
สวัสดีค่ะ วันนี้ขอมารีวิวทริปเที่ยวเมืองกาญ 2 วัน 1 คืน ในแบบฉบับคนอยากจะฮิป
หลังจากซุ่มเป็นเงามืดแอบดูรีวิวของคนอื่นมานาน วันนี้ขอมารีวิวทริปของตัวเองบ้างละกันค่ะ (แอบยืมไอดีเค้ามาอีกทีนะคะ)
เหตุเกิดจากความเบื่อกรุง เลยเปิดรีวิวพันทิปไปๆมาๆ เปิดไปเปิดมาก็เลยสะกิดต่อมอยากเที่ยวไปเลยซะงั้น โจทย์คือ อยากพักผ่อนที่ไหนซักที่ที่ไม่ไกลกรุงเทพมาก, มีเวลา 2 วัน 1 คืน, budget ต่ำ, บรรยากาศดีๆ เดินทางสะดวกโดยไม่ใช้รถ และคงวิถีของความเป็นฮิปสเตอร์ ติ้ก ต็อก ติ้ก ต็อก ติ๊งงง! คิดออกแล้ว 'กาญจนบุรี' หลังจากนั้นก็ไม่รอช้ารีบจัดกระเป๋าแบกเป้เตรียมไว้รอเลย
หลังจากวางแผนการเดินทางและโทรติดต่อที่พักเสร็จสรรพภายในระยะเวลาสั้นๆ ดิฉันและตากล้องส่วนตัวก็ออกเดินทางในเช้าวันถัดมา เรียกได้ว่าเป็นทริปที่กะทันหันทริปนึงได้เลย
เช้าวันออกเดินทางก็มาถึง เป้พร้อม กล้องพร้อม คนพร้อม แต่ที่ไม่พร้อมคือแท็กซี่ค้าบ ทีแรกเราตั้งใจว่าจะออกเดินทางด้วยรถไฟ โดยเริ่มต้นจากสถานีธนบุรี รถไฟขบวนแรกออกที่ 07.50 น. แต่เกิดเหตุผิดพลาดทางเทคนิคที่พี่แท็กซี่แกไม่ยอมไปซักคัน และแน่นอนว่าเราไปไม่ทันรถไฟ รอบถัดไปอีกทีคือบ่ายโมงเลย เราเลยต้องเปลี่ยนแผนเดินทางโดยรถตู้แทนค่ะแล้วค่อยนั่งรถไฟตอนขากลับแทน ถึงอนุสาวรีย์ตอน 08.30 น. รถตู้เที่ยวถัดไปออกเวลา 09.00 น. คนละ 120 บาทค่ะ

รถตู้จากกรุงเทพถึงสถานีขนส่งกาญจนบุรี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ไปถึงพอมีเวลาทานข้าวเที่ยง เก็บพลังเดินทางต่อไป ที่พักของเราอยู่บ้านแก่งจอ ต้องต่อรถไปสายกาญ-สังขละบุรีค่ะ มีทั้งรถตู้แบบติดแอร์และรถเมล์แบบแอร์ธรรมชาติ ตอนนั้นไม่ทันได้เลือกว่าจะไปแบบไหน พี่คนขับรถเมล์ใกล้ๆตะโกนเรียกบอกว่าน้องๆรถจะออกแล้วนะ เท่านั้นแหละวิ่งเลยค้าบ
ได้เวลาเดินทางต่อ นั่งไประหว่างทางก็มองวิวข้างทางไป วันนี้ฟ้าสวยมาก เกินจะบรรยาย (เว่อปะ 555) ต้องดูเอง บอกก่อนว่านี่รูปจากกล้อง Fuji X-E2 ไม่ได้ผ่านการรีทัชนะคะ
เห็นละอยากจะบินไปนอนเล่นอยู่บนก้อนเมฆ แหะๆ นั่งไปเพลินๆจนไม่น่าเชื่อว่าใช้เวลาเกือบๆ 2 ชั่วโมง ถึงบ้านแก่งจอ คือถ้ามารถตู้ก็น่าจะถึงตั้งแต่ 1 ชั่วโมงที่แล้ว แต่โชคดีเราไม่ได้เร่งรีบอะไร ไปถึงทันเวลาเช็คอินพอดีตอน 14.00 น.

