ดิฉันพึ่งจะหย่ากับอดีตสามีมาเมื่อไม่กี่วันนี้เองค่ะ................มันเป็นความรู้สึกที่แย่มากๆ ค่ะ มันอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูกค่ะ หลายคนถ้าไม่เจอกับตัวเองก็คงไม่รู้ถึงความรู้สึกแบบที่ดิฉันกำลังเจออยู่ ..เรื่องมันเกิดจากการที่ดิฉันกับอดีตสามีมีปัญหาทะเลาะกัน แล้วเราต่างคนต่างเงียบไม่ยอมพูดคุยกัน ด้วยระยะห่างของระยะทางที่เราต่างคนต่างอยู่ (ดิฉันอยู่ต่างจังหวัดส่วนอดีตสามีอยู่กรุงเทพ) เมื่อมีปัญหาเราจึงเลือกที่จะเงียบกันทั้งคู่ ไม่ได้โทรคุยกัน หรือนัดเจอกันเพื่อแก้ปัญหา มีเพียงส่งข้อความผ่านทางไลน์นานๆครั้งเท่านั้น ทราบดีว่าตัวเองมีทิฏฐิมากค่ะ รู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด แต่ไม่ยอมเอ่ยปากขอโทษและง้อเค้า จนกระทั้งเวลาได้ผ่านล่วงเลยมาแรมปี เราไม่ได้เจอกัน ไม่โทรหากัน มีเพียงข้อความผ่านตัวอักษร(ที่ไม่รู้ว่าความรู้สึก หรือน้ำเสียง อารมณ์ ณ ตอนนั้นเป็นอย่างไร) เท่านั้นที่เราใช้สื่อสารกัน แน่นอนค่ะ บางข้อความที่เราสื่อสารหากันนั้น บางที่แค่เปิดอ่าน แต่ไม่ตอบ มันก็ยิ่งทำให้เราหงุดหงิดว่าทำไมไม่ตอบ ทั้งที่บางครั้งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก จนเราโมโห เพราะโทรหาหลายครั้งไม่รับสาย ข้อความที่เป็นคำพูดที่ไม่ดีมันได้พลั่งพลูออกมาค่ะ ดิฉันโมโหที่ทำอะไรไม่ได้ แม้เราจะพูดกันก็ยังไม่สามารถทำได้ เพราะโทรจนแบตหมดเค้าก็ไม่รับสาย มีหลายครั้งที่โมโหแล้วส่งข้อความไปด่าเค้าสารพัด แต่ทุกครั้งที่ทำก็กลับมานั่งร้องไห้เองทุกครั้ง มีโอกาสจะได้เจอหรือไปหาเค้าหลายครั้งแต่เค้าก็ปฏิเสธทุกครั้งอ้างว่าไม่อยู่ห้อง ไปต่างจังหวัด (ดิฉันเลยไม่เคยได้เจอเค้าทุกครั้งที่ไปทำงาน กะว่าจะไปง้อเค้า..แต่ก็พลาดทุกครั้ง) สุดท้ายเวลาก็ล่วงเลยมา ณ วันหนึ่งที่เราตัดสินใจจะแยกทางกันจริงๆ ยอมรับว่าสับสนมาก ไม่รู้จะปรึกษาใคร พ่อแม่ก็กลัวว่าท่านจะคิดมากและกังวลตาม ส่วนเพื่อนๆที่สนิทกันเค้าก็ไม่ขอเสนอความคิดเห็น ส่วนเพื่อนบางประเภทก็ไม่กล้าที่จะเล่าให้ฟังค่ะ เพราะรู้ว่าเรื่องคงไม่เงียบคงรู้กันหมดสำหนักงานแน่นอนค่ะ (ปากอีแย้มเลยค่ะ) ทั้งอาย และไม่พร้อมเลยจริงๆค่ะ ก็ตัดสินใจปรึกษาผู้ใหญ่อยู่นานจนเราทำใจได้ และนัดเจอกันที่ทำการอำเภอแห่งหนึ่ง วันนั้นฝ่ายชายกลัวว่าเราจะไม่ไปค่ะ เค้าพยายามติดต่อเราเพื่อให้มาเซ็นหย่าให้เรีบยร้อย ซึ่งเรารับปากนะว่าจะไปตามเวลาที่นัดแต่เค้ามาก่อนเวลานัดค่ะ.........