สวัสดีทุกคนที่เคารพนะเจ้าคะ
ก่อนอื่นต้องขออนุญาตออกตัวก่อนว่าถ้ามีข้อผิดพลาดประการใดกรุณาให้อภัยเจ้าของกระทู้ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ^^
ช่วงนี้เด็กจบใหม่มีเวลาว่างเยอะเลยจะขอทำตัวเป็นประโยชน์(รึเปล่าไม่แน่ใจ แหๆ) แชร์ประสบการณ์ การฝึกงานยังต่างประเทศในช่วง 3 เดือน
ต้องบอกก่อนว่า เป็นช่วงชีวิตที่ตื่นเต้นและหน้าจดจำมากเลยหละคะ เพราะด้วยความที่ว่าเราเป็นชะนีที่อภิมหาโง่ภาษาอังกฤษชนิดที่ว่าเจอฝรั่งถามทางตูใช้เทคนิคสยามเมืองยิ้มให้อย่างเดียว หรือแม้แต่ตอนเรียนสมัยมัธยมอาจารย์เค้าให้อ่านออกเสียงหน้าห้อง ชะนีสายเนียนก็เขียนปี้ภาษาไทยกำกับเอาไว้ มันอาจจะฟังดูเป็นเรื่องปกตินะคะแต่เจ้าของกระทู้เขียนมันยันขึ้นมหาลัยเลยหละคะ คือเมื่อได้ฟังแบบนี้แล้วหลายคนคงสงสัยว่าแล้วทำไม เมิง..ถึงได้ไปฝึกงานต่างประเทศ????
เจ้าของกระทู้ก็เหมือนกันแหละค่ะ ถึงตอนนี้ก็ยังแอบงงตัวเองว่าเหตุไฉนข้าจึงช่างกล้าไปเพราะตอนไปฝึกงานก็ต้องไปคนเดียว ประเทศที่ต้องไปอยู่ก็ไม่เคยไปหรือปิติมากพอที่จะต้องดิ้นรนทุรนทุรายไปให้ได้....แต่ต้องบอกว่าด้วยความ "บ้าบิ่นและความอยากรู้อยากเห็นบวกกับเป็นชะนีที่ชอบแบกเป้หนีเที่ยวอยู่บ่อยๆ" เอาวะ!! เราต้องมีคนใบ้เป็นแรงบันดาลใจแค่นี้ทำไมชะนีครบ 32 จะอยู่ไม่ได้ (ฮึ๊บๆ) คือก่อนหน้าที่จะไปไม่ว่าจะยังไง มันต้องให้กำลังใจตัวเองค่ะทุกคน
และแล้วชะนีก็ตกลงปลงใจกับทางสาขาว่าจะไปฝึกงานที่พนมเปญประเทศกัมพูชาแบบไร้ญาติขาดสหายหรือเพื่อนร่วมทางแม้แต่คนเดียว...T^T (เขียนถึงตรงนี้ อยากมโนว่าตัวเองเป็นนางเอกหนังไทยไปตามหารักแท้ชมัด แหๆ

แค่คิดค่ะทุกคนเพราะบนโลกแห่งความจริง ชะนีลำบากต้องช่วยตัวเองค่ะ หามีชายใดจะยื่นมือมาช่วยประดุจในละครหละคะคุณ)
17 เมษายน 2557 วันแรกของการเดินทาง .... (ถึงตรงนี้ต้องบอกผู้อ่านว่า ถ้าใครคิดจะไปเที่ยวพนมเปญสามารถไปได้ทั้งทางบกและทางอากาศ ส่วนทางน้ำนี่ ชะนีไม่แน่ใจนะคะ พอดีว่ายน้ำไม่เป็นเลยไม่ได้ศึกษาไว้ค่ะ : ) เอาเป็นว่าเรื่องการเดินทาง เดี๋ยวชะนีใจดีจะรีวิวไว้ให้ตอนสุดท้ายท้ายสุดละกัน
