เพิ่งมีโอกาศไปปีนังครั้งแรกรวมถึงนั่งเครื่องบินไปต่างประเทศและบินไปเที่ยวคนเดียวที่ต่างประเทศครั้งแรกด้วย ตัดสินใจจองตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พักแบบนอนรวม (dorm) ไปแบบไร้ซึ่งแผนการใดๆไปแบบไม่คิดอะไรแค่อยากไปดูงานศิลปะที่ตาม Street Art ที่ปีนังแค่นั้นไม่ได้หวังผลอื่นเท่าไหร่เพราะไม่ได้คิดว่าปีนังจะมีอะไรเที่ยวไหม
ก่อนเดินทางได้สาม-สี่วันผมไปแลกเงืนที่เดอะริชมาประมาณ 2000 บาทได้เงินริงกิตมาประมาณ 200กับเศษอีกประมาณ14-15บาทอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 9บาทกว่าๆต่อ 1RM
ไฟท์บินของผมเดินทาง 15.50 เวลาในประเทศไทยผมออกจากบ้านตั้งแต่สองโมงเย็นไปถึงสนามบินดอนเมืองประมาณ สองโมงนิดๆเกือบสามโมงด้วยความที่ไม่เคยบินไปต่างประเทศก็ใจเสียนิดๆว่าจะพ้นประเทศไทยไหม เพราะว่ากล้าๆกลัวๆเหมือนกันมันรนไปหมด
เราโดยสารไปด้วยเจ้านกเหล็กตัวนี้แหละครับสบายๆไม่รีบร้อนใช้เวลาเดินทางจากดอนเมืองถึงปีนังประมาณ 1.45 ชั่วโมงแปปเดียวเหมือนนั่งรถจากรังสิตไปพัทยา
หลังจากเราถึงปีนัง ประเทศมาเลเซียแล้วเวลาที่บ้านเค้าเดินเร็วกว่าเราประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆถึงนู่นก็ 18.00 พอดีผมแวะซื้อซิมประมาณ 20RM หลังจากซื้อเสร็จก็เดินเข้าด่านตรวจคนเข้าเมืองเจอเจ้าหน้าที่ที่นั่นน่าจะเป็นคนไทย เค้าพูดภาษาไทยใส่เราทำเอางงเหมือนกัน
หลังจากผ่าน ต.ม. ปีนังมาแล้วก็เป็นขั้นตอนต่อไปที่จะมุ่งหน้าสู่ที่พักอันแสนสบายของเราผมนั่งรถเมล์สาย 401E ไปลงในตัวเมืองจอร์จทาวน์ สอบถามจากคนพื้นที่แถวนั้นเค้าบอกมาอย่างนี้
ค่าโดยสารราคาอยู่ที่ 2.70RM หรือ ประมาณเกือบๆสามสิบบาทไทย
นักท่องเที่ยวมีหลากหลายประเทศมากรวมถึงคนไทยด้วยหลายๆคนรอรถสายเดียวกับเราเพื่อจะเข้าตัวเมืองจอร์จทาวน์เพื่อมุ่งหน้าสู่แกรนไลน์เอ้ยหาที่พักกันก่อนครับเพราะเวลาค่อนข้างจะค่ำแล้ว
เนื่องจากเวลาตอนนั้นเป็นเหมือนช่วง Peaktime บ้านเราคือรถติดมากกว่ารถจะถึงจอร์จทาวน์และกว่าผมจะเดินเท้าไปถึงโรงแรมที่อยู่ย่าน Ceylon ก็เป็นเวลาเกือบๆ 4 ทุ่ม ห้องที่ไปพักเป็นแบบ DORM คือนอนรวม ห้องน้ำรวม อารมณ์ประมาณเด็กหอเลยครับ
ประจวบเหมาะกับช่วงที่ผมไปดันไม่มีคนไปพักที่นั่นเลยกลายเป็นมีผมคนเดียวที่ไปเข้าพักได้อารมณ์ส่วนตัวกับหลอนไปอีกแบบเหมือนกันหลังจากตระเตรียมที่หลับที่นอนเรียบร้อยแล้วก็ถามเจ้าของที่พักว่าแถวนี้อาหารที่ไกล้ที่สุดอยู่แถวไหน กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เจ้าของที่พักบอกเดินย้อนไปทางที่มานั่นแหละมีร้านStreet Foodอาหารพื้นเมืองเยอะแยะไปหมด
