สวัสดีน่านเจ้า ..... เมืองงาช้างดำ จิตรกรรมวัดภูมินทร์ NAN THAILAND
ขอบคุณช่วงเวลาที่ดีที่สุด ที่มีให้กับตัวเอง 20-23 พฤษภาคม 2558 กับการเดินทางไปอีกหนึ่งเส้นทางในฝัน กรุงเทพมหานคร-น่าน ด้วยความที่อยากออกเที่ยวหาประสบการณ์ เลยมุ่งไปที่การจองตั๋วเครื่องบิน โปรโมชั่นกระชั้นชิด จากสายการบิน Thai Air Asia ที่เขาบอกว่าใครๆก็บินได้ จริงด้วย ซึ่งโปรนี้ ไปจังหวัดน่าน ราคารวมเริ่มต้น 590 บาท ซึ่งแรกๆก็ลีลาไม่จองสักที คิดตั้งนานว่าจะไปไหน ไปภูเก็ตที่เก่าจะดีมั้ย สรุป จองก่อนหมดโปร 1 วัน มาลงเอาที่ จังหวัดน่าน ไปและกลับ ที่บินตรงจากดอนเมือง ด้วยระยะเวลาเพียง 1 ชม. 5 นาที อยากจะไปปั่นจักรยานเดินเล่น สักการะวัดวาอารามต่างๆ ในตัวเมือง เดินซื้อของ อาหารการกินท้องถิ่น และช้อปปิ้งของที่ระลึก เที่ยวน้ำตก แวะอุทยานแห่งชาติ ล่องแก่งน้ำว้า ชมบ่อเกลือ ล้วนเป็นกิจกรรมที่น่าทำ แต่ก็ทำไม่ได้ทั้งหมดทั้งปวงนี้ แต่มันก็เป็นเป็นห้วงเวลาที่มีความสุขช่วงหนึ่งในชีวิตที่สุดสำหรับผม มิตรภาพใหม่ๆ เกิดขึ้นได้ที่นี่ ที่อยากจะบอกเล่าและเก็บไว้ให้ตัวผมเองเป็นความประทับใจส่วนตัวผ่านทางรูปภาพ และข้อความ และร่วมแบ่งปันความสุขให้แก่ผู้ชมทั่วไปด้วย ร่วมเก็บความประทับใจไปด้วยกัน ณ ที่แห่งนี้ ........
น่าน .. เมืองต้องห้าม (พลาด)
หมายเหตุ รูปภาพทั้งหมด ถ่ายจากกล้องโทรศัพท์มือถือ iPhone 5C iPad Mini และกล้องดิจิตอล 16.0 Mega Pixel ธรรมดา ครับ
วันพุธที่ 20 พฤษภาคม 2558
ตื่นเต้น ตื่นแต่เช้า ออกจากบ้าน 07.00 กว่าๆ ไปถึงท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง 8.00 นิดๆ ด้วยความที่ Check-In และ Print Boarding Pass มาจากบ้านพร้อมแล้ว ก็เลยไปที่ Counter Air Asia เพื่อให้ Confirm อีกรอบ และสอบถาม GATE
หวยไปออกที่ GATE หมายเลข 76 เดินไกลชัวร์
เที่ยวบินนี้ เป็นเที่ยวบินปลอดบุหรี่ บลาาาาา เราโดยสารด้วยเครื่องบิน แอร์บัส FLIGHT FD 3554 มีกำหนดออกเดินทาง 10.25 น. มีกำหนดการถึง ท่าอากาศยานน่านนคร 11.30 น.