เนื่องจากต้องเดินทางสู่โลกใหม่เพียงลำพัง เลยขอเลือกทางอากาศค่ะ เพราะคิดว่าหน้าจะโอเคสุด จำได้ว่าวันที่เดินทาง เครื่องออกบ่าย3 แต่ชะนีไทยมาถึงสนามบินตั้งแต่ 9 โมง (ถอนหายใจและยืนไว้อาลัยให้กับตัวเองในวันนั้น ) และเรื่องราวที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อมีเสียงเรียกเข้าซึ่งปลายสายไม่ใช่เบอร์เมืองไทย
ชะนีรับสายแล้วรวบรวมน้ำเสียงสวัสดีอย่างโอเปอเรเตอร์ขายประกัน (คือถ้าใครอยากรู้ลองโทรไปฟังดูได้นะคะ คือ...คุณเธอจะลากคำว่าค่ะยาวไปไหน) แต่ตอนนั้นเป็นแบบนั้นจริงๆ ค่ะ เพราะก่อนหน้าวันเดินทาง ชะนีไม่เคยได้พูดคุยกับทางที่ฝึกงานมาก่อนเลย นอกจากส่ง E-mail สอบถามว่าจะให้ไปรายงานตัวที่ไหน อะไร ยังไงและแจ้งไปว่าเราจะเดินทางวันนี้นะ นอกนั้นทางสาขาจัดการให้ทุกอย่าง ทั้งข้อมูลที่พัก การเดินทาง ค่าครองชีพ ต่างๆ นานา ชะนีก็อาศัยพรสวรรค์เรื่องการมโนจินตนาการเอาว่ามันต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ กระทั้งได้พูดคุยกับทางที่ฝึกงานซึ่งเป็นวันเดียวที่ต้องเดินทาง ผู้อ่านเชื่อมั้ยคะว่า ทุกสิ่งที่เสพย์มาจากสาขา สิ่งที่มโนเอาไว้พังทลายกลับกลายเป็นความจริงที่สุดแสนหดหู่ เข่าแทบทรุด ประหนึ่งนางเอกรู้ว่าพระเอกเป็นตุ๊ด แหๆ แค่เปรียบเทียบอาการเท่านั้นนะคะ
คือมันกลับกันหมดเลยค่ะ ตัวอย่างเช่น สาขาบอกเราว่า ทางที่ฝึกงานมีที่พักให้ สามารถเดินมาทำงานได้ การเดินทางมีมอไซค์รับจ้างและตุ๊กๆ ประมาณ 3-5 USD แต่สิ่งที่ทราบคือ ที่พักมีให้แต่ต้องจ่ายเอง คืนนึงก็เบาๆ ค่ะ 40$ ค่ะฟังไม่ผิดหรอกคือถ้าจะอยู่เหมือนพนักงานในที่ทำงาน ก็ต้องจ่ายราคานี้ หรือถ้าจะจ่ายถูกกว่าก็ต้องอยู่ไกลออกไปซึ่งเวลาเดินทางก็ต้องนั่งมอไซค์หรือตุ๊กๆ มาทำงาน และยังมีอีกหลายๆ เรื่องที่ทำให้ชะนีไทยถึงกับช๊อค... เอาแล้วไงงานงอกตูแล้ว!!
