สวัสดีค่ะ ตอนนี้เราอยู่ม.6 แล้ว แต่เรายังไม่เตรียมเอนท์เหมือนชาวบ้านเค้าเพราะเรากำลังจะไปแลกเปลี่ยน 1 ปีที่อเมริกา แล้วกลับมาซ้ำม.6 ใหม่
เรื่องของเรื่องก็คือ เรามีเพื่อนสนิท(?) อยู่สองคนค่ะ เพื่อนทั้งสองคนนี้เป็นเพื่อนสองคนแรกที่คบตั้งแต่ย้ายเข้ามาเรียนม.4 (โรงเรียนเราเป็น ร.ร. ที่มีสอนแต่ ม.ปลายค่ะ เลยเป็นเพื่อนใหม่กันหมด) ขอย่อชื่อเพื่อนเป็น A กับ B นะคะ
ตอนม.4. ยอมรับว่าเป็นช่วงที่เราสามคนสนิทกันที่สุด ไปไหนมาไหนด้วยกัน อยู่กลุ่มเดียวกัน ตั้งชื่อกลุ่มผู้หญิงสามคน จนทั้งห้องรู้ว่าเราตัวติดกันแค่ไหน ถ้าพูดถึง A ทุกคนก็จะคิดถึงเราและ Bด้วยตลอด แต่ช่วงม.4 นี้ก็เป็นช่วงที่เราแอบน้อยใจลึกๆ อยู่ด้วยเหมือนกัน เพราะมีหลายครั้งที่เรารู้สึกว่า A กับ B สนิทกันมากกว่าที่พวกเขาสนิทกับเรา เช่นพวกเขาซื้อกำไลมาสามวง สองวงเป็นสีเงินคือของ A และ B วงนึงเป็นสีทองคือของเรา ในงานเลี้ยงห้องพวกเขาก็ใส่กำลังกันมาถ่ายรูปคู่กันมุ้งมิ้ง ซึ่งเราก็ไม่ได้อะไรมาก ก็ไม่ได้ไปถ่ายรูปด้วย แค่น้อยใจลึกๆ เราพูดตามตรงเลยค่ะว่าสองคนนี้ชอบอะไรเหมือนๆ กันบ่อยมาก แบบชอบซีรีย์ฝรั่ง ชอบดาราอังกฤษ ชอบ youtuber คนเดียวกันซึ่งเราก็ไม่ใช่แบบนั้นแต่เรามองเป็นเรื่องเล็กมากเลยไม่ได้คิดมากให้ใหญ่โต เพราะนอกจากเรื่องนี้สองคนนี้ก็เป็นเพื่อนที่ดีมาก
ตอนม.5 ค่ะ พวกเราได้อยู่ห้องเดียวกันอีก แต่เพราะ B มีงานยุ่งมาก เพราะเขาเป็นคณะกรรมการนักเรียนเลยไม่ค่อยได้มีเวลาอยู่กับเราและ A มากเท่าแต่ก่อน ซึ่งเราก็ไใาได้คิดอะไรค่ะ เพราะถึงเวลาที่ B ไม่อยู่เราก็ยังมี A และมีเพื่อนอีกสองคนซึ่งสนิทไม่แพ้กัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราแอบยอมรับลึกๆ มาโดยตลอดคือความรู้สึกระหว่างเราที่มีต่อ A และ B มันเหมือนมีกำแพงกั้นอยู่ เราไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ จริงๆ เราเป็นคนค่อนข้างหยาบคายค่ะ พูดจาเสียงดังน่าเกลียด สมัยม.