยพูดในใจ ว่า "ไม่ต้องตามมา เดี๋ยวพรุ้งนี้ไปหาศพให้" สักพักแม่ก็เรียกสุนัขเข้าบ้านปิดประตู แม่ยังถามว่าทำไมรถบุบ ผมก็ไม่กล้าบอกความจริง เลยบอกว่า "่อ่อ ชนหมาข้างทาง ไม่มีอะไรหรอก"
ในตอนเช้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 13 ในทุก ๆ ปี พวกพี่ ๆ ญาติๆผมเราจะกลับมาพบกันนพร้อมหน้าพร้อมตา วันนั้นประมาณ 11 โมงตำรวจโทรหาผมให้ไป ให้ปากคำที่โรงพัก ซึ่งมันเป็นวันหยุดและถ้ากลับไปที่โรงพักต้องเดินทางอีกไกล เลยขอเลื่อนเป็นวันถัดไป ผมก็โทรถามมูลนิธิถึงเรื่องการค้นหาศพ พวกพี่ๆมูลนิธิบอกว่าเมื่อเช้าไปค้นหามา 2-3 ชั่วโมงแล้วก็ยังไม่พบ เขาบอกว่าตอนเย็นเดี๋ยวมาใหม่ เย็นวันนั้นก็มีเลี้ยงสังสรรค์กันที่บ้านและผมเมามาก
วันรุ่งขึ้นผมแฮงค์หนักตื่น บ่าย 2 แต่ไม่มีสายโทรเข้าจากตำรวจ ก็คงคิดว่ามันเป็นช่วงวันหยุดคงพักผ่อนกันหมด แต่ผมก็โทรหามูลนิธิ สรุปว่าก็ยังไม่เจอศพ พวกพี่ๆบอกว่าจะกลับมาค้นหาอีกทีก็วันที่ 16 เลย เพราะเขาหยุดวันที่ 15 ในขณะนั้นก็รู้สึกเป็นห่วงกับเรื่องนี้นะแต่อีกใจก็คิด รออีกหน่อยละกันคงไม่เป็นไรมาก ผมไม่รู้จะทำยังไงเลยจุดธูป 1 ดอกเดินไปปักริมรั้วหน้าบ้าน บอกป้าว่ารอหน่อยนะเดี๋ยวหลังสงกรานต์จะรีบเร่งหาศพให้ ผมก็เดินเข้าบ้านได้ไม่ถึง 5 นาที ได้ยินเสียงสุนัขเห่าอยู่หน้าบ้านเลยเดินไปดู มันกำลังเห่าธูปอยู่ แต่ที่น่าแปลกใจคือ ธูปถูกปักกับหัว ผมตกใจรีบยกมือไหว้แล้วเข้าบ้าน
คืนวันนั้นก็ตั้งวงกินเลี้ยงกัน เวลาประมาณตี 2 ผมเริ่มเมามาก อ้วกไป 2 รอบ เลยแอบเข้าไปนอนในบ้าน มีรุ่นพี่เข้ามาปลุกผมออกไปนั่งดื่มต่อ แต่คอผมตกเดินแทบไม่ไหว ระหว่างนั้นก็นั่งฟังพวก พี่ ๆ เขาคุยกันเลื่อยเปื่อยแต่ผมนั่งหลับในวงแล้ว รู้สึกสะลึมสะลือได้ยินเสียงคนตะโกนเข้ามาในหู ผมก็หลับๆตื่นๆแต่เอียงคอไปดูนะ เห็นชัดเลยเป็นร่างป้าแก่ ๆ คนนั้นแต่เห็นใบหน้าไม่ชัด ยืนชี้หน้าผมอยู่ที่หน้าประตู แขนอีกข้างของป้าแกหักผิดรูปหงิกงอ ยังมีเสียงตะโกนเข้ามาในหูผมดังมาก ๆ ว่า"ไอสัตว์นรก
ในขณะที่ผมกำลังเล่าอยู่นี้ ผมว่าป้าแกอยู่หน้าห้อง ยังมาหาผมอยู่ ผมเริ่มชินแล้ว เสียงเคาะประตูหลายรอบแล้วแต่ไฟหน้าห้องดับสนิทไม่กล้าเปิดไปดู เป็นแบบนี้เกือบทุกวัน ไว้พรุ้งนี้มาต่อเที่ยงคืนละเพื่อนผมกำลังเข้านอน ผมกลัว