ไปเที่ยวคนเดียว แต่ไม่ได้กลับคนเดียว ณ วังเวียง-เวียงจันทร์ ฉบับชะนีเมตรครึ่ง (25-28 พฤษภา 2558)

update ล่าสุด 30-05-2015 / 11.06
      ก่อนอื่นก็ต้องขอสวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปทุกคนก่อนนะคะ ตัว จขกท ชื่อ ปั๊ดจื้อ นะคะ (แปลกใช่มั๊ย แต่มันคือชื่อจริงๆ) และก็ขอขอบคุณรีวิวของบันทึกนักเดินทางหลายๆท่านในการสร้างแรงบันดาลใจในการเดินทางครั้งนี้ รวมถึงพี่รหัสที่น่ารักที่เดินทางไปกับเพื่อนเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมาและโดยเฉพาะหลานรหัสสุดติส ซึ่งเป็น inspi หลักของทริปนี้ เพราะนางคือผู้หญิงที่เดินทางไปคนเดียวในวังเวียงในเดือนที่ผ่านมา ....

      พอดีว่าเพิ่งกลับมาจากทริปเที่ยว วังเวียง-เวียงจันทร์ ตามชื่อกระทู้ (มาถึงเมื่อวานตอน 20.00 เป๊ะ!!) ตอนแรกไม่ได้กะจะทำรีวิวแต่มีคนขอมาเยอะมากก็เลยลองดูซักหน่อย (ช่วงแรกเลยไม่ค่อยมีรูปนะคะ) ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจก่อนว่า
      1. ทริปนี้ไม่ได้เน้นความประหยัดเว่อร์วัง เน้นความปลอดภัย เพื่อความสบายใจของพระมารดา (เพราะเป็นผู้หญิงเดินทางคนเดียวครั้งแรก)
      2. ทริปนี้จะเป็นการแชร์ประสบการณ์ทั้งดีและร้ายในทริปนี้ โดยเฉพาะการเสียค่าโง่ 555 เป็นวิทยาทานให้ทุกคน
  

      ช่วงแรกจะเป็นการบรรยายแบบละเอียดยิบ แต่ตอนท้ายจะสรุปทุกอย่างแบบกระชับให้อีกทีนะคะ ... จะพยายามเขียนให้น่าอ่านเด้อจ้าา
โดยในสรุป จะมีรายละเอียดดังนี้
      1. การเดินทางในรูปแบบที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยพูดถึง รูปแบบรถ ราคา ทั้งในและระหว่างวังเวียง-เวียงจันทร์
      2. สถานที่ท่องเที่ยวบางจุดที่แม้แต่คนในพื้นที่ก็ไม่รู้จัก แต่ จขกท ก็ยังไม่เคยไป 5555
      3. กิจกรรมที่มีให้ทุกคนได้ทำ ณ วังเวียง ราคา
      4. ที่พักและความคิดเห็นของ จขกท สภาพ ราคาต่างๆ
      5. แนะนำไกด์ชั้นเยี่ยม เจ้าของที่พักแสนใจดี และความรู้สึกที่มีต่อคนในพื้นที่
      6. แชร์ประสบการณ์ทั้งดีและร้ายในทริปนี้ โดยเฉพาะการเสียค่าโง่ 555 เป็นวิทยาทานให้ทุกคน
      7. ควรไปเที่ยววังเวียงช่วงไหนดี เดือนไหนฤดูอะไร ถ้าอยากเจอฝรั่งหรือโอปป้าต้องไปช่วงไหน
(ไม่แน่ จขกท อาจจะแยกออกไปตั้งกระทู้ใหม่สำหรับสรุปนะคะ)

โอเค ร่ายมายาวเชียว ... เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าเนอะ
เม่าบัลเล่ต์

สิ่งที่ทุกคนต้องมีคือ Passport ที่เหลืออายุมากกว่า 6 เดือน / เงินบาทหรือ Kip ก็ได้ / ของจำเป็นสำหรับการเดินทาง จขกท เอาเสื้อกันฝนไปด้วยเพราะดูพยากรณ์อากาศว่าฝนตก และก็ได้ใช้จริงๆ




