วันนี้ผมจะมาเเบ่งปันความรู้สึกที่ ทุกๆท่าน อาจเคยมีกันมาบ้าง หรือ อาจจะมีอยู๋ในขณะนี้
วันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันเเรกของผม ใน ฐานะ นร. ม6 หรือเรียกว่า ปีสุดท้ายที่จะเรียกตัวเองว่า นักเรียน
ในม.6 นั้นทุกๆคนก็คงคิดเรื่องเดียวกัน คือจะไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยไหนดีนะ ใช่มั้ยครับ
ผมก็เป็นคนนึงที่คิดเเบบนั้นเช่นกันครับ
ในวันนี้ ผมได้ฟังสิ่งที่เรียกว่า ความเห็นของอาจารย์ประจำชั้นมาครับ
ในวันนี้ นั้น อาจารย์ประจำชั้นของผมได้พูด ประโยคที่ทำให้ผมต้องกลับมาคิดใหม่หลายเรื่องเลยครับ
1.อาจารย์ พูดว่านร. คนไหนที่คิดจะซิ้วในปีนี้ของให้คิดดีๆ เพราะปีนี้จะเป็นปีสุดท้าย ที่ระบบการสอบจะเปนเเบบนี้ ในปีหน้านั้นจะเปลี่ยนเปนระบบใหม่เเล้ว อย่าเสี่ยงเลย เพียงเพราะประโยคนี้ มันทำให้ส่วนหนึ่งในความคิดของผมที่คิดว่า "ไม่เปนไร ปีนี้ไม่ติด ซิ้ว เเล้วลองใหม่ในปีหน้าก็ยังได้" มันทำให้ความคิดนี้ของผม หมดไปเลยคับ

2.อาจารย์พูดต่อมาอีกว่า เด็กสมัยนี้ เป็นปะไรกัน ทำไมถึงได้นิยม เข้า มหาวิทยาลัย ม.กรุงเทพ กับ ABAC กันเต็มไปหมด พวกผมก็หัวเราะ เเต่ในใจผมก็คิดว่า เเล้วพวก ม.กรุงเทพ กับ ABAC มันไม่ดียังไงหรอ ? อาจารย์ก็พูดต่อว่า มหาวิทยาลัยเอกชน น่ะ มันเข้าง่ายก็จริง เเต่ออก น่ะ มันไม่ได้ง่ายๆนะ เพียงเพราะประโยคนี้ ทำให้ความคิดที่ว่า "ไม่เปนไร ยังไงก็มี ABAC ไว้ให้เรียนอยู๋" ทำเอาผมนี้สับสนไปหมดเลยครับ ว่าตกลงผมควรจะไปที่ไหนดี
.
.
.
.
.
.
เย็นวันนั้นผมได้มานั่งคิด เเล้วก็คุยกับตัวเองว่า "ถ้าไม่ติดจะทำยังไงดีนะ" ตอนนี้ผมทั้งเครียด กดดัน กลัว ความรู้สึกทั้งหมด มันเหมือนกับโดนอุกกาบาตลูกมหึมาพุ่งชนลงมาที่ตัวของผมในที่เดียว ผมเเทบจะกลั้น น้ำตาไว้ไม่อยู่ เเต่ ผมก็มีเพื่อนที่อยู่กับผมมานานเเสนนานเเล้ว(ขอเรียกเเทนว่า S นะครับ)
S ได้บอกกับผมว่า
ไม่เหนต้องคิดมากขนาดนั้นเลย คิดว่า ตัวเองมีความรู้สึกเเบบนั้นอยู่ คนเดียวหรอ ถ้ายังรู้สึกเเบบนี้ คนอื่นก็เช่นกัน
ผมถึงกับนิ่งเเล้วคิดใหม่เลยครับ ทันใดนั้นเอง เพื่อนสมัยเด็กของผม ที่อยู่กับผมมาตั้งเเต่อนุบาลจนถึง ม.6นี้เเล้ว
ได้ทักมาว่า "พุ่งนี้เอาไง จะไปเรียนด้วยกันไหม" ผมเลยบอกได้ๆ เเล้วเพื่อนสมัยเด็กของผม (ขอเรียกว่า M นะครับ)
M ได้เปลี่ยนเรื่องคุย กับผม เค้าได้บอกว่า "กูกลัววะ" กลัวว่าจะไม่ติดมหาวิทยาลัย ผมถึงกับ ตกใจเลย!!!!