แอดเฟสบุ๊คหลังจากวางสายค่ะ บทสนทนาตอกย้ำถึงค่าครองชีพ T^T
ถ้าค่าครองชีพมันจะสูงส่งขนาดนี้ แล้วตูจะอยู่อย่างไรให้ครบสามเดือน พอวางสายจากปลายทาง เราก็แอบด่าเอ๊ย!! บ่นในใจว่า ทำไมถึงเพิ่งมาบอกกันในวันที่ตูไม่มีทางเลือก ก่อนหน้านี้ทำไมไม่โทรมาบอก แต่พอไปถึงที่ฝึกงานถึงทราบว่าทางที่ฝึกงานเค้าตอบกลับ E-mail เราค่ะ แต่เราไม่ได้รับประหนึ่งสวรรค์กลั่นแกล้ง...แล้วก็นึกด่าสาขาพร้อมร้องเพลงพี่จ๊อบ บรรจบ (ดูดู๊ดู ดูเธอทำ...ทำไมถึงทำกับฉันได้ T^T)...ก่อนวางสายชะนีเลยบอกทางที่ฝึกงานว่า เดี๋ยวถ้าไงเราขอปรึกษาผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทางมหาลัยก่อนแล้วจะรีบติดต่อกลับไปเพราะข้อมูลที่ได้รับจากทางมหาลัยมันไม่ตรงกัน ซึ่งมันมีผลในเรื่องของการฝึกงาน พี่เค้าก็น่ารักนะคะดูเหมือนจะเข้าใจเราเอามากๆ ที่สำคัญน้ำเสียงหล่อมากค่ะคุณผู้อ่าน กอปกับหน้าที่การงาน (คือขนาดยังไม่รู้นะคะว่าทำในตำแหน่งอะไรแค่รู้ว่าทำงานที่ที่เราจะไปทำ) หึหึ...ความสามารถเรื่องมโนก็ทำงานทันที จินตนาการสิคะงานนี้ ถ้าอยากรู้ว่าหน้าตาเป็นยังไง เดี๋ยวต้องลองอ่านต่อไปนะคะ ^^
พอวางสายงานดราม่างานน้ำตามาหมด ฮ่าๆ... ตอนวางสายจำได้ว่าประมาณ 10 โมงเศษๆ รีบโทรหาอาจารย์ที่ปรึกษา เล่าทุกอย่างที่ได้ยินมาให้อาจารย์ที่เคารพรับรู้ คือในวันที่เดินทางอาจารย์ที่ปรึกษาก็ไปด้วยนะคะเพียงแต่ว่าเราไปคนละเที่ยวบิน เหตุผลข้อเดียวง่ายๆ (เพลงพี่หนุ่ม กะลามาเลยครับงานนี้) เพราะข้าราชการเบิกได้แต่ชะนีใช้ทุนตัวเองเลยต้องประหยัดเลยขอไปดักรอนางที่สนามบิน... อาจารย์แกเดินทางถึงเย็นแล้วพรุ่งนี้เช้าเราค่อยเข้าไปที่ฝึกงานพร้อมกันค่ะ...แต่สุดท้ายเคราะห์ซ้ำกรรมซัด อาจารย์ลืมพาสปอดก่อนขึ้นเครื่องค่ะ นางเลยไม่ได้เดินทางในวันนั้นและเดินทางมาในวันถัดไป ซึ่งแสดงว่าชะนีโลกสวยต้องเดินทางไปโรงแรมเอง -_-" ... มันไม่ใช่โบกรถไปเที่ยวในไทยนะเฮ้ยยย TTTT^TTTT
พออาจารย์ได้รับฟังสิ่งที่ลูกศิษย์เล่า...มีรึคนเป็นด๊อกเตอร์จะแก้ไขปัญหาให้ไม่ได้... “ไม่ต้องไป แล้วมาฝึกที่ไทยแทน”.... -_- คืออาจารย์ค่ะ หนูอยู่สนามบินกับกระเป๋าเป้บรรจุ 60 ลิตร คือหนูเตรียมพร้อมมากที่จะบิน ทำไมอาจารย์พูดง่ายจัง!!!!!!! ยอมรับว่าตอนนั้นเริ่มโกรธอาจารย์ โกรธสาขา โกรธคณะ โกรธมหาลัย โกรธคนประสานงาน... แต่จะให้ทำไงได้ละคะ ใจมันอยู่ทางโน้นแล้ว ถ้าจะให้ถอย มันก็หาใช่นิสัยของชะนี สุดท้ายเลยตัดสินใจเดินทางพร้อมกับความรู้สึกกังวล อีก 3 ชม. งานเปิ่น งานปล่อยไก่ งานอับอาย กำลังจะเริ่มต้นแล้วคร้าาาา...
