คำเตือน : โพสนี้สำหรับผู้หญิงที่มีอาการผิดปกติเรื่องการมีประจำเดือน อาจมีภาพที่ไม่น่าดูอยู่บ้าง และสำหรับรายละเอียดของโรคเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) สมัยนี้มีมากมายในอินเตอร์เน็ต หวังว่าเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกท่านจะไม่ละเลยการปรึกษาหมอแบบเรานะคะ จากนี้ไปจะต้องดูแลสุขภาพให้มากกว่านี้ ลูกสาวเพิ่งจะ 10 ขวบ เรามนุษย์แม่จำต้องมีชีวิตอยู่อีกนานค่ะ
เราปวดท้องประจำเดือนมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัย (พ.ศ. 2535) อาการปวดท้องมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขนาดเคยครั้งนึงไปฝึกงานที่เชียงราย ต้องเข้าตัวเมืองเพื่อฉีดยาระงับปวดกันเลยทีเดีย ว จากนั้นอาการปวดก็มีอย่างต่อเนื่องทุกเดือนจนกระทั่งทำงาน ต้องกินยาแก้ปวด Buscopan ไม่ก็พาราฯ และนอนพักสักครึ่งวัน อาการจึงดีขึ้น
เมื่ออายุมากขี้น อาการปวดลดลง จนกระทั่งแต่งงานก็ตรวจสุขภาพเพื่อเตรียมแต่งงานตามปกติ แต่งงานได้ 2 ปี ก็แพลนว่าจะมีลูกโดยที่ไม่ได้ตรวจร่างกายเพิ่มแต่อย่างใด (แต่ตรวจสุขภาพประจำปีทุกปีนะคะ) พอตั้งท้องได้อายุครรภ์ 3 เดือน หมออัลตร้าซาวน์พบก้อนเนื้อขนาดเท่ากำปั้นอยู่หลังโพรงมดลูก หมอจึงจำเป็นต้องผ่าเปิดท้องแบบแผลบนลงล่าง เพื่อตรวจสอบว่าเจ้าก้อนนั้นคืออะไร ผ่าแล้วหมอพบว่าเจ้าก้อนนั่นคือช้อคโกแล็คซีส ที่ขยายแผ่สาขาเหมือนรากต้นไม้ ไม่สามารถตัดออกมาได้แต่ก็ได้รู้ว่าเราเป็นโรคอะไร
หลังจากคลอดลูก ก็รักษาช้อคโกแล็คซีสด้วยวิธีการฉัดฮอร์โมนอยู่ 3-4 ปี จนอาการของโรคแทบจะหมดไป และหลังจากคลอดลูกเราก็ไม่ปวดประจำเดือนอีกเลย
ยอมรับว่าเราชะล่าใจในระยะ 5-6 ปี ที่ผ่านมา ไม่ได้ไปหาหมอสูตินรีเวชเพื่อตรวจหาช้อคโกแล็คซีสอีก เพราะคิดว่ามันจะยังไม่กลับมา และตลอดระยะเวลา 10 ปีหลังจากคลอดน้อง อาการปวดท้องประจำเดือนก็ไม่มีอีกเลย รวมถึงประจำเดือนก็มาตรงเวลา ปกติ 4 วัน สีปกติไม่มีลิ่มเลือด และปริมาณก็ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป
แต่ 2-3 เดือนที่ผ่านมา อาการปวดประจำเดือนกลับมาใหม่ เราก็ไม่ได้เอะใจ แม้กระทั่งวันที่ 13 เมย. 58 ประจำเดือนก็มาแบบไม่มีอาการปวดท้องแต่อย่างใด จนกระทั่งวันที่ 17 เมย. 58 ประจำเดือนที่กำลังจะหมดกลับไหลทะลักออกมาอย่างมากมาย เปลี่ยนผ้าอนามัยแทบจะทุกชั่วโมง ไหลออกมาเป็นทั้งเลือดสดๆ และเป็นลิ่มเลือด และปวดท้องมากๆๆๆๆ เราทนอยู่ 1 วัน 1 คืน จนกระทั่งเช้าวันเสาร์ที่ 18 ไม่ไหวแระ เพลียตัวซีดไปหมด จึงตัดสินใจไปหาหมอ
หมอท่านแรกอัลตร้าซาวน์อยู่นาน แจ้งว่าจะต้องให้ อ.หมอตรวจอีกครั้ง จากนั้น 10.30 น. อ.หมอประทีป หาญอิทธิกุล ก็อัลตร้าซาวน์อยู่นาน พบว่า มีถุงเลือดอยู่ทั้งในมดลูกและหลังมดลูก และมีเลือดออกภายในช่องท้อง ต้องเข้ารับการผ่าตัดด่วน โดยนัดผ่าเวลา 15.30 น.
