ณ เพลานี้ บ้านของกระผมกำลังเดือด เหตุเพราะ....
คุณแม่ได้มาขอโฉนดที่ดิน(*) เพื่อนำไปบริจาคให้กับวัด(**)
...เมื่อก่อนคุณแม่ผมก็อยู่กับครอบครัวปกติ เข้าวัดเข้าวาตามวิถีของคนบ้านนอก
อยู่มาวันหนึ่งคุณยายได้แบ่งที่ดินทำกินให้กับลูกๆ ทุกคน พร้อมไปทำแบ่งและทำโฉนดที่อำเภอ(ตจว. ไม่มีเขต แต่เป็นที่ดินในที่ว่าการอำเภอ) หลังจากนั้นไม่นาน พี่น้องกลุ่มหนึ่งได้ทำที่พักสำหรับพระธุดงค์ที่จะผ่านมา ซึ่งเกณฑ์ญาติๆ ไปปลูกสร้างเพิงแข็งแรงบนที่ดินแปลงนั้น ต่อมาได้มีพระ อดีตที่เคยเป็นเพื่อนร่วมงานกันมาอาศัยอยู่ แล้วให้พี่ๆ น้องๆ ไปทำบุญ ใส่บาตรบ่อยๆ
แรกๆ แม่ผมไป 3-5วัน ทุกคนในครอบครัวปล่อย พอนานเข้าไม่กลับบ้านก็เลยมีปากเสียงกัน ตกลงกันว่าให้ไปค้างเฉพาะวันพระ(วันอื่นก็ไปปกติแต่ไม่อยากให้ค้างคืน) นานเข้ามีการต่อรอง
ขอไปทุกสัปดาห์ละวัน
ขอไปวันเว้นวัน
ขอไปค้างอาทิตย์นึง
อ้างว่าหากกลับมาบ้านก็จะไม่สำเร็จนิพพาน ต้องเริ่มต้นใหม่ทุกครั้ง ถ้าจบแล้วจะกลับมาบ้านเป็นปกติเหมือนผู้คนทั่วไป(3ปียังไม่จบเลย เพราะมีประโยชน์อยู่)
สุดท้ายแล้วคุยแม่ผมก็ไปที่นั่นไม่กลับมาค้างที่บ้านอีกเลย มาแค่เอาของมาให้ลูกๆ เช่นผักสวนครัว แต่ไม่นอนห้องเดียวกับพ่อผม เพราะคุณแม่ถือศีล10(เขาบอกแม่มาอย่างนั้น)
นานเข้าก็มาขอโฉนดจะเอาไปถวาย ชาติหน้าจะได้มีบุญ(แต่เมื่อก่อนบอกว่า สำเร็จชั้นที่ว่าไม่ต้องมาเกิดแล้ว)
....เอาล่ะ ผมจะขอแจ้งบางข้ออีกแล้ว
- บอกว่าเป็นวัด ศูนย์ปฏิบัติธรรม แต่ไม่มีตราตั้ง
- พระไม่มึหนังสือสุทธิเลย ฉายาตั้งเอง ไม่มีศัพท์ของภาษาบาลี
- สอนให้คนที่เข้าไป ตัดลูกตัดเมียตัดผัว เพราะเป็นความรักจอมปลอม รักจริงๆ ต้องเข้าหาธรรมะ
- ใครบริจาคเยอะ ได้บุญเยอะ จะได้เป็นพระราชา จะได้เป็นนางฟ้า เทวดา
- ใครกลับบ้านหาลูกหาผัว จะเป็นพวกสกปรก พอกลับมาจะมีแต่คนรังเกียจ
- ของทุกอย่างที่ได้มา ก่อนจะใช้ต้องถวายเสียก่อน จะได้คืนหรือไม่ อีกเรื่องนึง เพราะถวายแล้วต้องไม่เสียดาย(ผมเคยให้เงินคุณแม่ใช้ 1,000 หมดภายใน 2วัน บอกว่าเข้าตู้บริจาคแล้ว ไม่มีเงินเติมโทรศัพท์)
- ยึดมือถือไว้ไม่ให้ติดต่อคนทางบ้าน ไม่งั้นจะเป็นคนที่มีราคะ(แต่เวลาของใช้หมดให้โทรขอทางบ้านนำไปให้)
- ให้คุณแม่ผมโกนหัวบวชชี โดยไม่มีพระอุปฌา บวชกันเอง คิดกันเอง
- ให้ป้าผมบริจาคที่ดินผืนนั้น แต่ลุงและลูกไม่ยอม สุดท้ายปากับลุงผมหย่ากัน ป้าเลยได้นำไปบริจาค(แล้วเขาก็ไม่สนใจป้าเหมือนเดิม)