แชร์ประสบการณ์ฝึกงาน 3 เดือนกับเพื่อนบ้าน Phnom Penh at Combodia
ก่อนอื่นต้องขออนุญาตออกตัวก่อนว่าถ้ามีข้อผิดพลาดประการใดกรุณาให้อภัยเจ้าของกระทู้ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ^^
ช่วงนี้เด็กจบใหม่มีเวลาว่างเยอะเลยจะขอทำตัวเป็นประโยชน์(รึเปล่าไม่แน่ใจ แหๆ) แชร์ประสบการณ์ การฝึกงานยังต่างประเทศในช่วง 3 เดือน
ต้องบอกก่อนว่า เป็นช่วงชีวิตที่ตื่นเต้นและหน้าจดจำมากเลยหละคะ เพราะด้วยความที่ว่าเราเป็นชะนีที่อภิมหาโง่ภาษาอังกฤษชนิดที่ว่าเจอฝรั่งถามทางตูใช้เทคนิคสยามเมืองยิ้มให้อย่างเดียว หรือแม้แต่ตอนเรียนสมัยมัธยมอาจารย์เค้าให้อ่านออกเสียงหน้าห้อง ชะนีสายเนียนก็เขียนปี้ภาษาไทยกำกับเอาไว้ มันอาจจะฟังดูเป็นเรื่องปกตินะคะแต่เจ้าของกระทู้เขียนมันยันขึ้นมหาลัยเลยหละคะ คือเมื่อได้ฟังแบบนี้แล้วหลายคนคงสงสัยว่าแล้วทำไม เมิง..ถึงได้ไปฝึกงานต่างประเทศ????
เจ้าของกระทู้ก็เหมือนกันแหละค่ะ ถึงตอนนี้ก็ยังแอบงงตัวเองว่าเหตุไฉนข้าจึงช่างกล้าไปเพราะตอนไปฝึกงานก็ต้องไปคนเดียว ประเทศที่ต้องไปอยู่ก็ไม่เคยไปหรือปิติมากพอที่จะต้องดิ้นรนทุรนทุรายไปให้ได้....แต่ต้องบอกว่าด้วยความ "บ้าบิ่นและความอยากรู้อยากเห็นบวกกับเป็นชะนีที่ชอบแบกเป้หนีเที่ยวอยู่บ่อยๆ" เอาวะ!! เราต้องมีคนใบ้เป็นแรงบันดาลใจแค่นี้ทำไมชะนีครบ 32 จะอยู่ไม่ได้ (ฮึ๊บๆ) คือก่อนหน้าที่จะไปไม่ว่าจะยังไง มันต้องให้กำลังใจตัวเองค่ะทุกคน
และแล้วชะนีก็ตกลงปลงใจกับทางสาขาว่าจะไปฝึกงานที่พนมเปญประเทศกัมพูชาแบบไร้ญาติขาดสหายหรือเพื่อนร่วมทางแม้แต่คนเดียว...T^T (เขียนถึงตรงนี้ อยากมโนว่าตัวเองเป็นนางเอกหนังไทยไปตามหารักแท้ชมัด แหๆ
17 เมษายน 2557 วันแรกของการเดินทาง .... (ถึงตรงนี้ต้องบอกผู้อ่านว่า ถ้าใครคิดจะไปเที่ยวพนมเปญสามารถไปได้ทั้งทางบกและทางอากาศ ส่วนทางน้ำนี่ ชะนีไม่แน่ใจนะคะ พอดีว่ายน้ำไม่เป็นเลยไม่ได้ศึกษาไว้ค่ะ : ) เอาเป็นว่าเรื่องการเดินทาง เดี๋ยวชะนีใจดีจะรีวิวไว้ให้ตอนสุดท้ายท้ายสุดละกัน