ใช้เวลาผ่าตัดทางกล้องรวม 6 ชม. เนื่องจากต้องใช้เวลาส่วนหนึ่งตัดผังผืดที่เกิดจากการผ่าตัดหน้าท้อง 2 ครั้ง ที่เล่าไปแล้วข้างต้น
สรุปคือ เป็นเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ที่ด้านหลังของมดลูก (เดิมที่เคยเป็น มันกลับมา) เป็นมากกว่าเดิมเสียด้วย มากเสียจนทะลุเข้ามาในโพรงมดลูก แล้วเกิดการอักเสบ และนอกจากนั้นยังเป็นเนื้องอกด้วย มดลูกพังเกินเยียวยา หมอจึงตัดมดลูกทิ้ง โชคดีที่ช้อคโกแล็คซีสไม่ลามไปที่รังไข่ ไม่งั้นคงไม่เหลือแน่ๆ
การรักษาหลังจากนี้ : ฉีกฮอร์โมนทุก 3 เดือน เป็นเวลา 1 ปี และหมั่นมาหาหมอเป็นประจำ
ปล.ปัจจุบัน 29 พค. 58 ไม่มีอาการเจ็บแผลใดๆ เดินได้ดี ขับรถได้ปกติ แต่ยังออกกำลังกายหนักๆ ไม่ได้ค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม ยาวนิดนึงนะคะ และหวังว่าทู้นี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้หญิงทุกคน และไม่ละเลยการปรึกษาหมอแบบเรานะคะ
ตัดมดลูก เพราะเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ (มีภาพมดลูกและเนื้องอก) สำหรับผู้หญิงที่ปวดท้องประจำเดือนบ่อยๆ ค่ะ
เราปวดท้องประจำเดือนมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัย (พ.ศ. 2535) อาการปวดท้องมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขนาดเคยครั้งนึงไปฝึกงานที่เชียงราย ต้องเข้าตัวเมืองเพื่อฉีดยาระงับปวดกันเลยทีเดีย ว จากนั้นอาการปวดก็มีอย่างต่อเนื่องทุกเดือนจนกระทั่งทำงาน ต้องกินยาแก้ปวด Buscopan ไม่ก็พาราฯ และนอนพักสักครึ่งวัน อาการจึงดีขึ้น
เมื่ออายุมากขี้น อาการปวดลดลง จนกระทั่งแต่งงานก็ตรวจสุขภาพเพื่อเตรียมแต่งงานตามปกติ แต่งงานได้ 2 ปี ก็แพลนว่าจะมีลูกโดยที่ไม่ได้ตรวจร่างกายเพิ่มแต่อย่างใด (แต่ตรวจสุขภาพประจำปีทุกปีนะคะ) พอตั้งท้องได้อายุครรภ์ 3 เดือน หมออัลตร้าซาวน์พบก้อนเนื้อขนาดเท่ากำปั้นอยู่หลังโพรงมดลูก หมอจึงจำเป็นต้องผ่าเปิดท้องแบบแผลบนลงล่าง เพื่อตรวจสอบว่าเจ้าก้อนนั้นคืออะไร ผ่าแล้วหมอพบว่าเจ้าก้อนนั่นคือช้อคโกแล็คซีส ที่ขยายแผ่สาขาเหมือนรากต้นไม้ ไม่สามารถตัดออกมาได้แต่ก็ได้รู้ว่าเราเป็นโรคอะไร