- ให้แม่ผมดื่มฉี่ กินอุจจาระตัวเอง(ไม่ใช่ฉี่ที่กรองจากการตากแดดแล้วให้น้ำกับฉี่แยกกันนะ ฉี่แล้วใส่โหลไว้ดื่ม)
- ผมบอกคุณแม่ไปว่า ถ้าที่นั่นมีตราตั้งเป็นวัดหรือสถานปฏิบัติธรรม ออกจากกรมศาสนา เถรสมาคม ผมจะนำโฉนดใส่พานให้เลย
- ใบหน้าของคุณแม่ผมไม่อิ่ม ไม่มีราศีของผู้ปฏิบัติธรรมเลย (เหมือนโดนของจากการดื่มน้ำมนต์ทุกวันมากกว่า)
- ให้คุณแม่ผม หลอกคุณพ่อผมไปรดน้ำผัก(จนเกิดอุบัติเหตุทางรถไหล่หลุด มาดูแลแค่ 3วัน บอกว่าถ้าคุณแม่ผมนอนเฝ้า ก็ไม่ทำให้คุณพ่อผมไหล่กลับมาเหมือนเดิมได้) และให้ท่านต้องไปปฏิบัติธรรมด้วยทุกคืน พร้อมใส่ข้อมูลอื่นๆ ลงไป หลอกให้คุณพ่อผมตื่นแต่เช้าไปใส่บาตร(ทั้งที่วัดประจำหมู่บ้านก็มี)
- ใครที่เข้าไปแล้ว ครอบครัวแตกแยก สมบัติร่อยหรอทุกราย
- เกณฑ์คนที่รู้จักกันมาที่นั่น แล้วบอกคุณแม่ผมว่าคนที่มาสนับสนุนนี้เป็นคนใหญ่คนโตระดับทหารรักษาพระองค์
- บอกแม่ผมว่าที่ดำเนินการเป็นวัดไม่ได้ เพราะที่ดินไม่พอกับการขอสร้างวัด ต้องให้ทุกคนบริจาคจึงจะทำเป็นวัดได้
- สถานการณ์การเงินของผู้ก่อตั้งปัจจุบันผมไปสืบมามีปัญหาและรายจ่ายทั้งของตัวเองและครอบครัวอย่างหนัก
- ปัจจุบัน ผมเป็นพญามาร ที่คอยขัดขวางการทำบุญบริจาคที่ดินของคุณแม่ไปแล้ว
- วันสงกรานต์ไม่ให้คุณแม่มาให้ลูกๆ รดน้ำดำหัว แต่ให้ลูกๆ ไปหาที่นั่น(เพื่อจะถ่ายภาพไว้เป็นการยืนยันว่ามีส่วนร่วมด้วย ผมเลยไม่ไป) พอผมไม่ไปก็พยายามบอกคุณแม่ว่าผมจะฮุบสมบัติและทรัพย์สินของคุณแม่ ขนาดยังไม่ได้เป็นชื่อตัวเองยังไม่สนใจแม่ขนาดนี้ ถ้าได้ไปแล้วจะขนาดไหน
- ที่รีบเร่งเพราะโฉนดเกิน 10ปีแล้ว สามารถโอนได้แล้ว
.....
* โฉนดที่ดินผมนำไปจำนองกับคนนอก พวกเขาเลยคิดว่าอยู่กับคุณพ่อของผม เลยให้คุณแม่มาสืบ มาทวงที่คุณพ่อผมตลอด ถ้าคุณพ่อแย้งเมื่อไหร่ก็ให้คุณแม่ผมด่าว่า อย่าเอ่ยปากพูดอะไร เพราะตอนนี้กินสมบัติเมียอยู่(ที่ดิน ที่ทำกินเป็นของคุณตาเพียบเลยครับ ของทางคุณยายที่คุณพ่อกับผมและน้องสาวอาศัยคือบ้านหลังปัจจุบันกับทำนาข้าว)
** ขึ้นป้ายโดดเด่นมากๆ จากวัด มาเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ... ไม่รับคนจนหรือคนเร่ร่อน รับเฉพาะคนรวย หรือมีสมบัติตัวเอง ปัจจุบันรับคนที่กำลังจะได้สมบัติจากพ่อของเขา
ขณะที่ผมโพสนี้ น้องสาวก็กำลังคุยกับคุณแม่อยู่ ซึ่งน้องสาวใช้คำและเหตุผล ส่วนคนธรรมะอย่างคุณแม่จะเอาโฉนดอย่างเดียว ให้ไปบริจาคชื่อวัดอื่นก็ไม่เอา จะให้ที่นี่อย่างเดียว
.... เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้ แลฯ
