สวัสดีค่ะ เราติดสเตียรอยมากจากการใช้ครีมตัวหนึ่งที่มีดาราเป็นเจ้าของ ก่อนใช้ครีมเป็นคนมีสิวฮอโมนขึ้นประปราย หลังใช้ครีมหน้าใสมาก เป็นสิวตรงไหนเพียงทาครีมตัวนี้ตรงบริเวนที่เป็นสิว ตื่นเช้ามาสิวหายไปเลย เวลาที่ใช้ครีมน่าจะอยู่ในช่วง4-5ปี อาการหลังจากใช้ไปหลายปีคือ หน้ามีผดเล็กๆขึ้น บางครั้งเป็นสิวเม็ดเล็กๆ ซึ่งหากใช้ครีมทาต้องใช้เยอะขึ้นถึงจะทำให้ยุบ นี่แหละค่ะที่เรียกว่าอาการติดคล้ายๆว่าต้องเพิ่มโดสมากขึ้น เหมือนภูมิต้านทานผิวเรามันอ่อนแอจากการถูกกดทับโดยสารสเตียรอยผิวจึงแพ้ง่าย อันที่จริงแล้วมีเพื่อนที่ใช้ครีมตัวนี้เหมือนกับเราบางคนใช้ไปแค่ไม่กี่เดือนก็มีอาการแพ้ออกมาหลังจากหยุดใช้ แต่ของเคสเรานั้นช่วงแรกๆที่เราใช้ไม่แพ้ไม่เป็นอะไรเลย(อาจเพราะค่อยๆใช้จากปริมาณน้อยๆในปีแรกๆ) จนใช้มาหลายปีถึงมาแสดงอาการตอนที่มันสะสมมานานมากแล้วเคสเราจึงเป็นมากกว่าของเพื่อนทั้งๆที่ใช้ครีมเดียวกันเพราะสะสมการใช้มานานกว่า เราตัดสินใจลองหยุดใช้เพราะมีเพื่อนเตือนว่าครีมที่ใช้อยู่มันดูน่าอันตราย ผลคือผ่านไป4-5วันหลังหยุดใช้ครีม ผดและสิวอุดตันเม็ดแดงๆขึ้นหน้าเยอะมาก อยู่ดีๆตื่นมาก็ขึ้นแบบน่าตกใจ!! ผิวทวีอาการแพ้ง่ายกว่าเดิมเป็นสิบๆเท่าเนื่องจากผิวขาดยา(สเตียรอย) ใช้อะไรก็แพ้ หน้าแดง เป็นสิวโดนสภาวะอากาศร้อนไปเย็นไปหรือฝุ่นก็แพ้หมด หลังจากนั้น...
เส้นทางการรักษา
หลักจากค้นหาข้อมูลจนแน่ใจชัดแล้วว่าตัวเองเป็นสิวสเตียรอย ก็ตัดสินใจหักดิบค่ะ คือไม่กลับไปใช้อีก บางคนอาจมีวิธีการรักษาแบบค่อยๆถอนสเตียรอยเพราะหลีกเลี่ยงอาการการเห่อ ส่วนตัวแล้วหลังจากหลายปีที่ต่อสู้กับมันมาสรุปผลได้ว่า สารสเตียรอยนี้นอกจากจะซึมลงผิวแม้ในปริมานเล็กน้อยแต่หากใช้อย่างต่อเนื่องจะมีสิทธิ์สะสมในส่วนอื่นของร่างกายได้ นั่นจะยิ่งทำให้คนที่ติดสารอยู่แล้วต้องรับสารนั้นต่อไปอีก กระบวนการขับสารพิษของร่างกายก็ต้องใช้เวลาที่มากขึ้นเพิ่มไปอีก และเราก็จะไม่สามารถเลิกมันได้สักที เราเลยเลือกการหักดิบ (ต้องใจแข็งในระดับนึงจริงๆค่ะ)
- พักหน้า**
เราไปหาหมอที่คลินิคโรคผิวหนังโดยตรง(ไม่ใช่คลินิคหมอเสริมความงามนะค่ะ) ซึ่งคุณหมอรักษาโดยการให้พักหน้าจากทุกอย่าง เพราะผิวที่อ่อนแอ(ของเราเป็นหนักผิวอ่อนแอมาก)ไม่สามารถรับผลิตภันณ์อะไรได้เลยแม้แต่เจลล้างหน้าฟิซิโอ้เจลหรืออีเซอร์ร่าครีม ที่หลายคนแนะนำให้ใช้สำหรับคนเป็นสิวสเตียรอย เราก็ใช้ไม่ได้ เราล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า งดทาครีมทุกชนิด หยุดแต่งหน้า ป้องกันแดดโดยใส่หมวกและหน้ากากปิดปาก เวลาต้องเจอแดดแรงๆ (ต้องทนกับอาการหน้าแห้งไปก่อน)
- วีบีม**
