เพิ่มดีกรีความร้อนระอุแห่งสงครามสายรัดข้อมือขึ้นมาอีกขั้นเลยทีเดียว เมื่อสองผู้เล่นชื่อดังเปิดศึกฟ้องร้องต่อศาลซานฟรานซิสโกเมื่อวานที่ผ่านมา โดยฝ่ายโจทก์ Jawbone ได้กล่าวหาว่า Fitbit คู่แข่งได้มีการกว้านซื้อตัวพนักงานของ Jawbone ไปเกือบครึ่งโหล โดยมีจุดประสงค์เพื่อต้องการข้อมูลความลับทางการค้าและทรัพย์สินทางปัญญาที่มาพร้อมกับพนักงานใหม่
ทั้งนี้ ในเอกสารที่ยื่นเรื่องต่อศาลอ้างว่า Fitbit ได้ทำการติดต่อพนักงานราว 30% ของพนักงาน Jawbone ทั้งหมด และในที่สุดก็มีพนักงาน 5 คนที่ตัดสินทำตามคำชวนเชื่อนั้น ซึ่ง Jawbone เชื่อว่า อดีตพนักงานแต่ละรายได้มีการทำสำเนาเอกสารลับของบริษัทลงแฟลชไดร์ฟหรือส่งอีเมลล์ต่อไปยังว่าที่นายจ้างคนใหม่ และในเอกสารความลับทางการค้านั้นก็ถูกอธิบายว่า "มีค่าเทียบเท่าดั่งเหมืองทอง" ซึ่งมีทั้งรายละเอียดเกี่ยวกับกลยุทธ์ของบริษัท, ข้อมูลเชิงลึก, อัตรากำไรเบื้องต้น, ไลน์สินค้า, รายชื่อผู้ผลิต, การวิเคราะห์สินค้า, แนวโน้มตลาด และการคาดการณ์ต่างๆ
Jawbone กล่าวว่า บริษัทต้องเผชิญหน้ากับความเสียหายที่แก้ไขไม่ได้ ทั้งการแข่งขันและการเงินซึ่งเป็นผลมาจากการวางแผนที่น่าสงสัย และเมื่อเป็นเช่นนี้ บริษัทก็ต้องการชดเชย การลงโทษต่อความเสียหาย และยังต้องการเรียกร้องให้ศาลสั่งบล็อกการใช้ข้อมูลใดๆ ในเอกสารอีกด้วย
อย่างไรก็ดี ล่าสุด ฝั่ง Fitbit ได้ออกมาตอบโต้ต่อข้อกล่าวหานั้นว่า Fitbit ไม่จำเป็นที่จะต้องอาศัยข้อมูลใดๆ จาก Jawbone หรือบริษัทอื่น เพราะเขาเป็นผู้บุกเบิกในตลาดนี้ และจะขอต่อสู้กับข้อกล่าวหา
ที่มา TechSpot
Jawbone เปิดศึกฟ้อง Fitbit ฐานใช้เงินซื้อตัว พนง.เพื่อหลอกเอาความลับทางการค้า
เพิ่มดีกรีความร้อนระอุแห่งสงครามสายรัดข้อมือขึ้นมาอีกขั้นเลยทีเดียว เมื่อสองผู้เล่นชื่อดังเปิดศึกฟ้องร้องต่อศาลซานฟรานซิสโกเมื่อวานที่ผ่านมา โดยฝ่ายโจทก์ Jawbone ได้กล่าวหาว่า Fitbit คู่แข่งได้มีการกว้านซื้อตัวพนักงานของ Jawbone ไปเกือบครึ่งโหล โดยมีจุดประสงค์เพื่อต้องการข้อมูลความลับทางการค้าและทรัพย์สินทางปัญญาที่มาพร้อมกับพนักงานใหม่
ทั้งนี้ ในเอกสารที่ยื่นเรื่องต่อศาลอ้างว่า Fitbit ได้ทำการติดต่อพนักงานราว 30% ของพนักงาน Jawbone ทั้งหมด และในที่สุดก็มีพนักงาน 5 คนที่ตัดสินทำตามคำชวนเชื่อนั้น ซึ่ง Jawbone เชื่อว่า อดีตพนักงานแต่ละรายได้มีการทำสำเนาเอกสารลับของบริษัทลงแฟลชไดร์ฟหรือส่งอีเมลล์ต่อไปยังว่าที่นายจ้างคนใหม่ และในเอกสารความลับทางการค้านั้นก็ถูกอธิบายว่า "มีค่าเทียบเท่าดั่งเหมืองทอง" ซึ่งมีทั้งรายละเอียดเกี่ยวกับกลยุทธ์ของบริษัท, ข้อมูลเชิงลึก, อัตรากำไรเบื้องต้น, ไลน์สินค้า, รายชื่อผู้ผลิต, การวิเคราะห์สินค้า, แนวโน้มตลาด และการคาดการณ์ต่างๆ
Jawbone กล่าวว่า บริษัทต้องเผชิญหน้ากับความเสียหายที่แก้ไขไม่ได้ ทั้งการแข่งขันและการเงินซึ่งเป็นผลมาจากการวางแผนที่น่าสงสัย และเมื่อเป็นเช่นนี้ บริษัทก็ต้องการชดเชย การลงโทษต่อความเสียหาย และยังต้องการเรียกร้องให้ศาลสั่งบล็อกการใช้ข้อมูลใดๆ ในเอกสารอีกด้วย
อย่างไรก็ดี ล่าสุด ฝั่ง Fitbit ได้ออกมาตอบโต้ต่อข้อกล่าวหานั้นว่า Fitbit ไม่จำเป็นที่จะต้องอาศัยข้อมูลใดๆ จาก Jawbone หรือบริษัทอื่น เพราะเขาเป็นผู้บุกเบิกในตลาดนี้ และจะขอต่อสู้กับข้อกล่าวหา
ที่มา TechSpot