หลังจากคลอดลูก ก็รักษาช้อคโกแล็คซีสด้วยวิธีการฉัดฮอร์โมนอยู่ 3-4 ปี จนอาการของโรคแทบจะหมดไป และหลังจากคลอดลูกเราก็ไม่ปวดประจำเดือนอีกเลย
ยอมรับว่าเราชะล่าใจในระยะ 5-6 ปี ที่ผ่านมา ไม่ได้ไปหาหมอสูตินรีเวชเพื่อตรวจหาช้อคโกแล็คซีสอีก เพราะคิดว่ามันจะยังไม่กลับมา และตลอดระยะเวลา 10 ปีหลังจากคลอดน้อง อาการปวดท้องประจำเดือนก็ไม่มีอีกเลย รวมถึงประจำเดือนก็มาตรงเวลา ปกติ 4 วัน สีปกติไม่มีลิ่มเลือด และปริมาณก็ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป
แต่ 2-3 เดือนที่ผ่านมา อาการปวดประจำเดือนกลับมาใหม่ เราก็ไม่ได้เอะใจ แม้กระทั่งวันที่ 13 เมย. 58 ประจำเดือนก็มาแบบไม่มีอาการปวดท้องแต่อย่างใด จนกระทั่งวันที่ 17 เมย. 58 ประจำเดือนที่กำลังจะหมดกลับไหลทะลักออกมาอย่างมากมาย เปลี่ยนผ้าอนามัยแทบจะทุกชั่วโมง ไหลออกมาเป็นทั้งเลือดสดๆ และเป็นลิ่มเลือด และปวดท้องมากๆๆๆๆ เราทนอยู่ 1 วัน 1 คืน จนกระทั่งเช้าวันเสาร์ที่ 18 ไม่ไหวแระ เพลียตัวซีดไปหมด จึงตัดสินใจไปหาหมอ
หมอท่านแรกอัลตร้าซาวน์อยู่นาน แจ้งว่าจะต้องให้ อ.หมอตรวจอีกครั้ง จากนั้น 10.30 น. อ.หมอประทีป หาญอิทธิกุล ก็อัลตร้าซาวน์อยู่นาน พบว่า มีถุงเลือดอยู่ทั้งในมดลูกและหลังมดลูก และมีเลือดออกภายในช่องท้อง ต้องเข้ารับการผ่าตัดด่วน โดยนัดผ่าเวลา 15.30 น.
ใช้เวลาผ่าตัดทางกล้องรวม 6 ชม. เนื่องจากต้องใช้เวลาส่วนหนึ่งตัดผังผืดที่เกิดจากการผ่าตัดหน้าท้อง 2 ครั้ง ที่เล่าไปแล้วข้างต้น
สรุปคือ เป็นเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ที่ด้านหลังของมดลูก (เดิมที่เคยเป็น มันกลับมา) เป็นมากกว่าเดิมเสียด้วย มากเสียจนทะลุเข้ามาในโพรงมดลูก แล้วเกิดการอักเสบ และนอกจากนั้นยังเป็นเนื้องอกด้วย มดลูกพังเกินเยียวยา หมอจึงตัดมดลูกทิ้ง โชคดีที่ช้อคโกแล็คซีสไม่ลามไปที่รังไข่ ไม่งั้นคงไม่เหลือแน่ๆ
การรักษาหลังจากนี้ : ฉีกฮอร์โมนทุก 3 เดือน เป็นเวลา 1 ปี และหมั่นมาหาหมอเป็นประจำ
ปล.ปัจจุบัน 29 พค. 58 ไม่มีอาการเจ็บแผลใดๆ เดินได้ดี ขับรถได้ปกติ แต่ยังออกกำลังกายหนักๆ ไม่ได้ค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม ยาวนิดนึงนะคะ และหวังว่าทู้นี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้หญิงทุกคน และไม่ละเลยการปรึกษาหมอแบบเรานะคะ