DAY I
      การเดินทางครั้งนี้จะเริ่มต้นจากที่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพราะ จขกท เรียนที่นี้ โดยเพื่อน จขกท ออกมาส่งที่หน้า โรงพยาบาลศรีนครินทร์ เวลา 05.30 เพื่อที่จะขึ้นรถตู้ ขอนแก่น-อุดร ในรอบ 06.00 รอบแรกนั่นเอง ราคาค่ารถคือ 80 THB จขกท ไปถึง บขส.อุดร ตอน 07.30 โดยประมาณ แล้วก็เดินทางไปซื้อตั๋ว อุดร-วังเวียง รอบ 08.30 อย่างเริงร่า .... แต่ปรากฏณ์ว่า แถวยาวมาก!!! และสิ่งที่กลัวคือมันจะขายหมดตรงหน้า จขกท พอดิบพอดี แล้วต้องไปต่อรถที่เวียงจันทร์ และในระหว่างที่รอซื้อตั๋วก็ได้เจอกับเพื่อนคณะมนุษย์ฯด้วยกันด้วยความโคตรบังเอิญ นางชื่อ ชีส คือนางก็ไปวังเวียงเหมือนกันแต่นางได้ตั๋วแล้ว นางเดินทางตั้งแต่ 04.00 (ถ้าจำไม่ผิด) นางโบกรถประจำทางสายอื่นที่ผ่านไปอุดร ซึ่งออกเดินทางได้เช้ากว่า ในระหว่างที่คุย สิ่งที่ จขกท กลัวมันก็เกิดขึ้น!!! ตั๋วขายหมดตรงหน้าจริงๆ!!!!!!! เม่าตกใจเม่าฝนตก ทำให้ต้องระหกระเหินซื้อตั๋วไปเวียงจันทร์แทนในรอบ 8.00 เมื่อได้ตั๋วแล้วก็รีบไปขึ้นรถเพราะอีก 15 นาทีรถจะออก สิ่งที่ทำคือ search หารถที่จะต่อไปวังเวียงตามกระทู้ และก็ทราบว่าเป็นรถทัวร์ราคา 150 THB โดยทำการ cap ภาพรถไว้ถามคนที่นั้นไว้เรียบร้อย และแน่นอนว่า จขกท มีเพื่อนร่วมชะตากรรมมากมายที่ต้องพลาดตั๋วแล้วต้องไปต่อรถข้างหน้า ซึ่งเป็นที่มาของเพื่อนร่วมทางกลุ่มแรกของ จขกท



      ในระหว่างทาง จขกท ได้เพื่อนที่นั่งข้างๆเป็นทหารนอกเครื่องแบบก็คุยกันว่าจะไปเที่ยววังเวียง แล้วนางก็บอกว่ามันมีอะไรทำไมคนไปเยอะ ทางก็แย่
บลาๆๆ พูดจนเราเริ่มใจเสีย 5555 แต่ก็ต้องมั่นเอาไว้ พี่แกชื่ออะไรไม่รู้แต่อายุก็ 40-50 แล้ว คอยให้คำแนะนำเรื่องการต่อรถ แลกเงิน เอกสารผ่าน ตม อย่างดี ปานรู้จักกันมานาน โยขาออกจากไทยก็เรียบร้อยดี รถจะจอดให้เราทำเรื่อง แล้วไปรอรับเราทางออก เพื่อข้ามสะพานมิตรภาพไทยลาวไปทำเรื่องเข้าลาวเหมือนของไทย โดยผ่านด่านเข้าลาวเสียค่าผ่านทาง 5 THB (เป็นการ์ดเหมือน BTS แต่แข็งกว่า) ตอนแรก จขกท งงมากว่าไหนรีวิวบอก 45 THB ก็เลยงงๆ และจะมีบางคนพอพ้นด่านเข้าลาวมาจะลงตรงนั้นเลยซึ่งพี่ทหารใจดีก็คือหนึ่งในนั้น ทำให้มีการย้ายที่นั่งขึ้น และแล้ว จขกท ก็ได้เพื่อนใหม่เป็นเด็ก เภสัช ม.มหิดล ขึ้นปี 4 เหมือนกัน 6 คน โดยบังเอิญ ... (จขกท ไม่รู้ชื่อสักคน แต่น่าจะมีคนชื่อ ไอซ์) และเพื่อนก็ชวนว่านั่งรถไปวังเวียงด้วยกันมั๊ย เพราะเห็นว่า จขกท มาคนเดียว ก็เลยตอบตกลง (นางเฟรนลี่มากเจงๆ)