นั่งมาสักพัก นิ่ม สบาย แต่พอจะใกล้ Landing เท่านั้นแล เหงื่อแตกซิก ร้อนหน้า หายใจไม่สะดวก ผะอืดผะอม รีบคว้าถุงเลยครัช มาพัดหน้าไปมา เหตุคงบินฝ่าเมฆจนเครื่องสั่นมั้งครัช 555+ ในที่สุดเครื่องก็ LANDING ลง รอดมาจนได้

11.35 น. ถึงแล้วครับ ท่าอากาศยานน่านนคร ขนาดกะทัดรัด สวยงามเลย
12.00 น. เดินดุ่ยๆออกมาจากท่าอากาศยานน่านนคร ไม่ไกลเท่าไร จนถึงปากทางถนนใหญ่ พยายามจะหารถเหมาเข้าไปในเมือง ซึ่งอยู่ห่างประมาณ 3-4 กม. แต่ดันมีเสียงสวรรค์เป็นคนขับรถสองแถวสีน้ำเงิน โบกๆ ให้มาขึ้นรถ ซึ่งเข้าใจว่า คงเป็นคันเข้าเมือง สรุป ไม่ใช่ครับ เป็นคันที่ไปทางอำเภอท่าวังผา และอำเภอปัว สายเหนือนู่น ดีนะที่ถามก่อน ว่าเข้าเมืองหรือเปล่า หลังจากนั้นเขาก็บอกให้ข้ามไป เห็นรถสองแถวเหมือนกัน แต่เป็นคันสีแดงเลือดหมู มีคุณป้านั่งกันอยู่ใต้ต้นไม้ 3 คน ผมเองกะจะเดินเข้าไปแล้ว แต่เขาบอกว่าไกลนะ จะไหวเหรอ ถึงที่พัก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เดอะ วัน เฮ้าส์ (The One House) ที่จองผ่านแอพ booking ไว้ คุยกันได้สักพัก เลยตัดสินใจนั่งรถสองแถวเหมาเข้าไป ด้วยราคา 60 บาท ซึ่งไม่รู้ว่าถูกหรือแพง แต่ในใจคิดว่า ไม่เป็นไร มาเพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชนอยู่แล้วเนี่ย ไม่ต้องกลัว !
ระหว่างทางเราก็ชวนคุย ชวนถาม คุณป้าขับรถสองแถวไป กับเรื่องราวทั่วๆไปสัพเพเหระของเมืองน่าน ตรงนั้นตรงนี้ คืออะไร อากาศร้อนมั้ย ฝนตกบ้างหรือเปล่าเมื่อคืน ชวนให้พร้อมที่จะสนุก บุก ตะลุยเมืองน่าน ซะแล้ววว ในที่สุดใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที ก็ถึงที่พักแล้วครับ เดอะ วัน เฮ้าส์ (The One House) ยกมือไหว้ขอบคุณคุณป้าใหญ่เลยเรา
เมื่อรถมาจอดเทียบท่า เจ้าของที่พักก็ออกมาต้อนรับเป็นอย่างดี ดูแลเราเหมือนญาติเลยทีเดียว ซึ่งตอนหลังอยากจะมาบอกว่า ประทับใจกับที่นี่ที่สุดเลย ห้องพักสวยงาม หรูหรา สมราคา สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และมาทราบทีหลังว่า พี่เขาชื่อ คุณหนึ่ง จากน้องชายของเขาที่เราได้ไปเที่ยวด้วยกันนี่ล่ะ ซึ่งจะเขียนรีวิวให้ดูต่อจากนี้ไป แต่ตอนนี้ เรามาชมห้องพักที่เราต้องอยู่กัน 3 คืนนี้ก่อน
อิอิ ไม่ได้ค่าโฆษณาแต่อย่างใด แต่ผมโปรโมทให้ด้วยใจจริงๆ
ได้ห้องคุณชายเบอร์3 ครับ ห้องเตียงเดี่ยว ปลอดบุหรี่ มีโซฟา พื้นที่นั่งเล่น โทรทัศน์ ตู้เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว กาแฟ โอวัลติน ขนมปัง น้ำดื่ม สบู่ แชมพู สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ขอพักผ่อนสักแปป
13.00 น.
ด้วยความยังรู้อะไรไม่มาก เกี่ยวกับน่าน พี่หนึ่งแก ก็เอาแผนที่ Magazine Hi น่าน มากางให้ดู แถมใจดีให้จักรยานยืมสำหรับลูกค้าที่พัก ไปปั่นรอบเมือง แบบสบายใจ โดยไม่คิดค่าบริการเพิ่มเติมเลย จุดแรกนี่ล่ะ ที่ทำให้รู้ว่า คนเมืองน่านนี้ ใจดี มีน้ำใจจริงๆ แล้วแกก็แนะนำให้ลองปั่นไปดูข้อมูลที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวก่อน ว่ามีอะไรน่าเที่ยวบ้าง และแล้วเราก็ปั่นไปกันเลย
14.00 น.