อย่างแรกที่แวะไปลองคือคล้ายๆบะหมี่หมูแดงบ้านเราแต่รสชาตินี่คนละขั้วโลกเลยครับเค้าจะมีน้ำดำๆเป็นน้ำซอสอะไรซักอย่างรสชาติออกเค็มๆโดยเค้าจะให้พริกดอกมาด้วยกินเป็นเครื่องเคียงกับบะหมี่หมูแดงนี่แหละรสชาติค่อนข้างหนักไปทางเค็มมากๆ ผมว่าไม่ค่อยถูกปากคนไทยที่ชอบชาติรสชาติจัดๆเท่าไหร่เลยครับ โดยรวมจานนี้ให้เกือบผ่านครับเพราะรสชาติของพริกดองตัดกับรสเค็มของน้ำซอสได้ดีแต่ว่าดันมาตกมาตายเพราะให้น้อยไป ราคาจะอยู่ที่ 5 6 8 RM ตามขนาดของชามถ้าจำไม่ผิดนะครับ
อีกอย่างที่ลองคือแฮมเบอร์เกอร์แบบปีนังโดยหน้าตารสชาติก็เหมือนแฮมเบอเกอร์ทั่วๆไปแต่ราคาค่อนข้างถูกครับอันนี้ผมสั่งเป็น เบอร์เกอร์เนื้อชีส ราคาอยู่ที่ 2.50 RM โดยผักที่ใส่มาจะคล้ายๆผักของพวกสะเต๊ะคือผักกาดหอมและหอมแดงซอยรสชาติก็ปรกติของแฮมเบอร์เกอร์ราคาถูกอันนี้เลยไม่หวือหวาเท่าไหร่ครับ
สำหรับคืนแรกก็จบแค่นี้ผมเดินเล่นในเมืองสักพักก็เลยเดินกลับที่พักเพราะไกลจากที่ออกมาหาอะไรกินมากพอเดินไปถึงก็ย่อยพอดี เดี๋ยวมาดูกันต่อครับว่าอีกสองวันที่เหลือผมจะไปหาอะไรกินต่อ
ปี นัง ปี ไหน ปี นี้ แหละ - 3 วันกับการเดินเที่ยวตามหา wall art ในปีนัง
เพิ่งมีโอกาศไปปีนังครั้งแรกรวมถึงนั่งเครื่องบินไปต่างประเทศและบินไปเที่ยวคนเดียวที่ต่างประเทศครั้งแรกด้วย ตัดสินใจจองตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พักแบบนอนรวม (dorm) ไปแบบไร้ซึ่งแผนการใดๆไปแบบไม่คิดอะไรแค่อยากไปดูงานศิลปะที่ตาม Street Art ที่ปีนังแค่นั้นไม่ได้หวังผลอื่นเท่าไหร่เพราะไม่ได้คิดว่าปีนังจะมีอะไรเที่ยวไหม
ก่อนเดินทางได้สาม-สี่วันผมไปแลกเงืนที่เดอะริชมาประมาณ 2000 บาทได้เงินริงกิตมาประมาณ 200กับเศษอีกประมาณ14-15บาทอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 9บาทกว่าๆต่อ 1RM
ไฟท์บินของผมเดินทาง 15.50 เวลาในประเทศไทยผมออกจากบ้านตั้งแต่สองโมงเย็นไปถึงสนามบินดอนเมืองประมาณ สองโมงนิดๆเกือบสามโมงด้วยความที่ไม่เคยบินไปต่างประเทศก็ใจเสียนิดๆว่าจะพ้นประเทศไทยไหม เพราะว่ากล้าๆกลัวๆเหมือนกันมันรนไปหมด
เราโดยสารไปด้วยเจ้านกเหล็กตัวนี้แหละครับสบายๆไม่รีบร้อนใช้เวลาเดินทางจากดอนเมืองถึงปีนังประมาณ 1.45 ชั่วโมงแปปเดียวเหมือนนั่งรถจากรังสิตไปพัทยา
