ถ้าคุณเจอเหตุการณ์แบบนี้คุณจะคิดแบบเดียวกับเราหรือเปล่า......

สวัสดีค่ะ วันนี้เรามีเรื่องอยากจะมาสอบถามความคิดเห็นเพื่อนๆ แม่ๆ พ่อๆ นะคะว่ามีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เราจะเล่าต่อไปนี้นะคะ
พอดีว่าเหตุการณ์เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวันก่อนนี่เอง บังเอิญเราแอบไปเห็นข้อความของสามีแอบซื้อของออนไลน์เกี่ยวกับจักรยานนะคะ แต่ว่าที่อยู่ที่เขาใช้จัดส่งนั้น เป็นที่อยู่อพาร์ทเมนต์แห่งนึง ซึ่งชื่อคนรับก็เป็นเขา บอกชื่ออพาร์ทเมนต์ หมายเลขห้องเสร็จสรรพ.......

ตอนแรกที่เห็นเราก็เข้าใจว่าเขาสั่งให้คนอื่นหรือเปล่า แต่ตอนแรกคือให้ที่อยู่บ้านไป แล้วมาแจ้งเปลี่ยนทีหลังเป็นอพาร์ทเมนต์ที่ว่านั้น.....และชื่อคนรับของก็เป็นชื่อเค้าเราก็เลยสงสัยว่าเป็นที่อยู่ของใคร ก็เลยหาเบอร์โทรหอพักนั้นในกูเกิ้ลจนได้เบอร์มา ก็ได้โทรสอบถามคนดูแลหอว่าเลขห้องนี้ เจ้าของห้องชื่ออะไร.....คนดูแลหอบอกว่าชื่อ.........(เป็นชื่อของเพื่อนผู้หญิงของสามี สมัยเรียน ปวช. และเปิดร้านขายของออนไลน์เว็บนอกด้วยกัน) แต่คนอยู่เป็นผู้ชาย....

คือตอนนั้นแค่อยากรู้ว่ามันจะเป็นอย่างที่เราคิดหรือเปล่า เราก็เลยออกจากบ้านไปตามหาหอพักนี้ เพื่อพิสูจท์อะไรบางอย่าง คือ เราคิดไว้ 2 ประเด็นคือ
1. เป็นที่อยู่ลูกค้าที่ฝากซื้อของกับสามี
2. สามีเช่าหออยู่กับคนอื่น (ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่เราคิดไม่ถึง เพราะเค้าไม่ได้เป็นคนเจ้าชู้ แต่ไม่ใช่ไม่เคยนอกใจนะคะ แต่จะนอกใจแบบแอบๆ)

สาเหตุที่เราคิดแบบข้อ 2 เพราะว่า ก่อนหน้านี้สามีเค้าทำงานตรงนี้ คือขายของออนไลน์กับเพื่อนผู้หญิงคนสนิทของเขา (ผู้หญิงมีสามีและลูกแล้ว 1 คน)  เขาจะออกบ้านช่วงสายๆ เข้าบ้านช่วงบ่ายแก่ๆ และออกอีกตอนเย็นมืดหน่อย อ้างว่าออกไปหาซื้อของกับเพื่อนผู้หญิงคนนี้แหล่ะ เราก็ไม่ได้ว่าอะไร จะมีนอยด์บ้าง ทะเลาะบ้างก็ตรงที่ว่า เวลางานมันไม่เป็นเวลา เพื่อนเรียกใช้ตอนไหน ดึกดื่นเที่ยงคืนไปหมด แต่เราใช้ให้ช่วยทำนั่นนี่เกี่ยวกับลูก เขาจะหงุดหงิดใส่ ไม่พอใจ บางทีก็ตะคอกลูกก็มี เราเลยตัดปัญหาไม่สนใจ อยากช่วยก็ช่วย อยากทำอะไรก็ทำ เราทำเองคนเดียวดีกว่าสบายใจ หน้าที่ดูแลลูก 2 คนเลยเป็นของเราคนเดียวค่ะ

สามีเพิ่งได้มาทำงานร่วมกับเพื่อนคนนี้ได้ประมาณ 1 ปี ก่อนหน้านี้ทำงานบริษัทเพิ่งจะลาออกมาเมื่อปีที่แล้วกลับมาอยู่บ้านเกิดที่ต่างจังหวัดนะคะ ส่วนเราเป็นแม่บ้าน ดูแลลูก รับ-ส่งลูกไปโรงเรียน ดูแลทุกอย่างเกี่ยวกับลูก และขายของออนไลน์เพื่อหาเลี้ยงตัวเอง เพราะลำพังสามีหาไม่พอแบ่งเผื่อมาถึงเราค่ะ อย่างมากก็มีให้แค่ลูก และซื้อของฟุ่มเฟือยของเขา....