ปั่นหลงไปหลงมา กางแผนที่แล้วแผนที่อีก และหนังสือคู่มือเล่มนี้
ในที่สุดเราก็เจอศูนย์บริการนักท่องเที่ยวน่าน แล้ว ได้มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ ให้แนะนำการท่องเที่ยวให้หน่อย เขาก็แนะนำให้ลองนั่งรถรางชมเมืองดู ซึ่งมี 2 รอบต่อวัน 09.30 และ 15.30 และก็ได้มีโอกาสพูดคุยเจ้าหน้าที่อีกหนึ่งท่าน ถามไปถามมา เธอเป็นนักวิชาการสิ่งแวดล้อม ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ ในจังหวัดน่าน ซึ่งมีถึง 7 แห่ง ได้อย่างดีเยี่ยม
ประกอบไปด้วย
1. อุทยานแห่งชาติศรีน่าน
2. อุทยานแห่งชาติดอยภูคา
3. อุทยานแห่งชาติขุนน่าน
4. อุทยานแห่งชาตินันทบุรี
5. อุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน
6. อุทยานแห่งชาติแม่จริม
7. อุทยานแห่งชาติขุนสถาน
14.00 น. พูดคุยกันได้สักพัก ท้องก็เริ่มหิว จึงบอกลาเธอ และขอตัวไปหาอะไรตกถึงท้องหน่อย ปั่นวนรอบไปมา จึงได้เห็นร้านอาหารกึ่งคาเฟ่แบบชิลๆชิคๆ ซึ่งตั้งอยู่บนถนนผากอง ติดกับปั๊มน้ำมันเชลล์ ใกล้สี่แยก ซึ่งก็คือร้าน น.น่าน คาเฟ่ ที่เพลงก็เพราะ แอร์เย็น อาหารรสชาติดี
และจัดเต็มกับเมนู ข้าวผัดฮังเล น้ำชามะนาวน้ำผึ้ง เฟรนซ์ฟรายทอด
14.30 น. แผนแรกที่ได้ทำมา จะไปวัดพระธาตุเขาน้อย และต่อด้วย วัดพระธาตุแช่แห้ง
แต่แล้วก็สามารถไปได้แค่วัดบริเวณเดียวกัน แค่ 2 วัด ปั่นจักรยานไปตามแผนที่ เห็นทางขึ้นเขาเตี้ยๆแล้วท้อใจ แดดก็มีแรงบ้างอ่อนบ้าง ตามประสาบ่ายสาม ปั่นขึ้นก็คงไม่ไหว จูงกันเลยดีกว่า เนินก็แล้ว 2 เนินก็แล้ว เห็นทางขึ้นวัดพระธาตุเขาน้อย แล้ว แต่คิดว่าตัวเองเก่ง ไม่จอดรถตรงนั้น ดั้นด้นเข็นขึ้นไปอีก 2 เนินสูงๆ โค้งอีกต่างหาก ไม่ไหว หอบ- เหงื่อแตกพลั่ก ไม่สู้แล้วที่จะปีนไปถึงทางรถยนต์ที่เขาวิ่งไปถึง ถอดใจปล่อยล้อให้มันลงมาดีกว่า
จากนี้ไป ผมเองต้องค่อยๆ ไต่ขึ้นไป แบบไม่ค่อยจะไหวแล้ว เพราะหมดแรงตั้งแต่เข็นจักรยานขึ้นภูเขานั่นล่ะ บันไดกว่า 303 ขั้น ค่อยๆเกาะราวขึ้นไป ถึงที่พักบันได ผมต้องแฮกๆๆๆ ทุกทีไป ปกติจะเดินขึ้นปร๋อ ไม่มีการหยุดพัก มาคิดทีหลัง ไม่น่าเล้ย
พอขึ้นมาถึงแล้ว ถือว่าคุ้มค่ามากครับ ด้วยแรงศรัทธาจากพระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่าน ทำให้เราหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย แต่ก่อนไปจะกราบไหว้นมัสการ และชมวิวทิวทัศน์อย่างจริงจัง ขออนุญาตไปล้างหน้าล้างเหงื่อก่อนนะครับ แผ่นหลังเปียกชุ่มไปทั่วตัวเลย
