[SR] [Mr. Coffee รีวิว 9/2558] Yes or No 2.5 กลับมา...เพื่อรักเธอ (ไม่สปอยล์) : จิ้นฟินจิกครบสูตร ญ-ญ

Yes or No 2.5 - แม่นยำต่อเป้าหมายวงแคบ ชัดเจนในมุมมองเฉพาะกลุ่ม บางครั้งกลายเป็นละครยุคเก่าบ้าง เป็นการ์ตูนตาหวานบ้าง แต่รวมๆก็ดี


     สวัสดีครับ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ผมก็ได้มีโอกาสชมหนังไทยเรื่อง "Yes or No 2.5 กลับมา...เพื่อรักเธอ" ในรอบสื่อมวลชน ต้องขอขอบคุณทาง คัมออน สวีท มา ณ ที่นี้ด้วยครับ

     "Yes or No 2.5 กลับมา...เพื่อรักเธอ" เป็นหนังไทยที่ใช้ชื่อเป็นภาคต่อของหนังโรแมนติก-คอมมิดี้ หญิงรักหญิง ตระกูล Yes or No โดยภาคแรกคือ "Yes or No อยากรัก ก็รักเลย" นั้นได้สร้างให้ ติ๊นา-ศุภนาฏ จิตตลีลา กลายเป็นเบอร์หนึ่งสาวทอมของวงการหนังไทย และ ออม-สุชาร์ มานะยิ่ง กลายเป็นนางเอกที่ได้รับความนิยมมากมาย หนังเรื่องนี้ได้สร้างกระแสหนังไทยในประเทศจีนให้โด่งดังขึ้นมาเพียงชั่วข้ามคือ และ "Yes or No 2 รักไม่รักอย่ากั๊กเลย" ก็มาสานต่อความสำเร็จ โดยเพิ่ม มีน-อภิษฐา คล้ายอุดม เข้ามาเป็นมือที่สาม และยังได้รับความนิยมในกลุ่มที่ชื่นชอบหนังหญิงรักหญิงอีกเช่นเคย แต่..

     "Yes or No 2.5 กลับมา...เพื่อรักเธอ" ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ Yes or No ทั้งสองภาคเลยครับ ตัวละครก็ไม่ได้เกี่ยวข้องและ ติ๊นา ก็ไม่ได้เล่นเป็น คิม อีกด้วย แต่การใช้ชื่อ Yes or No นั้น สื่อให้เราสามารถรับรู้ได้เลยว่า หนังเรื่องนี้จะต้องเป็น หนังไทยโรแมนติก-คอมมิดี้ หญิงรักหญิง อย่างแน่นอน โดยผู้กำกับ คือ “กิรติ นาคอินทนนท์” ผู้กำกับ รักสุดท้ายป้ายหน้า, ตีสาม 3D (เรือนหอคนตาย), ตีสาม คืนสาม 3D (คอนแวนต์) โดยหนังมีเค้าโครงบางส่วนอ้างอิงจาก หนังสือ Red Wings โดย เบนต์

     ขอสารภาพว่า หนังตัวอย่าง ผมไม่ได้ดูเลยครับ แต่ก็ดีไปอีกแบบที่ผมไม่รู้ทิศทางใดๆของหนัง แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนที่สุดของหนังตระกูลนี้ หนังมีเป้าหมายชัดเจน คือการตอบสนองต่อความต้องการของคอหนังหญิงรักหญิง แบบไม่มีกั๊ก ไม่ว่าจะเพื่อความฟิน จิ้น จิกหมอน และเรียกเสียงกรี๊ดได้อย่างต่อเนื่อง แต่แน่นอนว่า ผมไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของหนังเรื่องนี้ ในรอบสื่อมวลชนเป็นอะไรบรรยากาศแตกต่างจากหนังรอบสื่อเรื่องอื่นๆ เหมือนผมเป็นสิ่งแปลกปลอมที่ไม่น่าจะไปอยู่ในโรงหนัง เพราะผู้ชมส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ทั้งผู้หญิงและทอมมากมายเป็นพิเศษ รวมทั้งแฟนคลับของติ๊นาและหนังตระกูลนี้จากเมืองจีนอีกพอสมควร

     หนังเปิดเรื่องมาทำเอาผมงงเล็กน้อยกับความสัมพันธ์ที่หนังนำเสนอ แต่พอผ่านไปแล้วหนังก็มีวิธีอธิบาย ยอมรับว่าผมรู้สึก กึ๋ยๆ ตลอดเวลาที่เห็นฉากสวีทหวานแหวเซอร์วิสแฟนๆ ของหนังเรื่องนี้ แต่เมื่อผ่านไปสักพัก เราจะเริ่มลดความกึ๋ยลง และเริ่มมองผ่านเพศสภาพไปสู่ประเด็นเรื่องของความรัก ภาพของหนังค่อนข้างเน้นเพื่อให้ตัวละครดูชวนฝัน และหนังก็มีมุกตลกเล็กๆน้อยๆแทรกเข้ามาให้พอได้ขำๆยิ้มๆ

     ช่วงกลางนำเริ่มนำเข้าสู่ประเด็นที่สำคัญของคู่หลัก แต่เป็นประเด็นที่ค่อนข้างคล้ายกับในภาคแรก คือปํญหาด้านการยอมรับของความสัมพันธ์หญิงรักหญิง แต่ในมุมมองที่ต่างออกไป ผมชอบประเด็นนี้พอสมควร และอยากรู้เหมือนกันว่าจุดจบจะไปที่ใด แต่คู่รองก็นำเสนอในมุมที่เครียดน้อยกว่า ดูเพลินกว่า  ปมค่อนข้างสบายๆ ช่วยสร้างความลงตัวให้กับหนังได้