รถจอดให้ลงตรงนี้ อีกซักพักเราก็โทรเรียกให้ทางที่พักมารับ เรานั่งเข้าไปในรีสอร์ทด้วยรถเปิดประทุนคันนี้แหละค่ะ คลาสสิคอย่าบอกใครเชียว

ถึงแล้วววววววว The For Rest Resort บรยากาศดีมากๆๆ ชื่อก็บอกอยู่ว่า For Rest เนอะ
เดินสำรวจที่พักได้แป๊บนึง ก็ได้เวลาล่องแพจ้า ทางรีสอร์ทเค้ามีบริการให้ล่องแพเล่นน้ำ พายเรือ 3 รอบ ตั้งแต่ 15.30, 16.30 และ 17.30 นะคะ
ระหว่างทางล่องแพ วิวก็ดี๊ดี ลมก็เย็นดีจริงๆ ล่องแพทวนกระแสน้ำไปซักพักเค้าก็หยุดให้เราโดดตู้มมลงเล่นน้ำและว่ายกลับประมาณกิโลนึงมั้ง ว่ายตามกระแสน้ำจนถึงจุดเริ่มต้น จริงๆไม่ต้องว่าย น้ำก็พัดไปอยู่แล้วค่ะ

ภาพตัด/// จะบอกว่าสนุกมากจริงๆ ถึงขั้นขอเค้าล่องแพเบิ้ลรอบ 2 คนอื่นเค้าเลิกเล่นเราก็ยังอยากจะเล่นต่อ แต่รอบสองขอพายเรือแทนค่ะ ให้สามคำ ฟิน-จริง-จริง///
หลังจากเล่นน้ำจนตัวเปื่อย ไม่ทากันแดด ไม่กลัวดำ ก็ได้เวลาอาบน้ำและมาทานดินเนอร์บุฟเฟต์มื้อค่ำ

ระหว่างนั่งทานข้าวซักพักไฟก็ตกพรึ่บเป็นเวลา 5 นาที เลยเป็นโชคดีของเราที่ได้แหงนมองดูฟ้ามาเห็นอะไรดีๆ
นางแบบของเราในค่ำคืนนี้ น่ารักมุ้งมิ้งมั้ยล่ะ ต้องขอบคุณจริงๆที่ไฟตก ที่ทำให้องค์ประกอบของธรรมชาติออกมาสมบูรณ์แบบ

แล้วเช้าวันใหม่ก็มาถึง เวลา 06.30 น. ตื่นมาเจอหมอกขาวกำลังลอยห่มอยู่บนแม่น้ำแคว บรรยากาศโรแมนติกฝุดๆ ไม่รู้จะสรรหาพรรณนาโวหารไหนมาดี ให้ภาพเล่าเรื่องแทนละกันค่ะ

หลังจากอิ่มเอมกับบรรยากาศในยามเช้า นั่งทานอาหารเช้าไป มองวิวไปเพลินๆ ก็ถึงเวลาต้องออกเดินทางต่อแล้ว เรานั่งซาเล้งคันเดิม มารอรถเมล์ตรงที่เดิมที่ศาลาหน้าปากซอย รอได้ประมาณ 15 นาทีก็มีรถเมล์มาแล้วจ้า (รถเมล์มาทุกครึ่งชั่วโมงค่ะ)

ปลายทางรถเมล์สายนี้ก็อยู่ที่ บขส ที่เรามาถึง แต่เราไม่ไปถึงตรงนั้นค่ะ เดี๋ยวไม่ตอบโจทย์ เราจะนั่งไปลงที่สถานีรถไฟน้ำตกและนั่งรถไฟกลับกรุง เพื่อตอบสนองความ(อยากจะ)ฮิปนั่นเอง แต่ไหนๆก็ไหนๆ รถวิ่งผ่านน้ำตกไทรโยกน้อยก็เลยถือโอกาสแวะซะหน่อย ใช้เวลาเดินทางจากที่พักถึงน้ำตกไทรโยกน้อยประมาณชั่วโมงนึงค่ะ

ถึงแล้วก็แวะทานอาหารกลางวัน อาศัย app wongnai ช่วยหาร้านอาหารใกล้ๆ อาศัยดูจากดาวที่เค้าให้กันมา เห็นร้านนึงได้สี่ดาวครึ่งแน่ะ ชื่อร้าน 'ไส้อั่ววุ่นเส้นนพรัตน์' ต้องแวะซะหน่อยแล้ว