ระหว่างนี้ก็ขอแวะซื้อน้ำลิ้นจี่ เย็นๆ สักแก้ว สูญเสียเหงื่อไปเยอะ เลยต้องเอาน้ำที่เสียไป คืนมา มีโอกาสได้จีบแม่ค้า เอ้ย ไม่ใช่ แค่พูดคุยเรื่องสัพเพเหระ กันอย่างออกรส รู้สึกดีนะ ที่ได้คุยกับคนท้องถิ่น เธอแนะนำอะไรดีๆในเมืองน่านเยอะแยะเลย
สวยงามจัง ทิวทัศน์เมืองน่าน 360 องศา มองเห็นองค์พระธาตุแช่แห้งไกลๆ สะพานพัฒนาภาคเหนือทอดข้ามแม่น้ำน่านสีชาเย็น บ่อบำบัดน้ำเสีย คุณพี่แม่ค้าก็ชี้ให้ดู ว่าพระธาตุแช่แห้ง อยู่นู่น ห่างจากนี่ประมาณ 3-4 กม. ถ้าปั่นไหวก็ปั่นไปเลย

ส่วนตัวผมนั้น ขอคิดก่อนนะ
ชมวิวเรียบร้อยแล้ว มาไหว้พระขอพร พระบรมสารีริกธาตุ และหลวงพ่อทันใจครับ
ประวัติโดยย่อ ของวัดพระธาตุเขาน้อย
16.00 น. สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่วัดพระธาตุเขาน้อย เสร็จแล้ว ได้เวลาไปต่อกันอีกหนึ่งวัด ที่ผ่านเป็นทางกลับเข้าเมืองแล้ว
ระหว่างทางลง ขอไหว้เจ้าแม่กวนอิมก่อนครับ
16.20 น. วัดพญาวัด
ประวัติโดยย่อ
การท่องเที่ยวในเมืองน่าน จะมันส์ สนุกสนาน เข้มข้น และประทับใจแค่ไหน โปรดติดตามกัน ตอนต่อไป ครับ
[CR] GUNMITO ON TOUR ... ฮักน่านนครจัง เมืองต้องห้าม (พลาด)
สวัสดีน่านเจ้า ..... เมืองงาช้างดำ จิตรกรรมวัดภูมินทร์ NAN THAILAND
ขอบคุณช่วงเวลาที่ดีที่สุด ที่มีให้กับตัวเอง 20-23 พฤษภาคม 2558 กับการเดินทางไปอีกหนึ่งเส้นทางในฝัน กรุงเทพมหานคร-น่าน ด้วยความที่อยากออกเที่ยวหาประสบการณ์ เลยมุ่งไปที่การจองตั๋วเครื่องบิน โปรโมชั่นกระชั้นชิด จากสายการบิน Thai Air Asia ที่เขาบอกว่าใครๆก็บินได้ จริงด้วย ซึ่งโปรนี้ ไปจังหวัดน่าน ราคารวมเริ่มต้น 590 บาท ซึ่งแรกๆก็ลีลาไม่จองสักที คิดตั้งนานว่าจะไปไหน ไปภูเก็ตที่เก่าจะดีมั้ย สรุป จองก่อนหมดโปร 1 วัน มาลงเอาที่ จังหวัดน่าน ไปและกลับ ที่บินตรงจากดอนเมือง ด้วยระยะเวลาเพียง 1 ชม. 5 นาที อยากจะไปปั่นจักรยานเดินเล่น สักการะวัดวาอารามต่างๆ ในตัวเมือง เดินซื้อของ อาหารการกินท้องถิ่น และช้อปปิ้งของที่ระลึก เที่ยวน้ำตก แวะอุทยานแห่งชาติ ล่องแก่งน้ำว้า ชมบ่อเกลือ ล้วนเป็นกิจกรรมที่น่าทำ แต่ก็ทำไม่ได้ทั้งหมดทั้งปวงนี้ แต่มันก็เป็นเป็นห้วงเวลาที่มีความสุขช่วงหนึ่งในชีวิตที่สุดสำหรับผม มิตรภาพใหม่ๆ เกิดขึ้นได้ที่นี่ ที่อยากจะบอกเล่าและเก็บไว้ให้ตัวผมเองเป็นความประทับใจส่วนตัวผ่านทางรูปภาพ และข้อความ และร่วมแบ่งปันความสุขให้แก่ผู้ชมทั่วไปด้วย ร่วมเก็บความประทับใจไปด้วยกัน ณ ที่แห่งนี้ ........