แม่ผมโดนมารศาสนาให้มาขอโฉนดที่ดินไปบริจาค
คุณแม่ได้มาขอโฉนดที่ดิน(*) เพื่อนำไปบริจาคให้กับวัด(**)
...เมื่อก่อนคุณแม่ผมก็อยู่กับครอบครัวปกติ เข้าวัดเข้าวาตามวิถีของคนบ้านนอก
อยู่มาวันหนึ่งคุณยายได้แบ่งที่ดินทำกินให้กับลูกๆ ทุกคน พร้อมไปทำแบ่งและทำโฉนดที่อำเภอ(ตจว. ไม่มีเขต แต่เป็นที่ดินในที่ว่าการอำเภอ) หลังจากนั้นไม่นาน พี่น้องกลุ่มหนึ่งได้ทำที่พักสำหรับพระธุดงค์ที่จะผ่านมา ซึ่งเกณฑ์ญาติๆ ไปปลูกสร้างเพิงแข็งแรงบนที่ดินแปลงนั้น ต่อมาได้มีพระ อดีตที่เคยเป็นเพื่อนร่วมงานกันมาอาศัยอยู่ แล้วให้พี่ๆ น้องๆ ไปทำบุญ ใส่บาตรบ่อยๆ
แรกๆ แม่ผมไป 3-5วัน ทุกคนในครอบครัวปล่อย พอนานเข้าไม่กลับบ้านก็เลยมีปากเสียงกัน ตกลงกันว่าให้ไปค้างเฉพาะวันพระ(วันอื่นก็ไปปกติแต่ไม่อยากให้ค้างคืน) นานเข้ามีการต่อรอง
ขอไปทุกสัปดาห์ละวัน
ขอไปวันเว้นวัน
ขอไปค้างอาทิตย์นึง
อ้างว่าหากกลับมาบ้านก็จะไม่สำเร็จนิพพาน ต้องเริ่มต้นใหม่ทุกครั้ง ถ้าจบแล้วจะกลับมาบ้านเป็นปกติเหมือนผู้คนทั่วไป(3ปียังไม่จบเลย เพราะมีประโยชน์อยู่)
สุดท้ายแล้วคุยแม่ผมก็ไปที่นั่นไม่กลับมาค้างที่บ้านอีกเลย มาแค่เอาของมาให้ลูกๆ เช่นผักสวนครัว แต่ไม่นอนห้องเดียวกับพ่อผม เพราะคุณแม่ถือศีล10(เขาบอกแม่มาอย่างนั้น)
นานเข้าก็มาขอโฉนดจะเอาไปถวาย ชาติหน้าจะได้มีบุญ(แต่เมื่อก่อนบอกว่า สำเร็จชั้นที่ว่าไม่ต้องมาเกิดแล้ว)
....เอาล่ะ ผมจะขอแจ้งบางข้ออีกแล้ว
- บอกว่าเป็นวัด ศูนย์ปฏิบัติธรรม แต่ไม่มีตราตั้ง
- พระไม่มึหนังสือสุทธิเลย ฉายาตั้งเอง ไม่มีศัพท์ของภาษาบาลี
- สอนให้คนที่เข้าไป ตัดลูกตัดเมียตัดผัว เพราะเป็นความรักจอมปลอม รักจริงๆ ต้องเข้าหาธรรมะ
- ใครบริจาคเยอะ ได้บุญเยอะ จะได้เป็นพระราชา จะได้เป็นนางฟ้า เทวดา
- ใครกลับบ้านหาลูกหาผัว จะเป็นพวกสกปรก พอกลับมาจะมีแต่คนรังเกียจ
- ของทุกอย่างที่ได้มา ก่อนจะใช้ต้องถวายเสียก่อน จะได้คืนหรือไม่ อีกเรื่องนึง เพราะถวายแล้วต้องไม่เสียดาย(ผมเคยให้เงินคุณแม่ใช้ 1,000 หมดภายใน 2วัน บอกว่าเข้าตู้บริจาคแล้ว ไม่มีเงินเติมโทรศัพท์)
- ยึดมือถือไว้ไม่ให้ติดต่อคนทางบ้าน ไม่งั้นจะเป็นคนที่มีราคะ(แต่เวลาของใช้หมดให้โทรขอทางบ้านนำไปให้)
- ให้คุณแม่ผมโกนหัวบวชชี โดยไม่มีพระอุปฌา บวชกันเอง คิดกันเอง
- ให้ป้าผมบริจาคที่ดินผืนนั้น แต่ลุงและลูกไม่ยอม สุดท้ายปากับลุงผมหย่ากัน ป้าเลยได้นำไปบริจาค(แล้วเขาก็ไม่สนใจป้าเหมือนเดิม)