ต้น เรามีกลุ่มเพื่อนที่สนิทกันมากๆ เรียก กรูเมริง กันหยาบคาย ชอบเล่นเปิดกระโปรงกัน แกล้งดึงผ้าถุงอาบน้ำกัน (หญิงล้วนค่ะ 555555) แต่พออยู่กับ A และ B ซึ่งขอยอมรับว่าสองคนนี้ค่อนข้างคุณหนูหน่อยๆ ทั้งคู่ไม่ค่อยหยาบ หรือไม่ก็น้อยมาก เราเลยเกรงใจไม่พูด พวกเรื่อง 18+ ที่เคยพูดขำๆ กับเพื่อนที่รรเก่า เราก็ไม่พูดอีกเลย เพราะสองคนนั้นไม่ชอบมากๆ เราก็พยายามไม่พูด เราเก่งเรื่องปรับตัวอยู่แล้ว อยู่ได้ไม่มีปัญหา เรารู้สึกอย่างชัดเจนว่าเรารู้สึกสบายใจเวลาอยู่กับเพื่อนอีกสองคนนั้น มากกว่า A กับ B อีก แต่เราไม่เคยรู้สึกเลยว่าเราจะทิ้งทั้งสองคนมาหาเพื่อนคนอื่น เรารู้สึกว่าสองคนนี้มีค่ามากและไม่อยากเสียไป
พอขึ้นม.6 เรากับ B ได้อยู่ห้องเดียวกันค่ะ แต่ A อยู่ห้องอื่น ซึ่งเป็นห้องที่ติดกัน ถึงไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันแต่ติดกันก็ยังดี ลืมบอกไปค่ะ คือทั้งเราและ B ต่างก็กำลังจะไปแลกเปลี่ยนที่อเมริกาและจะกลับมาซ้ำเหมือนกัน ซึ่ง A ก็รู้เรื่องนี้ตั้งแต่ม.5 แล้วเขาก็ไม่ได้อะไรเพราะเขาก็มีเพื่อนสนิทอีกคน(เพื่อนสนิทคนนี้สนิทกับ A มากๆๆๆๆ ยิ่งกว่าเราและ B อีกค่ะ ทำให้มีหลายช่วงเวลาที่เรากับ B เดินกันสองคนและ A ไปกับเพื่อนคนนั้น แต่ทั้งเราและB ไม่เคยคิดว่าโดนแย่งเพื่อนหรืออะไรเลย คือเราเห็น A มีความสุขกับเพื่อนคนนั้นมากเลยไม่เป็นไร) แต่ที่แย่คือ A ไม่มีเพื่อนสนิทอยู่ห้องเดียวกับเขาเลย ไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว! ซึ่งทำให้เขาต้องไปเดินกับกลุ่มใหม่ ซึ่งไลฟ์สไตล์ต่างกันโดยสิ้นเชิง ในช่วงอาทิตย์แรก A ก็มาหาเรากับ B ที่ห้องบ้าง หรือ B ก็ไปหา A ซึ่ง B ไม่ได้ชวนเราเราเลยไม่ได้ไปด้วย (อันนี้เราแอบนิสัยแย่ค่ะ) แต่ในช่วงอาทิตย์ต่อมา เรายอมรับว่าบรรยากาศมันพาไป 55 คือห้องที่เรากับ B อยู่มันเป็นห้องตัดเกรด คือเอาเด็กที่เกรดค่อนข้างดีมาอยู่ด้วยกัน บรรยากาศในห้องมันเครียดมากค่ะ ทุกคนนั่งทำเลขอ่านหนังสือ B ไม่ค่อยชอบบรรยากาศนี้เท่าไหร่แต่เราขอบอกว่าเราชอบมาก 555 เราก็ทำเลขอ่านหนังสือ เราก็เห็น B อ่านหนังสือ ตอนพักเที่ยงกินข้าวเสร็จก็นั่งทำการบ้าน เวลาพักว่างๆ เอางานขึ้นมาทำ ไม่ได้ไปหา A เลย อาจตะเป็นเพราะเราคิดน้อยเกินไป คิดว่าไม่เป็นไรหรอก คือเราไม่ได้เอาใจเขามาใส่ใจเราเหมือนเราไม่สนใจ A เลยก็ว่าได้ อาจจะเป็นเพราะอย่างน้อยเราก็มี