ความฟินกับคนที่แอบชอบมานานถึง 4 ปี

เรื่องมันมีอยู่ว่า 4 ปีที่แล้วตอนเป็นเฟรชชี่ ทางมหาวิทยาลัยจัดประชุมครั้งใหญ่ การประชุมแบบนี้จะมีปีละหนึ่งครั้ง โดยจะรวบรวมเด็กที่ได้รับทุนทั้งหมด ทุกคณะ ทุกชั้นปี มาประชุมกันในวันนี้ และเรื่องราวก็เริ่มขึ้น
ณ ห้องประชุมใหญ่ ภายในห้องมีเก้าอี้หลายร้อยตัวเพื่อให้พอสำหรับเด็กทุกคน จำไม่ได้เหมือนกันว่าวันนั้นมาเร็วถึงได้นั่งหน้าสุด หรือว่ามาช้าจนเขาไล่มานั่งข้างหน้าเพราะไม่มีคนนั่งก็ไม่รู้ สรุปเลยละกันว่าตอนนั้นนั่งหน้าสุดกับเพื่อนในคณะเดียวกันกลุ่มใหญ่ หลังจากนั้นกิจกรรมการบรรยายก็เริ่มขึ้น สลับกับความบรรเทิงเป็นช่วงๆไป เพื่อไม่ให้เกิดความน่าเบื่อ และแน่นอนช่วงการบรรยายขาดไม่ได้คือช่วงเวลาถามตอบ อาจารย์ท่านหนึ่งเปรยคำถามมาหนึ่งประโยค เราก็ตั้งใจฟังบ้าง  ไม่ตั้งใจฟังบ้าง เมื่อจบคำถามอาจารย์ทานนั้นเรียกนักศึกษาคนนึงเพื่อตอบคำถามหรือไม่เขาก็ยกมือเสนอคำตอบด้วยตนเอง ทันใดนั้นเราไม่รีรอเพื่อจะหันไปมองว่าไอ้คนตอบมันหน้าตาเป็นอย่างไร และถึงกับช็อคไปชั่วครู่ เฮ้ยยยย มันใช่อ่ะ แบบนี้เลย มีความคิด หน้าตาแบบนี้ หุ่นแบบนี้ ผิวแบบนี้ ไม่มีตรงไหนที่คิดว่าเขาไม่ดีเลยในตอนนั้น เมื่อเขาลุกยืนขึ้นตอบคำถามอาจารย์ท่านนั้น เราก็ไม่วายสะกิดเพื่อนตามประสาชะนีเห็นผัวเอ้ย เห็นผู้ชายในสเปค บอกเพื่อน... คือใช่อ่ะ น่ารักอ่ะ เรามองเขาอีกซักพัก โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่ามีชะนีตัวไม่น้อย หน้าตาไม่สวยมองอยู่ จนเขาตอบคำถามเสร็จและนั่งลง ชะนีตัวนี้ก็ยังแอบมองเขาเรื่อยๆ เกือบทุกอิริยาบถ ณ ขณะนั้น
เมื่อตกกลางคืนมีเวลาว่าง....
ชะนีที่แอบมองผู้ชายอย่างกระหาย เอ้ย!!! ไม่ใช่ เราก็สืบเลยว่าเขาเป็นใคร อยู่คณะอะไร โดยหาจาก FB ต้องบอกไว้ก่อนเลย ถ้าเราจะหาใครซักคนใน FB ไม่ยากสำหรับเราเลยจริงๆ จะหาจนกว่าจะเจอ คาดเดาทุกอย่าง เห็นเขาคุยกับใครตอนที่อยู่มหาวิทยาลัย เขาก็จ้องรู้จักกันแน่ๆ เอาล่ะ ลงมือกดค้นหาไปเรื่อยเปื่อย เข้า FB คนนู้น ดูเพื่อนคนนี้จนเจอจนได้ เป็นอะไรที่แบบ yess!!! ติดอยู่สักพักว่าจะเพิ่มเพื่อนดีหรือเปล่า และก็ตัดสินใจ กด@ไปเป็นที่เรียบร้อย ไม่นานนักนางก็รับ@คร่าาา คือตอนนั้นแค่รับ@ ก็ตื่นเต้นแล้วอ่า คนที่แอบชอบจะเข้าใจโมเม้นต์นี้ดี และเราก็เริ่มทักทายในช่องแคบ แชทบ๊อกไป และเราก็เริ่มคุยกัน ยิ่งคุยยิ่งเขิน