ถ้าติดตามข่าวต่างประเทศทุกค่าย จะพบว่าเกาะติดสถานการณ์ไทยอย่างมาก และเป็นไปในแนวที่เชียร์นายกฯปูแบบชัดเจน ล่าสุด Bloomberg ก็ซัดเต็มๆว่า การตัดสินนายกฯทักษิณและนายกฯปู ไม่ได้รับความยุติธรรมมาตลอด แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับรอด
ตอนนี้นายกฯปู ปักหลักสู้ อาจจะยอมรับด้วยซ้ำในเรื่องโดนจับเข้าคุก คือ มอง worst case แล้ว ปรับกลยุทธ์ตาม ซึ่งผมมองว่า แบบนี้ win เพราะถ้านายกฯปูโดนจับ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคือ
1. สร้างกระแสให้คนทั้งประเทศลุกฮืออย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ผมไม่เคยร่วมม็อบใดๆตั้งแต่เกิด มันจะเป็นครั้งแรกที่ผมจะเข้าร่วม
2. เหตุผลที่ 'หัวหน้ายาม' นำมาเป็นข้ออ้างหมดความชอบทำไป เพราะสร้างความแตกแยก ไม่ได้ปรองดองเลย
3. มีการโหมข่าวในต่างประเทศอย่างหนักหน่วง เกิดกระแสต่อต้าน บอยคอต หรือระงับสิทธิ์มากขึ้นจากที่ตอนนี้มีมาตรการออกมาเป็นระยะอย่างไม่เป็นทางการ และเป็นทางการ
4. เกิดการกดดันจาก ASEAN ด้วยกันเพราะกระทบกับ AEC ที่หวังว่าจะใช้ไทยเป็น hub บางอย่างเช่น infrastructure ในการเคลื่อนย้ายสินค้า แรงงาน ไปยังประเทศเศรษฐกิจใหม่อย่างพม่า ลาว หรือกัมพูชา หรือไปจีน สิงคโปร์ มาเลเซียด้วยซ้ำ ตอนนี้เขาก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้าอยู่แล้ว รวมถึงภาพลักษณ์ของภูมิภาค ยิ่งมีการลงทุนร่วมกันมากขึ้นเท่าไหร่ ย่อมมีความเชื่อมโยงกันเองมากขึ้นเท่านั้น (กรณีกรีซเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด) คือ มีหลายมิติ และเป็นเชิงลึกมากกว่าเดิม
5. ผลของข้อ 1-4 จะส่งแรงกระเพื้อมมากขึ้นในด้านปัญหาเศรษฐกิจ(ที่ตอนนี้คนแบบผมที่ได้รับผลกระทบอย่างจัง) ต้องเข้ามาร่วมกิจกรรมในการขับไล่อย่างเต็มใจ รวมถึงเสื้อแดงที่ไม่พอใจรัฐบาลทหารอยู่แล้ว
กลับมาเรื่อง รางวัลโนเบล จริงๆแล้ว การที่จะมอบให้ใครสักคน มันมีแรงผลักดันในเรื่องการเมืองระหว่างประเทศเป็นหลัก ผลประโยชน์ก็คือส่วนหนึ่ง แต่เหตุผลหลักคือ balance of power ในภูมิภาค ซึ่งฝ่ายอำมาตย์อยู่ตรงข้ามอเมริกาและพันธมิตรอย่างชัดเจน และตอนนี้พวกนี้ก็แสดงภาพชัดเจนมากกว่า (ไม่ต้องพูดถึงระดับสาวกที่เรียกกันว่า สลิ่ม หรือเสื้อเหลือง) ซึ่งเมื่อหลายปีก่อนยังคิดว่า คนเกลียดทักษิณเพราะโกง บ้างอะไรบ้าง ไม่มีแรงจูงใจในด้านการเมือง ซึ่งอเมริกาไม่ได้สนใจมากนัก และจีนก็ไม่มีบทบาทมากในภูมิภาค แต่ตอนนี้จีนพยายามเข้ามาในภูมิภาคและทั่วโลกมากขึ้น การตัดสินใจสานสัมพันธ์กับทักษิณแบบระยะยาวก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า แม้ว่าทักษิณจะประสานจีนได้ไม่ยาก แต่ก็ยังดีกว่าจับมือกับอำมาตย์ (เรื่อง inside ในเมืองไทย wikileak มีเพียบครับ ตรงๆเต็มๆแบบสลิ่มช็อกไป 1 เดือน และอาจจะคิดว่าเลือกข้างผิดกันเลย ไปหาอ่านกันเอง ไม่งั้นจีนไม่ส่งมอบอาวุธให้เขมรตบหน้าทหารไทย เรื่องรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่จะให้จีนทำก็เปลี่ยนไปเป็นญี่ปุ่น ซึ่งตอนนี้ก็ถูกญี่ปุ่นบีบซะหนักเลย เพราะไม่มีทางเลือกอื่น)
แต่หลักๆแล้ว เหตุผลที่จะได้ 'โนเบล' ก็คือ การตัดสินใจสร้างความชอบธรรมให้ฝ่ายทักษิณ (ซึ่งต้องยอมรับว่า ยิ่งลักษณ์เก่งและแกร่งในเรื่องจิตใจเกินใครในประเทศ ณ ชั่วโมงนี้) และมีเหตุผลในด้านการรักษาประชาธิปไตยมากเพียงพอที่อเมริกาและพันธมิตรจะ take side แล้ว รวมถึง 'การสั่งสอน' ที่ไทยทำไปเป็นญาติดีกับรัสเซียอย่างออกหน้าออกตา! เรื่องนี้เป็นการเดินเกมการเมืองระหว่างประเทศที่ผิดพลาดที่สุดของรัฐบาลทหาร และแทบไม่ได้อะไรเลย นอกจากความสะใจและสร้างภาพว่ามีพันธมิตร เพราะจริงๆก็คือ โดนรัสเซียหลอกใช้นั่นเอง!
พูดง่ายๆคือ 'ใช้รางวัลโนเบล เป็นเครื่องมือในทางการเมืองระหว่างประเทศ'
ได้ หรือ ไม่ได้ ต้องดูเหตุการณ์ใหญ่หลังจากที่มีการจับนายกฯปูเข้าคุก ซึ่งผมมองว่า อำมาตย์ไม่กล้า แต่ก็ลึกๆอยากให้ทำ ซึ่งนายกฯปูต้องเสียสละมาก (แต่สถานการณ์ตอนนี้ผมกลับมองว่า การเข้าคุกด้วยเหตุผลทางการเมืองเท่ซะอีก แต่ก็เป็นห่วงถ้าเป็นผู้หญิง) เพราะอยากให้ประเทศเปลี่ยนแปลงถาวรซะที และนายกฯปูก็จะกลายเป็น 'สตรีของโลก' ไปเลย คือ ขยับจากระดับภูมิภาคสู่เวทีโลกอย่างเป็นทางการ (ไม่ว่าจะได้ หรือไม่ได้โนเบล) แต่เรื่องนี้ จะกลายเป็น Global Agenda ไปในทันที
ส่วนในเรื่องความเป็นไปได้ หลายคนอาจจะบอกว่า น้อยมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีเลย แต่บอกได้เลยว่า ตั้งแต่สมัยสุโขทัยมา ครั้งนี้มีความเป็นไปได้มากที่สุดสำหรับไทย
ทำไปทำมา นายกฯปู อาจจะกลายเป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับ 'รางวัลโนเบล' เลยนะเนี่ย?!
ตอนนี้นายกฯปู ปักหลักสู้ อาจจะยอมรับด้วยซ้ำในเรื่องโดนจับเข้าคุก คือ มอง worst case แล้ว ปรับกลยุทธ์ตาม ซึ่งผมมองว่า แบบนี้ win เพราะถ้านายกฯปูโดนจับ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงคือ
1. สร้างกระแสให้คนทั้งประเทศลุกฮืออย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ผมไม่เคยร่วมม็อบใดๆตั้งแต่เกิด มันจะเป็นครั้งแรกที่ผมจะเข้าร่วม
2. เหตุผลที่ 'หัวหน้ายาม' นำมาเป็นข้ออ้างหมดความชอบทำไป เพราะสร้างความแตกแยก ไม่ได้ปรองดองเลย
3. มีการโหมข่าวในต่างประเทศอย่างหนักหน่วง เกิดกระแสต่อต้าน บอยคอต หรือระงับสิทธิ์มากขึ้นจากที่ตอนนี้มีมาตรการออกมาเป็นระยะอย่างไม่เป็นทางการ และเป็นทางการ
4. เกิดการกดดันจาก ASEAN ด้วยกันเพราะกระทบกับ AEC ที่หวังว่าจะใช้ไทยเป็น hub บางอย่างเช่น infrastructure ในการเคลื่อนย้ายสินค้า แรงงาน ไปยังประเทศเศรษฐกิจใหม่อย่างพม่า ลาว หรือกัมพูชา หรือไปจีน สิงคโปร์ มาเลเซียด้วยซ้ำ ตอนนี้เขาก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้าอยู่แล้ว รวมถึงภาพลักษณ์ของภูมิภาค ยิ่งมีการลงทุนร่วมกันมากขึ้นเท่าไหร่ ย่อมมีความเชื่อมโยงกันเองมากขึ้นเท่านั้น (กรณีกรีซเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด) คือ มีหลายมิติ และเป็นเชิงลึกมากกว่าเดิม
5. ผลของข้อ 1-4 จะส่งแรงกระเพื้อมมากขึ้นในด้านปัญหาเศรษฐกิจ(ที่ตอนนี้คนแบบผมที่ได้รับผลกระทบอย่างจัง) ต้องเข้ามาร่วมกิจกรรมในการขับไล่อย่างเต็มใจ รวมถึงเสื้อแดงที่ไม่พอใจรัฐบาลทหารอยู่แล้ว