- ให้แม่ผมดื่มฉี่ กินอุจจาระตัวเอง(ไม่ใช่ฉี่ที่กรองจากการตากแดดแล้วให้น้ำกับฉี่แยกกันนะ ฉี่แล้วใส่โหลไว้ดื่ม)
- ผมบอกคุณแม่ไปว่า ถ้าที่นั่นมีตราตั้งเป็นวัดหรือสถานปฏิบัติธรรม ออกจากกรมศาสนา เถรสมาคม ผมจะนำโฉนดใส่พานให้เลย
- ใบหน้าของคุณแม่ผมไม่อิ่ม ไม่มีราศีของผู้ปฏิบัติธรรมเลย (เหมือนโดนของจากการดื่มน้ำมนต์ทุกวันมากกว่า)
- ให้คุณแม่ผม หลอกคุณพ่อผมไปรดน้ำผัก(จนเกิดอุบัติเหตุทางรถไหล่หลุด มาดูแลแค่ 3วัน บอกว่าถ้าคุณแม่ผมนอนเฝ้า ก็ไม่ทำให้คุณพ่อผมไหล่กลับมาเหมือนเดิมได้) และให้ท่านต้องไปปฏิบัติธรรมด้วยทุกคืน พร้อมใส่ข้อมูลอื่นๆ ลงไป หลอกให้คุณพ่อผมตื่นแต่เช้าไปใส่บาตร(ทั้งที่วัดประจำหมู่บ้านก็มี)
- ใครที่เข้าไปแล้ว ครอบครัวแตกแยก สมบัติร่อยหรอทุกราย
- เกณฑ์คนที่รู้จักกันมาที่นั่น แล้วบอกคุณแม่ผมว่าคนที่มาสนับสนุนนี้เป็นคนใหญ่คนโตระดับทหารรักษาพระองค์
- บอกแม่ผมว่าที่ดำเนินการเป็นวัดไม่ได้ เพราะที่ดินไม่พอกับการขอสร้างวัด ต้องให้ทุกคนบริจาคจึงจะทำเป็นวัดได้
- สถานการณ์การเงินของผู้ก่อตั้งปัจจุบันผมไปสืบมามีปัญหาและรายจ่ายทั้งของตัวเองและครอบครัวอย่างหนัก
- ปัจจุบัน ผมเป็นพญามาร ที่คอยขัดขวางการทำบุญบริจาคที่ดินของคุณแม่ไปแล้ว
- วันสงกรานต์ไม่ให้คุณแม่มาให้ลูกๆ รดน้ำดำหัว แต่ให้ลูกๆ ไปหาที่นั่น(เพื่อจะถ่ายภาพไว้เป็นการยืนยันว่ามีส่วนร่วมด้วย ผมเลยไม่ไป) พอผมไม่ไปก็พยายามบอกคุณแม่ว่าผมจะฮุบสมบัติและทรัพย์สินของคุณแม่ ขนาดยังไม่ได้เป็นชื่อตัวเองยังไม่สนใจแม่ขนาดนี้ ถ้าได้ไปแล้วจะขนาดไหน
- ที่รีบเร่งเพราะโฉนดเกิน 10ปีแล้ว สามารถโอนได้แล้ว
.....
* โฉนดที่ดินผมนำไปจำนองกับคนนอก พวกเขาเลยคิดว่าอยู่กับคุณพ่อของผม เลยให้คุณแม่มาสืบ มาทวงที่คุณพ่อผมตลอด ถ้าคุณพ่อแย้งเมื่อไหร่ก็ให้คุณแม่ผมด่าว่า อย่าเอ่ยปากพูดอะไร เพราะตอนนี้กินสมบัติเมียอยู่(ที่ดิน ที่ทำกินเป็นของคุณตาเพียบเลยครับ ของทางคุณยายที่คุณพ่อกับผมและน้องสาวอาศัยคือบ้านหลังปัจจุบันกับทำนาข้าว)
** ขึ้นป้ายโดดเด่นมากๆ จากวัด มาเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ... ไม่รับคนจนหรือคนเร่ร่อน รับเฉพาะคนรวย หรือมีสมบัติตัวเอง ปัจจุบันรับคนที่กำลังจะได้สมบัติจากพ่อของเขา
ขณะที่ผมโพสนี้ น้องสาวก็กำลังคุยกับคุณแม่อยู่ ซึ่งน้องสาวใช้คำและเหตุผล ส่วนคนธรรมะอย่างคุณแม่จะเอาโฉนดอย่างเดียว ให้ไปบริจาคชื่อวัดอื่นก็ไม่เอา จะให้ที่นี่อย่างเดียว
.... เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้ แลฯ