สวัสดีทุกคนนะคะ พอดีได้มีโอกาสไปเที่ยวเชียงใหม่ ปางอุ๋ง ปาย ตอนช่วงใกล้ๆปีใหม่มาค่ะ (เพิ่งมีเวลามาลง -*-)
เนื่องจากชาวแก็งค์ที่ไปด้วยกันเป็นสาวออฟฟิศ น่ารัก บ้องแบ๊ว ใสใสกัน เลยตกลงกันว่า ทริปนี้เราจะไปสบายกันค่ะ
คือไม่เหนื่อย ไม่นอนเต๊นท์ กินที่อยากกิน ไปที่อยากไป เพราะทำงานมาเหนื่อยทั้งปีแล้ว ถ้าไปเที่ยวเหนื่อยอีกก็ไม่ไหว
ขอทิ้งทวนบ้างอะไรบ้าง หลังจากหาที่ชอบที่ชอบกันได้แล้ว พอดีมีรุ่นพี่เปิดโรงแรมอยู่ที่เชียงใหม่ชื่อ We Valley
พี่เค้าบอกว่าไหนๆมาละ ก็มารีวิวให้เลยละกัน เพื่อแลกกับที่นอน คืนนึงที่เชียงใหม่ค่ะ ฮาาา รับปากไปด้วยความงก คริคริ
เริ่มเลยละกัน ทริปนี้เราใช้บริการ Thai lion airค่ะ เป็นครั้งแรกเลยที่ใช้บริการสายการบินนี้ โอเคมาก ทุกอย่างดีหมด
ยกเว้นดวงของจขกท. เพราะขึ้นไปเจอหนุ่มฝรั่งนั่งข้างค่ะ หล่อ สูง ขาว แต่เสียอย่างเดียวคือ เป็นฝรั่งที่เหม็นละมุดมาก คือแทบจะเมาตามไปด้วย T^T

หลังจากลงเครื่องบิน ลาจากพ่อหนุ่มฝรั่งละมุดแล้ว ก่อนมาทางwe valleyแจ้งมาว่าจะมีบริการรับไปรับที่สนามบิน
ถึงจุดนี้บอกเลยค่ะ ชีวิต ดี๊ดี เพราะเคยมาแล้วเจอรถแดงโขกราคาโหดมาก หลังจากรับกระเป๋ากันแล้วเดินออกมาก็เจอคนของโรงแรมยืนถือป้ายรออยู่
พอขึ้นรถตู้ไปปุ้บ คิดว่ารถจะเปิดเพลงต่อนยอนๆ ล้านนาสไตล์ ผิด!!! เพลงตื้ดมาก ประหนึ่งอยู่ในแพเธค
ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็มาถึง เพราะโรงแรมไม่ห่างจากสนามบินมากเท่าไหร่ แล้วรถตู้ก็พามาถึงโรงแรมแล้วค่ะ

แต่นแต๊น ! จขกท. มาถึงประมาณเที่ยงครึ่งค่ะ เช็คอินเสร็จแล้วก็รู้มาว่า มีรถตู้โรงแรมบริการไปสวนสัตว์เชียงใหม่ฟรี
โดยมีเป็นรอบๆตามเวลาค่ะ จขกท.เล็งรอบบ่ายสองไว้ ก็เอาของขึ้นไปเก็บบนห้องพักก่อน
จขกท.ได้นอนห้องที่สามารถเปิดทะลุไปอีกห้องได้ค่ะ ห้องพักสะอาด ห้องน้ำแยกส่วนเปียกแห้งกันดีค่ะ
อันนี้เป็นวิวที่มองออกจากห้องไปค่ะ

หลังจากรีบเก็บของในห้องแล้วก็ไปถามที่รีเซปชั่นว่าแถวนี้มีร้านอาหารอะไรบ้างใกล้ๆ เพราะต้องรีบกินให้ทันรอบรถที่จะออกตอนบ่ายสอง
น้องพนักงานก็แนะนำมาว่ามีร้านอาหารอีสานห่างจากโรงแรมไป50เมตร (มาเชียงใหม่กินอาหารอีสาน เอ่อม...แต่ไม่มีเวลาคิดละ )