ยิ่งเขินยิ่งฟิน เป็นอะไรที่บรรยายหนึ่งหน้ากระดาษก็ไม่หมด เขาเป็นคนที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ แอบแฝงความน่ารักไว้เต็มประดา บวกกับคำหยอดไม่เว้นว่าง หรือเราคิดไปเองว่ามันคือคำหยอดนะ ไอที่หยอดมาเขาอาจจะไม่ได้คิดอะไร แต่หารู้ไม่อีกฝ่ายนี่ไปแปดหมื่นลี้แล้ววววว คุยกันทุกวันแต่ส่วนใหญ่เราก็เป็นคนทักเขาก่อนนี่แหละ ตอนเด็กๆ เป็นผู้หญิงที่ชอบจู่โจมอ่ะ เข้าใจเนอะ ไม่ได้แรดนะคะ แค่ชอบหยอดเหมือนกัน55555 บางทีเพื่อนยังบอกว่ากลัวเลย เราเห็นว่าเขาเป็นคนเรียนเก่ง ตอนนี้เราก็ขยันมากเพราะว่าเพิ่งเป็นเฟรชชี่ กลัวตกกลัวติด F กลัวเยอะแยะไปหมด แต่เขาก็เป็นผู้ชายพูดจาดี ให้กำลังใจบ้าง กดดันบ้างก็มี จำได้เลยว่าเราจะสอบภาษาไทย แต่เขาเรียนและสอบไปแล้ว เราก็ไปปรึกษาเขา เขาบอกว่าได้เกือบเต็ม ถ้าจำไม่ผิดน่าจะได้ 29 นะ เอาล่ะ!!! เราก็อยากได้บ้าง มันมีกำลังใจอ่ะ ตั้งใจเหมือนกัน ผลที่ได้คือออออ เราได้เต็ม 30 จ้าาาา คือนางก็เป็นส่วนหนึ่งในการสอบครั้งนี้เลยนะ ให้นางช่วยติวบ้างไรบ้าง นางไม่เคยบ่นสักคำ แต่ก็มีดุๆนิดหน่อย ช่วงนั้นเป็นอะไรที่ฟินมากๆ พลังของเฟรชชี่ บวกกับกำลังใจของคนที่แอบชอบ มันเพิ่มพูนสุดๆ ลืมบอกไปว่าการติวนี่แหละ เป็นช่วงเหมาะที่สุดสำหรับการแอบขอเบอร์ ซึ่งนางก็ให้คร่าาาา เราโทรหาบ้าง นางโทรมาบ้าง คือมันเป็นโทรศัพท์บ้านอ่ะ เลยคุยกันยาวๆเลย โมเม้นต์นั้นมันเหมือนอยากหยุดเวลาเอาไว้เลย แต่มันก็เป็นไปไม่ได้.... หลังจากนั้นไม่นานเราก็ห่างกัน คุยกันน้อยลง เขาเริ่มชอบผูหญิงคนอื่น แต่เริ่มคนอื่นมาชอบเขาเป็นเรื่องธรรมดาไปเลย และแล้วเราก็ห่างกันจนเหมือนไม่เคยคุยอะไรแบบนั้นมาก่อน ซึ่งอีชะนีตัวไม่น้อยคนนี้แทบขาดใจ คิดถึงจะตายแต่ทำอะไรไม่ได้ บวกกับคนเก่าที่เคยคุยกันก่อนหน้านี้ แต่ไม่ใช่แฟนนะ นางก็ไปๆมาๆ ทะเลาะกับแฟนก็มาคุยกับเรา พอดีกับแฟนก็เห็นเราเป็นตัวอะไร ช่วงนั้นมันแย่จริงๆ แย่มากๆ แต่ก็ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง เป็นคนที่ชอบเก็บความรู้สึก เก็บอารมณ์เศร้าไว้คนเดียว ไม่ใช่ไม่อยากบอกนะ แต่กลัวว่าคนอื่นไม่อยากจะฟัง เข้าเรื่องต่อๆ เราก็กลายเป็นนานๆคุยที ต้องคุยแบบธรรมดา ทักมากำม่ได้ กลัวเขารำคาญ และมีอยู่วันนึงหลังจากที่ไม่ได้คุยกันนาน เราก็ไปเม้นต์ใน FB ประมาณว่า คนที่เธอชอบ เธอคามจีบอยู่เป็นยังไงบ้าง สักพักเท่านั้นแหละ นางทักแชทมาเลยจ้าาา บอกว่าเขาไม่ได้ชอบคนนั้นแล้ว แต่ที่ทำให้เราช็อก!!!! คือประโยคที่นางบอกว่านางเป็นแฟนกับเพื่อนเรา(ไม่ใช่เพื่อนในกลุ่มนะ) อีนี่ก็นางเอกเลยจ้า พิมไปทั้งน้ำตา ตอนนั้นจำได้ว่าค้างไปทำอะไรไม่ถูกไปสักพักนึงเลย แล้วก็ตอบไปว่า ดีแล้วเพื่อนเราน่ารักมาก แล้วก็แสดงความยินดีกันพักใหญ่ แต่หารู้ไม่อีชะนีตัวไม่น้อยน้ำตาแตกเลยคร่าาาาา ความคิดเต็มหัวไปหมด แต่ก็ไม่ได้บอกใคร ทำทุกอย่างเป็นปกติที่สุด ซึ่งก็ไม่มีใครรู้จริงๆ ว่าเราเสียใจแค่ไหน จนกระทั่งวันนึง เพื่อนในกลุ่มทักแชทมาถามว่า เขากับอีกคนมันยังไง เราก็พิมรายละเอียดไป นางก็ถามว่าทำไมไม่บอก โอเคหรือเปล่า แล้วก็ปลอบใจยกใหญ่ ส่วนเราก็พิมไปว่าไม่เป็นไร โอเคมากๆ!!! แต่น้ำตานี่มาจากไหนเยอะแยะก็ไม้รู้สินะ นองหน้าเต็มไปหมด แล้วเรื่องนี้ก็เป็นประเด็นอยู่พักนึง เพราะเพื่อนอึ้งว่าเราเข้มมแข็งขนาดนี้ได้ยังไง อยากจะบอกออกไปว่า เราไม่ได้เข้มแข็งหรอก แค่เราไม่ได้ร้องไห้ต่อหน้าใครเท่านั้นเอง มันอธิบายไม่ถูก คนที่เราชอบกับเพื่อนเรา (แต่เพื่อนเราไม่รู้ว้าเราชอบนะ เพื่อนเรานิสัยดีมาก) เราก็เริ่มทำใจแล้วบอกตัวเองว่า เขาเหมาะสมกันดีแล้ว ขอข้ามเรื่องน่าเศร้าในช่วงนั้นไปเลยละกันนะคะ มาต่อกันด้วยความฟินในวันนี้... ความบังเอิญที่เป็นใจเหมือนเกิน อยู่ๆเราก็คิดถึงเขา และอยากดูข้อความเก่าที่เราได้คุยกันในช่วงแรกๆ แต่นิ้วเจ้ากรรมกดพลาดไปทักเขาซะงั้น แล้วเราก็ทิ้งโทรศัพท์เอาไว้ โดนที่ไม่รู้ว่าเรากดพลาดไปเมื่อไหร่ ไม่นานเขาทักกลับมา  เขาก็เลยบอกว่าเราไปทักเขาก่อน เราก็งงเลยสิครับ ลองเลื่อนขึ้นไปดู เอ่อ!! จริงด้วย คราวนี้ก็คุยกันยาว แบบยาวจริงๆ เกือบ 2 ชม.ได้มั้ง (ซึ่งนางบอกนางเลิกกับแฟนแล้ว เลิกด้วยดีอ่ะ  นางเอกต้องมา บอกนางไปว่าขอเจอคนที่ดีๆ แต่ในใจเป็นเราได้มั้ยยยย5555 ล้อเล้นนะ แต่คิดจริง^^) เราคุยกันเหมือนครั้งแรกที่เราคุยกัน คุยตอบโต้กันไปเรื่อย แล้วนางก็หยอดไปเรื่อยตามสไตล์อ่ะ แต่คือเข้าใจอารมณ์คนยังชอบอยู่มั้ย??? จิกหมอนเลยครัช อมยิ้มจนปวดแก้มไปหมด แต่ก็ได้แค่นี้แหละแค่ฟิน
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ ใครมีโมเม้นต์แบบนี้บ้างมาแชร์กันนะ แล้วผลเป็นยังไงบอกด้วยนะคะ
ปล. บางสิ่งอาจมีเติม เสริม แต่งบ้าง เนื่องจากจำไม่ได้เป๊ะๆ ต้องขออภัย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่