      และแล้วเราก็เดินทางมาถึงที่เวียงจันทร์ เวลา 10.30 โดยรถคันนี้จอดที่ตลาดเช้า เมื่อประตูรถเปิดสิ่งที่พวกเราเจอคือกลุ่มคนลาวที่แก่งแย่งผู้โดยสาร (นึกภาพหมอชิตบ้านเรา แต่ที่นี้หนักกว่า 10 ระดับ) โดยเรา 7 คนถูกต้อนมารวมกันแล้วพี่ลาวหลายๆคนบอกว่าจะไปวังเวียงใช่มั๊ย รถจะออกแล้ว 10-20 นาที พี่คิดเราคนละ 400 THB!! จะบ้าเรอะ ดูรีวิวมามีรถทัวร์ราคา 150 อยู่เด้ จขกท ก็เลยพยายามจะปลีกตัวมาถามคน แต่เหมือนพี่แกรู้ทันเลยบอกว่ารถจะออกแล้ว 10-20 นาที โชคดีมากที่ 1 ในแก๊งเภสัชมีแชมป์การต่อราคาอยู่ (ผู้หญิงสูงๆขาว น่ารักๆๆ) ต่อราคาจนเหลือ 300 THB ด้วยความที่ว่าอยากไปถึงวังเวียงเร็วๆและมองหารถตามภาพที่ cap ไม่เจอ โดยข้อตกลงที่พี่แกบอกคือรถจะไปส่งถึงหน้าที่พักของแต่ละคนเลย ไม่ต้องเดิน ก็เลยตกลงไป (ซึ่งมารู้ทีหลังตอนได้ที่พักว่าราคาจริงคือ 200 THB) เรา 7 คนถูกพาขึ้นรถตุ๊กตุ๊กไปที่ๆจอดรถ MINI BUS (คล้ายรถตู้บ้านเรา) พอเราทุกคนขึ้นรถปรากฏณ์ว่ารอเกือบชั่วโมงกว่ารถจะออกเพราะรอคนเต็ม งานนี้ต้องขอบคุณหน่วยกล้าตาย 2 คนจากแก๊งเภสัชที่ลงไปถามว่าเมื่อไหร่รถจะออก จนในที่สุดก็มีเพื่อนร่วมชะตากรรมเป็นกลุ่มผู้ชายไทยอีก 6-7 คน เราทุกคนออกเดินทางด้วยเหงื่อซึมๆ (รถแอร์ร้อนมาก) เวลา 11.30 ระหว่างทางก็สมคำล้ำลือที่ว่าทางทรหดคดเคี้ยวผุพังมาก ขับมาได้ครึ่งทาง 1.30 ชม. รถก็จะจอดให้เข้าห้องน้ำ แล้วออกเดินทางต่อ ในการเดินทางให้นึกภาพเวลาเรานั่งรถขึ้นเขาคิชกูฏ รถสวนกันแบบนั้นจริงๆ ต้องเป็นคนที่ค่อนข้างชำนาญทางมากถึงจะขับเร็วได้ ในที่สุดเราก็เดินทางถึงวังเวียงเวลา 15.00 โดยรถไปจอดอยู่หน้าที่พักชื่อ Melany Villa (ถ้าจำไม่ผิด) แล้วทุกคนต้องลง แต่แชมป์ต่อราคาของเราบอกว่าดีลไว้ว่าจะไปส่งถึงหน้าที่พักไม่ใช่หรอ ปรากฏณ์ว่าพี่คนขับแกบอก "บ่ได้ บ่ไป" ทำให้เราต้องเดินไปที่ที่พักเอง ก่อนอื่นพวกเราก็แลกเงินกันคนละ 1,000 THB = 240,000 Kip (ฉะนั้น ราคาสินค้าเอาเงินไทย X 240 = Kip นะจ้ะ)

      เรา 7 คนก็เดินทางไปหาที่พักกัน จริงแล้วไม่มีใคร book เอาไว้ walk-in ล้วนๆ (แนะนำอย่างหลังเพราะราคาจะถูกกว่าและบางทีอาจจะต่อราคาได้) เพื่อนๆอีก 6 คนพักที่ Riverview เราก็เลยแยกทางกันตรงนี้ เพราะเจ้าของกระทู้จะไปพักที่ Abby Guesthouse ก็ตาม app Laos บวกกับการถามทางไปด้วย แต่พอถึงปรากฏว่าห้องเตียงเดี่ยวเต็ม เม่าในกองไฟ เหลือแต่ห้อง 3 เตียง ก็เลยจ๋อยแดรกก และด้วยความที่ไม่ชอบเดินถอยหลัง จึงเดินตรงไปข้างหน้า เพื่อหาที่พักต่อ แน่นอนว่ามันก็ไกลขึ้นแต่ทำไงได้ ... สุดท้ายแล้วได้ที่พักชื่อ Mountain Riverview Guesthouse ในราคา 500 THB ห้องแอร์ / มี wifi free (แต่ต้องไปเล่นหน้าเคาเตอร์เจ้าของที่พัก) / ข้างหลังห้องมีวิวภูเขา สวยมากๆ โดยที่นี้จะมี 2 ตึก คือ ตึกที่มี Reception & ตึกที่มีแต่ห้องพักล้วน (จขกท นอนตึกนี้)


ทางขวาเป็นตึกที่ จขกท พัก ขั้นสอง ขวาสุด (ไปตามถ่ายก่อนกลับ)


ผู้ชายเสื้อขาวคือ อ้ายใจ ส่วนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ คือเพื่อนของอ้ายใจ (ไปตามถ่ายก่อนกลับ)