     ช่วงท้าย ยอมรับว่าผมเดาทางจบของหนังผิดไปบ้าง เพราะผมนึกว่าหนังจะตีปมไปทางดาร์ก โลกไม่สวย แต่หนังก็ยังถนอมน้ำใจโดยนำเสนอหนังไปสู่โลกแห่งความจริง และตอบสนองความฝันของสาวๆ ได้เป็นอย่างดี จริงผมอยากให้ลงลึกกว่านี้ เข้มกว่านี้ ดราม่ากว่านี้ แต่ก็เอาเถอะครับ นี่มันหนังโรแมนติก-คอมมิดี้ นี่นา

     ในด้านการแสดง ติ๊นา มีพัฒนาการที่ดีขึ้นจาก 2 ภาคแรก เล่นได้เนียนขึ้น แต่ผมชอบที่ติ๊นาแสดงใน ฟินสุโค่ย มากกว่าซึ่งในเรื่องนั้นมันฉีกจากบทบาทสไตล์ทอมหล่อสุภาพไปบ้าง ใครเคยได้ดูคงจะนึกออก ส่วนน้องปิเก้ ที่เล่นคู่กับติ๊นา ถือว่าทำได้ตามเป้า ดราม่าแสดงใช้ได้เลย น้องหงหยกผมว่าแสดงได้ดีและน่าสนใจ เป็นคนทำให้หนังดูมีชีวิตชีวามากขึ้น แต่คนที่น่าทึ่งมากคือ นัน แสดงได้ดีมากจริงๆ ในทุกบทบาท ทุกแบบ ตลก เศร้า เครียด ดราม่า ผมว่าอนาคตไกลในสายทอมในหนังไทยแน่นอน (ไม่รู้ว่าจริงๆเข้าอยากเล่นบททอมหรือเปล่า)

     จุดที่ผมมองว่าหนังเรื่องนี้ยังน่าจะทำได้ดีกว่านี้ ไปอยู่ที่สไตล์การกำกับ ซึ่งผมมองว่า มันค่อนข้างเป็นละครมากๆ บางฉากนี่แทบจะเป็นฉากที่เดาได้ทันที่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ คือมันเชยมากครับกับฉากที่ติ๊นาตกใจฉากนั้น รวมถึงมีบทสนทนาและการสื่อภาพที่ดูเชยมากๆ มักจะเกิดกับคู่ของ ติ๊นากับปีเก้ แต่ในคู่ของ หงหยกกับนัน กลับดูทันสมัย ไม่เชย บางทีอาจจะเป็นเพราะทั้งตัวละครที่ติ๊นาและปีเก้เล่น ค่อนข้างจะไปทางละครมากๆ ก็เป็นได้

     อีกประเด็นคือประเด็นการมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งของหญิงรักหญิง ตรงนี้เคยเกิดมาแล้วตั้งแต่ Yes or No ภาคแรก ขออนุญาตเทียบกับหนังไทยโรแมนติก-คอมมิดี้ ชาย-หญิง ปกติ เพราะถ้านำเสนอภาพความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่าง ชาย-หญิง ผมเชื่อว่าจะมีผลกระทบต่อโทนของหนังไทยแนวโรแมนติก-คอมมิดี้ อย่างแน่นอน ลองนึกถึงว่าถ้ามีฉากแบบนี้ของพระเอกนางเอกใน เพื่อนสนิท Season Change กวนมึนโฮ สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก รถไฟฟ้าฯ หรือไอฟายฯ คุณจะรู้สึกอย่างไร หรือบางทีอาจเป็นที่วัย ถ้าเป็นวัยทำงานอย่างรถไฟฟ้าอาจรับได้ แต่เป็นวัยเรียนแบบสิ่งเล็กๆ รับไม่ได้แน่ๆ หรือ... แต่ดูเหมือนว่าหนังในกลุ่มที่เป็นเพศที่ 3 สามารถนำเสนอภาพแบบนี้ได้สบายๆ มากกว่า ตรงนี้ผมว่าก็เป็นความแปลกอย่างหนึ่งของหนังไทย

     สรุป - เป็นหนังที่ถ้าคุณเป็นกลุ่มเป้าหมายของหนัง ขอให้มั่นใจได้เลยว่าจะไม่ผิดหวัง จะได้ฟิน ได้จิ้น จิกหมอนอย่างเมามัน แต่ถ้าคุณไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย คุณอาจจะรู้สึกกึ๋ยๆ อยู่พอสมควรในช่วงแรก หนังมีประเด็นที่น่าสนใจ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับแปลกใหม่ แต่ผมมั่นใจว่าหนังตระกูล Yes or No จะยังมีบทบาทมากๆ ต่อหนังไทยแนวโรแมนติก-คอมมิดี้ หญิงรักหญิง ในอนาคตไปอีกนานเท่านาน ในฐานะของผู้เริ่มต้นที่ประสบความสำเร็จ และเชื่อว่าจะยังมี  Yes or No ภาคต่อๆไปอีกอย่างแน่นอน

ความคาดหวังก่อน / หลังชม – คาดหวังค่อนข้างต่ำ / ดีกว่าที่หวังไว้นิดหน่อย
เกรดหนัง – เฉพาะทาง

คะแนน 6.5 /10
ชื่อสินค้า:   Yes or No 2.5 กลับมา...เพื่อรักเธอ
คะแนน:     
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่