เมื่อมาถึงอำเภอ ภาพที่เดินเข้าไปตรงประตูพยายามกวาดสายตามองหาเค้า ภาพแรกที่เห็นเค้ายังเหมือนเดิม เราตอนนั้นทั้งดีใจที่ได้เห็นหน้าเค้าอีกครั้ง และอยากบอกว่าคิดถึงเค้ามาก พอมาถึงเรานั่งห่างกันระยะหนึ่งค่ะ เค้าติดต่อเจ้าหน้าที่เรียบร้อยแล้ว รอคิวเซ็นค่ะ ตอนนั้นในใจอยากพูดอยากคุยอยากกอดเค้ามากค่ะ ไม่ได้เจอกันนานเกือบปี พยายามกลั้นน้ำตากะว่าจะไม่ให้เค้าเห็นน้ำตาค่ะ แต่สุดท้ายทำไม่ได้ น้ำตาไหลออกอาบ 2 แก้ม เค้ามองดูเราหลายครั้ง คงคิดว่าเราคงกลั้นไม่อยู่หรืออายคนไม่ทราบนะคะ เลยเรียกดิฉันออกไปคุยกันข้างนอก พอออกไปข้างนอกดิฉันกลั้นไม่อยู่เลยค่ะ ปล่อยโฮออกมาเต็มที่ค่ะ เค้ายืนปลอบฉันมือนึงกะโอบด้านหลังดิฉัน เค้าถามว่า "ร้องไห้ทำไม ไม่ได้ตายจากกันซะหน่อย ตัวเค้าเองบอกว่าเกือบกลั้นไม่อยู่เหมือนกัน (ภาพวันสุดท้ายดิฉันยังจำได้แม่นค่ะ ความรู้สึกนั้นยังเต็มเปี่ยมในความทรงจำ) ไม่ได้อบากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้เลย ทางครอบครัวเราทั้ง 2 ให้อภัยกัน อยากให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่ขอเวลาหน่อย เพราะทำใจไม่ได้จริงๆ (ปัญหาใหญ่มาก) เค้ายังเป็นห่วง และชวนไปเที่ยวด้วยกันอีกแต่ขอเวลาทำใจหน่อย เพราะถ้ากลับมาเหมือนเดิมเค้าคงไม่เหมือนเดิม จึงขอเวลาสักระยะ" ประโยคสุดท้ายก่อนจะจากกัน เค้าบอกว่าเค้ายังไม่มีใคร ไม่คิดที่จะมี และเค้าถามว่าถ้าเค้าจะมาหาอีกจะได้ไหม ดิฉันพูดไม่ออกจริงๆค่ะ มัวแต่ร้องไห้ มีแต่พยักหน้าว่าได้ค่ะ และขอกอดเค้าเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเช็ดน้ำตาแล้วเดินเข้าไปในอำเภอแล้วเซ็นเอกสารก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับค่ะ ..............ยอมรับว่าใจหายมากค่ะ มีอะไรอยากพูดกับเค้ามากมาย วันนั้นอยากชวนไปกินข้าวด้วยกันสักครั้ง ถ้าคนเรามีเวลาย้อนกลับไปได้ก็คงจะดี ผ่านมา2อาทิตแล้ว ดิฉันพยายามติดต่อเค้า แต่ยากมากค่ะ เค้าแทบจะไม่คุยกับดิฉันเลย ............นี่แหละคนเราคิดได้ในวันที่สายเกินไป ชีวิตไม่เหมือนในละครจริงๆค่ะ อยากบอกรักอยากดูแลเค้าแต่ไม่มีแล้วค่ะ คิดได้ในตอนที่สาย ยอมรับค่ะว่าตัวเองเป็นคนที่ทำผิดเอง อยากขอโทษเค้าเป็นพันๆครั้ง ยังหวังอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม มีที่เที่ยวอีกหลายๆที่ๆเราไม่เคยได้ไปเที่ยวด้วยกัน เรายังไม่เคยไปฮันนีมูนกันเลยนะ (แต่งงานกันได้2ปี) มีอะไรหลายๆอย่างที่เรายังไม่เคยทำด้วยกัน อยากใช้เวลานั้นกับคุณอีกนะ ถึงแม้ทุกวันนี้มันจะสายไปแล้ว คุณกับเราเป็นคนละคนไปแล้ว แต่เรายังรักคุณเสมอนะ รูปภาพ ข้อความ สิ่งของๆคุณยังถูกเก็บไว้ที่เดิมเสมอไม่เคยคิดที่จะทิ้งมันเลย (ถ้าย้อนกลับไปได้ในวันนั้น เราจะไม่พูดคำที่มันทำให้เราทะเลาะและตัดสินใจห่างกันเลย เราขอโทษนะ) ถามว่าทำไมดิฉันถึงได้นำสิ่งเหล่านี้มาเล่าให้คนอื่นๆฟัง ก็เพื่ออยากให้ทุกคนทำดีต่อกัน ไม่ใช่มาคิดมาเสียดายในวันที่มันสายไปแล้ว ทิฏฐิที่มีต่อกันควรปล่อยวางบ้าง สำหรับชีวิตคู่อะไรผ่อนได้เบาได้ ก็ควรทำ (ดิฉันไปบวชชี 2 รอบ ถึงปล่อยวางได้ระดับหนึ่ง) ขอเตือนสติให้กับทุกๆคนนะคะ
กว่าจะคิดได้ก็สายไป....จริงไหม