เรายิงเลเซอร์วีบีม วีบีมนี้ไม่ใช่เลเซอร์ประเภทยิงให้หน้าขาวใสแบบทั่วไปที่ทำให้หน้ายิ่งบาง กลับกันแต่วีบีมช่วยรักษาอาการหน้าติดสเตียรอยได้ เราจะแปะข้อมูลของวีบีมเอาไว้ให้นะคะเพราะข้อมูลทางการแพทย์เราอาจให้ข้อมูลได้ไม่ถูกต้องเท่ากับแพทย์ เผื่อใครต้องการข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ
http://www.svjclinic.com/content.php?cate=article&iden=42
http://youtu.be/PYDRk_QaKRk
http://www.beamed.co.th/patient/th/vbeam.html
แต่ข้อเสียคือราคามันค่อนข้างสูง ยิ่งหลายชอตราคายิ่งราคาสูง ช่วงแรกๆเดือนนึงเราต้องจ่ายค่ารักษาโดยวีบีมสูงถึงเดือนละประมาณ2หมื่นบาทและการยิงวีบีมต้องอาศัยการรักษาอย่างต่อเนื่องหลายเดือนยาวไปเป็นปีก็มี บวกลบคูณหารมันก็แพงมากกกกก ซึ่งทำให้ช่วงหลังๆเรายิงแค่ช่วงแก้ม แต่หน้าผากกับคางจะไม่ค่อยได้ยิงเท่าไหร่นัก หลังยิงอย่างต่อเนื่องสังเกตุหน้าตัวเองว่า ช่วงหน้าผากกับคางยังคงเป็นสิวผด ต่างจากบริเวณแก้มที่ได้รับการยิง จากประสบการณ์ของตัวเองจึงเป็นข้อยืนยันว่าวีบีมช่วยรักษาผิวติดสเตียรอยได้(บ้าง)จริง หากใครสนใจรักษาแนะนำว่าให้ลองคุยกับหมอที่ทำและขอใช้ในพลังงานต่ำๆไม่เกิน5 เพราะจำไว้ว่าหน้าที่โดนสเตียรอยยังคงต้องการความอ่อนโยนเพราะผิวบอบบางอยู่ค่ะ สถานที่ที่เคยได้ยินว่ามีการยิงวีบีมก็จะมี ร.พ.ผิวหนังอโศก SVJ นีตนาต DR.supranee เป็นต้น ยังไงลองหาข้อมูลเพิ่มเติมนะค่ะอาจจะมีอีกหลายที่นอกจากนี้
-อาหารการกิน**
ดูเป็นหัวข้อที่ไม่สำคัญเท่าไหร่แต่แท้จริงนี่เป็นข้อที่สำคัญที่สุดค่ะ อาหารมีผลกับอาการมาก ของกินบางอย่างเป็นผลค้างเคียงให้มีอาการเห่อได้ อย่างช่วงที่รักษากับนีตนาตหมอให้งดกิน เนื้อ ผลิตภันณ์ที่มีนมเป็นส่วนผสม ชากาแฟ ของหมักดอง แอลกอฮอล์ แต่จากประสบการณ์ส่วนตัวมันมีอาหารจำพวกผลค้างเคียงเยอะกว่านี้อีกค่ะ นมถั่วเหลือง เนย ชีส อาหารทะเล ถั่ว ฯลฯ เยอะแยะไปหมด เราแพ้หมดเลยจากที่เคยกินได้ทุกอย่างก็แพ้ผื่นขึ้นตุ่มบวมแดงคัน เพราะระบบภูมิร่างกายรวนไปหมดกลายเป็นภูมิแพ้ อาการเราหนักมากจากการติดสเตียรอย(อาการดังกล่าวขึ้นอยู่กับส่วนบุคคล) เนื่องจากเคยหาข้อมูลมาได้ว่า ตัวสเตียรอยจะมีการถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดด้วย นั่นจึงอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เราไม่ได้แพ้แต่สิ่งเร้าภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่มันหายได้ค่ะ หลังจากมีปัญหากับการกินมา1ปีกว่าๆ ตอนนี้กินได้ทุกอย่างแล้วค่ะ หลังจากเรากินแบคทีเรียชนิดหนึ่งเข้าไป...! ฮ่าๆ ตกใจใช่มั๊ยค่ะ ขออธิบายก่อนว่าแบคทีเรียชนิดนี้มีชื่อว่า "โพรไบโอติค" หลังจากที่เรารักษาโดยการยิงวีบีมกับคุณหมอมานาน วันหนึ่งหมอคงสงสารเพราะสำหรับเราวีบีมมันคุมอาการแต่ก็ไม่ได้ทำให้เราหายขาด หมอจึงลองแนะนำให้ไปหาผลิตภันฑ์เจ้าโพรไบโอติคนี้มากินควบคู่อาจจะช่วยได้ เราจึงไปหาข้อมูลและตัดสินใจกิน และก็มันดีขึ้นจริงๆค่ะ ทั้งเรื่องการกินอันที่เคยแพ้ก็กลับมากินได้โดยไม่มีอาการค้างเคียง อาการหน้าเห่อเพราะสิวสเตียรอยก็ดีขึ้นมากกกกกกกย้ำว่ามาก(เรื่องสิวดีขึ้นนะคะไม่ใช่หายไปแบบปลิดทิ้งเลยแต่ดีขึ้น^^) ผิวดีขึ้น ระบบร่างกายดีขึ้น เพราะอะไรนั้นลองดูข้อมูลทางการแพทย์จากลิ้งค์ที่แปะไว้นะค่ะ แต่เรากินของอะไรนั้นไม่ได้มีบอกไว้นะค่ะ จริงๆลองไปหาข้อมูลดูน่าจะมีหลายตัวอยู่ยังไงศึกษาดูนะคะ^^ (หมายเหตุ*ส่วนตัว2-3วันแรกเรามีอาการเห่อหนักมากหลังกินตัวแบคทีเรียดังกล่าวแต่หลังจากนั้นมันยุบลงและค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆแบบอะเมซซิ่งจนดีขึ้นกว่าเดิมในที่สุด) นอกจากนี้ เรื่องง่ายๆเบสิกๆอย่าง ดื่มน้ำเยอะๆ กินผักผลไม้ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ก็เป็นอีกสิ่งที่ช่วยได้มากทีเดียวค่ะ
ลิ้งค์บทความของโพรไบโอติค
http://www.dailynews.co.th/article/289528
http://medinfo.psu.ac.th/smj2/smj24_4/pdf24_4/07utai.pdf
- เวลา**
รู้ว่าฟังดูเจ็บปวดแต่มันคือความจริงค่ะ เวลาค่ะ เวลาจะช่วยเยียวยารักษามันเอง อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าร่างการจะมีการขับของเสียและสารพิษออกโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ซึ่งจะออกมาในรูปของ ปัสสาวะ อุจจาระ เหงื่อ เป็นต้น แต่หากต้องการศึกษาการดีทอกซ์เพื่อขับสารพิษและเคมีสะสมเพิ่มเติมลองดูจากลิ๊งค์นี้ได้ค่ะ
http://www.absolute-health.org/thai/Q-A-th-01.htm
เราอยากบอกว่าการติดสเตียรอยนั้นต้องใจเย็นและอดทนมากๆเพราะการรักษาหายไม่ใช่ง่ายๆเลย ต้องให้เวลามันอย่างมากเพราะตอนเราติดมันเราก็ยังต้องใช้เวลา คงไม่มีทางที่จะรักษาหายได้โดย3วัน7วัน ถ้าไม่ใช่ว่ากลับไปใช้มันอีก อยากหายขาดแบบไม่กลับไปติดมันอีกก็ต้องใช้เวลาเยียวยารักษาค่ะ เราไม่รู้ว่าแต่ละคนจะหายขาดและไม่กลับมามีอาการเห่ออีก จะต้องใช้เวลากันนานเท่าไหร่ เพราะประวัติการใช้แต่ละคนก็แตกต่างกันออกไป อย่างของตัวเราเองเราก็ยังบอกตัวเองไม่ได้ หรือแม้แต่หมอของเราแต่ละคนที่เคยไปหามานั้นก็ยังบอกเวลาการหายขาดไม่ได้เลย อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับวิธีการและวินัยในการรักษาของแต่ละคน บางคนใช้สารในเวลาไม่นานมีการสะสมน้อยผิวเสียหายน้อย เวลารักษาก็น้อยลงตามไปด้วย แต่อย่างกับเรา ใช้มานานอาการและการรักษาย่อมมากขึ้นตามไปด้วย ทุกอย่างย่อมมีเหตุที่มาที่ไป ไม่มีอะไรเป็นไปอย่างไร้เหตุผลค่ะ ฉะนั้นอย่ากังวลกับอาการเป็นๆหายๆยุบๆเห่อๆมากเกินไป เพราะเราต้องยอมรับว่าผิวหน้ามันไม่ได้แข็งแรงเหมือนเดิมแล้ว อาการเห่อนั้นมันจึงเป็นผลมาจากการใช้สารอันตรายโดยความรู้เท่าไม่ถึงการนั่นเอง มีบางคนบอกว่าเราใช้มันมานานเท่าไหร่ให้เอา2คูณเข้าไป นั่นเป็นเวลาที่ใช้ในการรักษา (เช่นติดมา1ปีก็คูณ2 เท่ากับต้องใช้เวลา2ปีรักษาถึงจะหาย) -*- แต่อย่าเพิ่งท้อค่ะมันขึ้นอยู่กับการดูแลเราด้วย ถ้าดูแลตัวเองอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอก็ไม่นานขนาดนั้นค่ะ^^
- ผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ในปัจจุบัน**
ปัจจุบันเป็นเวลา1ปีกับอีก5เดือนแล้วหลังจากที่หักดิบสเตียรอยไป 2เดือนหลังมานี้เราตัดสินใจลองใช้ เซตาฟิลสูตรเจนเทิลในการล้างหน้าและอาบน้ำ (เราเป็นหนักถึงขั้นผิวตัวหน้าอกและหลังก็เซ้นซิทีฟกับผลิตภัณฑ์ทั่วไป) ผลปรากฎว่ามันเวิคมากหน้าสะอาดขึ้น ไม่แพ้ ไม่แห้งตึง และแลดูสิวผดลดลงด้วย นอกจากนี้ยังใช้ เซตาฟิลครีม สูตร ผิวแห้งและเซ้นซิทีฟ จริงๆเราเป็นคนผิวผสมแม้ครีมจะมันเราก็จะเลือกใช้แต่ตอนกลางคืนและบีบแค่ปริมาณเมล็ดถั่วเขียวจะได้ไม่ทำให้ผิวมันเพิ่มขึ้น แชมพูสระผม ช่วงแรกเราสระผมด้วยแชมพูทั่วไปที่เคยใช้ไม่ได้เลย เพราะเวลามันไหลลงมาโดนบริเวณใบหน้า จะเกิดอาการแพ้ขึ้นมา ขนาดแชมพูเด็กทั่วไปก็แพ้ เราจึงลองมาใช้ ซีบ้าเมด เป็นแชมพูเด็ก ตัวนี้เราใช้ได้อ่อนโยนมาก ถึงกระนั้นแล้วเราก็ยังต้องระวังโดยการไม่ให้ฟองไหลลงมาโดนที่หน้ามากหรือนานเกินไป ส่วนครีมนวดช่วงแรกๆก็หยุดใช้ไปเลย ส่วนผลิตภัณฑ์อื่นๆเช่น ครีมกันแดด หรือเครื่องสำอางต่างๆ เราก็ต้องลองเลือกและนำมาทดสอบกับบางส่วนของผิวก่อนว่าจะใช้ได้หรือไม่ ซึ่งก็ยังอยู่ในช่วงมองหาและเอามาทดลอง ก็ยังคงสู้ต่อไป55 แต่ตอนนี้โดยรวมผิวหน้าเราดีขึ้นมากๆๆหลังจากรักษาตัวเองตามทุกขั้นตอนที่บอกไปค่ะ ที่เราเป็นถือว่ามีอาการหนักและเรื้อรังกว่าคนอื่นที่เคยพูดคุยหรือหาข้อมูลมากว่ามาก ซึ่งพอถึงตอนนี้จึงรู้สึกว่าอาการมันดีขึ้นแบบก้าวกระโดด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วแต่ละคนอาจจะถูกหรือไม่ถูกกับผลิตภัณฑ์ที่แนะนำไปก็ได้ เพราะก่อนหน้านี้เราเองก็เคยลองบางอย่างที่คนเคยเป็นแนะนำมาก็ใช้แล้วแพ้ก็มีเยอะ ฉะนั้นคนที่ผิวติดสเตียรอยต้องพึงระลึกไว้เป็นคำขวัญประจำใจเลยก็คือ "คนอื่นใช้ดีไม่ได้แปลว่าเราจะใช้ได้" ต้องมีสติในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เยอะๆนะคะ เอาความผิดพลาดจากอดีตมาเป็นบทเรียนคะ อย่าเพิ่งไปหลงคำโฆษณาชวนเชื่อ อย่าเพิ่งเชื่อใจเพียงเพราะเจ้าของเป็นคนมีชื่อเสียง มีหลายคนมาแล้วที่หน้าพังไปกับผลิตภัณฑ์ตามอินเตอร์เนตที่อ้างว่าปลอดภัยมีทั้งเลขจดแจ้งและอย. หรือไว้ใจเพราะผลิตภัณฑ์ที่มีคนดังเป็นเจ้าของ เช่นเราเป็นต้น ทางที่ดีและปลอดภัยที่สุดคือเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้การยอมรับจากสากล เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ขายตามร้าน บูธ วัตสัน หรือบางคนมีทรัพย์หน่อยก็เป็นแบรนเคาท์เตอร์ เป็นต้น ในประเทศไทยเรายังมีการหละหลวมในเรื่องการควบคุมดูแลสารประกอบที่ใส่ลงไปในเครื่องสำอางมาก