อันนี้เป็นวิวหลังห้องพักของ จขกท นะคะ


      หลังจากเก็บของเสร็จ สิ่งที่ต้องทำคือต่อไวไฟแล้วรายงานขุ่นแม่ว่าถึงแล้ว หลังจากรายงานเสร็จก็ไปอาบน้ำเตรียมของออกไปถ่ายรูป แล้วหาที่พักใหม่สำหรับวันต่อไป แต่พอเตรียมของเสร็จก็ถาม อ้ายใจ (พี่เจ้าของที่พัก + ไม่แน่ใจว่าชื่อนี้มั๊ย) ว่าไอถ้ำที่มีสะพานส้มมันชื่ออะไร ไปยังไง ไกลแค่ไหน อ้ายแกตอบว่าชื่อถ้ำจัง ห่างจากนี้ 3 กิโล พร้อมเอาแผนที่มาให้แล้ว mark ทางให้ และบอกว่าถ้าจะไปก็เช่ามอเตอร์ไซค์หรือรถถีบ (จักรยาน) ไป แต่ จขกท ยืนยันว่าจะเดิน เพราะอยากประหยัดเงินและเป็นคนชอบเดินมาก ซึ่งอ้ายจังก็ตกใจมาก ผู้หญิงมาเที่ยวคนเดียวไม่พอ ยังจะบ้าเดินอีก พี่แกจะชมว่า "เก่งเนาะ มาเที่ยวคนเดียวต่างบ้าน เป็นอ้ายให้ไปบ้านเจ้าก็ไม่กล้าไปคนเดียวเด๊ะ" (รถมอเตอร์ไซค์ที่นี่จะมีแต่แบบเกียร์ไม่มีแบบออโต้ เพราะว่าปลอดภัยกว่า แต่ จขกท ขี่เป็นแต่ออโต้ ซึ่งจะมีหลากหลายรุ่นด้วยกัน Wave จะอยู่ 200 THB / วัน ส่วนรถถีบแม่บ้านจะอยู่ที่ 40 THB / วัน เสือภูเขาจะแพงขึ้นไปอีก) ก่อนออกก็ทักไปถาม ชีส ว่าถึงหรือยัง ปรากฏว่านางเพิ่งได้ที่พัก นั้นหมายความว่า "การต่อรถจะเดินทางได้ไวและเร็วกว่านั่งต่อเดียวประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง"

     การเดินทางเริ่มขึ้นด้วยกล้องกากๆ แผนที่ ปากกา ไอโฟน แว่นกันแดด ต่อให้มีแผนที่เพื่อความปลอดภัยก็ถามมันตลอดทาง 555 จนในที่สุดก็ถึงเสียที โดยหลังจากผ่านทางลูกรังจะเจอทางเข้าของ วังเวียงรีสอร์ท จะต้องจ่ายค่าเข้า 5 THB (จขกท มาที่นี้ 2 รอบ ปกติราคาอยู่ที่ 20 THB ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรยังไง) พอจ่ายแล้วจะได้ปี้น้อยมา 1 ใบเป็นตั๋วเข้า แต่ถ้าใครอยากขึ้นไปบนถ้ำต้องไปซื้อข้างในอีกที จขกท ก็เลยถามเอื้อยที่ขายตั๋วว่าตอนนี้ถ้ำยังขึ้นได้มั๊ยเพราะเห็นป้ายว่าปิด 17.00 ตอนนั้นก็ 16.30 แล้ว พอบอกว่าทัน จขกท ก็ซอยถี่มาก แต่พอไปถึงปรากฏว่า "ถ้ำปิดแล้ว!!" เต่าเอือม ผิดหวังครั้งที่เท่าไหร่แล้ว ในวันแรกเนี่ย ก็เลยตัดสินใจเดินไปที่สระน้ำหน้าถ้ำแทน คือน้ำใสมาก สามารถลงเล่นได้ แต่ไม่ได้เตรียมตัวว่าจะมาเล่นเลยอดไป (เอากล้องมาด้วย มีห่วง) ตอนนั้นมี หญิงลาวเล่นอยู่ 2 คน ฝรั่ง 1 คน และเด็กน้อยโอปป้า 2 คน (จขกท เจอโอปป้าคนนี้ทุกว่าปานเนื้อคู่ นางน่ารักจริงๆขาวๆ ปากชมพู น่าจะอายุสัก 15) ขากลับเลยแวะถ่ายรูปกับสะพานส้มซักหน่อย เพราะเค้าบอกว่ามันเป็น Signature ของที่นี่


ทางเข้านี้เดินดีกว่าจักรยานนะคะ จขกท ไปรอบสองรู้สึกเป้าชามาก 555




จขกท เองคร้าบ


180 องศา


น้ำตรงนี้เล่นได้นะคะ จขกท มาเล่นวันที่สาม





เดี๋ยวจะมาต่อนะคะ อันนี้จะครบ 10000 ตัวอักษรแล้ว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่