นี่คือโฉมหน้าของอาหารที่สั่งไปแบบเบาๆ ไส้อั่ววุ้นเส้นอร่อยมากกก เอาไปเลย 5 ดาว อย่างอื่นส่วนตัวเฉยๆนะคะ แต่โดยรวมให้ผ่านค่ะ ค่าเสียหายมื้อนี้ 150 บาท ถูกจนน่าตกใจ พออิ่มแล้วก็ไปสถานีรถไฟกันต่อเลยค่ะ จากตรงนี้จนถึงสถานีรถไฟห่างกันประมาณ 800 เมตร เลยนั่งรถสองแถวคนละ 10 บาทต่อเข้าไปที่สถานีรถไฟกันค่ะ

ถึงแล้ววว เรามาถึงที่สถานีรถไฟ 12.50 น. ค่ะ แต่เจ้าหน้าที่เค้าบอกว่าวันนี้รถไฟดีเลย์ ไปอีกชั่วโมงนึง(กำหนดออกจริงๆคือ 12.55ค่ะ) เลยต้องนั่งรอกันไปก่อน ระหว่างรอก็มีหนุ่มมานั่งจ้องหน้าทำหน้าตาน่าสงสารขอกินไอติมด้วยแฮะ ไม่ให้ก็ดูใจร้ายไปเลยแบ่งให้กินกันคนละหน่อย อร่อยเลยดิเพื่อน
รอ...ร๊อ...รอ ผ่านไปชั่วใมงครึ่ง ในที่สุดรถไฟฟรีภาษีประชาชนของเราก็เดินทางมาถึงแล้ว !

ที่นั่งริมหน้าต่างข้างขวาเห็นจะเหมาะแก่การจับจองเป็นที่สุด พอรถไฟเคลื่อนตัวฉากข้างหน้าต่างก็เริ่มทำงาน อารมณ์เหมือนกำลังนั่งดูหนังหรือสารคดีส่องโลกอะไรอยู่ทำนองนั้นเลยค่ะ แอบบอกก่อนว่านี่เป็นการนั่งรถไฟครั้งแรก เลยตื่นเต้นเป็นพิเศษ ถ่ายรูปวิวเยอะมากจนเมมโมรี่เต็มไม่รู้ตัว 555

แล้วก็รุ้งกินน้ำก็โผล่มาทักทาย นี่รึเปล่าที่เค้าบอกว่าฟ้าหลังฝน งดงามเสมอ

ระหว่างที่รถไฟก็วิ่งไปเรื่อยๆแบบ ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง ภาพข้างทางก็ค่อยๆเลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆ ระยะเวลาจากสถานีน้ำตกถึงกาญจนบุรี ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง และจากสถานีกาญจนบุรีถึงสถานีธนบุรีอีกเกือบๆ 4 ชั่วโมง จริงๆถ้าไม่ติดว่าจะต้องจอดสับรางรอขบวนรถไฟสวนกันประมาณ 30 นาที 2 สถานีก็จะถึงไวกว่านี้หน่อยนึง เวลาโดยประมาณจากสถานีน้ำตกถึงธนบุรีตามที่ทางสถานีแจ้งจริงๆคือประมาณ 4 ชั่วโมง แต่เราไม่ได้เร่งรีบอะไร เลือกที่จะฮิปต้องฮิปให้ถึงที่สุด แบบนี้ก็สนุกดี เราถือคติการพักผ่อนที่ดีที่สุดก็คือการนั่งอยู่เฉยๆโดยไม่ต้องคิดอะไร แต่ถ้าครั้งหน้ามาอีกขอนั่งแค่มาถึงกาญแล้วต่อรถตู้กลับดีกว่าเนอะ แฮ่
สรุปค่าเสียหายทั้งหมดคนละ 1,452.50 บาทจ้า
ค่าที่พัก 1,000 บาท
ค่าเดินทาง 250 บาท
ค่ากิน(+ขนม) 202.50 บาท
และแล้วทริปนี้ก็จบลงพอสังเขป จบแบบสุขกำลังดี ตอบโจทย์ครบทุกข้อ ไม่ขาดแต่เกิน ที่เกินคือความคาดหวัง ระหว่างทางก็มีแต่เรื่องราวดีๆให้ได้พบเจอ แล้วเราจะกลับมาอีก กาญนะจ๊ะบุรี