กลับมาเรื่อง รางวัลโนเบล จริงๆแล้ว การที่จะมอบให้ใครสักคน มันมีแรงผลักดันในเรื่องการเมืองระหว่างประเทศเป็นหลัก ผลประโยชน์ก็คือส่วนหนึ่ง แต่เหตุผลหลักคือ balance of power ในภูมิภาค ซึ่งฝ่ายอำมาตย์อยู่ตรงข้ามอเมริกาและพันธมิตรอย่างชัดเจน และตอนนี้พวกนี้ก็แสดงภาพชัดเจนมากกว่า (ไม่ต้องพูดถึงระดับสาวกที่เรียกกันว่า สลิ่ม หรือเสื้อเหลือง) ซึ่งเมื่อหลายปีก่อนยังคิดว่า คนเกลียดทักษิณเพราะโกง บ้างอะไรบ้าง ไม่มีแรงจูงใจในด้านการเมือง ซึ่งอเมริกาไม่ได้สนใจมากนัก และจีนก็ไม่มีบทบาทมากในภูมิภาค แต่ตอนนี้จีนพยายามเข้ามาในภูมิภาคและทั่วโลกมากขึ้น การตัดสินใจสานสัมพันธ์กับทักษิณแบบระยะยาวก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า แม้ว่าทักษิณจะประสานจีนได้ไม่ยาก แต่ก็ยังดีกว่าจับมือกับอำมาตย์ (เรื่อง inside ในเมืองไทย wikileak มีเพียบครับ ตรงๆเต็มๆแบบสลิ่มช็อกไป 1 เดือน และอาจจะคิดว่าเลือกข้างผิดกันเลย ไปหาอ่านกันเอง ไม่งั้นจีนไม่ส่งมอบอาวุธให้เขมรตบหน้าทหารไทย เรื่องรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่จะให้จีนทำก็เปลี่ยนไปเป็นญี่ปุ่น ซึ่งตอนนี้ก็ถูกญี่ปุ่นบีบซะหนักเลย เพราะไม่มีทางเลือกอื่น)
แต่หลักๆแล้ว เหตุผลที่จะได้ 'โนเบล' ก็คือ การตัดสินใจสร้างความชอบธรรมให้ฝ่ายทักษิณ (ซึ่งต้องยอมรับว่า ยิ่งลักษณ์เก่งและแกร่งในเรื่องจิตใจเกินใครในประเทศ ณ ชั่วโมงนี้) และมีเหตุผลในด้านการรักษาประชาธิปไตยมากเพียงพอที่อเมริกาและพันธมิตรจะ take side แล้ว รวมถึง 'การสั่งสอน' ที่ไทยทำไปเป็นญาติดีกับรัสเซียอย่างออกหน้าออกตา! เรื่องนี้เป็นการเดินเกมการเมืองระหว่างประเทศที่ผิดพลาดที่สุดของรัฐบาลทหาร และแทบไม่ได้อะไรเลย นอกจากความสะใจและสร้างภาพว่ามีพันธมิตร เพราะจริงๆก็คือ โดนรัสเซียหลอกใช้นั่นเอง!
พูดง่ายๆคือ 'ใช้รางวัลโนเบล เป็นเครื่องมือในทางการเมืองระหว่างประเทศ'
ได้ หรือ ไม่ได้ ต้องดูเหตุการณ์ใหญ่หลังจากที่มีการจับนายกฯปูเข้าคุก ซึ่งผมมองว่า อำมาตย์ไม่กล้า แต่ก็ลึกๆอยากให้ทำ ซึ่งนายกฯปูต้องเสียสละมาก (แต่สถานการณ์ตอนนี้ผมกลับมองว่า การเข้าคุกด้วยเหตุผลทางการเมืองเท่ซะอีก แต่ก็เป็นห่วงถ้าเป็นผู้หญิง) เพราะอยากให้ประเทศเปลี่ยนแปลงถาวรซะที และนายกฯปูก็จะกลายเป็น 'สตรีของโลก' ไปเลย คือ ขยับจากระดับภูมิภาคสู่เวทีโลกอย่างเป็นทางการ (ไม่ว่าจะได้ หรือไม่ได้โนเบล) แต่เรื่องนี้ จะกลายเป็น Global Agenda ไปในทันที
ส่วนในเรื่องความเป็นไปได้ หลายคนอาจจะบอกว่า น้อยมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีเลย แต่บอกได้เลยว่า ตั้งแต่สมัยสุโขทัยมา ครั้งนี้มีความเป็นไปได้มากที่สุดสำหรับไทย