เข้าเรื่องก่อนดีกว่านะคะ แล้วเมื่อช่วงที่ลูกๆ เปิดเทอมนี้ สามีไปลงเรียนตัดผมชายไว้ทั้งภาคเช้า และค่ำ แต่เขาจะว่างช่วงเที่ยงวันไปจนถึง 5 โมงเย็น แต่เขาก็จะไม่เข้าบ้านนะคะ บอกว่าไปทำงาน ถ่ายรูปสินค้าลงเว็บ เราก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่โทรหามักจะไม่ค่อยรับ ไม่โทรกลับ ไลน์ไปก็อ่านบ้างแต่ไม่ตอบ หรือไม่อ่านเลย...และพฤติกรรมก็เปลี่ยนไปบ้าง ซึ่งโดยปกติเขาเป็นคนฉุนเฉียวง่ายอยู่แล้วด้วย

......พอเราออกไปตามหาหอนั้นแล้ว ก็ไม่เจอ เลยโทรถามน้องสาว น้องสาวเลยมาช่วยตามหาด้วย ช่วยกันคิด พอดีน้องสาวคนเล็กอีกคนเรียนอยู่แถวนั้น ก็ลองโทรสอบถามพิกัดดูจนรู้แน่ชัดแล้วว่าตรงไหน ก็พากันไป ไปถึง น้องสาวมองเห็นรถมอร์เตอร์ไซด์สามีเราจอดอยู่ใต้หอนั้น เลยให้น้องคนเล็กวิ่งไปดูทะเบียน น้องก็วิ่งกลับมาถามว่าใช่ทะเบียนนี้หรือเปล่า เราก็วิ่งไปดู ใช่รถสามีเรานั่นแหล่ะค่ะ เพราะรถรุ่นนี้จะไม่ค่อยมีคนขับเยอะเท่าไร.....

ตอนแรกน้องสาวบอกว่าใจเย็นๆ มาดูเพื่อให้แน่ใจก่อนแล้วค่อยๆ จับจนกว่าจะจับได้แบบจะจะ ค่อยจัดการทีเดียว แต่ ณ จุดนั้น หน้าเราร้อนไปหมด หัวใจเต้นแทบจะทะลุออกมานอกอกเลย แต่ยังคิดว่ามันยังไม่มากพอ และคุยกับน้องว่า มาถึงตรงนี้แล้ว คงจะไม่รออะไรแล้วล่ะ วันนี้ยังไงก็ต้องปิดจ๊อบให้ได้ เพราะเรามั่นใจว่า ถ้ารอ พอตกเย็นเขากลับบ้านมา ต้องเปิดฉากทะเลาะแน่ๆ แล้วเขาก็จะไม่ยอมรับ เพราะงั้นยังไงก็ต้องให้รู้เรื่องกันวันนี้เลย......

เราเดินเข้าไปหาคนดูแลหอ ถามเค้าว่าเราจะไปหาเพื่อนที่ห้องที่สามีอยู่ บอกเลขห้องเขา เขาก็ถามว่าชื่ออะไร เป็นหญิงหรือชาย เวิ่นเว้ออยู่นาน แต่เขาคงเดาจากสีหน้าท่าทางเราได้ เพราะปากเราสั่นไปหมดแล้วตอนนั้น กลั้นอารมณ์สุดขีด คงรู้ว่ามาไม่ดีแน่นอน สุดท้ายเค้าบอกว่าห้องนี้ไม่ได้อยู่ตึกนี้ น่าจะเป็นตึกสร้างใหม่ฝั่งนู้น โอเค เราเดินขึ้นไปดูว่ามีรองเท้าอยู่หน้าห้องมั้ย...ก็ไม่ได้ถอดไว้...จะเคาะก็คิดว่ามันอาจจะไม่เปิด....และกลัวว่าจะไม่ใช่อย่างที่เราคิดไว้ด้วย.........
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่