เห้ยไม่ได้มีเเค่เราอย่างที่ S ได้พูดไว้จิงๆด้วย ผมก็ได้คุยอยู๋กับ M เกือบ 1 ชั้วโมงเลย เปนครั้งเเรกที่ พวกผมคุยเรื่องที่ ซีเรียสกันเเบบนี้
ผมก็ได้เเต่บอกว่า กูก็กลัวเหมือนกัน กลัวที่จะไม่มีที่เรียน เเล้วก็กลัวที่จะทให้พ่อเเม่ผิดหวัง M ก็คิดเเบบเดียวกัน
พวกผมได้จบบทสนทนาที่ทำให้รู้สึก หดหู่ ไว้ เเล้วบอกไว้ว่า มีอะไรก็มาช่วยๆกันละกันนะ ยังไงพวกเราก้ต้องติดให้ได้
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เพื่อนของผม S ที่จิงอาจจะฟังดูเเปลกเเต่ เค้าก็คือ ผมอีกคนนั้นเอง เคยมีอาจารย์ฝึกสอนคนหนึ่ง ที่สามารถดูนิสัยของคนผ่านลายมือได้ เค้าได้ดูลายมือของผม เเละได้บอกว่า ผมน่ะ มี2บุคลิก ผมถึงกับตกใจ เพราะในตอนนั้นเองผม ก็ได้รู้จักกับ S เเล้ว เเต่คิดว่า S อาจเป็นเพียงเพื่อนในความคิดของผมก็เท่านั้นเอง ไม่นึกว่าจิงๆ ผมนั้นมี 2 บุคลิก เเต่ถึงอย่างนั้นก้ยังไม่มีอะไรที่พิสูจ ได้ว่าผมนั้นมี2 บุคลิกจริงๆ เเต่ถึงอย่างนั้นผมก็ดีใจมากที่ได้ร็จักกับ S
.
.
.
.
.
*****นี่คือกระทู้เเรกของผม มีอะไรผิดพลาดก็ขอ อภัยด้วยครับ มีความเห็นอยากไรก็เม้นไว้เลยครับ ติได้นะครับผม ไม่ว่ากันครับ มือใหม่ ถ้าชอบก็กด เเชร์ให้เพื่อนๆที่มีปัญหาเเบบนี้ได้ลองอ่านกันดูนะครับ *****
อุกกาบาตเเห่งความเครียด ที่เรียกว่า มหาวิทยาลัย
วันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันเเรกของผม ใน ฐานะ นร. ม6 หรือเรียกว่า ปีสุดท้ายที่จะเรียกตัวเองว่า นักเรียน
ในม.6 นั้นทุกๆคนก็คงคิดเรื่องเดียวกัน คือจะไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยไหนดีนะ ใช่มั้ยครับ
ผมก็เป็นคนนึงที่คิดเเบบนั้นเช่นกันครับ
ในวันนี้ ผมได้ฟังสิ่งที่เรียกว่า ความเห็นของอาจารย์ประจำชั้นมาครับ
ในวันนี้ นั้น อาจารย์ประจำชั้นของผมได้พูด ประโยคที่ทำให้ผมต้องกลับมาคิดใหม่หลายเรื่องเลยครับ
1.อาจารย์ พูดว่านร. คนไหนที่คิดจะซิ้วในปีนี้ของให้คิดดีๆ เพราะปีนี้จะเป็นปีสุดท้าย ที่ระบบการสอบจะเปนเเบบนี้ ในปีหน้านั้นจะเปลี่ยนเปนระบบใหม่เเล้ว อย่าเสี่ยงเลย เพียงเพราะประโยคนี้ มันทำให้ส่วนหนึ่งในความคิดของผมที่คิดว่า "ไม่เปนไร ปีนี้ไม่ติด ซิ้ว เเล้วลองใหม่ในปีหน้าก็ยังได้" มันทำให้ความคิดนี้ของผม หมดไปเลยคับ
2.อาจารย์พูดต่อมาอีกว่า เด็กสมัยนี้ เป็นปะไรกัน ทำไมถึงได้นิยม เข้า มหาวิทยาลัย ม.กรุงเทพ กับ ABAC กันเต็มไปหมด พวกผมก็หัวเราะ เเต่ในใจผมก็คิดว่า เเล้วพวก ม.กรุงเทพ กับ ABAC มันไม่ดียังไงหรอ ? อาจารย์ก็พูดต่อว่า มหาวิทยาลัยเอกชน น่ะ มันเข้าง่ายก็จริง เเต่ออก น่ะ มันไม่ได้ง่ายๆนะ เพียงเพราะประโยคนี้ ทำให้ความคิดที่ว่า "ไม่เปนไร ยังไงก็มี ABAC ไว้ให้เรียนอยู๋" ทำเอาผมนี้สับสนไปหมดเลยครับ ว่าตกลงผมควรจะไปที่ไหนดี
.