แต่ต่างประเทศเช่น อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น เค้ามีกฎหมายคุ้มครองและบทลงโทษเกี่ยวกับสิทธิผู้บริโภคและผู้ประกอบการอย่างมาก ฉะนั้นพวก โอเล การ์นิเย่ พอนด์ นีเวีย บีโอเล ฮาดะลาโบะ ของอะไรเทือกนี้ที่แม้จะดูตลาดๆทั่วไปและเห็นผลช้า แต่รับรองว่าปลอดภัยกว่าครีมในอินเตอร์เนตแน่นอน แต่สำหรับคนที่ยังไม่หายจากหน้าแพ้สเตียรอยดี แนะนำว่าอย่าเพิ่งไปใช้นะคะ ให้ค่อยๆหาอะไรที่อ่อนโยนสำหรับผิวเซนซิทีฟ ไม่มีพวกสารไวท์เทนิ่ง ไม่กระชับรูขุมขน ไม่มีฟอง ใช้ไปก่อน รอหน้าแข็งแรงถึงค่อยไปใช้เครื่องสำอางปกติได้ค่ะ
เส้นทางการติดสเตียรอยของฉัน
เส้นทางการรักษา
หลักจากค้นหาข้อมูลจนแน่ใจชัดแล้วว่าตัวเองเป็นสิวสเตียรอย ก็ตัดสินใจหักดิบค่ะ คือไม่กลับไปใช้อีก บางคนอาจมีวิธีการรักษาแบบค่อยๆถอนสเตียรอยเพราะหลีกเลี่ยงอาการการเห่อ ส่วนตัวแล้วหลังจากหลายปีที่ต่อสู้กับมันมาสรุปผลได้ว่า สารสเตียรอยนี้นอกจากจะซึมลงผิวแม้ในปริมานเล็กน้อยแต่หากใช้อย่างต่อเนื่องจะมีสิทธิ์สะสมในส่วนอื่นของร่างกายได้ นั่นจะยิ่งทำให้คนที่ติดสารอยู่แล้วต้องรับสารนั้นต่อไปอีก กระบวนการขับสารพิษของร่างกายก็ต้องใช้เวลาที่มากขึ้นเพิ่มไปอีก และเราก็จะไม่สามารถเลิกมันได้สักที เราเลยเลือกการหักดิบ (ต้องใจแข็งในระดับนึงจริงๆค่ะ)
- พักหน้า**
เราไปหาหมอที่คลินิคโรคผิวหนังโดยตรง(ไม่ใช่คลินิคหมอเสริมความงามนะค่ะ) ซึ่งคุณหมอรักษาโดยการให้พักหน้าจากทุกอย่าง เพราะผิวที่อ่อนแอ(ของเราเป็นหนักผิวอ่อนแอมาก)ไม่สามารถรับผลิตภันณ์อะไรได้เลยแม้แต่เจลล้างหน้าฟิซิโอ้เจลหรืออีเซอร์ร่าครีม ที่หลายคนแนะนำให้ใช้สำหรับคนเป็นสิวสเตียรอย เราก็ใช้ไม่ได้ เราล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า งดทาครีมทุกชนิด หยุดแต่งหน้า ป้องกันแดดโดยใส่หมวกและหน้ากากปิดปาก เวลาต้องเจอแดดแรงๆ (ต้องทนกับอาการหน้าแห้งไปก่อน)
- วีบีม**
เรายิงเลเซอร์วีบีม วีบีมนี้ไม่ใช่เลเซอร์ประเภทยิงให้หน้าขาวใสแบบทั่วไปที่ทำให้หน้ายิ่งบาง กลับกันแต่วีบีมช่วยรักษาอาการหน้าติดสเตียรอยได้ เราจะแปะข้อมูลของวีบีมเอาไว้ให้นะคะเพราะข้อมูลทางการแพทย์เราอาจให้ข้อมูลได้ไม่ถูกต้องเท่ากับแพทย์ เผื่อใครต้องการข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ
http://www.svjclinic.com/content.php?cate=article&iden=42
http://youtu.be/PYDRk_QaKRk
http://www.beamed.co.th/patient/th/vbeam.html