เนื่องจากต้องเดินทางสู่โลกใหม่เพียงลำพัง เลยขอเลือกทางอากาศค่ะ เพราะคิดว่าหน้าจะโอเคสุด จำได้ว่าวันที่เดินทาง เครื่องออกบ่าย3 แต่ชะนีไทยมาถึงสนามบินตั้งแต่ 9 โมง (ถอนหายใจและยืนไว้อาลัยให้กับตัวเองในวันนั้น ) และเรื่องราวที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อมีเสียงเรียกเข้าซึ่งปลายสายไม่ใช่เบอร์เมืองไทย
ชะนีรับสายแล้วรวบรวมน้ำเสียงสวัสดีอย่างโอเปอเรเตอร์ขายประกัน (คือถ้าใครอยากรู้ลองโทรไปฟังดูได้นะคะ คือ...คุณเธอจะลากคำว่าค่ะยาวไปไหน) แต่ตอนนั้นเป็นแบบนั้นจริงๆ ค่ะ เพราะก่อนหน้าวันเดินทาง ชะนีไม่เคยได้พูดคุยกับทางที่ฝึกงานมาก่อนเลย นอกจากส่ง E-mail สอบถามว่าจะให้ไปรายงานตัวที่ไหน อะไร ยังไงและแจ้งไปว่าเราจะเดินทางวันนี้นะ นอกนั้นทางสาขาจัดการให้ทุกอย่าง ทั้งข้อมูลที่พัก การเดินทาง ค่าครองชีพ ต่างๆ นานา ชะนีก็อาศัยพรสวรรค์เรื่องการมโนจินตนาการเอาว่ามันต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ กระทั้งได้พูดคุยกับทางที่ฝึกงานซึ่งเป็นวันเดียวที่ต้องเดินทาง ผู้อ่านเชื่อมั้ยคะว่า ทุกสิ่งที่เสพย์มาจากสาขา สิ่งที่มโนเอาไว้พังทลายกลับกลายเป็นความจริงที่สุดแสนหดหู่ เข่าแทบทรุด ประหนึ่งนางเอกรู้ว่าพระเอกเป็นตุ๊ด แหๆ แค่เปรียบเทียบอาการเท่านั้นนะคะ
คือมันกลับกันหมดเลยค่ะ ตัวอย่างเช่น สาขาบอกเราว่า ทางที่ฝึกงานมีที่พักให้ สามารถเดินมาทำงานได้ การเดินทางมีมอไซค์รับจ้างและตุ๊กๆ ประมาณ 3-5 USD แต่สิ่งที่ทราบคือ ที่พักมีให้แต่ต้องจ่ายเอง คืนนึงก็เบาๆ ค่ะ 40$ ค่ะฟังไม่ผิดหรอกคือถ้าจะอยู่เหมือนพนักงานในที่ทำงาน ก็ต้องจ่ายราคานี้ หรือถ้าจะจ่ายถูกกว่าก็ต้องอยู่ไกลออกไปซึ่งเวลาเดินทางก็ต้องนั่งมอไซค์หรือตุ๊กๆ มาทำงาน และยังมีอีกหลายๆ เรื่องที่ทำให้ชะนีไทยถึงกับช๊อค... เอาแล้วไงงานงอกตูแล้ว!!