จะเดินไปก็ได้ หรือขี่จักรยานที่โรงแรมมีไว้ให้บริการก็ได้
เลยจัดไปซะหน่อย ขอยืมจักรยานปั่นไปใกล้มาก เจอร้านแก่นชัยอาหารอีสาน เจ้าของร้านฮามาก
คือบางเมนูพวกเราก็งงๆ ว่ามันคือตำอะไร ถามพนักงานเสริฟจนเจ้าของร้านเดินมาอธิบายส้มตำและเมนูแต่ละแบบเองเลยค่ะ
ว่าอันไหนรสชาติยังไงคืออะไร เผ็ดมากมั้ย
หลังจากเจ้าของร้านประเมินดูพวกเราแล้ว ก็ได้เมนูพื้นๆมาทานกันค่ะ เพราะกลัวว่าแซ่บมากไปจะปวดท้องไปสวนสัตว์ไม่ไหว
ตำไทย ตำปู นมหมูย่าง ลาบเอ็นแก้วหมู คือจะบอกว่า ขนาดบอกพี่เค้าแล้วว่าไม่เอาเผ็ดมาก รสชาตินี่แซ่บลืมเลยค่ะ เผ็ดปากห้อยเป็นกุนเชียงกันทุกคน
ท้องอิ่ม แล้วก็ออกเดินทางกันต่อเลยค่ะ โก โกวว สวนสัตว์เชียงใหม่

มาถึงสวนสัตว์เชียงใหม่ก็ซื้อตั๋วเข้าชมส่วนธรรมดา กับส่วนอควอเลียมค่ะ
ตอนแรกแอบแปลกใจตะหงิดๆแล้วว่าทำไมตั๋วรวมถูกมาก คือรวมสองอย่าง200บาทต่อคน
แต่ก็ซื้อมาแบบงงๆไม่คิดอะไรค่ะ (แล้วจะบอกทีหลัง ว่าทำไมถูกจัง)
ซื้อตั๋วเข้ามาด้านในแล้ว พวกเราก็ตัดสินใจซื้อตั๋วรถนั่งด้านในเพิ่มอีกคนละ30บาทค่ะ
(บอกแล้วทริปสบาย แทบไม่ยอมเดินกันเลย อิอิ) ขึ้นไปนั่งบนรถหน้าตาแบบนี้ค่ะ จะมีพี่คนขับบรรยายไปตามจุดพักต่างๆ
จุดแรกที่พี่เค้าแวะให้คือ ช้างงงงงง (เน้นว่าตัวใหญ่ งายาวมาก) ใครจะซื้อแตงกวาป้อนพี่ช้างก็ได้นะคะ ตะกร้าละ20บาทเท่านั้นเอง
ณ จุดนี้พวกเราไม่ได้เข้าไปดูจุดต่อไปที่เป็นหมีแพนด้าค่ะ เพราะต้องเสียเงินเพิ่มอีก (งกมากกกก)
เลยไม่เข้าไปดีกว่า เลยนั่งรถต่อไปเพื่อเข้าส่วนจัดแสดงสัตว์น้ำเลยค่ะ เพราะว่าจขกท.ไปถึงก็ช่วงบ่ายๆคล้อยไปเย็นแล้ว
เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ส่วนอควอเลียมจะปิดตอน16.30ค่ะ เลยรีบไปก่อน เพราะคิดว่าจะใช้เวลาส่วนนี้เยอะสุด
มาถึงเป็นพิธีทุกครั้งค่ะ ที่ต้องแวะให้อาหารปลาก่อน
แล้วก็เข้าไปด้านในโลด
จนเดินทางถึงอุโมงค์ใต้น้ำค่ะ... มาถึงตอนนี้พึ่งได้รู้ว่า ปิดแสดง เปิดแค่บางส่วน
แงงงงงง
มิน่าบัตรถึงได้ราคาถูกใช่มั้ย ทำไมพี่ไม่บอกหนูล่ะคะ T^T ยังดีที่มีโชว์ให้อาหารปลาแป้ปนึง ให้ดูเพลินๆไม่เสียใจมากไปกว่านี้

มาค่ะ เก็บความเสียใจไว้ แล้วนั่งรถไปดูโซนอื่นต่อ แต่เนื่องจากพวกเราไปกันเย็นพอสมควรแล้ว