หลังจากเราถึงปีนัง ประเทศมาเลเซียแล้วเวลาที่บ้านเค้าเดินเร็วกว่าเราประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆถึงนู่นก็ 18.00 พอดีผมแวะซื้อซิมประมาณ 20RM หลังจากซื้อเสร็จก็เดินเข้าด่านตรวจคนเข้าเมืองเจอเจ้าหน้าที่ที่นั่นน่าจะเป็นคนไทย เค้าพูดภาษาไทยใส่เราทำเอางงเหมือนกัน
หลังจากผ่าน ต.ม. ปีนังมาแล้วก็เป็นขั้นตอนต่อไปที่จะมุ่งหน้าสู่ที่พักอันแสนสบายของเราผมนั่งรถเมล์สาย 401E ไปลงในตัวเมืองจอร์จทาวน์ สอบถามจากคนพื้นที่แถวนั้นเค้าบอกมาอย่างนี้
ค่าโดยสารราคาอยู่ที่ 2.70RM หรือ ประมาณเกือบๆสามสิบบาทไทย
นักท่องเที่ยวมีหลากหลายประเทศมากรวมถึงคนไทยด้วยหลายๆคนรอรถสายเดียวกับเราเพื่อจะเข้าตัวเมืองจอร์จทาวน์เพื่อมุ่งหน้าสู่แกรนไลน์เอ้ยหาที่พักกันก่อนครับเพราะเวลาค่อนข้างจะค่ำแล้ว
เนื่องจากเวลาตอนนั้นเป็นเหมือนช่วง Peaktime บ้านเราคือรถติดมากกว่ารถจะถึงจอร์จทาวน์และกว่าผมจะเดินเท้าไปถึงโรงแรมที่อยู่ย่าน Ceylon ก็เป็นเวลาเกือบๆ 4 ทุ่ม ห้องที่ไปพักเป็นแบบ DORM คือนอนรวม ห้องน้ำรวม อารมณ์ประมาณเด็กหอเลยครับ
ประจวบเหมาะกับช่วงที่ผมไปดันไม่มีคนไปพักที่นั่นเลยกลายเป็นมีผมคนเดียวที่ไปเข้าพักได้อารมณ์ส่วนตัวกับหลอนไปอีกแบบเหมือนกันหลังจากตระเตรียมที่หลับที่นอนเรียบร้อยแล้วก็ถามเจ้าของที่พักว่าแถวนี้อาหารที่ไกล้ที่สุดอยู่แถวไหน กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เจ้าของที่พักบอกเดินย้อนไปทางที่มานั่นแหละมีร้านStreet Foodอาหารพื้นเมืองเยอะแยะไปหมด
อย่างแรกที่แวะไปลองคือคล้ายๆบะหมี่หมูแดงบ้านเราแต่รสชาตินี่คนละขั้วโลกเลยครับเค้าจะมีน้ำดำๆเป็นน้ำซอสอะไรซักอย่างรสชาติออกเค็มๆโดยเค้าจะให้พริกดอกมาด้วยกินเป็นเครื่องเคียงกับบะหมี่หมูแดงนี่แหละรสชาติค่อนข้างหนักไปทางเค็มมากๆ ผมว่าไม่ค่อยถูกปากคนไทยที่ชอบชาติรสชาติจัดๆเท่าไหร่เลยครับ โดยรวมจานนี้ให้เกือบผ่านครับเพราะรสชาติของพริกดองตัดกับรสเค็มของน้ำซอสได้ดีแต่ว่าดันมาตกมาตายเพราะให้น้อยไป ราคาจะอยู่ที่ 5 6 8 RM ตามขนาดของชามถ้าจำไม่ผิดนะครับ
อีกอย่างที่ลองคือแฮมเบอร์เกอร์แบบปีนังโดยหน้าตารสชาติก็เหมือนแฮมเบอเกอร์ทั่วๆไปแต่ราคาค่อนข้างถูกครับอันนี้ผมสั่งเป็น เบอร์เกอร์เนื้อชีส ราคาอยู่ที่ 2.50 RM โดยผักที่ใส่มาจะคล้ายๆผักของพวกสะเต๊ะคือผักกาดหอมและหอมแดงซอยรสชาติก็ปรกติของแฮมเบอร์เกอร์ราคาถูกอันนี้เลยไม่หวือหวาเท่าไหร่ครับ
สำหรับคืนแรกก็จบแค่นี้ผมเดินเล่นในเมืองสักพักก็เลยเดินกลับที่พักเพราะไกลจากที่ออกมาหาอะไรกินมากพอเดินไปถึงก็ย่อยพอดี เดี๋ยวมาดูกันต่อครับว่าอีกสองวันที่เหลือผมจะไปหาอะไรกินต่อ