ถ้าค่าครองชีพมันจะสูงส่งขนาดนี้ แล้วตูจะอยู่อย่างไรให้ครบสามเดือน พอวางสายจากปลายทาง เราก็แอบด่าเอ๊ย!! บ่นในใจว่า ทำไมถึงเพิ่งมาบอกกันในวันที่ตูไม่มีทางเลือก ก่อนหน้านี้ทำไมไม่โทรมาบอก แต่พอไปถึงที่ฝึกงานถึงทราบว่าทางที่ฝึกงานเค้าตอบกลับ E-mail เราค่ะ แต่เราไม่ได้รับประหนึ่งสวรรค์กลั่นแกล้ง...แล้วก็นึกด่าสาขาพร้อมร้องเพลงพี่จ๊อบ บรรจบ (ดูดู๊ดู ดูเธอทำ...ทำไมถึงทำกับฉันได้ T^T)...ก่อนวางสายชะนีเลยบอกทางที่ฝึกงานว่า เดี๋ยวถ้าไงเราขอปรึกษาผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทางมหาลัยก่อนแล้วจะรีบติดต่อกลับไปเพราะข้อมูลที่ได้รับจากทางมหาลัยมันไม่ตรงกัน ซึ่งมันมีผลในเรื่องของการฝึกงาน พี่เค้าก็น่ารักนะคะดูเหมือนจะเข้าใจเราเอามากๆ ที่สำคัญน้ำเสียงหล่อมากค่ะคุณผู้อ่าน กอปกับหน้าที่การงาน (คือขนาดยังไม่รู้นะคะว่าทำในตำแหน่งอะไรแค่รู้ว่าทำงานที่ที่เราจะไปทำ) หึหึ...ความสามารถเรื่องมโนก็ทำงานทันที จินตนาการสิคะงานนี้ ถ้าอยากรู้ว่าหน้าตาเป็นยังไง เดี๋ยวต้องลองอ่านต่อไปนะคะ ^^
พอวางสายงานดราม่างานน้ำตามาหมด ฮ่าๆ... ตอนวางสายจำได้ว่าประมาณ 10 โมงเศษๆ รีบโทรหาอาจารย์ที่ปรึกษา เล่าทุกอย่างที่ได้ยินมาให้อาจารย์ที่เคารพรับรู้ คือในวันที่เดินทางอาจารย์ที่ปรึกษาก็ไปด้วยนะคะเพียงแต่ว่าเราไปคนละเที่ยวบิน เหตุผลข้อเดียวง่ายๆ (เพลงพี่หนุ่ม กะลามาเลยครับงานนี้) เพราะข้าราชการเบิกได้แต่ชะนีใช้ทุนตัวเองเลยต้องประหยัดเลยขอไปดักรอนางที่สนามบิน... อาจารย์แกเดินทางถึงเย็นแล้วพรุ่งนี้เช้าเราค่อยเข้าไปที่ฝึกงานพร้อมกันค่ะ...แต่สุดท้ายเคราะห์ซ้ำกรรมซัด อาจารย์ลืมพาสปอดก่อนขึ้นเครื่องค่ะ นางเลยไม่ได้เดินทางในวันนั้นและเดินทางมาในวันถัดไป ซึ่งแสดงว่าชะนีโลกสวยต้องเดินทางไปโรงแรมเอง -_-" ... มันไม่ใช่โบกรถไปเที่ยวในไทยนะเฮ้ยยย TTTT^TTTT
พออาจารย์ได้รับฟังสิ่งที่ลูกศิษย์เล่า...มีรึคนเป็นด๊อกเตอร์จะแก้ไขปัญหาให้ไม่ได้... “ไม่ต้องไป แล้วมาฝึกที่ไทยแทน”.... -_- คืออาจารย์ค่ะ หนูอยู่สนามบินกับกระเป๋าเป้บรรจุ 60 ลิตร คือหนูเตรียมพร้อมมากที่จะบิน ทำไมอาจารย์พูดง่ายจัง!!!!!!! ยอมรับว่าตอนนั้นเริ่มโกรธอาจารย์ โกรธสาขา โกรธคณะ โกรธมหาลัย โกรธคนประสานงาน... แต่จะให้ทำไงได้ละคะ ใจมันอยู่ทางโน้นแล้ว ถ้าจะให้ถอย มันก็หาใช่นิสัยของชะนี สุดท้ายเลยตัดสินใจเดินทางพร้อมกับความรู้สึกกังวล อีก 3 ชม. งานเปิ่น งานปล่อยไก่ งานอับอาย กำลังจะเริ่มต้นแล้วคร้าาาา...