แต่ข้อเสียคือราคามันค่อนข้างสูง ยิ่งหลายชอตราคายิ่งราคาสูง ช่วงแรกๆเดือนนึงเราต้องจ่ายค่ารักษาโดยวีบีมสูงถึงเดือนละประมาณ2หมื่นบาทและการยิงวีบีมต้องอาศัยการรักษาอย่างต่อเนื่องหลายเดือนยาวไปเป็นปีก็มี บวกลบคูณหารมันก็แพงมากกกกก ซึ่งทำให้ช่วงหลังๆเรายิงแค่ช่วงแก้ม แต่หน้าผากกับคางจะไม่ค่อยได้ยิงเท่าไหร่นัก หลังยิงอย่างต่อเนื่องสังเกตุหน้าตัวเองว่า ช่วงหน้าผากกับคางยังคงเป็นสิวผด ต่างจากบริเวณแก้มที่ได้รับการยิง จากประสบการณ์ของตัวเองจึงเป็นข้อยืนยันว่าวีบีมช่วยรักษาผิวติดสเตียรอยได้(บ้าง)จริง หากใครสนใจรักษาแนะนำว่าให้ลองคุยกับหมอที่ทำและขอใช้ในพลังงานต่ำๆไม่เกิน5 เพราะจำไว้ว่าหน้าที่โดนสเตียรอยยังคงต้องการความอ่อนโยนเพราะผิวบอบบางอยู่ค่ะ สถานที่ที่เคยได้ยินว่ามีการยิงวีบีมก็จะมี ร.พ.ผิวหนังอโศก SVJ นีตนาต DR.supranee เป็นต้น ยังไงลองหาข้อมูลเพิ่มเติมนะค่ะอาจจะมีอีกหลายที่นอกจากนี้
-อาหารการกิน**
ดูเป็นหัวข้อที่ไม่สำคัญเท่าไหร่แต่แท้จริงนี่เป็นข้อที่สำคัญที่สุดค่ะ อาหารมีผลกับอาการมาก ของกินบางอย่างเป็นผลค้างเคียงให้มีอาการเห่อได้ อย่างช่วงที่รักษากับนีตนาตหมอให้งดกิน เนื้อ ผลิตภันณ์ที่มีนมเป็นส่วนผสม ชากาแฟ ของหมักดอง แอลกอฮอล์ แต่จากประสบการณ์ส่วนตัวมันมีอาหารจำพวกผลค้างเคียงเยอะกว่านี้อีกค่ะ นมถั่วเหลือง เนย ชีส อาหารทะเล ถั่ว ฯลฯ เยอะแยะไปหมด เราแพ้หมดเลยจากที่เคยกินได้ทุกอย่างก็แพ้ผื่นขึ้นตุ่มบวมแดงคัน เพราะระบบภูมิร่างกายรวนไปหมดกลายเป็นภูมิแพ้ อาการเราหนักมากจากการติดสเตียรอย(อาการดังกล่าวขึ้นอยู่กับส่วนบุคคล) เนื่องจากเคยหาข้อมูลมาได้ว่า ตัวสเตียรอยจะมีการถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดด้วย นั่นจึงอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เราไม่ได้แพ้แต่สิ่งเร้าภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่มันหายได้ค่ะ หลังจากมีปัญหากับการกินมา1ปีกว่าๆ ตอนนี้กินได้ทุกอย่างแล้วค่ะ หลังจากเรากินแบคทีเรียชนิดหนึ่งเข้าไป...! ฮ่าๆ ตกใจใช่มั๊ยค่ะ ขออธิบายก่อนว่าแบคทีเรียชนิดนี้มีชื่อว่า "โพรไบโอติค" หลังจากที่เรารักษาโดยการยิงวีบีมกับคุณหมอมานาน วันหนึ่งหมอคงสงสารเพราะสำหรับเราวีบีมมันคุมอาการแต่ก็ไม่ได้ทำให้เราหายขาด หมอจึงลองแนะนำให้ไปหาผลิตภันฑ์เจ้าโพรไบโอติคนี้มากินควบคู่อาจจะช่วยได้ เราจึงไปหาข้อมูลและตัดสินใจกิน และก็มันดีขึ้นจริงๆค่ะ ทั้งเรื่องการกินอันที่เคยแพ้ก็กลับมากินได้โดยไม่มีอาการค้างเคียง อาการหน้าเห่อเพราะสิวสเตียรอยก็ดีขึ้นมากกกกกกกย้ำว่ามาก(เรื่องสิวดีขึ้นนะคะไม่ใช่หายไปแบบปลิดทิ้งเลยแต่ดีขึ้น^^) ผิวดีขึ้น ระบบร่างกายดีขึ้น เพราะอะไรนั้นลองดูข้อมูลทางการแพทย์จากลิ้งค์ที่แปะไว้นะค่ะ แต่เรากินของอะไรนั้นไม่ได้มีบอกไว้นะค่ะ จริงๆลองไปหาข้อมูลดูน่าจะมีหลายตัวอยู่ยังไงศึกษาดูนะคะ^^ (หมายเหตุ*ส่วนตัว2-3วันแรกเรามีอาการเห่อหนักมากหลังกินตัวแบคทีเรียดังกล่าวแต่หลังจากนั้นมันยุบลงและค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆแบบอะเมซซิ่งจนดีขึ้นกว่าเดิมในที่สุด) นอกจากนี้ เรื่องง่ายๆเบสิกๆอย่าง ดื่มน้ำเยอะๆ กินผักผลไม้ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ก็เป็นอีกสิ่งที่ช่วยได้มากทีเดียวค่ะ
