เป็นการตอกกลับภาพยนตร์ด้วยภาพยนตร์ที่กล้าหาญมากๆ ไม่ค่อยมีโอกาสจะได้เห็นเท่าไหร่ ฮอกส์เลือกที่จะให้เหตุการณ์ต่างๆ และคาร์แรกเตอร์ตัวละครออกมาตรงข้ามกับ High Noon (1952) ของ ซินเนมาน (หนังการเมืองที่ออกแบบมาเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมในยุคที่คนในวงการฮอลิวูดถูกตรวจสอบพฤติกรรมเข้าค่ายคอมมิวนิสม์ในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง)
ทั้งสองเรื่องมีตัวละครหลักคือผู้พิทักษ์สันติราษฎ์ในหมู่บ้านอันห่างไกล ใน High Noon พระเอก (ผู้ที่อยู่ในรายชื่อแบลคลิสต์) กำลังมีคนรักและกำลังจะลาตำแหน่งหน้าที่การงาน แต่คู่ปรับเก่า (อำนาจมืดที่มาตรวจสอบ) กำลังจะมาทวงแค้น เขาต้องไปเรียกร้องให้ชาวบ้านช่วยเหลือ ในขณะที่ไม่มีใครใยดีจะมอบความเห็นอกเห็นใจกับเขาเลย (คงเป็นการระบายความรู้สึกของกลุ่มคนที่ถูกตรวจสอบความโดดเดี่ยว ไม่มีใครช่วยเหลือ)
ในขณะที่ Rio Bravo ตัวเอกมีเพื่อนฝูงมากมาย ไม่ร้องขอความช่วยเหลือจากใคร (ตามแบบแผนของหนังเวสเทิร์น) ในทางกลับกันมีแต่คนอยากเข้าในช่วยเหลือ แม้เขาบอกไปว่าไม่ต้องการ เขามีคนรักแต่ก็ยังทำงาน ไม่ย่อท้อต่อสิ่งชั่วร้าวที่แวดล้อมตัวเขา และพาร์ทโรแมนติกก็ทำออกมาได้ดีมาก
โลเคชั่นก็ออกแบบให้มีคล้ายๆกัน นางเอกรอที่โรงแรมในหมู่บ้าน และฉากไคลแมกซ์ที่คอกม้า
ประโยคสุดท้าย ยิ่งเสียดสี High Noon
Do you think I'll ever get to be a sheriff?.
-Not unless you mind your own business.
ปล. ฉากโฟล์คซอง เพลงเพราะมากไม่คิดว่าจะเอานักแสดงเสียงดีมาเล่น
ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์ทางเฟสได้เลยน่ะครับ
https://www.facebook.com/survival.king
Tempy Movies Review รีวิวหนัง: Rio Bravo {Howard Hawks}, 1959
เป็นการตอกกลับภาพยนตร์ด้วยภาพยนตร์ที่กล้าหาญมากๆ ไม่ค่อยมีโอกาสจะได้เห็นเท่าไหร่ ฮอกส์เลือกที่จะให้เหตุการณ์ต่างๆ และคาร์แรกเตอร์ตัวละครออกมาตรงข้ามกับ High Noon (1952) ของ ซินเนมาน (หนังการเมืองที่ออกแบบมาเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมในยุคที่คนในวงการฮอลิวูดถูกตรวจสอบพฤติกรรมเข้าค่ายคอมมิวนิสม์ในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง)
ทั้งสองเรื่องมีตัวละครหลักคือผู้พิทักษ์สันติราษฎ์ในหมู่บ้านอันห่างไกล ใน High Noon พระเอก (ผู้ที่อยู่ในรายชื่อแบลคลิสต์) กำลังมีคนรักและกำลังจะลาตำแหน่งหน้าที่การงาน แต่คู่ปรับเก่า (อำนาจมืดที่มาตรวจสอบ) กำลังจะมาทวงแค้น เขาต้องไปเรียกร้องให้ชาวบ้านช่วยเหลือ ในขณะที่ไม่มีใครใยดีจะมอบความเห็นอกเห็นใจกับเขาเลย (คงเป็นการระบายความรู้สึกของกลุ่มคนที่ถูกตรวจสอบความโดดเดี่ยว ไม่มีใครช่วยเหลือ)
ในขณะที่ Rio Bravo ตัวเอกมีเพื่อนฝูงมากมาย ไม่ร้องขอความช่วยเหลือจากใคร (ตามแบบแผนของหนังเวสเทิร์น) ในทางกลับกันมีแต่คนอยากเข้าในช่วยเหลือ แม้เขาบอกไปว่าไม่ต้องการ เขามีคนรักแต่ก็ยังทำงาน ไม่ย่อท้อต่อสิ่งชั่วร้าวที่แวดล้อมตัวเขา และพาร์ทโรแมนติกก็ทำออกมาได้ดีมาก
โลเคชั่นก็ออกแบบให้มีคล้ายๆกัน นางเอกรอที่โรงแรมในหมู่บ้าน และฉากไคลแมกซ์ที่คอกม้า
ประโยคสุดท้าย ยิ่งเสียดสี High Noon
Do you think I'll ever get to be a sheriff?.
-Not unless you mind your own business.
ปล. ฉากโฟล์คซอง เพลงเพราะมากไม่คิดว่าจะเอานักแสดงเสียงดีมาเล่น
ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์ทางเฟสได้เลยน่ะครับ https://www.facebook.com/survival.king