.
.
.
.
.
เย็นวันนั้นผมได้มานั่งคิด เเล้วก็คุยกับตัวเองว่า "ถ้าไม่ติดจะทำยังไงดีนะ" ตอนนี้ผมทั้งเครียด กดดัน กลัว ความรู้สึกทั้งหมด มันเหมือนกับโดนอุกกาบาตลูกมหึมาพุ่งชนลงมาที่ตัวของผมในที่เดียว ผมเเทบจะกลั้น น้ำตาไว้ไม่อยู่ เเต่ ผมก็มีเพื่อนที่อยู่กับผมมานานเเสนนานเเล้ว(ขอเรียกเเทนว่า S นะครับ)
S ได้บอกกับผมว่า
ไม่เหนต้องคิดมากขนาดนั้นเลย คิดว่า ตัวเองมีความรู้สึกเเบบนั้นอยู่ คนเดียวหรอ ถ้ายังรู้สึกเเบบนี้ คนอื่นก็เช่นกัน
ผมถึงกับนิ่งเเล้วคิดใหม่เลยครับ ทันใดนั้นเอง เพื่อนสมัยเด็กของผม ที่อยู่กับผมมาตั้งเเต่อนุบาลจนถึง ม.6นี้เเล้ว
ได้ทักมาว่า "พุ่งนี้เอาไง จะไปเรียนด้วยกันไหม" ผมเลยบอกได้ๆ เเล้วเพื่อนสมัยเด็กของผม (ขอเรียกว่า M นะครับ)
M ได้เปลี่ยนเรื่องคุย กับผม เค้าได้บอกว่า "กูกลัววะ" กลัวว่าจะไม่ติดมหาวิทยาลัย ผมถึงกับ ตกใจเลย!!!!
เห้ยไม่ได้มีเเค่เราอย่างที่ S ได้พูดไว้จิงๆด้วย ผมก็ได้คุยอยู๋กับ M เกือบ 1 ชั้วโมงเลย เปนครั้งเเรกที่ พวกผมคุยเรื่องที่ ซีเรียสกันเเบบนี้
ผมก็ได้เเต่บอกว่า กูก็กลัวเหมือนกัน กลัวที่จะไม่มีที่เรียน เเล้วก็กลัวที่จะทให้พ่อเเม่ผิดหวัง M ก็คิดเเบบเดียวกัน
พวกผมได้จบบทสนทนาที่ทำให้รู้สึก หดหู่ ไว้ เเล้วบอกไว้ว่า มีอะไรก็มาช่วยๆกันละกันนะ ยังไงพวกเราก้ต้องติดให้ได้
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เพื่อนของผม S ที่จิงอาจจะฟังดูเเปลกเเต่ เค้าก็คือ ผมอีกคนนั้นเอง เคยมีอาจารย์ฝึกสอนคนหนึ่ง ที่สามารถดูนิสัยของคนผ่านลายมือได้ เค้าได้ดูลายมือของผม เเละได้บอกว่า ผมน่ะ มี2บุคลิก ผมถึงกับตกใจ เพราะในตอนนั้นเองผม ก็ได้รู้จักกับ S เเล้ว เเต่คิดว่า S อาจเป็นเพียงเพื่อนในความคิดของผมก็เท่านั้นเอง ไม่นึกว่าจิงๆ ผมนั้นมี 2 บุคลิก เเต่ถึงอย่างนั้นก้ยังไม่มีอะไรที่พิสูจ ได้ว่าผมนั้นมี2 บุคลิกจริงๆ เเต่ถึงอย่างนั้นผมก็ดีใจมากที่ได้ร็จักกับ S
.
.
.
.
.
*****นี่คือกระทู้เเรกของผม มีอะไรผิดพลาดก็ขอ อภัยด้วยครับ มีความเห็นอยากไรก็เม้นไว้เลยครับ ติได้นะครับผม ไม่ว่ากันครับ มือใหม่ ถ้าชอบก็กด เเชร์ให้เพื่อนๆที่มีปัญหาเเบบนี้ได้ลองอ่านกันดูนะครับ *****