B แต่ A ไม่มีใคร ในวันต่อมา A ก็เริ่มเมินเรากับ B เจอหน้ากันก็ไม่ทักเหมือนแต่ก่อน ทำหน้าเหวี่ยงใส่บ้าง ตอนนั้นเรากับ B สับสนมากๆ ว่าเราทำอะไรให้เขาโกรธคือเราไม่รู้จริงๆ พอไปถามตรงๆ เขาก็บอกไม่มีอะไร แต่การกระทำมันชัดมากว่ามี คราวนี้เราเลยไลน์ไปหา เราจริงจังมากหวังว่าเขาจะตอบเราตรงๆ ซึ่งเขาก็ตอบกลับมาค่ะ
เขาบอกว่าเขาคิดว่าเราไม่ใช่เพื่อนสนิทที่แท้จริงประมาณนั้น คือเขามีเพื่อนสนิทก็คือคนที่บอกไปก่อนหน้านั้น เขาบอกว่าเพื่อนคนนั้นให้เขามากกว่าที่เขาคาดหวัง และให้ด้วยใจไม่ได้ขอ แต่เรากับ B ให้เขาได้ไม่ถึงคำว่า 'เพื่อน'ในระดับธรรมดาด้วยซ้ำ ในจุดนี้ที่เขาเพียงแค่ลดระดับจากเพื่อนสนิทเป็นเพื่อนธรรมดาเท่านั้น ซึ่งเราได้รู้เราถึงกับหน้าชาเลยค่ะ เหมือนโดนตบฉาดใหญ่ๆ เวลาที่ผ่านมาสองปี เวลาที่ไปเที่ยวด้วยกัน ไปค่ายด้วยกัน ทุกอย่างที่ผ่านมามันคืออะไร เรายอมรับว่าทุกสิ่งนั้นล้วนเป็นเวลาที่ใช้ด้วยกันโดยมีกำแพงบางๆ กั้น แต่ใช่ว่าเราจะไม่มีความสุขกับมัน ทำไมต้องทำกับเราแบบนี้ คือ เมิน ทำหน้าเหวี่ยง ถามคำตอบคำ ไม่สบตาพูดตรงๆ เหมือนไม่ใช่ A คนก่อนที่เรารู้จัก เราผิดเรารู้ เราอาจตะคิดน้อยไปหรือไม่คิดเลย แต่เราทนรับกรรกระทำแบบนี้ไม่ไหวจริงๆ ค่ะ มันหนักหนามาก ถึงเขาอยากจะลดความเป็นเพื่อนหรืออะไรก็ตามอย่างน้อยก็ทักกันเหมือนเมื่อก่อน แซวเล่นกันเหมือนแต่ก่อนไม่ได้หรอ ความรู้สึกน้อยใจที่ถูก left out เราเข้าใจและเราก็ทนกับมันมาแล้ว เราไม่คิดอะไรมาก เราไม่เอาเรื่องอะไร ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจแบบเรา ถ้าเราทำเป็นไปหาเขาที่ห้องทุกวันตอนนี้ มันก็ดูแย่มาก เหมือนเขาบังคับเรา เหมือนเขาทำให้เราหนักใจ แต่ถ้าเราไมทำอะไรเลย เราอาจจะต้องเสีย 'เพื่อนสนิท'ที่ชื่อ A ไปทั้งชีวิต เราจะไม่ได้หัวเราะบ้าบอ กินเลย์ ดูทีวีหนังจีนกำลังภายในแบบที่เคยทำด้วยกันอีกแล้ว
เราควรจะทำยังไงดีคะ เราคิดหาทางที่จะทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้วจริงๆ เรากับ B เหลือเวลาอีก 70 วันก่อนจะไปอเมริกา ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย กลับมาเราอาจจะไม่ได้เจอ A อีกแล้วจริงๆ ช่วยเราด้วยค่ะ





ปรึกษาเรื่องเพื่อนค่ะ ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว T.T
เรื่องของเรื่องก็คือ เรามีเพื่อนสนิท(?) อยู่สองคนค่ะ เพื่อนทั้งสองคนนี้เป็นเพื่อนสองคนแรกที่คบตั้งแต่ย้ายเข้ามาเรียนม.4 (โรงเรียนเราเป็น ร.ร. ที่มีสอนแต่ ม.ปลายค่ะ เลยเป็นเพื่อนใหม่กันหมด) ขอย่อชื่อเพื่อนเป็น A กับ B นะคะ
ตอนม.4. ยอมรับว่าเป็นช่วงที่เราสามคนสนิทกันที่สุด ไปไหนมาไหนด้วยกัน อยู่กลุ่มเดียวกัน ตั้งชื่อกลุ่มผู้หญิงสามคน จนทั้งห้องรู้ว่าเราตัวติดกันแค่ไหน ถ้าพูดถึง A ทุกคนก็จะคิดถึงเราและ Bด้วยตลอด แต่ช่วงม.4 นี้ก็เป็นช่วงที่เราแอบน้อยใจลึกๆ อยู่ด้วยเหมือนกัน เพราะมีหลายครั้งที่เรารู้สึกว่า A กับ B สนิทกันมากกว่าที่พวกเขาสนิทกับเรา เช่นพวกเขาซื้อกำไลมาสามวง สองวงเป็นสีเงินคือของ A และ B วงนึงเป็นสีทองคือของเรา ในงานเลี้ยงห้องพวกเขาก็ใส่กำลังกันมาถ่ายรูปคู่กันมุ้งมิ้ง ซึ่งเราก็ไม่ได้อะไรมาก ก็ไม่ได้ไปถ่ายรูปด้วย แค่น้อยใจลึกๆ เราพูดตามตรงเลยค่ะว่าสองคนนี้ชอบอะไรเหมือนๆ กันบ่อยมาก แบบชอบซีรีย์ฝรั่ง ชอบดาราอังกฤษ ชอบ youtuber คนเดียวกันซึ่งเราก็ไม่ใช่แบบนั้นแต่เรามองเป็นเรื่องเล็กมากเลยไม่ได้คิดมากให้ใหญ่โต เพราะนอกจากเรื่องนี้สองคนนี้ก็เป็นเพื่อนที่ดีมาก
ตอนม.5 ค่ะ พวกเราได้อยู่ห้องเดียวกันอีก แต่เพราะ B มีงานยุ่งมาก เพราะเขาเป็นคณะกรรมการนักเรียนเลยไม่ค่อยได้มีเวลาอยู่กับเราและ A มากเท่าแต่ก่อน ซึ่งเราก็ไใาได้คิดอะไรค่ะ เพราะถึงเวลาที่ B ไม่อยู่เราก็ยังมี A และมีเพื่อนอีกสองคนซึ่งสนิทไม่แพ้กัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราแอบยอมรับลึกๆ มาโดยตลอดคือความรู้สึกระหว่างเราที่มีต่อ A และ B มันเหมือนมีกำแพงกั้นอยู่ เราไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ จริงๆ เราเป็นคนค่อนข้างหยาบคายค่ะ พูดจาเสียงดังน่าเกลียด สมัยม.