ต่ า ง ค่ ะ

อันนี้พูดในฐานะที่เคยใส่มาทั้งแบบซื้อตลาดนัด(C) ซื้อในร้านที่ราคาไม่สูง(B) และแบรนด์ขึ้นห้าง(A)

เมื่อก่อนสมัยเรียนก็เซฟเงินค่ะ ซื้อของตลาดนัดเอา แต่แบบหุ่นเรามันไม่มาตรฐานตามไซส์ตลาดนัด มันอยู่ระหว่าง S กับ M เวลาซื้อกางเกงจะมีปัญหามากเพราะกว่าจะหาตัวที่ใส่ได้พอดีนี่มันเหนื่อย แต่พอซื้อของแบรนด์มันจะมีไซส์ที่หลากหลายกว่า และถ้าเป็นแบรนด์ระดับ (A) เราก็สามารถระบุได้โดยไม่ต้องลองเลยว่ายี่ห้อไหนเราใส่ไซส์อะไร ต่างจากกางเกงราคาไม่กี่ร้อยที่เราต้องลองทุกตัวจนกว่าจะเจอตัวที่เราใส่ได้พอดีจริงๆ เพราะส่วนมากป้ายบอกไซส์จะไม่ได้ช่วยอะไรเลย

พอมาทำงาน งานเราเป็นงานที่ต้องใส่กางเกงจำพวกยีนส์ในการเข้าออฟฟิสเป็นหลัก มีแค่ไม่กี่วันที่ใส่กระโปรงใส่เดรส เลยค่อนข้างเห็นความแตกต่างชัดเจนค่ะ เพราะก่อนนี้นานๆใส่ทีไง เวลาเรียนก็ใส่ชุดนักศึกษา ความแตกต่างยังไม่ประจักษ์แก่ตัวเอง

คือกางเกงราคาที่เคยซื้อๆไว้ใส่ไม่สบาย บางตัวใส่ไป 4-5 ครั้งก็ไปแล้ว ผ้าเป็นขุยบ้าง ซีตกจนซีดบ้าง อะไรบ้าง ยิ่งต้องใส่ทุกวันแล้วยิ่งไม่โอเคเลย เพราะพวกราคาถูกเนื้อผ้าจะแข็ง ใส่แล้วก็อึดอัด ถ้ามันไม่แข็งมันก็จะยืดง่ายยืดเร็วไปเลย บางทีตอนลองมันพอดีแต่พอซักแล้วใส่จริงมันไม่ใช่ หลวม ไม่เกาะเอว เจอมาสารพัดค่ะ

ตอนหลังเราเลยซื้อแต่ของแบรนด์ใส่ ตัวไหนถ้าเจอในช็อปแล้วชอบมากก็ยอมจ่ายเต็มราคาในตอนนั้นเพราะเราถือว่าเราไม่สามารถเจอยีนส์ที่ถูกใจมากๆได้ทุกวัน มารอบหน้ามันอาจไม่เหลือไซส์ที่ใส่ได้ไว้ให้เราก็ได้ แต่ถ้ายังไม่ปังก็จะรอให้มันลดราคาก่อนค่อยไปสอย ถ้ารุ่นไหนที่ชอบมันลดเยอะๆก็ตุนไว้ 2-3 ตัว เพราะน้ำหนักและหุ่นของเราคงที่

ซึ่งถ้าให้จำแนกความแตกต่างเป็นข้อๆ ก็คงประมาณนี้ค่ะ

1. เนื้อผ้า - แบรนด์(A) ส่วนใหญ่จะนิ่ม ใส่สบาย ไม่อึดอัด ไม่เสียดสี ไม่ร้อน ไม่คัน ระบายอากาศได้มากกว่า เวลาซักก็แห้งเร็วกว่า ไม่เหม็นอับ เวลาเปื้อนก็ซักง่าย คิดว่าเป็นเพราะวัตถุดิบที่ใช้ วิวัฒนาการการทอ / ของแปะยี่ห้อแนวสตรีท(B) คุณภาพจะลดลงมาหน่อย / ของตลาดนัด(C) ส่วนมากผ้าจะแข็ง เวลาซักอาจมีกลิ่นอับ ซักยาก ถ้าไม่แข็งชนิดว่าพอนั่งหรืองอขาแล้วจะเจ็บ ก็จะยืดเร็วไปเลย แถมบางตัวยังก่อไฟฟ้าสถิตดูดขนบริเวณขาให้คันด้วยค่ะ


2. ดีไซน์ การตัดเย็บ - ส่วนนี้ชัดเจนเรื่องความปราณีค่ะ การเดินด้ายอะไรพวกนี้จะเนี้ยบ ด้ายไม่หลุด ไม่ยุ่ย ไม่ค่อยมีตำหนิ และของมียี่ห้อ(A,B)มักได้มาตรฐานกว่า เลือกดีไซส์แบบไหน สีไหนมา มันจะเป๊ะตามนั้น / ของตลาดนัด(C) บางทีทรงเหมือนจะสวย แต่ใส่ออกมาแล้วแปลกๆ Skinny บางทีก็รัดน่องจนแน่น ขนาดว่าเราขาเล็กแล้ว ไปลอง Skinny ที่ที่เอวพอดีนี่แบบ ใส่แล้วทรมานมาก มากจนงงว่าคนที่จะเอาตัวยัดเข้าไปได้นี่ขาต้องเล็กขนาดไหน


3. ขนาด - แบรนด์(A) มักจะมีมาตรฐาน บอกว่าไซส์ไหนก็ขนาดตามนั้น  แต่ของราคากลางๆบางยี่ห้อ(B) หรือตามตลาดนัด(C) อาจไม่ตรงไซส์ บางครั้งก็มีให้เลือกแค่ S-M-L ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับคนที่ ใส่ S ก็คับ ใส่ M ก็หลวม ... เรามีประสบการณ์ตรงค่ะ สั่ง S ของยี่ห้อเกรด(B)มา เพราะดูไซส์ที่แจ้งแล้วใส่ได้ (แจ้งว่าเอว 25-27 / สะโพก 32-34) แต่พอเอาเข้าจริง ของที่ได้ไซส์เล็กกว่าที่แจ้งไว้ (วัดจริงเอว 23 สะโพก 30) ยัดตัวเข้าไปไม่ได้เลยค่ะ


4. ซิป - แบรนด์(A) ใส่มา 4-5 ปีแล้วซิปยังปกติ / ของราคาไม่กี่ร้อย(B,C) ใส่ปีกว่าๆซิปก็พังแล้วค่ะ


5. ความคงทน - แบรนด์(A) เราใส่อย่างต่ำๆ 3-4 ปี อาจมีบ้างที่สีซีดลง แต่ก็ไม่ได้มาก แถมสีก็ไม่ค่อยตก นอกนั้นยังโอเค ยังใส่ได้ดีอยู่ / ของราคาไม่กี่ร้อย(B,C) แป๊บๆก็ยืด แป๊บๆก็ใส่ไม่ได้ค่ะ ซักไม่กี่ครั้งสีก็ซีดแล้ว


ช่วงที่ทำงานใหม่ๆ เราซื้อแบรนด์มาใช้บ้างแล้ว แต่ก็ยังใส่ของตลาดนัดสลับๆบ้าง ไปลองแบบถูกๆบ้าง แต่ก็ตามที่บอกไว้ก่อนหน้าคือมันต่างอ่ะ ต่างมาก สุดท้าย ตอนนี้เราโละแบบของตลาดนัด (C) ทิ้งไปหมดแล้ว เหลือไว้แค่ (A) กับ (B) และถ้า (B) หมดอายุการใช้งานแล้วก็คงจะซื้อเพิ่มแค่ (A) ค่ะ

เพราะเมื่อเอาทุกอย่างมาเทียบกันแล้วเราว่าแบรนด์คุ้มกว่าค่ะ คือถ้าเอาราคามาหารด้วยอายุการใช้งานแล้วบวกด้วยคะแนนความสบายเวลาสวมใส่นี่แบรนด์ชนะขาดลอยเลย