ลิ้งค์บทความของโพรไบโอติค
http://www.dailynews.co.th/article/289528
http://medinfo.psu.ac.th/smj2/smj24_4/pdf24_4/07utai.pdf
- เวลา**
รู้ว่าฟังดูเจ็บปวดแต่มันคือความจริงค่ะ เวลาค่ะ เวลาจะช่วยเยียวยารักษามันเอง อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าร่างการจะมีการขับของเสียและสารพิษออกโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ซึ่งจะออกมาในรูปของ ปัสสาวะ อุจจาระ เหงื่อ เป็นต้น แต่หากต้องการศึกษาการดีทอกซ์เพื่อขับสารพิษและเคมีสะสมเพิ่มเติมลองดูจากลิ๊งค์นี้ได้ค่ะ
http://www.absolute-health.org/thai/Q-A-th-01.htm
เราอยากบอกว่าการติดสเตียรอยนั้นต้องใจเย็นและอดทนมากๆเพราะการรักษาหายไม่ใช่ง่ายๆเลย ต้องให้เวลามันอย่างมากเพราะตอนเราติดมันเราก็ยังต้องใช้เวลา คงไม่มีทางที่จะรักษาหายได้โดย3วัน7วัน ถ้าไม่ใช่ว่ากลับไปใช้มันอีก อยากหายขาดแบบไม่กลับไปติดมันอีกก็ต้องใช้เวลาเยียวยารักษาค่ะ เราไม่รู้ว่าแต่ละคนจะหายขาดและไม่กลับมามีอาการเห่ออีก จะต้องใช้เวลากันนานเท่าไหร่ เพราะประวัติการใช้แต่ละคนก็แตกต่างกันออกไป อย่างของตัวเราเองเราก็ยังบอกตัวเองไม่ได้ หรือแม้แต่หมอของเราแต่ละคนที่เคยไปหามานั้นก็ยังบอกเวลาการหายขาดไม่ได้เลย อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับวิธีการและวินัยในการรักษาของแต่ละคน บางคนใช้สารในเวลาไม่นานมีการสะสมน้อยผิวเสียหายน้อย เวลารักษาก็น้อยลงตามไปด้วย แต่อย่างกับเรา ใช้มานานอาการและการรักษาย่อมมากขึ้นตามไปด้วย ทุกอย่างย่อมมีเหตุที่มาที่ไป ไม่มีอะไรเป็นไปอย่างไร้เหตุผลค่ะ ฉะนั้นอย่ากังวลกับอาการเป็นๆหายๆยุบๆเห่อๆมากเกินไป เพราะเราต้องยอมรับว่าผิวหน้ามันไม่ได้แข็งแรงเหมือนเดิมแล้ว อาการเห่อนั้นมันจึงเป็นผลมาจากการใช้สารอันตรายโดยความรู้เท่าไม่ถึงการนั่นเอง มีบางคนบอกว่าเราใช้มันมานานเท่าไหร่ให้เอา2คูณเข้าไป นั่นเป็นเวลาที่ใช้ในการรักษา (เช่นติดมา1ปีก็คูณ2 เท่ากับต้องใช้เวลา2ปีรักษาถึงจะหาย) -*- แต่อย่าเพิ่งท้อค่ะมันขึ้นอยู่กับการดูแลเราด้วย ถ้าดูแลตัวเองอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอก็ไม่นานขนาดนั้นค่ะ^^
- ผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ในปัจจุบัน**