ต้น เรามีกลุ่มเพื่อนที่สนิทกันมากๆ เรียก กรูเมริง กันหยาบคาย ชอบเล่นเปิดกระโปรงกัน แกล้งดึงผ้าถุงอาบน้ำกัน (หญิงล้วนค่ะ 555555) แต่พออยู่กับ A และ B ซึ่งขอยอมรับว่าสองคนนี้ค่อนข้างคุณหนูหน่อยๆ ทั้งคู่ไม่ค่อยหยาบ หรือไม่ก็น้อยมาก เราเลยเกรงใจไม่พูด พวกเรื่อง 18+ ที่เคยพูดขำๆ กับเพื่อนที่รรเก่า เราก็ไม่พูดอีกเลย เพราะสองคนนั้นไม่ชอบมากๆ เราก็พยายามไม่พูด เราเก่งเรื่องปรับตัวอยู่แล้ว อยู่ได้ไม่มีปัญหา เรารู้สึกอย่างชัดเจนว่าเรารู้สึกสบายใจเวลาอยู่กับเพื่อนอีกสองคนนั้น มากกว่า A กับ B อีก แต่เราไม่เคยรู้สึกเลยว่าเราจะทิ้งทั้งสองคนมาหาเพื่อนคนอื่น เรารู้สึกว่าสองคนนี้มีค่ามากและไม่อยากเสียไป
พอขึ้นม.6 เรากับ B ได้อยู่ห้องเดียวกันค่ะ แต่ A อยู่ห้องอื่น ซึ่งเป็นห้องที่ติดกัน ถึงไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันแต่ติดกันก็ยังดี ลืมบอกไปค่ะ คือทั้งเราและ B ต่างก็กำลังจะไปแลกเปลี่ยนที่อเมริกาและจะกลับมาซ้ำเหมือนกัน ซึ่ง A ก็รู้เรื่องนี้ตั้งแต่ม.5 แล้วเขาก็ไม่ได้อะไรเพราะเขาก็มีเพื่อนสนิทอีกคน(เพื่อนสนิทคนนี้สนิทกับ A มากๆๆๆๆ ยิ่งกว่าเราและ B อีกค่ะ ทำให้มีหลายช่วงเวลาที่เรากับ B เดินกันสองคนและ A ไปกับเพื่อนคนนั้น แต่ทั้งเราและB ไม่เคยคิดว่าโดนแย่งเพื่อนหรืออะไรเลย คือเราเห็น A มีความสุขกับเพื่อนคนนั้นมากเลยไม่เป็นไร) แต่ที่แย่คือ A ไม่มีเพื่อนสนิทอยู่ห้องเดียวกับเขาเลย ไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว! ซึ่งทำให้เขาต้องไปเดินกับกลุ่มใหม่ ซึ่งไลฟ์สไตล์ต่างกันโดยสิ้นเชิง ในช่วงอาทิตย์แรก A ก็มาหาเรากับ B ที่ห้องบ้าง หรือ B ก็ไปหา A ซึ่ง B ไม่ได้ชวนเราเราเลยไม่ได้ไปด้วย (อันนี้เราแอบนิสัยแย่ค่ะ) แต่ในช่วงอาทิตย์ต่อมา เรายอมรับว่าบรรยากาศมันพาไป 55 คือห้องที่เรากับ B อยู่มันเป็นห้องตัดเกรด คือเอาเด็กที่เกรดค่อนข้างดีมาอยู่ด้วยกัน บรรยากาศในห้องมันเครียดมากค่ะ ทุกคนนั่งทำเลขอ่านหนังสือ B ไม่ค่อยชอบบรรยากาศนี้เท่าไหร่แต่เราขอบอกว่าเราชอบมาก 555 เราก็ทำเลขอ่านหนังสือ เราก็เห็น B อ่านหนังสือ ตอนพักเที่ยงกินข้าวเสร็จก็นั่งทำการบ้าน เวลาพักว่างๆ เอางานขึ้นมาทำ ไม่ได้ไปหา A เลย อาจตะเป็นเพราะเราคิดน้อยเกินไป คิดว่าไม่เป็นไรหรอก คือเราไม่ได้เอาใจเขามาใส่ใจเราเหมือนเราไม่สนใจ A เลยก็ว่าได้ อาจจะเป็นเพราะอย่างน้อยเราก็มี B แต่ A ไม่มีใคร ในวันต่อมา A ก็เริ่มเมินเรากับ B เจอหน้ากันก็ไม่ทักเหมือนแต่ก่อน ทำหน้าเหวี่ยงใส่บ้าง ตอนนั้นเรากับ B สับสนมากๆ ว่าเราทำอะไรให้เขาโกรธคือเราไม่รู้จริงๆ พอไปถามตรงๆ เขาก็บอกไม่มีอะไร แต่การกระทำมันชัดมากว่ามี คราวนี้เราเลยไลน์ไปหา เราจริงจังมากหวังว่าเขาจะตอบเราตรงๆ ซึ่งเขาก็ตอบกลับมาค่ะ
เขาบอกว่าเขาคิดว่าเราไม่ใช่เพื่อนสนิทที่แท้จริงประมาณนั้น คือเขามีเพื่อนสนิทก็คือคนที่บอกไปก่อนหน้านั้น เขาบอกว่าเพื่อนคนนั้นให้เขามากกว่าที่เขาคาดหวัง และให้ด้วยใจไม่ได้ขอ แต่เรากับ B ให้เขาได้ไม่ถึงคำว่า 'เพื่อน'ในระดับธรรมดาด้วยซ้ำ ในจุดนี้ที่เขาเพียงแค่ลดระดับจากเพื่อนสนิทเป็นเพื่อนธรรมดาเท่านั้น ซึ่งเราได้รู้เราถึงกับหน้าชาเลยค่ะ เหมือนโดนตบฉาดใหญ่ๆ เวลาที่ผ่านมาสองปี เวลาที่ไปเที่ยวด้วยกัน ไปค่ายด้วยกัน ทุกอย่างที่ผ่านมามันคืออะไร เรายอมรับว่าทุกสิ่งนั้นล้วนเป็นเวลาที่ใช้ด้วยกันโดยมีกำแพงบางๆ กั้น แต่ใช่ว่าเราจะไม่มีความสุขกับมัน ทำไมต้องทำกับเราแบบนี้ คือ เมิน ทำหน้าเหวี่ยง ถามคำตอบคำ ไม่สบตาพูดตรงๆ เหมือนไม่ใช่ A คนก่อนที่เรารู้จัก เราผิดเรารู้ เราอาจตะคิดน้อยไปหรือไม่คิดเลย แต่เราทนรับกรรกระทำแบบนี้ไม่ไหวจริงๆ ค่ะ มันหนักหนามาก ถึงเขาอยากจะลดความเป็นเพื่อนหรืออะไรก็ตามอย่างน้อยก็ทักกันเหมือนเมื่อก่อน แซวเล่นกันเหมือนแต่ก่อนไม่ได้หรอ ความรู้สึกน้อยใจที่ถูก left out เราเข้าใจและเราก็ทนกับมันมาแล้ว เราไม่คิดอะไรมาก เราไม่เอาเรื่องอะไร ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจแบบเรา ถ้าเราทำเป็นไปหาเขาที่ห้องทุกวันตอนนี้ มันก็ดูแย่มาก เหมือนเขาบังคับเรา เหมือนเขาทำให้เราหนักใจ แต่ถ้าเราไมทำอะไรเลย เราอาจจะต้องเสีย 'เพื่อนสนิท'ที่ชื่อ A ไปทั้งชีวิต เราจะไม่ได้หัวเราะบ้าบอ กินเลย์ ดูทีวีหนังจีนกำลังภายในแบบที่เคยทำด้วยกันอีกแล้ว
เราควรจะทำยังไงดีคะ เราคิดหาทางที่จะทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้วจริงๆ เรากับ B เหลือเวลาอีก 70 วันก่อนจะไปอเมริกา ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย กลับมาเราอาจจะไม่ได้เจอ A อีกแล้วจริงๆ ช่วยเราด้วยค่ะ