ป.ล.รูปใหญ่บ้างเล็กบ้าง มือใหม่หัดโพสต์ ไม่ว่ากันเนอะ เกิดผิดพลาดทางเทคนิคเล็กน้อย กดปรับขนาดผิดจ้า ^^"
[CR] Review:: ทริปเที่ยวเมืองกาญสบายๆสไตล์ ร.ฟ.ท. ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง
สวัสดีค่ะ วันนี้ขอมารีวิวทริปเที่ยวเมืองกาญ 2 วัน 1 คืน ในแบบฉบับคนอยากจะฮิป
หลังจากซุ่มเป็นเงามืดแอบดูรีวิวของคนอื่นมานาน วันนี้ขอมารีวิวทริปของตัวเองบ้างละกันค่ะ (แอบยืมไอดีเค้ามาอีกทีนะคะ)
เหตุเกิดจากความเบื่อกรุง เลยเปิดรีวิวพันทิปไปๆมาๆ เปิดไปเปิดมาก็เลยสะกิดต่อมอยากเที่ยวไปเลยซะงั้น โจทย์คือ อยากพักผ่อนที่ไหนซักที่ที่ไม่ไกลกรุงเทพมาก, มีเวลา 2 วัน 1 คืน, budget ต่ำ, บรรยากาศดีๆ เดินทางสะดวกโดยไม่ใช้รถ และคงวิถีของความเป็นฮิปสเตอร์ ติ้ก ต็อก ติ้ก ต็อก ติ๊งงง! คิดออกแล้ว 'กาญจนบุรี' หลังจากนั้นก็ไม่รอช้ารีบจัดกระเป๋าแบกเป้เตรียมไว้รอเลย
หลังจากวางแผนการเดินทางและโทรติดต่อที่พักเสร็จสรรพภายในระยะเวลาสั้นๆ ดิฉันและตากล้องส่วนตัวก็ออกเดินทางในเช้าวันถัดมา เรียกได้ว่าเป็นทริปที่กะทันหันทริปนึงได้เลย
เช้าวันออกเดินทางก็มาถึง เป้พร้อม กล้องพร้อม คนพร้อม แต่ที่ไม่พร้อมคือแท็กซี่ค้าบ ทีแรกเราตั้งใจว่าจะออกเดินทางด้วยรถไฟ โดยเริ่มต้นจากสถานีธนบุรี รถไฟขบวนแรกออกที่ 07.50 น. แต่เกิดเหตุผิดพลาดทางเทคนิคที่พี่แท็กซี่แกไม่ยอมไปซักคัน และแน่นอนว่าเราไปไม่ทันรถไฟ รอบถัดไปอีกทีคือบ่ายโมงเลย เราเลยต้องเปลี่ยนแผนเดินทางโดยรถตู้แทนค่ะแล้วค่อยนั่งรถไฟตอนขากลับแทน ถึงอนุสาวรีย์ตอน 08.30 น. รถตู้เที่ยวถัดไปออกเวลา 09.00 น. คนละ 120 บาทค่ะ
รถตู้จากกรุงเทพถึงสถานีขนส่งกาญจนบุรี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ไปถึงพอมีเวลาทานข้าวเที่ยง เก็บพลังเดินทางต่อไป ที่พักของเราอยู่บ้านแก่งจอ ต้องต่อรถไปสายกาญ-สังขละบุรีค่ะ มีทั้งรถตู้แบบติดแอร์และรถเมล์แบบแอร์ธรรมชาติ ตอนนั้นไม่ทันได้เลือกว่าจะไปแบบไหน พี่คนขับรถเมล์ใกล้ๆตะโกนเรียกบอกว่าน้องๆรถจะออกแล้วนะ เท่านั้นแหละวิ่งเลยค้าบ
ได้เวลาเดินทางต่อ นั่งไประหว่างทางก็มองวิวข้างทางไป วันนี้ฟ้าสวยมาก เกินจะบรรยาย (เว่อปะ 555) ต้องดูเอง บอกก่อนว่านี่รูปจากกล้อง Fuji X-E2 ไม่ได้ผ่านการรีทัชนะคะ
เห็นละอยากจะบินไปนอนเล่นอยู่บนก้อนเมฆ แหะๆ นั่งไปเพลินๆจนไม่น่าเชื่อว่าใช้เวลาเกือบๆ 2 ชั่วโมง ถึงบ้านแก่งจอ คือถ้ามารถตู้ก็น่าจะถึงตั้งแต่ 1 ชั่วโมงที่แล้ว แต่โชคดีเราไม่ได้เร่งรีบอะไร ไปถึงทันเวลาเช็คอินพอดีตอน 14.00 น.