ส่วนที่มีโชว์มีกิจกรรมก็ปิดไปบ้างแล้ว ก็เลยตัดสินใจว่าจะไปเดินถนนคนเดินกันต่อค่ะ
เดินออกมาหน้าสวนสัตว์ก็เจอรถแดงจอดอยู่
โบกเข้าเมืองไปที่ราคา 4คน 150 บาทค่ะ

แป้ปเดียวรถแดงก็พาเรามาถึงถนนคนเดินแล้วค่ะ วันอาทิตย์คนเยอะมากๆ ของขายเยอะเชียว
มีเป็นเต๊นท์ร้านขายอาหารเยอะมากค่ะ แต่เหมือนว่าที่นั่งจะไม่พอกับความต้องการ
เลยเดินๆหาของที่สามารถยืนถือกินได้ จนไปเจอร้านก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย อร่อยมากกก
พอดีช่วงนั้นไปตรงกับงานวันธรรมศาสตร์พอดีค่ะ มีเวทีแสดงดนตรีด้วย
ท้องอิ่มแล้วก็มาเดินกันต่อค่ะ อย่างที่บอกว่าเป็นวันอาทิตย์ แถมใกล้ปีใหม่ด้วย นักท่องเที่ยวเยอะมาก
ทั้งไทย จีน ฝรั่ง แขก คือคึกคักสุดๆค่ะ อากาศหนาวๆที่ว่ามาเจอคนเยอะแบบนี้ หนาวจั้กกะแร้เปียกเลยค่ะ
ตลอดสองข้างทางก็มรของกินของขาย งานแฮนเมดเยอะแยะไปหมดเลยค่ะ
ส่วนกลางทางก็มีแสดงศิลปะพื้นบ้านโดยศิลปินอินดี้ทั้งหลายเป็นแนวยาวไปตลอดทาง
หลังจากเดินช้อปปิ้งกันจนเหนื่อยแล้ว ก็ถึงเวลากลับที่พักค่ะ โบกรถตุ๊กตุ๊กกลับโรงแรม
ชมเมืองเชียงใหม่ยามค่ำคืนกันไป พร้อมอากาศหนาวๆกระทบหน้าจนชาตลอดทางค่ะ

ตื่นเช้ามาเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าค่ะ วันนี้เราจะไปปางอุ๋งกัน !!!!
ก่อนเดินทาง กองทัพเดินด้วยท้อง จัดข้าวเช้าที่โรงแรมกันไปซะให้อิ่ม วันนี้เราจะไปกินข้าวเย็นกันที่ปางอุ๋งให้ได้!!!

ชายหนุ่มคนเดียวของทริปนี้ ซัดไปสองสามจานพูนๆได้ค่ะ

มีทั้งข้าวต้ม ไข่ดาว แฮม ผัดหมี่ แกงจืด สลัด ไว้บริการค่ะ

เนื่องจากตอนที่มาถึงรีบๆกัน ตอนเช้าเลยพึ่งมีเวลาสำรวจโรงแรมค่ะ เพิ่งเห็นว่ามีร้านกาแฟอยู่ด้วย และมีคอมพิวเตอร์ไว้ให้บริการที่ล๊อบบี้
ได้เวลาเดินทางแล้วค่ะ รถตู้ที่นัดกันไว้ก็มารับ พูดคุยจุดหมายกันอีกรอบค่ะ ว่าวันนี้เราจะขึ้นปางอุ๋งกัน เลยถามพี่เค้าว่าใช้เวลาเท่าไหร่ พี่เค้าบอก3ชม. เราก็เลยวางใจมากกกกกกกกก ว่า3ชม.จะถึงค่ะ ด้วยความชะล่าใจนั้นเองเลย บอกพี่เค้าไปว่างั้นไปแวะเที่ยวที่ม่อนแจ่มกันก่อนได้มั้ย พี่เค้าก็บอกว่าได้ เป็นทางผ่านอยู่แล้ว
พวกเราจึงเดินทางกันไปม่อนแจ่มก่อนค่ะ (ยังลั้นลากัน หึหึ หารู้ไม่ซะแล้ว...)