น่าน .. เมืองต้องห้าม (พลาด)
หมายเหตุ รูปภาพทั้งหมด ถ่ายจากกล้องโทรศัพท์มือถือ iPhone 5C iPad Mini และกล้องดิจิตอล 16.0 Mega Pixel ธรรมดา ครับ
หวยไปออกที่ GATE หมายเลข 76 เดินไกลชัวร์
เที่ยวบินนี้ เป็นเที่ยวบินปลอดบุหรี่ บลาาาาา เราโดยสารด้วยเครื่องบิน แอร์บัส FLIGHT FD 3554 มีกำหนดออกเดินทาง 10.25 น. มีกำหนดการถึง ท่าอากาศยานน่านนคร 11.30 น.
นั่งมาสักพัก นิ่ม สบาย แต่พอจะใกล้ Landing เท่านั้นแล เหงื่อแตกซิก ร้อนหน้า หายใจไม่สะดวก ผะอืดผะอม รีบคว้าถุงเลยครัช มาพัดหน้าไปมา เหตุคงบินฝ่าเมฆจนเครื่องสั่นมั้งครัช 555+ ในที่สุดเครื่องก็ LANDING ลง รอดมาจนได้
11.35 น. ถึงแล้วครับ ท่าอากาศยานน่านนคร ขนาดกะทัดรัด สวยงามเลย
12.00 น. เดินดุ่ยๆออกมาจากท่าอากาศยานน่านนคร ไม่ไกลเท่าไร จนถึงปากทางถนนใหญ่ พยายามจะหารถเหมาเข้าไปในเมือง ซึ่งอยู่ห่างประมาณ 3-4 กม. แต่ดันมีเสียงสวรรค์เป็นคนขับรถสองแถวสีน้ำเงิน โบกๆ ให้มาขึ้นรถ ซึ่งเข้าใจว่า คงเป็นคันเข้าเมือง สรุป ไม่ใช่ครับ เป็นคันที่ไปทางอำเภอท่าวังผา และอำเภอปัว สายเหนือนู่น ดีนะที่ถามก่อน ว่าเข้าเมืองหรือเปล่า หลังจากนั้นเขาก็บอกให้ข้ามไป เห็นรถสองแถวเหมือนกัน แต่เป็นคันสีแดงเลือดหมู มีคุณป้านั่งกันอยู่ใต้ต้นไม้ 3 คน ผมเองกะจะเดินเข้าไปแล้ว แต่เขาบอกว่าไกลนะ จะไหวเหรอ ถึงที่พัก [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ที่จองผ่านแอพ booking ไว้ คุยกันได้สักพัก เลยตัดสินใจนั่งรถสองแถวเหมาเข้าไป ด้วยราคา 60 บาท ซึ่งไม่รู้ว่าถูกหรือแพง แต่ในใจคิดว่า ไม่เป็นไร มาเพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชนอยู่แล้วเนี่ย ไม่ต้องกลัว !
ระหว่างทางเราก็ชวนคุย ชวนถาม คุณป้าขับรถสองแถวไป กับเรื่องราวทั่วๆไปสัพเพเหระของเมืองน่าน ตรงนั้นตรงนี้ คืออะไร อากาศร้อนมั้ย ฝนตกบ้างหรือเปล่าเมื่อคืน ชวนให้พร้อมที่จะสนุก บุก ตะลุยเมืองน่าน ซะแล้ววว ในที่สุดใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที ก็ถึงที่พักแล้วครับ เดอะ วัน เฮ้าส์ (The One House) ยกมือไหว้ขอบคุณคุณป้าใหญ่เลยเรา
เมื่อรถมาจอดเทียบท่า เจ้าของที่พักก็ออกมาต้อนรับเป็นอย่างดี ดูแลเราเหมือนญาติเลยทีเดียว ซึ่งตอนหลังอยากจะมาบอกว่า ประทับใจกับที่นี่ที่สุดเลย ห้องพักสวยงาม หรูหรา สมราคา สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และมาทราบทีหลังว่า พี่เขาชื่อ คุณหนึ่ง จากน้องชายของเขาที่เราได้ไปเที่ยวด้วยกันนี่ล่ะ ซึ่งจะเขียนรีวิวให้ดูต่อจากนี้ไป แต่ตอนนี้ เรามาชมห้องพักที่เราต้องอยู่กัน 3 คืนนี้ก่อน
อิอิ ไม่ได้ค่าโฆษณาแต่อย่างใด แต่ผมโปรโมทให้ด้วยใจจริงๆ
ได้ห้องคุณชายเบอร์3 ครับ ห้องเตียงเดี่ยว ปลอดบุหรี่ มีโซฟา พื้นที่นั่งเล่น โทรทัศน์ ตู้เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว กาแฟ โอวัลติน ขนมปัง น้ำดื่ม สบู่ แชมพู สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ขอพักผ่อนสักแปป
13.00 น.
ด้วยความยังรู้อะไรไม่มาก เกี่ยวกับน่าน พี่หนึ่งแก ก็เอาแผนที่ Magazine Hi น่าน มากางให้ดู แถมใจดีให้จักรยานยืมสำหรับลูกค้าที่พัก ไปปั่นรอบเมือง แบบสบายใจ โดยไม่คิดค่าบริการเพิ่มเติมเลย จุดแรกนี่ล่ะ ที่ทำให้รู้ว่า คนเมืองน่านนี้ ใจดี มีน้ำใจจริงๆ แล้วแกก็แนะนำให้ลองปั่นไปดูข้อมูลที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวก่อน ว่ามีอะไรน่าเที่ยวบ้าง และแล้วเราก็ปั่นไปกันเลย
14.00 น.
ปั่นหลงไปหลงมา กางแผนที่แล้วแผนที่อีก และหนังสือคู่มือเล่มนี้
ในที่สุดเราก็เจอศูนย์บริการนักท่องเที่ยวน่าน แล้ว ได้มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ ให้แนะนำการท่องเที่ยวให้หน่อย เขาก็แนะนำให้ลองนั่งรถรางชมเมืองดู ซึ่งมี 2 รอบต่อวัน 09.30 และ 15.30 และก็ได้มีโอกาสพูดคุยเจ้าหน้าที่อีกหนึ่งท่าน ถามไปถามมา เธอเป็นนักวิชาการสิ่งแวดล้อม ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ ในจังหวัดน่าน ซึ่งมีถึง 7 แห่ง ได้อย่างดีเยี่ยม
ประกอบไปด้วย
1. อุทยานแห่งชาติศรีน่าน
2. อุทยานแห่งชาติดอยภูคา
3. อุทยานแห่งชาติขุนน่าน
4. อุทยานแห่งชาตินันทบุรี
5. อุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน
6. อุทยานแห่งชาติแม่จริม
7. อุทยานแห่งชาติขุนสถาน
14.00 น. พูดคุยกันได้สักพัก ท้องก็เริ่มหิว จึงบอกลาเธอ และขอตัวไปหาอะไรตกถึงท้องหน่อย ปั่นวนรอบไปมา จึงได้เห็นร้านอาหารกึ่งคาเฟ่แบบชิลๆชิคๆ ซึ่งตั้งอยู่บนถนนผากอง ติดกับปั๊มน้ำมันเชลล์ ใกล้สี่แยก ซึ่งก็คือร้าน น.น่าน คาเฟ่ ที่เพลงก็เพราะ แอร์เย็น อาหารรสชาติดี
และจัดเต็มกับเมนู ข้าวผัดฮังเล น้ำชามะนาวน้ำผึ้ง เฟรนซ์ฟรายทอด
14.30 น. แผนแรกที่ได้ทำมา จะไปวัดพระธาตุเขาน้อย และต่อด้วย วัดพระธาตุแช่แห้ง
แต่แล้วก็สามารถไปได้แค่วัดบริเวณเดียวกัน แค่ 2 วัด ปั่นจักรยานไปตามแผนที่ เห็นทางขึ้นเขาเตี้ยๆแล้วท้อใจ แดดก็มีแรงบ้างอ่อนบ้าง ตามประสาบ่ายสาม ปั่นขึ้นก็คงไม่ไหว จูงกันเลยดีกว่า เนินก็แล้ว 2 เนินก็แล้ว เห็นทางขึ้นวัดพระธาตุเขาน้อย แล้ว แต่คิดว่าตัวเองเก่ง ไม่จอดรถตรงนั้น ดั้นด้นเข็นขึ้นไปอีก 2 เนินสูงๆ โค้งอีกต่างหาก ไม่ไหว หอบ- เหงื่อแตกพลั่ก ไม่สู้แล้วที่จะปีนไปถึงทางรถยนต์ที่เขาวิ่งไปถึง ถอดใจปล่อยล้อให้มันลงมาดีกว่า
จากนี้ไป ผมเองต้องค่อยๆ ไต่ขึ้นไป แบบไม่ค่อยจะไหวแล้ว เพราะหมดแรงตั้งแต่เข็นจักรยานขึ้นภูเขานั่นล่ะ บันไดกว่า 303 ขั้น ค่อยๆเกาะราวขึ้นไป ถึงที่พักบันได ผมต้องแฮกๆๆๆ ทุกทีไป ปกติจะเดินขึ้นปร๋อ ไม่มีการหยุดพัก มาคิดทีหลัง ไม่น่าเล้ย
พอขึ้นมาถึงแล้ว ถือว่าคุ้มค่ามากครับ ด้วยแรงศรัทธาจากพระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่าน ทำให้เราหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย แต่ก่อนไปจะกราบไหว้นมัสการ และชมวิวทิวทัศน์อย่างจริงจัง ขออนุญาตไปล้างหน้าล้างเหงื่อก่อนนะครับ แผ่นหลังเปียกชุ่มไปทั่วตัวเลย
ระหว่างนี้ก็ขอแวะซื้อน้ำลิ้นจี่ เย็นๆ สักแก้ว สูญเสียเหงื่อไปเยอะ เลยต้องเอาน้ำที่เสียไป คืนมา มีโอกาสได้จีบแม่ค้า เอ้ย ไม่ใช่ แค่พูดคุยเรื่องสัพเพเหระ กันอย่างออกรส รู้สึกดีนะ ที่ได้คุยกับคนท้องถิ่น เธอแนะนำอะไรดีๆในเมืองน่านเยอะแยะเลย
สวยงามจัง ทิวทัศน์เมืองน่าน 360 องศา มองเห็นองค์พระธาตุแช่แห้งไกลๆ สะพานพัฒนาภาคเหนือทอดข้ามแม่น้ำน่านสีชาเย็น บ่อบำบัดน้ำเสีย คุณพี่แม่ค้าก็ชี้ให้ดู ว่าพระธาตุแช่แห้ง อยู่นู่น ห่างจากนี่ประมาณ 3-4 กม. ถ้าปั่นไหวก็ปั่นไปเลย
ชมวิวเรียบร้อยแล้ว มาไหว้พระขอพร พระบรมสารีริกธาตุ และหลวงพ่อทันใจครับ
ประวัติโดยย่อ ของวัดพระธาตุเขาน้อย
16.00 น. สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่วัดพระธาตุเขาน้อย เสร็จแล้ว ได้เวลาไปต่อกันอีกหนึ่งวัด ที่ผ่านเป็นทางกลับเข้าเมืองแล้ว
ระหว่างทางลง ขอไหว้เจ้าแม่กวนอิมก่อนครับ
16.20 น. วัดพญาวัด
ประวัติโดยย่อ
การท่องเที่ยวในเมืองน่าน จะมันส์ สนุกสนาน เข้มข้น และประทับใจแค่ไหน โปรดติดตามกัน ตอนต่อไป ครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น