รถจอดให้ลงตรงนี้ อีกซักพักเราก็โทรเรียกให้ทางที่พักมารับ เรานั่งเข้าไปในรีสอร์ทด้วยรถเปิดประทุนคันนี้แหละค่ะ คลาสสิคอย่าบอกใครเชียว
ถึงแล้วววววววว The For Rest Resort บรยากาศดีมากๆๆ ชื่อก็บอกอยู่ว่า For Rest เนอะ
เดินสำรวจที่พักได้แป๊บนึง ก็ได้เวลาล่องแพจ้า ทางรีสอร์ทเค้ามีบริการให้ล่องแพเล่นน้ำ พายเรือ 3 รอบ ตั้งแต่ 15.30, 16.30 และ 17.30 นะคะ
ระหว่างทางล่องแพ วิวก็ดี๊ดี ลมก็เย็นดีจริงๆ ล่องแพทวนกระแสน้ำไปซักพักเค้าก็หยุดให้เราโดดตู้มมลงเล่นน้ำและว่ายกลับประมาณกิโลนึงมั้ง ว่ายตามกระแสน้ำจนถึงจุดเริ่มต้น จริงๆไม่ต้องว่าย น้ำก็พัดไปอยู่แล้วค่ะ
ภาพตัด/// จะบอกว่าสนุกมากจริงๆ ถึงขั้นขอเค้าล่องแพเบิ้ลรอบ 2 คนอื่นเค้าเลิกเล่นเราก็ยังอยากจะเล่นต่อ แต่รอบสองขอพายเรือแทนค่ะ ให้สามคำ ฟิน-จริง-จริง///
หลังจากเล่นน้ำจนตัวเปื่อย ไม่ทากันแดด ไม่กลัวดำ ก็ได้เวลาอาบน้ำและมาทานดินเนอร์บุฟเฟต์มื้อค่ำ
ระหว่างนั่งทานข้าวซักพักไฟก็ตกพรึ่บเป็นเวลา 5 นาที เลยเป็นโชคดีของเราที่ได้แหงนมองดูฟ้ามาเห็นอะไรดีๆ
นางแบบของเราในค่ำคืนนี้ น่ารักมุ้งมิ้งมั้ยล่ะ ต้องขอบคุณจริงๆที่ไฟตก ที่ทำให้องค์ประกอบของธรรมชาติออกมาสมบูรณ์แบบ
แล้วเช้าวันใหม่ก็มาถึง เวลา 06.30 น. ตื่นมาเจอหมอกขาวกำลังลอยห่มอยู่บนแม่น้ำแคว บรรยากาศโรแมนติกฝุดๆ ไม่รู้จะสรรหาพรรณนาโวหารไหนมาดี ให้ภาพเล่าเรื่องแทนละกันค่ะ
หลังจากอิ่มเอมกับบรรยากาศในยามเช้า นั่งทานอาหารเช้าไป มองวิวไปเพลินๆ ก็ถึงเวลาต้องออกเดินทางต่อแล้ว เรานั่งซาเล้งคันเดิม มารอรถเมล์ตรงที่เดิมที่ศาลาหน้าปากซอย รอได้ประมาณ 15 นาทีก็มีรถเมล์มาแล้วจ้า (รถเมล์มาทุกครึ่งชั่วโมงค่ะ)
ปลายทางรถเมล์สายนี้ก็อยู่ที่ บขส ที่เรามาถึง แต่เราไม่ไปถึงตรงนั้นค่ะ เดี๋ยวไม่ตอบโจทย์ เราจะนั่งไปลงที่สถานีรถไฟน้ำตกและนั่งรถไฟกลับกรุง เพื่อตอบสนองความ(อยากจะ)ฮิปนั่นเอง แต่ไหนๆก็ไหนๆ รถวิ่งผ่านน้ำตกไทรโยกน้อยก็เลยถือโอกาสแวะซะหน่อย ใช้เวลาเดินทางจากที่พักถึงน้ำตกไทรโยกน้อยประมาณชั่วโมงนึงค่ะ
ถึงแล้วก็แวะทานอาหารกลางวัน อาศัย app wongnai ช่วยหาร้านอาหารใกล้ๆ อาศัยดูจากดาวที่เค้าให้กันมา เห็นร้านนึงได้สี่ดาวครึ่งแน่ะ ชื่อร้าน 'ไส้อั่ววุ่นเส้นนพรัตน์' ต้องแวะซะหน่อยแล้ว
นี่คือโฉมหน้าของอาหารที่สั่งไปแบบเบาๆ ไส้อั่ววุ้นเส้นอร่อยมากกก เอาไปเลย 5 ดาว อย่างอื่นส่วนตัวเฉยๆนะคะ แต่โดยรวมให้ผ่านค่ะ ค่าเสียหายมื้อนี้ 150 บาท ถูกจนน่าตกใจ พออิ่มแล้วก็ไปสถานีรถไฟกันต่อเลยค่ะ จากตรงนี้จนถึงสถานีรถไฟห่างกันประมาณ 800 เมตร เลยนั่งรถสองแถวคนละ 10 บาทต่อเข้าไปที่สถานีรถไฟกันค่ะ
ถึงแล้ววว เรามาถึงที่สถานีรถไฟ 12.50 น. ค่ะ แต่เจ้าหน้าที่เค้าบอกว่าวันนี้รถไฟดีเลย์ ไปอีกชั่วโมงนึง(กำหนดออกจริงๆคือ 12.55ค่ะ) เลยต้องนั่งรอกันไปก่อน ระหว่างรอก็มีหนุ่มมานั่งจ้องหน้าทำหน้าตาน่าสงสารขอกินไอติมด้วยแฮะ ไม่ให้ก็ดูใจร้ายไปเลยแบ่งให้กินกันคนละหน่อย อร่อยเลยดิเพื่อน
รอ...ร๊อ...รอ ผ่านไปชั่วใมงครึ่ง ในที่สุดรถไฟฟรีภาษีประชาชนของเราก็เดินทางมาถึงแล้ว !
ที่นั่งริมหน้าต่างข้างขวาเห็นจะเหมาะแก่การจับจองเป็นที่สุด พอรถไฟเคลื่อนตัวฉากข้างหน้าต่างก็เริ่มทำงาน อารมณ์เหมือนกำลังนั่งดูหนังหรือสารคดีส่องโลกอะไรอยู่ทำนองนั้นเลยค่ะ แอบบอกก่อนว่านี่เป็นการนั่งรถไฟครั้งแรก เลยตื่นเต้นเป็นพิเศษ ถ่ายรูปวิวเยอะมากจนเมมโมรี่เต็มไม่รู้ตัว 555
แล้วก็รุ้งกินน้ำก็โผล่มาทักทาย นี่รึเปล่าที่เค้าบอกว่าฟ้าหลังฝน งดงามเสมอ
ระหว่างที่รถไฟก็วิ่งไปเรื่อยๆแบบ ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง ภาพข้างทางก็ค่อยๆเลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆ ระยะเวลาจากสถานีน้ำตกถึงกาญจนบุรี ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง และจากสถานีกาญจนบุรีถึงสถานีธนบุรีอีกเกือบๆ 4 ชั่วโมง จริงๆถ้าไม่ติดว่าจะต้องจอดสับรางรอขบวนรถไฟสวนกันประมาณ 30 นาที 2 สถานีก็จะถึงไวกว่านี้หน่อยนึง เวลาโดยประมาณจากสถานีน้ำตกถึงธนบุรีตามที่ทางสถานีแจ้งจริงๆคือประมาณ 4 ชั่วโมง แต่เราไม่ได้เร่งรีบอะไร เลือกที่จะฮิปต้องฮิปให้ถึงที่สุด แบบนี้ก็สนุกดี เราถือคติการพักผ่อนที่ดีที่สุดก็คือการนั่งอยู่เฉยๆโดยไม่ต้องคิดอะไร แต่ถ้าครั้งหน้ามาอีกขอนั่งแค่มาถึงกาญแล้วต่อรถตู้กลับดีกว่าเนอะ แฮ่
สรุปค่าเสียหายทั้งหมดคนละ 1,452.50 บาทจ้า
ค่าที่พัก 1,000 บาท
ค่าเดินทาง 250 บาท
ค่ากิน(+ขนม) 202.50 บาท
และแล้วทริปนี้ก็จบลงพอสังเขป จบแบบสุขกำลังดี ตอบโจทย์ครบทุกข้อ ไม่ขาดแต่เกิน ที่เกินคือความคาดหวัง ระหว่างทางก็มีแต่เรื่องราวดีๆให้ได้พบเจอ แล้วเราจะกลับมาอีก กาญนะจ๊ะบุรี
ป.ล.รูปใหญ่บ้างเล็กบ้าง มือใหม่หัดโพสต์ ไม่ว่ากันเนอะ เกิดผิดพลาดทางเทคนิคเล็กน้อย กดปรับขนาดผิดจ้า ^^"
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น