ระหว่างที่เดินทางไปคุณเพื่อนสาวก็รู้มาว่ามีร้านอาหารวิวดีดีที่นึง เห็นวิวน้ำตกด้วย นางนำเสนอมากค่ะ
เลยตัดสินใจถามกับพี่คนขับ ( ต่อไปนี้จะสมมุติชื่อพี่คนขับว่าพี่ลั้นลา ) พี่ลั้นลาบอกว่าร้านนี้ดังมาก ชื่อร้านโป่งแยงแอ่งดอย
ถ้าไม่จองเนี่ย น้องๆไม่ได้กินหรอกนะ คนเยอะมาก (กรุณาอ่านเป็นสำเนียงเหนือ)
พี่เค้าก็เลยขับพาไปที่ร้านก่อนค่ะ ตอนนั้นเวลาประมาณ9.00 เพื่อไปจองทานตอนมื้อเที่ยงนี้
พอมาถึงร้านก็สวยสมคำร่ำลือนะคะ แต่พอเดินเข้าไปแล้ว เห้ยยย คนจองแทบจะเต็มร้านเลยอ่ะ มีแต่ป้ายขึ้นตามโต๊ะว่าจองแล้วๆๆๆ
แต่โชคดีค่ะ ได้โต๊ะว่างโต๊ะนึงพอดี ก็จองไปว่าเที่ยงตรงเราจะกลับมาที่นี่อีกรอบเพื่อกินอาหารเหนือพร้อมชมวิวน้ำตก พร้อมอากาศเย็นสบายกันค่ะ
[CR][SR] [SR] we valley [CR] บ้านรวมไทยปางอุ๋ง และปาย อาร์ อาร์ส ไปสวนสัตว์เชียงใหม่ พระตำหนักภูพิง ดอยปุย ม่อนแจ่ม
เนื่องจากชาวแก็งค์ที่ไปด้วยกันเป็นสาวออฟฟิศ น่ารัก บ้องแบ๊ว ใสใสกัน เลยตกลงกันว่า ทริปนี้เราจะไปสบายกันค่ะ
คือไม่เหนื่อย ไม่นอนเต๊นท์ กินที่อยากกิน ไปที่อยากไป เพราะทำงานมาเหนื่อยทั้งปีแล้ว ถ้าไปเที่ยวเหนื่อยอีกก็ไม่ไหว
ขอทิ้งทวนบ้างอะไรบ้าง หลังจากหาที่ชอบที่ชอบกันได้แล้ว พอดีมีรุ่นพี่เปิดโรงแรมอยู่ที่เชียงใหม่ชื่อ We Valley
พี่เค้าบอกว่าไหนๆมาละ ก็มารีวิวให้เลยละกัน เพื่อแลกกับที่นอน คืนนึงที่เชียงใหม่ค่ะ ฮาาา รับปากไปด้วยความงก คริคริ
เริ่มเลยละกัน ทริปนี้เราใช้บริการ Thai lion airค่ะ เป็นครั้งแรกเลยที่ใช้บริการสายการบินนี้ โอเคมาก ทุกอย่างดีหมด
ยกเว้นดวงของจขกท. เพราะขึ้นไปเจอหนุ่มฝรั่งนั่งข้างค่ะ หล่อ สูง ขาว แต่เสียอย่างเดียวคือ เป็นฝรั่งที่เหม็นละมุดมาก คือแทบจะเมาตามไปด้วย T^T
หลังจากลงเครื่องบิน ลาจากพ่อหนุ่มฝรั่งละมุดแล้ว ก่อนมาทางwe valleyแจ้งมาว่าจะมีบริการรับไปรับที่สนามบิน
ถึงจุดนี้บอกเลยค่ะ ชีวิต ดี๊ดี เพราะเคยมาแล้วเจอรถแดงโขกราคาโหดมาก หลังจากรับกระเป๋ากันแล้วเดินออกมาก็เจอคนของโรงแรมยืนถือป้ายรออยู่
พอขึ้นรถตู้ไปปุ้บ คิดว่ารถจะเปิดเพลงต่อนยอนๆ ล้านนาสไตล์ ผิด!!! เพลงตื้ดมาก ประหนึ่งอยู่ในแพเธค
ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็มาถึง เพราะโรงแรมไม่ห่างจากสนามบินมากเท่าไหร่ แล้วรถตู้ก็พามาถึงโรงแรมแล้วค่ะ
แต่นแต๊น ! จขกท. มาถึงประมาณเที่ยงครึ่งค่ะ เช็คอินเสร็จแล้วก็รู้มาว่า มีรถตู้โรงแรมบริการไปสวนสัตว์เชียงใหม่ฟรี
โดยมีเป็นรอบๆตามเวลาค่ะ จขกท.เล็งรอบบ่ายสองไว้ ก็เอาของขึ้นไปเก็บบนห้องพักก่อน
จขกท.ได้นอนห้องที่สามารถเปิดทะลุไปอีกห้องได้ค่ะ ห้องพักสะอาด ห้องน้ำแยกส่วนเปียกแห้งกันดีค่ะ
อันนี้เป็นวิวที่มองออกจากห้องไปค่ะ
หลังจากรีบเก็บของในห้องแล้วก็ไปถามที่รีเซปชั่นว่าแถวนี้มีร้านอาหารอะไรบ้างใกล้ๆ เพราะต้องรีบกินให้ทันรอบรถที่จะออกตอนบ่ายสอง
น้องพนักงานก็แนะนำมาว่ามีร้านอาหารอีสานห่างจากโรงแรมไป50เมตร (มาเชียงใหม่กินอาหารอีสาน เอ่อม...แต่ไม่มีเวลาคิดละ )
จะเดินไปก็ได้ หรือขี่จักรยานที่โรงแรมมีไว้ให้บริการก็ได้
เลยจัดไปซะหน่อย ขอยืมจักรยานปั่นไปใกล้มาก เจอร้านแก่นชัยอาหารอีสาน เจ้าของร้านฮามาก
คือบางเมนูพวกเราก็งงๆ ว่ามันคือตำอะไร ถามพนักงานเสริฟจนเจ้าของร้านเดินมาอธิบายส้มตำและเมนูแต่ละแบบเองเลยค่ะ
ว่าอันไหนรสชาติยังไงคืออะไร เผ็ดมากมั้ย
หลังจากเจ้าของร้านประเมินดูพวกเราแล้ว ก็ได้เมนูพื้นๆมาทานกันค่ะ เพราะกลัวว่าแซ่บมากไปจะปวดท้องไปสวนสัตว์ไม่ไหว
ตำไทย ตำปู นมหมูย่าง ลาบเอ็นแก้วหมู คือจะบอกว่า ขนาดบอกพี่เค้าแล้วว่าไม่เอาเผ็ดมาก รสชาตินี่แซ่บลืมเลยค่ะ เผ็ดปากห้อยเป็นกุนเชียงกันทุกคน
ท้องอิ่ม แล้วก็ออกเดินทางกันต่อเลยค่ะ โก โกวว สวนสัตว์เชียงใหม่
มาถึงสวนสัตว์เชียงใหม่ก็ซื้อตั๋วเข้าชมส่วนธรรมดา กับส่วนอควอเลียมค่ะ
ตอนแรกแอบแปลกใจตะหงิดๆแล้วว่าทำไมตั๋วรวมถูกมาก คือรวมสองอย่าง200บาทต่อคน
แต่ก็ซื้อมาแบบงงๆไม่คิดอะไรค่ะ (แล้วจะบอกทีหลัง ว่าทำไมถูกจัง)
ซื้อตั๋วเข้ามาด้านในแล้ว พวกเราก็ตัดสินใจซื้อตั๋วรถนั่งด้านในเพิ่มอีกคนละ30บาทค่ะ
(บอกแล้วทริปสบาย แทบไม่ยอมเดินกันเลย อิอิ) ขึ้นไปนั่งบนรถหน้าตาแบบนี้ค่ะ จะมีพี่คนขับบรรยายไปตามจุดพักต่างๆ
จุดแรกที่พี่เค้าแวะให้คือ ช้างงงงงง (เน้นว่าตัวใหญ่ งายาวมาก) ใครจะซื้อแตงกวาป้อนพี่ช้างก็ได้นะคะ ตะกร้าละ20บาทเท่านั้นเอง