ปัจจุบันเป็นเวลา1ปีกับอีก5เดือนแล้วหลังจากที่หักดิบสเตียรอยไป 2เดือนหลังมานี้เราตัดสินใจลองใช้ เซตาฟิลสูตรเจนเทิลในการล้างหน้าและอาบน้ำ (เราเป็นหนักถึงขั้นผิวตัวหน้าอกและหลังก็เซ้นซิทีฟกับผลิตภัณฑ์ทั่วไป) ผลปรากฎว่ามันเวิคมากหน้าสะอาดขึ้น ไม่แพ้ ไม่แห้งตึง และแลดูสิวผดลดลงด้วย นอกจากนี้ยังใช้ เซตาฟิลครีม สูตร ผิวแห้งและเซ้นซิทีฟ จริงๆเราเป็นคนผิวผสมแม้ครีมจะมันเราก็จะเลือกใช้แต่ตอนกลางคืนและบีบแค่ปริมาณเมล็ดถั่วเขียวจะได้ไม่ทำให้ผิวมันเพิ่มขึ้น แชมพูสระผม ช่วงแรกเราสระผมด้วยแชมพูทั่วไปที่เคยใช้ไม่ได้เลย เพราะเวลามันไหลลงมาโดนบริเวณใบหน้า จะเกิดอาการแพ้ขึ้นมา ขนาดแชมพูเด็กทั่วไปก็แพ้ เราจึงลองมาใช้ ซีบ้าเมด เป็นแชมพูเด็ก ตัวนี้เราใช้ได้อ่อนโยนมาก ถึงกระนั้นแล้วเราก็ยังต้องระวังโดยการไม่ให้ฟองไหลลงมาโดนที่หน้ามากหรือนานเกินไป ส่วนครีมนวดช่วงแรกๆก็หยุดใช้ไปเลย ส่วนผลิตภัณฑ์อื่นๆเช่น ครีมกันแดด หรือเครื่องสำอางต่างๆ เราก็ต้องลองเลือกและนำมาทดสอบกับบางส่วนของผิวก่อนว่าจะใช้ได้หรือไม่ ซึ่งก็ยังอยู่ในช่วงมองหาและเอามาทดลอง ก็ยังคงสู้ต่อไป55 แต่ตอนนี้โดยรวมผิวหน้าเราดีขึ้นมากๆๆหลังจากรักษาตัวเองตามทุกขั้นตอนที่บอกไปค่ะ ที่เราเป็นถือว่ามีอาการหนักและเรื้อรังกว่าคนอื่นที่เคยพูดคุยหรือหาข้อมูลมากว่ามาก ซึ่งพอถึงตอนนี้จึงรู้สึกว่าอาการมันดีขึ้นแบบก้าวกระโดด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วแต่ละคนอาจจะถูกหรือไม่ถูกกับผลิตภัณฑ์ที่แนะนำไปก็ได้ เพราะก่อนหน้านี้เราเองก็เคยลองบางอย่างที่คนเคยเป็นแนะนำมาก็ใช้แล้วแพ้ก็มีเยอะ ฉะนั้นคนที่ผิวติดสเตียรอยต้องพึงระลึกไว้เป็นคำขวัญประจำใจเลยก็คือ "คนอื่นใช้ดีไม่ได้แปลว่าเราจะใช้ได้" ต้องมีสติในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เยอะๆนะคะ เอาความผิดพลาดจากอดีตมาเป็นบทเรียนคะ อย่าเพิ่งไปหลงคำโฆษณาชวนเชื่อ อย่าเพิ่งเชื่อใจเพียงเพราะเจ้าของเป็นคนมีชื่อเสียง มีหลายคนมาแล้วที่หน้าพังไปกับผลิตภัณฑ์ตามอินเตอร์เนตที่อ้างว่าปลอดภัยมีทั้งเลขจดแจ้งและอย. หรือไว้ใจเพราะผลิตภัณฑ์ที่มีคนดังเป็นเจ้าของ เช่นเราเป็นต้น ทางที่ดีและปลอดภัยที่สุดคือเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้การยอมรับจากสากล เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ขายตามร้าน บูธ วัตสัน หรือบางคนมีทรัพย์หน่อยก็เป็นแบรนเคาท์เตอร์ เป็นต้น ในประเทศไทยเรายังมีการหละหลวมในเรื่องการควบคุมดูแลสารประกอบที่ใส่ลงไปในเครื่องสำอางมาก แต่ต่างประเทศเช่น อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น เค้ามีกฎหมายคุ้มครองและบทลงโทษเกี่ยวกับสิทธิผู้บริโภคและผู้ประกอบการอย่างมาก ฉะนั้นพวก โอเล การ์นิเย่ พอนด์ นีเวีย บีโอเล ฮาดะลาโบะ ของอะไรเทือกนี้ที่แม้จะดูตลาดๆทั่วไปและเห็นผลช้า แต่รับรองว่าปลอดภัยกว่าครีมในอินเตอร์เนตแน่นอน แต่สำหรับคนที่ยังไม่หายจากหน้าแพ้สเตียรอยดี แนะนำว่าอย่าเพิ่งไปใช้นะคะ ให้ค่อยๆหาอะไรที่อ่อนโยนสำหรับผิวเซนซิทีฟ ไม่มีพวกสารไวท์เทนิ่ง ไม่กระชับรูขุมขน ไม่มีฟอง ใช้ไปก่อน รอหน้าแข็งแรงถึงค่อยไปใช้เครื่องสำอางปกติได้ค่ะ