ณ จุดนี้พวกเราไม่ได้เข้าไปดูจุดต่อไปที่เป็นหมีแพนด้าค่ะ เพราะต้องเสียเงินเพิ่มอีก (งกมากกกก)
เลยไม่เข้าไปดีกว่า เลยนั่งรถต่อไปเพื่อเข้าส่วนจัดแสดงสัตว์น้ำเลยค่ะ เพราะว่าจขกท.ไปถึงก็ช่วงบ่ายๆคล้อยไปเย็นแล้ว
เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ส่วนอควอเลียมจะปิดตอน16.30ค่ะ เลยรีบไปก่อน เพราะคิดว่าจะใช้เวลาส่วนนี้เยอะสุด
มาถึงเป็นพิธีทุกครั้งค่ะ ที่ต้องแวะให้อาหารปลาก่อน
แล้วก็เข้าไปด้านในโลด
จนเดินทางถึงอุโมงค์ใต้น้ำค่ะ... มาถึงตอนนี้พึ่งได้รู้ว่า ปิดแสดง เปิดแค่บางส่วน
แงงงงงง มิน่าบัตรถึงได้ราคาถูกใช่มั้ย ทำไมพี่ไม่บอกหนูล่ะคะ T^T ยังดีที่มีโชว์ให้อาหารปลาแป้ปนึง ให้ดูเพลินๆไม่เสียใจมากไปกว่านี้
มาค่ะ เก็บความเสียใจไว้ แล้วนั่งรถไปดูโซนอื่นต่อ แต่เนื่องจากพวกเราไปกันเย็นพอสมควรแล้ว
ส่วนที่มีโชว์มีกิจกรรมก็ปิดไปบ้างแล้ว ก็เลยตัดสินใจว่าจะไปเดินถนนคนเดินกันต่อค่ะ เดินออกมาหน้าสวนสัตว์ก็เจอรถแดงจอดอยู่
โบกเข้าเมืองไปที่ราคา 4คน 150 บาทค่ะ
แป้ปเดียวรถแดงก็พาเรามาถึงถนนคนเดินแล้วค่ะ วันอาทิตย์คนเยอะมากๆ ของขายเยอะเชียว
มีเป็นเต๊นท์ร้านขายอาหารเยอะมากค่ะ แต่เหมือนว่าที่นั่งจะไม่พอกับความต้องการ
เลยเดินๆหาของที่สามารถยืนถือกินได้ จนไปเจอร้านก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย อร่อยมากกก
พอดีช่วงนั้นไปตรงกับงานวันธรรมศาสตร์พอดีค่ะ มีเวทีแสดงดนตรีด้วย
ท้องอิ่มแล้วก็มาเดินกันต่อค่ะ อย่างที่บอกว่าเป็นวันอาทิตย์ แถมใกล้ปีใหม่ด้วย นักท่องเที่ยวเยอะมาก
ทั้งไทย จีน ฝรั่ง แขก คือคึกคักสุดๆค่ะ อากาศหนาวๆที่ว่ามาเจอคนเยอะแบบนี้ หนาวจั้กกะแร้เปียกเลยค่ะ
ตลอดสองข้างทางก็มรของกินของขาย งานแฮนเมดเยอะแยะไปหมดเลยค่ะ
ส่วนกลางทางก็มีแสดงศิลปะพื้นบ้านโดยศิลปินอินดี้ทั้งหลายเป็นแนวยาวไปตลอดทาง
หลังจากเดินช้อปปิ้งกันจนเหนื่อยแล้ว ก็ถึงเวลากลับที่พักค่ะ โบกรถตุ๊กตุ๊กกลับโรงแรม
ชมเมืองเชียงใหม่ยามค่ำคืนกันไป พร้อมอากาศหนาวๆกระทบหน้าจนชาตลอดทางค่ะ
ตื่นเช้ามาเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าค่ะ วันนี้เราจะไปปางอุ๋งกัน !!!!
ก่อนเดินทาง กองทัพเดินด้วยท้อง จัดข้าวเช้าที่โรงแรมกันไปซะให้อิ่ม วันนี้เราจะไปกินข้าวเย็นกันที่ปางอุ๋งให้ได้!!!
ชายหนุ่มคนเดียวของทริปนี้ ซัดไปสองสามจานพูนๆได้ค่ะ
มีทั้งข้าวต้ม ไข่ดาว แฮม ผัดหมี่ แกงจืด สลัด ไว้บริการค่ะ
เนื่องจากตอนที่มาถึงรีบๆกัน ตอนเช้าเลยพึ่งมีเวลาสำรวจโรงแรมค่ะ เพิ่งเห็นว่ามีร้านกาแฟอยู่ด้วย และมีคอมพิวเตอร์ไว้ให้บริการที่ล๊อบบี้
ได้เวลาเดินทางแล้วค่ะ รถตู้ที่นัดกันไว้ก็มารับ พูดคุยจุดหมายกันอีกรอบค่ะ ว่าวันนี้เราจะขึ้นปางอุ๋งกัน เลยถามพี่เค้าว่าใช้เวลาเท่าไหร่ พี่เค้าบอก3ชม. เราก็เลยวางใจมากกกกกกกกก ว่า3ชม.จะถึงค่ะ ด้วยความชะล่าใจนั้นเองเลย บอกพี่เค้าไปว่างั้นไปแวะเที่ยวที่ม่อนแจ่มกันก่อนได้มั้ย พี่เค้าก็บอกว่าได้ เป็นทางผ่านอยู่แล้ว
พวกเราจึงเดินทางกันไปม่อนแจ่มก่อนค่ะ (ยังลั้นลากัน หึหึ หารู้ไม่ซะแล้ว...)
ระหว่างที่เดินทางไปคุณเพื่อนสาวก็รู้มาว่ามีร้านอาหารวิวดีดีที่นึง เห็นวิวน้ำตกด้วย นางนำเสนอมากค่ะ
เลยตัดสินใจถามกับพี่คนขับ ( ต่อไปนี้จะสมมุติชื่อพี่คนขับว่าพี่ลั้นลา ) พี่ลั้นลาบอกว่าร้านนี้ดังมาก ชื่อร้านโป่งแยงแอ่งดอย
ถ้าไม่จองเนี่ย น้องๆไม่ได้กินหรอกนะ คนเยอะมาก (กรุณาอ่านเป็นสำเนียงเหนือ)
พี่เค้าก็เลยขับพาไปที่ร้านก่อนค่ะ ตอนนั้นเวลาประมาณ9.00 เพื่อไปจองทานตอนมื้อเที่ยงนี้
พอมาถึงร้านก็สวยสมคำร่ำลือนะคะ แต่พอเดินเข้าไปแล้ว เห้ยยย คนจองแทบจะเต็มร้านเลยอ่ะ มีแต่ป้ายขึ้นตามโต๊ะว่าจองแล้วๆๆๆ
แต่โชคดีค่ะ ได้โต๊ะว่างโต๊ะนึงพอดี ก็จองไปว่าเที่ยงตรงเราจะกลับมาที่นี่อีกรอบเพื่อกินอาหารเหนือพร้อมชมวิวน้ำตก พร้อมอากาศเย็นสบายกันค่ะ
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว